Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 543 ดอกบัวประหลาด
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 543 ดอกบัวประหลาด
จิตอาฆาตที่ผู้แข็งแกร่งหลงเหลือเอาไว้ตั้งแต่บรรพกาล กลับสามารถผ่านกาลเวลามาได้โดยไม่สลายไป ถึงขั้นที่สามารถยืมศพฝึกบำเพ็ญอีกครั้ง มีความรู้สึกนึกคิดและสติปัญญา!
สิ่งนี้น่าทึ่งมาก และทำให้หลินสวินอยากรู้อยากเห็น รู้สึกรางๆ ว่าต้องมีพลังลึกลับบางอย่างซ่อนอยู่ในวิญญาณอาฆาตนี้ ทำให้พวกมันเปลี่ยนไปราวกับได้เกิดใหม่
สวบ!
ด้ามดาบในมือวิญญาณอาฆาตปล่อยไอดาบสีดำตัดพันสลับขวาง ดุดันอย่างที่สุด ทำให้หลินสวินต้องใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งเพื่อหลบหลีก
ช่วยไม่ได้ เพื่อไม่ให้เป็นการเผยความสามารถ รักษา ‘ฐานะ’ ของผู้ติดตาม พลังที่สามารถแสดงออกมาได้จึงมีจำกัด
ซึ่งก็เพราะแบบนี้ ในชั่วขณะหนึ่งจึงไม่อาจสู้วิญญาณอาฆาตที่ความสามารถเทียบได้กับระดับหยั่งสัจจะ
พรึ่บ!
สุดท้ายหลินสวินกัดฟัน เงาร่างวิบไหว ต่อสู้กับวิญญาณอาฆาตพลางค่อยๆ ออกห่างจากบริเวณยานสำเภา
ความจริงตอนนี้ก็ไม่มีใครมาสนใจหลินสวิน กองทัพวิญญาณอาฆาตนั่นเยอะมาก หนาแน่นเป็นพันเป็นหมื่น ราวกับไม่มีวันฆ่าหมดได้ ทำให้คนหนังหัวชาวาบ
อีกทั้งในบรรดาวิญญาณอาฆาตก็มียอดฝีมือ เข้าไปพัวพันพวกเซียวหรัน จ้าวจิ่งเซวียน อวิ๋นเช่อ ซูซิงเฟิงเอาไว้ ต่อสู้กันจนยากจะแยกออกจากกันได้ ย่ำแย่อย่างมาก
“อ๊าก…”
เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็มีผู้ติดตามหญิงคนหนึ่งถูกลอบโจมตี ถูกวิญญาณอาฆาตตนหนึ่งฉีกอกเปิดท้อง เลือดสาดไปทั่วทะเล เป็นภาพที่คาวเลือดอย่างมาก
สิ่งที่ทำให้หนังหัวชาวาบคือ ทันทีที่ผู้ติดตามหญิงคนนั้นตายไป ศพก็ถูกวิญญาณอาฆาตเป็นร้อยเป็นพันพุ่งเข้าไปกลืนกินจนสิ้นซาก!
นี่ทำให้สีหน้าของลูกศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณยิ่งดูจริงจัง ไม่กล้าออมแรง ใช้พลังที่แท้จริงในการเข่นฆ่า
และตอนนี้หลินสวินก็ห่างจากยานสำเภามาไกลมากแล้ว ราวกับหญ้าฟางใบหนึ่งที่จมหายไปในส่วนลึกของกองทัพวิญญาณอาฆาต จนแทบจะมองไม่เห็นเงาร่างของเขา
ฆ่า!
ฉับพลันนั้นไอสังหารในนัยน์ตาหลินสวินก็พวยพุ่ง ไม่ปกปิดความสามารถอีกต่อไป งัดดาบแตกออกมาแล้วฟาดฟันออกไป
ฉัวะ! วิญญาณอาฆาตสิบกว่าตนยังไม่ทันเข้าใกล้ด้วยซ้ำ ก็ถูกแสงดาบเป็นประกายราวธารดาราตัดผ่าน ร่างกายระเบิดกระจายกลายเป็นไอชั่วร้าย
เหนือศีรษะหลินสวิน เจดีย์สมบัติไร้อักษรหมุนวนไหลลื่น สาดส่องแสงมรรคทองนิลกาฬ แผ่กระจายและม้วนดูดไอชั่วร้ายซึ่งแปรมาจากวิญญาณอาฆาตที่ตายไปเข้าไปทั้งหมด สยบไว้ภายในเจดีย์
เมื่อครู่นี้หลินสวินสังเกตเห็นว่า ไอชั่วร้ายนั่นจะกัดกร่อนจิตวิญญาณของผู้ฝึกปราณอย่างเงียบๆ แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตน
ผลลัพธ์อันมหัศจรรย์ของเจดีย์สมบัติไร้อักษรแสดงออกมาในตอนนี้ แม้ว่าแสงมรรคทองนิลกาฬจะไม่เคยถูกหลินสวินกำราบและหลอมกลั่น แต่กลับสามารถใช้งานได้ ภายใต้การม้วนกลืนของมัน ไอชั่วร้ายยังไม่ทันเข้าใกล้หลินสวินด้วยซ้ำก็ถูกดูดไปจนหมด
สวบ!
ทันใดนั้นไอดาบสีดำฟันสังหารเข้ามาอีกครั้ง เป็นวิญญาณอาฆาตที่เทียบเท่าระดับหยั่งสัจจะเมื่อครู่นี้ มันจ้องหลินสวินไม่ละสายตา ไล่ตามมาติดๆ แฝงตัวอยู่ท่ามกลางกองทัพวิญญาณอาฆาต ลอบจู่โจมหลินสวินกะทันหันเป็นระยะๆ
เห็นได้ชัดว่าความคิดอ่านและสติปัญญาที่มันมี วิญญาณอาฆาตตนอื่นๆ เทียบไม่ติดเลย
เพียงแต่การลอบโจมตีหลินสวินครั้งนี้ของมันถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องพลาด หลินสวินไม่เก็บงำความสามารถอีกต่อไป และที่ออกห่างจากยานสำเภา เป้าหมายหลักก็เพื่อตัดหัววิญญาณอาฆาตตนนี้!
เพราะฉะนั้นเมื่อรับรู้ได้ว่าวิญญาณอาฆาตตนนี้พุ่งออกมา มุมปากของหลินสวินพลันหยักรัศมีโค้งเย็นชา ไม่ถอยแต่ยังเข้าเผชิญหน้า กวัดแกว่งดาบแตกทันที
ปัง!
ไอดาบสีดำนั่นถูกบดขยี้อย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกันหลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง เพียงพริบตาเดียวก็ไปอยู่ตรงหน้าวิญญาณอาฆาตตนนั้น ดาบแตกที่กำจายแสงประกายดุจดาราฟันลงไป
เห็นได้ชัดว่าวิญญาณอาฆาตนั่นตะลึง ราวกับคิดไม่ถึงว่าคู่ต่อสู้คราวนี้จู่ๆ จะดุดันน่ากลัวขึ้นเพียงนี้
มันรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ หมายจะซ่อนตัวและหลบหนีตามสัญชาตญาณ
แต่เห็นได้ชัดว่าช้าไปก้าวหนึ่ง พลันได้ยินเสียงฟุ่บ วิญญาณอาฆาตนั่นถูกฟันขาดเป็นสองท่อน!
ทว่ามันกลับไม่ตาย แต่ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน เสียงทั้งขุ่นและแหบพร่า คำพูดดูคลุมเครือและแปลกประหลาด ราวกับกำลังด่าว่าหลินสวิน เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและอาฆาตแค้น
พูดได้ด้วย!?
หลินสวินหัวใจสะท้าน พลันใช้เจดีย์สมบัติไร้อักษร แสงมรรคทองนิลกาฬม้วนตัวออกมา แล้วม้วนกลืนวิญญาณอาฆาตนั่นไปทันที กำราบเข้าไปอยู่ในเจดีย์
‘วิญญาณอาฆาตที่พูดได้ ทั้งยังมีสติปัญญาและความสามารถระดับหยั่งสัจจะ คราวนี้ข้าอาจจะได้สมบัติหายากแล้ว…’
สายตาของหลินสวินเร่าร้อน เขาจำได้ว่าเพียงด้ามดาบในมือของวิญญาณอาฆาต ก็เป็นสมบัติที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวชิ้นหนึ่ง!
ครืนโครม!
เพียงแต่หลินสวินเพิ่งคิดจะออกจากตรงนั้นกลับไปที่บริเวณยานสำเภา พลันเห็นว่าในกองทัพวิญญาณอาฆาตที่อยู่บริเวณนั้นมีเงาร่างน่าพรั่นพรึงมากมายพุ่งออกมากะทันหัน คำรามเสียงแหลม เข้ามาล้อมสังหารหลินสวินโดยพร้อมเพรียงกัน
เห็นได้ชัดว่าวิญญาณอาฆาตที่หลินสวินสังหารเมื่อครู่ แม้อยู่ในกองทัพวิญญาณอาฆาตนี้ก็มีฐานะที่ไม่ธรรมดา นี่เหมือนไปแหย่รังต่อ ดึงดูดวิญญาณอาฆาตให้พุ่งเข้ามาสังหารมากกว่าเดิม
“โฮก!”
และความจริงก็เป็นเช่นนั้น วิญญาณอาฆาตที่พุ่งเข้ามาคราวนี้ พลังต่อสู้ของแต่ละตนแข็งแกร่งอุกอาจยิ่ง!
อีกทั้งตอนที่พวกมันพุ่งเข้ามาสังหารหลินสวิน ริมฝีปากยังส่งเสียงแปลกประหลาดคลุมเครือ ราวกับกำลังออกคำสั่งอย่างเกรี้ยวโกรธ ต้องการให้หลินสวินปล่อยวิญญาณอาฆาตตนนั้นซะ
‘หรือที่มาของวิญญาณอาฆาตตนนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่ข้าคิด’
หลินสวินคิดในใจเช่นนี้ ความเคลื่อนไหวกลับไม่ชักช้า เจดีย์สมบัติไร้อักษรลอยอยู่เหนือศีรษะ สาดแสงมรรคทองนิลกาฬอันเจิดจ้าสะดุดตาออกมา
และในมือของเขา ดาบแตกพวยพุ่งด้วยแสงดาราดุจฝันมายา สังหารไปทั่วทุกสารทิศ
หลินสวินในตอนนี้ราวกับเซียนท่ามกลางดาบ ใบหน้าหล่อเหลาสุภาพราบเรียบ แต่อานุภาพกลับแข็งแกร่ง ท่าทางประหนึ่งค้ำยันเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ทำลายสรรพสิ่งในจักรวาล
ฟุ่บ!
เพียงครู่เดียวเท่านั้นหลินสวินก็สังหารยอดฝีมือวิญญาณอาฆาตได้อีกตน แทบจะในขณะเดียวกัน เจดีย์สมบัติไร้อักษรพลันขับเคลื่อน ปราบปรามดูดกินไอชั่วร้ายที่แปรสภาพจากวิญญาณาอาฆาตจนหมดสิ้น
ฆ่า!
หลินสวินต่อสู้อยู่ในส่วนลึกของกองทัพวิญญาณอาฆาตไม่หยุด ทยอยสังหารยอดฝีมือวิญญาณอาฆาตตนแล้วตนเล่า ส่วนวิญญาณอาฆาตธรรมดาเหล่านั้น ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกประกายดาบที่ยิงออกไปจากดาบแตกบดขยี้แหลกละเอียด
ภาพนั้นก็เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน
ถึงอย่างไรตรงนี้ก็เป็นส่วนลึกของกองทัพวิญญาณอาฆาต รอบตัวหลินสวินเต็มไปด้วยวิญญาณอาฆาต ราวกับถูกล้อมอย่างหนาแน่น
ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ คงจะรู้สึกร้อนรนและตื่นกลัวตั้งนานแล้ว หวังสังหารเปิดทางออกจากการปิดล้อม กลับไปที่บริเวณยานสำเภา
แต่หลินสวินยิ่งสู้ยิ่งห้าวหาญ สังหารอย่างเมามัน ไม่คิดถอนตัวกลับไปตอนนี้ ดูแข็งแกร่งอย่างที่สุด
นี่อาจเป็นการต่อสู้ที่บ้าบิ่นและเต็มที่ที่สุดของหลินสวินในระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นสมบูรณ์ เปรมปรีดิ์มีสุขยิ่ง ทำให้เขาไม่จำเป็นสะกดข่มตนเอง และไม่ต้องระวังเหมือนยามอยู่ในนครต้องห้าม มีเพียงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ล้วนๆ ที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจเขา!
โชคดีที่ตรงนี้คือส่วนลึกของกองทัพวิญญาณอาฆาต ห่างจากยานสำเภาไกลมาก อีกทั้งพวกเซียวหรัน จ้าวจิ่งเซวียนต่างกำลังต่อสู้อย่างดุเดือด ไม่ได้สังเกตมาทางนี้
มิฉะนั้นถ้าเห็นหลินสวินที่เป็น ‘ผู้ติดตาม’ ระดับมหาสมุทรวิญญาณ แต่กลับสำแดงพลังต่อสู้ที่วิปริตพลิกฟ้าเช่นนี้ เกรงว่าจะทำให้ศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณตื่นตะลึง
เพราะ ‘ยอดฝีมือวิญญาณอาฆาต’ แต่ละตนล้วนเทียบเท่าระดับหยั่งสัจจะ แต่ภายใต้การพิชิตของหลินสวิน กลับเหมือนกุยช่ายที่ถูกตัดอย่างไร้ปรานีทีละต้น!
บางทีนี่อาจจะดูเหลือเชื่อมาก แต่สำหรับหลินสวิน นี่ต่างหากที่ปกติ เพราะเขาเคยสังหารระดับหยั่งสัจจะตั้งแต่เมื่อครั้งอยู่ในแดนวิญญาณโบราณแล้ว
ปัจจุบันพลังปราณ จิตวิญญาณและร่างกายของเขาล้วนบรรลุสู่ขั้นสมบูรณ์สูงสุด อีกทั้งยังควบคุมพลังสัจวิถีธาตุน้ำได้อย่างพลิกฟ้า ผนวกกับอาวุธสังหารทั้งสองชิ้นอย่าง ‘เจดีย์สมบัติไร้อักษร’ และ ‘ดาบแตกแสงดารา’ ถ้ายังฆ่าระดับหยั่งสัจจะไม่ได้ นั่นถึงจะเรียกว่าเรื่องตลก
ฆ่า!
เส้นผมสีดำของหลินสวินพลิ้วไหว รอบตัวส่องแสงประกาย อบอวลด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สีฟ้า มหาสมุทรวิญญาณในร่างโคจรโหมคลั่ง ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดในหัวใจก็แผ่กลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์ ราวกับหุบเหวที่ฟื้นจากการหลับใหล เกิดพลังกลืนกินท้องฟ้า
เขาในตอนนี้ห้าวหาญดุดัน แสงดาบม้วนเป็นธารดารา ท่าทางหยามเหยียด กลิ่นอายกลืนกินธาราขุนเขา ราวกับเทพมารหนุ่มน้อยก็ไม่ปาน
แม้อยู่ในวงล้อมหนาแน่นของกองทัพวิญญาณอาฆาต แต่กลับมีท่าทีที่ไร้เทียมทาน!
หลินสวินเลือดระอุร้อนเร่า ดวงตาดำสงบนิ่งเป็นประกายลึกล้ำ ตอนอยู่ในนครต้องห้าม ไม่ว่าจะดวลกับใครก็ต้องคอยระวังและคิดถึงหลายเรื่องมากเกินไปจนไม่กล้าทำอะไร ทำให้เขายากจะสำแดงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่
แต่ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณ ท่ามกลางการล้อมกรอบอันแน่นหนาของกองทัพวิญญาณอาฆาต กลับทำให้หลินสวินสามารถต่อสู้ได้อย่างไม่ต้องกังวลสิ่งใด ทิ้งพันธะและความกังวลทั้งหมด ความรู้สึกนี้ช่างมีความสุข มีความสุขมาก!
ในระหว่างการต่อสู้ วิญญาณอาฆาตที่ถูกหลินสวินสังหารเยอะมาก ที่ถูกเจดีย์สมบัติไร้อักษรปราบก็ไม่น้อยเช่นกัน
ทว่าหลินสวินไม่สนใจพวกวิญญาณอาฆาตธรรมดาแล้ว ด้วยตัวที่ถูกเขากำราบ ล้วนเป็นยอดฝีมือวิญญาณอาฆาตที่มีความนึกคิดและสติปัญญา
จวบจนถึงตอนนี้ อย่างน้อยๆ ก็มียอดฝีมือวิญญาณอาฆาตถูกสยบในเจดีย์สมบัติไร้อักษรสิบกว่าตนแล้ว แน่นอนว่าที่มากกว่านั้นคือตายอย่างสิ้นซากภายใต้ดาบแตกของหลินสวิน
หืม?
จู่ๆ หลินสวินก็รู้สึกเจ็บบริเวณหว่างคิ้วอย่างรุนแรง สี่ด้านแปดทิศประหนึ่งมีกระบี่คมเล่มแล้วเล่มเล่าฟันมา หมายจะทำลายจิตวิญญาณของเขา!
นี่คือการโจมตีจิตวิญญาณอันไร้รูปร่างแต่ราวกับเป็นกระบี่คม เรียกได้ว่าแปลกประหลาดน่ากลัว จู่โจมออกมากะทันหัน ทำให้ตั้งตัวไม่ทัน
ตูม!
หลินสวินพลันกัดฟันโคจร ‘เคล็ดเวทบริกรรม’ ใช้ ‘ดาราจักรโคจร’ เข้าพิทักษ์ห้วงนิมิต
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น บริเวณหว่างคิ้วของเขาก็ยังมีเลือดไหลลงมาหยดหนึ่ง ไม่ถือว่าบาดเจ็บอะไร แต่กลับอันตรายมากยิ่ง
หากไม่มี ‘เคล็ดเวทบริกรรม’ พิทักษ์ห้วงนิมิต การจู่โจมในครั้งนี้คงจะสร้างบาดแผลรุนแรงให้กับจิตวิญญาณของเขาแน่ ถึงขั้นที่จิตสลายวิญญาณแตกซ่าน!
ใคร!?
หลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งหนีไปไกล ในขณะเดียวกันสายตาก็กวาดมองไปรอบๆ แต่กลับเห็นว่ากองทัพวิญญาณอาฆาตทั้งแถบถูกไอชั่วร้ายสีเทาอันมืดทะมึนปกคลุม จนดูไม่ออกว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้มาจากไหน
นี่ทำให้หลินสวินรู้สึกประหลาดใจ หัวใจสั่นสะท้าน ตระหนักได้ว่าในกองทัพวิญญาณอาฆาตยังมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่า!
และทำให้เขาสงบลงอย่างสิ้นเชิง ไม่กล้ารั้งอยู่ต่ออีก เริ่มขยับเข้าใกล้ยานสำเภาที่อยู่ในห่างไกลอย่างสุดกำลัง
ฮูม…
แต่หลินสวินเพิ่งคิดจะไป การโจมตีทางจิตวิญญาณอันน่าสยดสยองพรั่นพรึงสายหนึ่งก็โฉบเข้ามาเงียบๆ อีกครั้ง ราวกับกระบี่เซียนหลายเล่มที่หมายจะตัดวิญญาณของหลินสวิน!
อีกทั้งการโจมตีนี้ยังมาพร้อมกับแสงสีดำลี้ลับแถบหนึ่ง แปลงเป็นดอกบัวที่เย็นเยียบแปลกประหลาด ลอยเข้ามาหาหลินสวิน
หลินสวินหวาดหวั่น ขนลุกซู่ไปทั้งร่าง ตระหนักได้ถึงอันตรายรุนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ดอกบัวที่เย็นเยียบแปลกประหลาดขนาดประมาณฝ่ามือหนึ่งดอก แต่กลับเหมือนซ่อนพลังลี้ลับน่าพรั่นพรึงที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดเอาไว้ ราวกับว่าแค่แตะต้องมัน พลังชีวิตก็จะเหี่ยวแห้งและพินาศลงทันที…
ตูม!
หลินสวินไม่กล้าลังเลสักนิด ในขณะที่โคจรเคล็ดเวทบริกรรมก็กวัดแกว่งดาบแตกอย่างไม่ลังเล สำแดงกระบวนท่า ‘สอยจันทรา’ ฟันสังหารออกไป!
——