Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 561 เอาคืนอย่างสวยงาม
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 561 เอาคืนอย่างสวยงาม
เกาะอริยะปัญจธาตุหายไปแล้ว
อาณาบริเวณนั้นต่างทรุดจมลง ตำหนักเขียวชอุ่ม ภูเขาเทพม่วงอำพัน รวมถึงเกาะกลางทะเลสาบล้วนจมดิ่งสู่ใต้ทะเลสาบหินหนืด
ท้ายที่สุด แม้แต่ทะเลสาบหินหนืดผืนนั้นก็ทรุดตัวลงหายลับจากไป
แต่สถานที่ส่วนลึกที่สุดข้างใต้ผืนดินนั่น กลับมีแท่นมรรคโบราณแท่นหนึ่งลอยคว้างอยู่ สายโซ่ซึ่งรัดพันหนาแน่นบนนั้น มีกลิ่นอายมหามรรคต้องห้ามวนเวียนอยู่
หินหยกซึ่งอบอวลด้วยไอขมุกขมัวตั้งตระหง่านบนแท่นมรรค ภายในมีเงาร่างสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งลอยล่อง ข้างกายเขามีคัมภีร์สีทองซึ่งไม่สมบูรณ์ส่วนหนึ่งลอยคว้างอยู่ รวมทั้งโอสถโบราณรูปร่างคล้ายมังกรมีเขาต้นหนึ่ง
“ข้าจดจำพวกเจ้าไว้แล้ว พวกเจ้าหนีไม่พ้น กล้าบังอาจแย่งชิงศุภโชคของข้า รอเมื่อข้าปรากฏตัวบนโลก พวกเจ้าล้วนต้องตาย!”
ในหินหยก เสียงเล็กแหลมอย่างโกรธแค้นเสียงหนึ่งดังออกมา
ไม่ช้าเสียงก็หายไป ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด อาณาบริเวณนี้ถูกความมืดมิดปกคลุม
ในความเลือนรางพร่ามัว เงาร่างวานรเฒ่าตนหนึ่งปรากฏตัวยืนหน้าแท่นมรรค จ้องมองสิ่งมีชีวิตที่ตกสู่ห้วงนิทราอีกครั้งภายในหินหยกนั้น
“ยังดี โอสถเทพที่นายท่านเหลือทิ้งไว้ยังคงอยู่…”
ครู่ใหญ่วานรเฒ่าก็ทอดถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง ในความทรงจำปรากฏภาพของเด็กหนุ่มหล่อเหลาสุภาพผู้นั้น นึกถึงเจดีย์เก้าชั้นแปดเหลี่ยมหลังนั้นในมือเขา
‘ใช่เจดีย์นั่นหรือไม่ ถึงกับยังคงอยู่บนโลกหล้า…’
วานรเฒ่าพึมพำในใจ
ไม่นานหลังจากนั้นเงาร่างของเขากลายเป็นฝนแสง ก่อนจางหายไปในความมืดมิด
…
ในทะเลทรายไร้ขอบเขต เงาร่างมายาราวอสนีบาตร่างหนึ่งหลีกหนีอย่างรวดเร็วถึงขีดสุด ชั่ววูบเดียวก็หายวับไป
ไม่นานเงาร่างอันกระเหี้ยนกระหือรือกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นมืดฟ้ามัวดิน มุ่งตามไปยังทิศทางที่เงาร่างนั้นจางหายไป
แน่นอนว่าย่อมเป็นหลินสวินและผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรที่ตามติดไม่ปล่อยพวกนั้น
ครืน!
ไม่นานนักหลินสวินพลันหยุดฝีเท้า ก่อนใช้เสามังกรจตุลักษณ์ขังผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรที่ไล่ตามนำหน้าคนหนึ่งไว้ในเขตแดนมายาในชั่วพริบตา
ไม่ทันไรผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรระดับหยั่งสัจจะคนนี้ก็ถูกฆ่าสังหาร หลินสวินกลับหย่อนก้นนั่งลงบนพื้น หอบหายใจเฮือกใหญ่
สีหน้าเขาซีดเผือด ใช้พลังกายถึงขีดสุด หว่างคิ้วเผยความอ่อนเพลียยากปกปิด
แต่หลินสวินไม่กล้าผ่อนคลาย เขาหยิบลูกกลอนโอสถขวดหนึ่งออกมา กลืนเข้าไปในปากจนหมด ก่อนเริ่มหล่อหลอมฟื้นฟูร่างกายอย่างเต็มกำลัง
ฉากการต่อสู้ไล่ล่านี้ยืดเยื้อต่อเนื่องหนึ่งวันหนึ่งคืน
ตลอดทางหลินสวินเปรียบเสมือนผู้ล่าที่ออกอุบายล่วงหน้าคนหนึ่ง ในแต่ละช่วงเวลาจะใช้เสามังกรจตุลักษณ์จู่โจมฉับพลัน สังหารผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรที่หลุดมาคนเดียว
เสามังกรจตุลักษณ์วิเศษอัศจรรย์ยิ่งนัก สามารถวิวัฒน์เป็นเขตแดนมายา ตัดขาดจากโลกภายนอกในเวลาหนึ่่งถ้วยชา แม้แต่ราชันมาเองก็โจมตีไม่แตก
และเพราะใช้สมบัตินี้ ทำให้ตลอดทางหลินสวินสังหารผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรไปได้เจ็ดแปดคน ในนั้นยังมีผู้อาวุโสระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงคนหนึ่งด้วย!
เพียงแต่หลินสวินเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร การต่อสู้และหนีตายอันยืดเยื้อทำให้เขาผลาญพลังมากเกินไป ซ้ำยังได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ไม่มีเวลาพอให้ร่างกายได้ฟื้นฟู
อีกทั้งเสามังกรจตุลักษณ์แม้วิเศษอัศจรรย์ แต่หลังเวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา อานุภาพก็จะอ่อนกำลังลงทีละน้อย และจะถูกศัตรูโจมตีแตกออก
ที่คอขาดบาดตายที่สุดคือ ศัตรูจะฉวยโอกาสนี้ทำการวางแผนและปิดล้อม เมื่อหลินสวินออกมาจากเสามังกรจตุลักษณ์ก็จะเจอกับการโจมตีรอบด้าน
อาการบาดเจ็บที่หลินสวินได้รับตลอดทาง แทบเกิดจากสถานการณ์เช่นนี้ทั้งสิ้น
ตูม! ตูม! ตูม!
หลังผ่านไปหนึ่งถ้วยชา หลินสวินที่นั่งสมาธิฟื้นฟูร่างกายถูกปลุกตื่นขึ้น พริบตาก็รู้ว่าศัตรูกำลังโอบล้อมโจมตีเสามังกรจตุลักษณ์แล้ว
“กลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว!”
หลินสวินแค้นจนกัดฟันกรอด หากมีพลังสมบูรณ์พร้อมเขาจะไม่เกรงกลัวเลย สามารถกวาดล้างและบดขยี้ศัตรูทั้งหมดได้
แต่ตอนนี้เขาบาดเจ็บสะสม ใช้พลังกายมากเกินไป ไม่อาจหุนหันพลันแล่นโดยสิ้นเชิง มิฉะนั้นจะเกิดอันตรายถึงชีวิต
“รอครั้งนี้รอดไปได้ จะต้องหาสถานที่บรรลุระดับแน่นอน! ขอเพียงบรรลุระดับหยั่งสัจจะขั้นต้น ไหนเลยจะต้องกลัวหลินหลางและอวี่เซียวเซิงนั่น”
หลินสวินลุกขึ้นสูดหายใจลึก ก่อนเรียกดาบหักออกมา สีหน้ากลับสู่ความสงบนิ่ง สุขุมเยือกเย็นดุจหิมะน้ำแข็ง
ครั้นถึงคราวเตรียมพร้อมต่อสู้ เขาจะไม่ถูกรบกวนจากความคิดฟุ้งซ่านทั้งมวล นี่คือจิตแห่งการต่อสู้ที่ได้มาจากการเคี่ยวกรำเมื่อครั้งอยู่ในค่ายกระหายเลือด
ก่อนออกจากเขตแดนมายา หลินสวินพลิกฝ่ามือ กลางฝ่ามือปรากฏผลไม้สีแดงสดดุจโคมไฟผลหนึ่ง แจ่มจรัสดั่งสุริยันเจิดจ้า หมอกพิสุทธิ์ไหลวน เอ่อล้นด้วยกลิ่นหอมชวนหลงใหล
โสมราชันโคมสมบัติผลหนึ่ง!
หลินสวินหาได้ลังเลไม่ อ้าปากกลืนกินมันเข้าไป
ก่อนหน้านี้ที่ถูกล่าสังหาร เขารู้สึกเสียดายที่จะใช้โอสถเทพเช่นนี้ แม้เป็นแค่ผลไม้ลูกหนึ่ง แต่มูลค่าภายในใจหลินสวินกลับสำคัญกว่าศัตรูพวกนี้มาก
แต่ตอนนี้สภาพร่างกายเขาย่ำแย่ถึงขีดสุด หากระหว่างทางพบเจออันตรายอะไรอีกเพียงครั้งต้องถึงแก่ชีวิตเป็นแน่
ฉะนั้นเวลานี้เขาจึงไม่เสียดายอีก ตัดสินใจกลืนโอสถสมบัติลงไปในคราเดียว!
ครืน!
ทันทีที่ผลแวววาวเปล่งประกายเข้าปาก หลินสวินก็รู้สึกว่าภายในร่างกายราวกับมีตะวันดวงหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ปลดปล่อยฤทธิ์ยาน่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ ใช้ความเร็วเหนือจินตนาการอย่างหนึ่งเสริมพลังทั่วร่าง
ช่างบริสุทธิ์ไพศาลเหลือเกิน ฤทธิ์โอสถนั่นยังไม่ระเบิดปะทุ แต่กลับแข็งแกร่งและพลุ่งพล่านอย่างมาก ทำให้หลินสวินสบายไปทั้งตัวจนเกือบครางออกมา
อีกทั้งบาดแผลที่เขาได้รับทั่วร่างถึงกับสมานไปหมดชั่วพริบตา ประดุจดังปาฏิหาริย์โดยแท้
“ตำนานเล่าขานว่าน้ำจากผลโสมราชันโคมสมบัติหยดหนึ่ง ก็สามารถทำให้คนใกล้ตายฟื้นคืนสภาพยอดเยี่ยมได้ในชั่วพริบตา ช่างสมกับคำร่ำลือ”
หลินสวินสูดหายใจลึก รู้สึกว่าพลังในร่างกายปานภูเขาไฟเดือดพล่าน สัมผัสได้ถึงความทรงพลังที่ไม่เคยมีมาก่อน!
สวบ!
หาได้ลังเลไม่ หลินสวินเก็บเสามังกรจตุลักษณ์ มือกระชับดาบหักมั่นแล้วพุ่งทะยานออกไป
“ออกมาแล้ว!”
“ฆ่า ครั้งนี้อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้อีก!”
“เจ้าเด็กสวะ ยังไม่ตายอีกรึ”
ทันทีที่ปรากฏตัว ทั่วทุกสารทิศพลันเกิดเสียงก่นด่าสาปส่งเดือดดาลดังขึ้น ก็เห็นผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรกลุ่มหนึ่งปิดล้อมทับซ้อนอยู่ตรงนี้ แต่ละคนไอสังหารโอบล้อมราวกับพวกผีห่ามารร้าย
เมื่อเห็นหลินสวินปรากฏตัว พวกเขาก็ลงมือตั้งแต่พริบตาแรกทันที!
ตูม ครืน!
ศาสตราวุธสารพัดชนิดเปล่งประกาย ปลดปล่อยหมอกแสงงดงามแปลกตา ประดุจกระแสน้ำหลั่งริน อานุภาพเสมือนหมายมุ่งทำลายอาณาบริเวณนี้ให้มลายสิ้น ชวนให้รู้สึกขนพองสยองเกล้า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นมาอยู่ที่นี่ จู่ๆ ประสบพบเจอการจู่โจมที่มืดฟ้ามัวดินเช่นนี้ แม้แต่จะตอบสนองก็คงไม่ทันด้วยซ้ำ คงถูกปลิดชีพ ณ ตรงนั้น
เพียงแต่หลินสวินเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว ย่อมไม่มีทางนั่งรอความตาย
“เปิดทาง!”
เขาตวาดลั่น ดาบหักแผ่ประกายดาราเจิดจรัสแรงกล้า ฟาดฟันกระบวนท่าสอยจันทราออกมา พริบตานั้นที่แห่งนี้เสมือนมีจันทร์ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ดวงหนึ่งลอยเด่นขึ้น ส่องประกายสว่างไสว สาดส่องใต้หล้า!
ตูม ครืน ครืน
การโจมตีอันมืดฟ้ามัวดินนั่น เวลานี้กลับเหมือนทำจากกระดาษ ถูกจันทร์กระจ่างพุ่งทำลายกลายเป็นฝนแสงซัดสาด กำจรไปทั่วทุกสารทิศ
ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรส่วนหนึ่งไม่ทันหลบ ถูกคลื่นพลังโจมตีใส่ ต่างแผดเสียงร้องทุรนทุรายกระอักเลือด แทบจะสิ้นชีพ
การโจมตีเพียงครั้ง ทำลายทุกสรรพสิ่ง!
เสียงสูดหายใจอย่างอึ้งงันดึงขึ้นในบริเวณนั้น เห็นชัดว่าไม่อยากเชื่อ เด็กหนุ่มที่ถูกพวกเขาไล่สังหารจนบาดเจ็บหนักใกล้ตายอยู่รอมร่อ เหตุใดเวลานี้ถึงปะทุพลังต่อสู้อันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ได้
หลินสวินในตอนนี้ผมดำทั้งศีรษะถูกมัดลวกๆ ไว้เบื้องหลัง ใบหน้าหล่อเหลาสุภาพและสุขุม นัยน์ตาดำราวอสนีบาต ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายเด่นสง่าผงาดผยอง
ดาบหักในมือส่งเสียงคำรามบางเบาดุจพยัคฆ์คำรนมังกรคำราม ปั่นป่วนทั่วจตุรทิศ ขับเน้นพลังอำนาจของเขาให้ไร้ขีดจำกัดยิ่งกว่าเดิม ประหนึ่งผู้กล้ารุ่นเยาว์ ท่วงท่าสง่างามไร้มลทิน!
“เขา… พละกำลังของเขาเหตุใดจึงเปลี่ยนไปจากเดิม ทรงพลังกว่าก่อนหน้านี้ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่!” มีคนร้องเสียงหลงหน้าถอดสี
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ต่างก็สังเกตเห็น แต่ละคนสีหน้าอึมครึม
“คิดมากไปทำไม ลุยฆ่ามันพร้อมกันนี่แหละ!”
มีคนตะโกนลั่น
ฟุ่บ!
เพียงแต่น้ำเสียงเขาเพิ่งแผ่วลง หลินสวินเสมือนภาพมายาวูบหนึ่ง พลันปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้า เงื้อดาบผ่าแหวกศีรษะหนึ่งเลือดไหลทะลัก!
“เดิมทีข้ากับพวกเจ้าหาใช่ศัตรูคู่อาฆาต แต่การล่าสังหารตลอดทางของพวกเจ้ามันรังแกกันเกินไป วันนี้ได้แต่ส่งพวกเจ้าลงนรกไปพร้อมกัน!”
น้ำเสียงหลินสวินนิ่งสงบ แต่กลับเผยไอสังหารหาใดเปรียบ แผ่คลุมทุกอณูอย่างมืดฟ้ามัวดิน ทำให้ห้วงอากาศส่งเสียงคร่ำครวญ
ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรอ้าปากค้าง แข็งแกร่งขึ้นจริงดังคาด!
“ฆ่า!”
พวกเขาลงมือพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ไม่กล้าชักช้าแม้เพียงเสี้ยว
การล่าสังหารตลอดทางมานี้ทำให้พวกเขาเองก็เหนื่อยล้า ใช้พลังไปมากโข หากไม่รู้ว่าหลินสวินบาดเจ็บหนักใกล้ตาย พวกเขาก็แทบอยากจะยอมแพ้
เพียงแต่พวกเขากลับคาดไม่ถึง ในเวลาอันสั้นเช่นนี้หลินสวินกลับฟื้นคืนสภาพเดิม อีกทั้งยังเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนด้วย!
นี่ทำให้พวกเขาต่างรู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว
ตูม!
ฟ้าดินแถบนี้วุ่นวายโกลาหล เสียงระเบิดสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้นต่อเนื่องเป็นระลอก แสงประกายโหมกระหน่ำ พื้นดินรัศมีสิบกว่าลี้ล้วนกลายเป็นแดนแห่งบาดแผล
เงาร่างหลินสวินวูบหายว่องไว ท่องเหินกลางอากาศ เลือนรางดุจเงารุ้ง ดาบหักในมือส่งประกายดาราออกมา ซัดสาดดุดันพลิกฟ้าไปทั่วทศทิศ
ก็เห็นผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรถูกสังหารทีละคนๆ เสียงร้องโหยหวน เสียงก่นด่าสาปแช่ง เสียงหวีดร้องหวาดผวาสะท้อนดังต่อเนื่องเป็นระลอก
ภาพฉากนั้นนองเลือดเกินไป ย้อมแดนทะเลทรายผืนนี้เป็นสีชาด ชวนให้ประหวั่นยิ่งนัก
อะไรที่เรียกว่าแข็งแกร่ง
หลินสวินเวลานี้ได้อธิบายความหมายของคำนี้ออกมาอย่างถึงแก่น ดาบหักร่ายระบำ เงาร่างดั่งอสนีบาตพุ่งขวางทั่วสมรภูมิ ละม้ายคล้ายเหล็กหมาดปลายแหลมหาใดเปรียบแท่งหนึ่ง ไร้เทียมทาน มิอาจทัดเทียม!
ก่อนหน้านี้เขาถูกล่าสังหารตลอดทาง ภายในใจสะสมเพลิงโทสะและความคั่งแค้นมากมายอยู่ก่อนแล้ว มาตอนนี้พละกำลังฟื้นกลับคืน จึงย่อมไม่ออมมืออย่างแน่นอน
“เผ่นโว้ย!”
ไม่นานนักผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรที่เหลือก็แตกสลาย ทนรับแรงกดดันที่ความตายคืบคลานเข้าใกล้เช่นนี้ไม่ไหว ส่งเสียงตะโกนอย่างตื่นตระหนก เริ่มหลบลี้หนีตาย
หลินสวินไหนเลยจะปล่อยพวกเขาไป ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งเร่งไล่ตามไปเข่นฆ่าอย่างต่อเนื่อง
ฉัวะ!
ผู้ฝึกปราณคนหนึ่งเพิ่งเตรียมหนี ก็ถูกไอดาบผ่าออกเป็นสองซีก เลือดสดๆ หลั่งรินไหลพราก
ตูม!
อีกด้านหนึ่ง หญิงผู้หนึ่งทั่วร่างถูกล้อมอยู่ในหมอกศักดิ์สิทธิ์ หลบเลี่ยงอย่างระมัดระวัง แต่เพียงแค่พริบตาเดียว หมอกศักดิ์สิทธิ์ทั่วร่างนางก็ถูกซัดละเอียด รวมไปถึงตัวนางเองก็ถูกซัดกระเทือนตายคาที่!
“เร็ว! รีบไปรวมตัวกับบุตรเทพ!”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรพวกนั้นดวงตาแทบถลนออกมา หวาดผวาทำอะไรไม่ถูก ลุกลี้ลุกลนราวสุนัขไร้เจ้าของ ถูกหลินสวินคนเดียวไล่สังหาร
ส่วนหลินสวินกลับไล่ตามมาด้านหลังอย่างไม่ช้าไม่เร็ว เพียงแต่ในมือเปลี่ยนจากดาบหักเป็น ‘ธนูวิญญาณไร้แก่นสาร’
หึ่ง!
ตัวธนูโค้งเว้าที่เหมือนทำขึ้นจากกระดูกขาวมีกลิ่นอายหยาบเถื่อนเหี้ยมเกรียมอย่างหนึ่ง รวมกับแรงดึงของหลินสวิน สายธนูแดงก่ำดั่งโลหิตสายนั้นถูกดึงรั้งเต็มที่ ส่งเสียงหึ่งราวปรารถนาดื่มเลือดสดๆ
ฟิ้ว!
ธนูวิญญาณพุ่งออกไปดั่งว่างเปล่า ไร้ซึ่งสรรพเสียง ทะลวงผ่านศีรษะผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรคนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปพันจั้ง นำมาซึ่งโลหิตสดๆ สีชาดข้นคลั่กงดงาม
หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง นิ้วมือกระหวัดรั้งสายธนูอีกครั้ง ประดุจดั่งเทพสังหารจากนรกภูมิ หมายคร่าชีวิตล่าวิญญาณตลอดทาง!
………………