Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 564 ลมเมฆสะเทือน
สุดท้ายหลินสวินเก็บแสงมรรคทองนิลกาฬกลับไปพร้อมยิ้มเยาะ
เจ้าคางคกก็เลิกสำออยแล้ว ตอนที่ลุกขึ้นจากพื้น ใบหน้าแดงระเรื่อ นัยน์ตาสีทองอร่าม หว่างคิ้วแฝงกลิ่นอายเย่อหยิ่งและงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่หลงเหลือร่องรอยของความอ่อนแรงสักนิด
นี่ทำให้หลินสวินอดตกใจไม่ได้ พลังชีวิตของคางคกตัวนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ถูกสายฟ้าผ่าขนาดนั้น ผ่านมาเพียงไม่กี่วันก็ฮึกเหิมประดุจมังกรทะยานเสือผาดโผน เหมือนไม่ได้เป็นอะไรเลย
“คราวนี้ข้าช่วยเจ้าไว้ครั้งใหญ่เลยนะ ทรัพย์หลังศึกก็ควรจะมีส่วนแบ่งของข้าด้วย หากเจ้ากล้าฮุบไปหมด ระวังเถอะว่าจะคลอดลูกชายไม่มีรูผายลม”
จินตู๋อีเริ่มข่มขู่และขอผลประโยชน์อย่างเปิดเผย
นี่ทำให้หลินสวินหมดคำพูด คางคกตัวนี้เป็นตัวของตัวเองมากไปแล้ว ไม่เพียงรู้จักเสแสร้งแกล้งตายขอผลประโยชน์ พอเสแสร้งไม่เนียนก็เริ่มขอกันตรงๆ อย่างหน้าไม่อายเลย!
หลังจากนั้นหลินสวินปฏิเสธข้อเรียกร้องไร้เหตุผลนี้อย่างเด็ดเดี่ยว จินตู๋อีโกรธจนตะโกนเอะอะ สาปแช่งไม่ขาดปาก แต่ไม่ว่าไม้อ่อนหรือไม้แข็งหลินสวินก็ไม่ยอม ทำให้เขาเองได้แต่จนปัญญา
“เจ้าคางคก ศึกษาคัมภีร์สีทองที่ไม่สมบูรณ์เล่มนั้นถึงไหนแล้ว” จู่ๆ หลินสวินก็เปลี่ยนเรื่อง
จินตู๋อีถูกเบนความสนใจ พลันอ้าปากพ่นแสงทองกลุ่มหนึ่งออกมา กลายเป็นคัมภีร์สีทองที่ขาดแหว่งส่วนหนึ่ง
จินตู๋อีพูดอย่างตื่นเต้น “นี่เป็นคัมภีร์มรรคที่อริยะคนหนึ่งเขียนเองกับมืออย่างไม่ต้องสงสัย!”
หลินสวินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ดีใจจนหน้าชื่นตาบาน
เสี้ยวคัมภีร์มรรคส่วนนั้นได้มาจากเกาะอริยะปัญจธาตุ เดิมมันสมบูรณ์ เพียงแต่ในระหว่างที่ช่วงชิงกันได้ถูกฉีกขาดเป็นสามส่วน
อีกสองส่วนถูกสิ่งมีชีวิตลึกลับในหินหยกและธิดาเทพหลินหลางชิงไป
หลินสวินเองก็เคยศึกษาคัมภีร์เล่มนี้ แต่กลับพบว่ามันเล่มนี้พิเศษมาก ราวกับหยกแต่ไม่ใช่หยก เหมือนกับเหล็กแต่ก็ไม่ใช่เหล็ก ไม่รู้ว่าหลอมขึ้นจากอะไร มีสีทองอร่าม หนักอึ้ง และเต็มไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์อันเป็นเอกลักษณ์
สิ่งที่น่าเสียดายคือคัมภีร์ที่ขาดเล่มนี้ไม่สามารถเปิดได้ ถึงขั้นที่แม้แต่ตัวอักษรบนคัมภีร์ยังหายไปด้วย ไม่อาจมองทะลุได้
ท่ามกลางความจนปัญญา หลินสวินจึงทำได้แค่ให้จินตู๋อีวิเคราะห์ เจ้าตัวนี้เป็นคางคกทองสามขา ว่ากันว่าสามารถแยกแยะสรรพสิ่งได้ ชำนาญในเรื่องของมีค่า
“เสียดายที่คัมภีร์เล่มนี้ฉีกขาดไป ไม่สามารถสะท้อนถ้อยความที่อริยะเขียนออกมาได้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้านัก “
คำพูดนี้ของจินตู๋อีทำลายขวัญกำลังใจของหลินสวินทันที ความตื่นเต้นดีใจหายไปสิ้น
“ไม่อาจสะท้อนออกมาได้หรือ” หลินสวินไม่จำยอมอยู่บ้าง
เห็นได้ชัดว่าจินตู๋อีเองก็ไม่จำยอมและเจ็บใจอย่างมาก กล่าวว่า “เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากเห็นความลึกลับของคัมภีร์มรรคเล่มนี้กับตาหรือ นี่เป็นคัมภีร์ที่อริยะเขียนเองกับมือเชียวนะ ย่อมต้องไม่ธรรมดาและเกี่ยวโยงไปถึงความลับแห่งอริยมรรค!”
“แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า คัมภีร์มรรคเล่มนี้เป็นคัมภีร์ที่อริยะทิ้งเอาไว้ นอกเสียจากว่าไปชิงอีกสองส่วนมาไว้ในมือ ทำให้มันสมบูรณ์ มิเช่นนั้นชาตินี้ทั้งชาติก็อย่าคิดว่าจะได้เห็นวิชาลับในนั้น”
หลินสวินเข้าใจแล้ว นี่ก็หมายความว่าถ้าเขาอยากหยั่งถึงความลึกลับของคัมภีร์อริยะเล่มนี้ ก็ต้องชิงคัมภีร์อีกสองส่วนที่เหลือมาก่อน
แต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินปวดหัวคือ ไม่ว่าจะเป็นธิดาเทพหลินหลางหรือสิ่งมีชีวิตในหินหยกนั่น ล้วนแต่ไม่ธรรมดา การจะชิงคัมภีร์มรรคมา แค่คิดก็รู้ว่ายากเพียงใดแล้ว
หากหลินสวินเดาไม่ผิด สิ่งมีชีวิตลึกลับในหยกนั่นจะต้องเป็น ‘คุณชายน้อย’ ที่ลิงเฒ่าพูดถึงอย่างแน่นอน!
เกาะอริยะปัญจธาตุทั้งเกาะ เดิมเป็นสถานที่ฝึกปราณที่เจ้านายของลิงเฒ่าเตรียมไว้ให้ ‘คุณชายน้อย’ ท่านนี้โดยเฉพาะอยู่แล้ว
นี่ก็หมายความว่า ที่มาของ ‘คุณชายน้อย’ คนนี้ไม่ธรรมดา มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นลูกหลานของอริยะท่านหนึ่ง!
เรื่องนี้น่าทึ่งเกินไปแล้ว โชคดีที่ ‘คุณชายน้อย’ คนนี้ยังไม่ปรากฏตัวสู่โลก ทำให้หลินสวินยังไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะมีปัญหาอะไรตามมาตอนนี้
“เฮ้อ เหนื่อยเปล่าเลย” หลินสวินถอนหายใจ
“ข้าจะพูดอย่างไม่เกรงใจ แม้ตอนนี้เจ้ามีคัมภีร์มรรคฉบับสมบูรณ์ก็ไม่สามารถหยั่งถึงได้ เพราะนี่คือคัมภีร์ที่อริยะทิ้งเอาไว้ เกี่ยวโยงไปถึงความลับแห่งอริยมรรค ใช่ว่าเด็กหนุ่มที่แม้แต่ระดับหยั่งสัจจะยังไม่ใช่อย่างเจ้าจะสามารถปรารถนาได้”
คำพูดของจินตู๋อีเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ย
หลินสวินคร้านจะสนใจเขา เก็บคัมภีร์มรรคที่ฉีกขาดเล่มนั้นอย่างระมัดระวัง
เขาเชื่อว่า เพื่อให้ได้ความลับภายในคัมภีร์มรรค ไม่ว่าจะเป็นธิดาเทพหลินหลางหรือ ‘คุณชายน้อย’ ก็จะเป็นฝ่ายมาหาเขาเอง มิเช่นนั้น พวกเขาก็ได้แค่มอง แต่ไม่สามารถดูความลับภายในคัมภีร์มรรค
และนี่ก็ถือเป็นโอกาสสำหรับหลินสวินเช่นกัน หากคว้าเอาไว้ได้ ก็สามารถทำให้คัมภีร์มรรคเล่มนี้กลับมาสมบูรณ์แบบ!
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องในอนาตค ไม่มีใครรู้ว่า ‘คุณชายน้อย’ คนนั้นจะปรากฏตัวเมื่อไหร่ และตอนที่เขาปรากฏตัว ตนจะอยู่ที่ไหน
ทว่าภายในแดนลับอสูรมารอริยะแห่งนี้ ถือว่าเอามาวิเคราะห์ก่อนได้ ว่าจะชิงคัมภีร์มรรคอีกส่วนจากมือธิดาเทพหลินหลางอย่างไร…
……
การเข้าสู่เกาะอริยะปัญจธาตุในครั้งนี้ ได้สังหารผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตและเผ่าวาฬมังกร ทำให้หลินสวินได้ผลเก็บเกี่ยวยิ่งใหญ่
ไม่เพียงแค่ได้สมบัติล้ำค่าอย่างโสมราชันโคมสมบัติและหญ้ากิเลนที่จินตู๋อีระบุให้เป็น ‘โอสถสมบัติระดับราชัน’ ยังมีคัมภีร์มรรคอริยะที่ขาดวิ่นอีกส่วนหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีโอสถวิญญาณหายากอย่างหลินจือหิมะเถาวัลย์ม่วง หญ้าแสงจันทร์ และอื่นๆ อีกสามสิบกว่าชนิด ล้วนพบเห็นได้น้อยมากในโลกภายนอก ในขณะเดียวกันก็เป็นของล้ำค่าที่ไม่อาจร้องขอได้
ในนี้ส่วนมากเป็นทรัพย์หลังศึกที่ได้จากตัวเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตและเผ่าวาฬมังกร มีส่วนน้อยที่หลินสวินได้มาด้วยตัวเอง
นอกจากพวกนี้ยังมีของเบ็ดเตล็ดอย่างอาวุธ ลูกกลอนโอสถและพวกแร่หิน
ทว่าสำหรับหลินสวินในตอนนี้ มูลค่าของสิ่งของส่วนใหญ่ในนี้ไม่ได้มากมาย แต่แน่นอนว่าถ้าเอาไปขายในจักรวรรดิจื่อเย่า ก็ยังสามารถขายได้ในราคาที่สูงมาก
กลับเป็นพวกแร่หินและวัตถุวิญญาณบางส่วนที่เอามาเป็นวัตถุดิบในการหลอมชุดศึกสลักวิญญาณได้ มูลค่าสูงมาก จึงถูกหลินสวินเก็บไว้
……
หลินสวินเริ่มปิดด่านฝึกปราณ
เขานั่งขัดสมาธิอยู่ในถ้ำ ท่อง ‘คัมภีร์ประสานมายา’ ที่สืบทอดมาเงียบๆ ในห้วงนิมิต เกิดคลื่นราวกับเสียงแห่งธรรม ซึ่งให้ประโยชน์อันมหัศจรรย์อย่างมากต่อการหยั่งถึงและฝึกปราณ
ในขณะเดียว หยดน้ำหยดหนึ่งลอยอยู่ตรงระหว่างคิ้วและถูกหลินสวินสงบจิตหยั่งรู้
หยดน้ำราวกับโปร่งใส เต็มไปด้วยแสงประกายที่ราวกับภาพฝัน ปกคลุมไปด้วยแสงเรืองรอง ในคลามลี้ลับแฝงพลังอันยิ่งใหญ่
นี่คือน้ำแท้เอกอุที่หลอมออกมาจากเถาวลัย์สมบัติเอกอุ แม้จะแค่หยดเดียว แต่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่อาจประเมินค่าได้ ภายในประทับร่องรอยมรรคหนึ่งสาย มีส่วนช่วยอย่างเหลือเชื่อในการหยั่งถึงสัจวิถีธาตุน้ำ
ก่อนที่จะทะลวงระดับ สิ่งเดียวที่หลินสวินต้องจัดการก็คือควบคุมสัจวิถีธาตุน้ำที่หยั่งถึงแล้วให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
ตอนนี้หลินสวินเข้าใจแล้วว่า การที่เขาสามารถหยั่งถึงพลังแห่งสัจวิถีธาตุน้ำได้ตอนที่อยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณ ไม่ใช่เพราะความสามารถในการหยั่งรู้ของเขาแข็งแกร่งกว่าผู้โดดเด่นแห่งยุคทั้งในอดีตและปัจจุบัน
แต่เพราะเขาเคยใช้ ‘มุกนักบุญอมตะ’ หลอมรวมไปกับร่างกาย ภายในร่างรวมพลังอันเยี่ยมยอดของมุกนักบุญอมตะ ทำให้คุณสมบัติตามธรรมชาติของร่างกายเขาเข้าใกล้กับสัจวิถีธาตุน้ำ จากนั้นอาศัยการเคี่ยวกรำบนภูผาแห่งบันไดสวรรค์ จึงได้หยั่งถึงท่วงทำนองมรรคแห่งธาตุน้ำได้เสี้ยวหนึ่ง
มิเช่นนั้นต่อให้ความสามารถในการหยั่งรู้ของเขาจะสูงเพียงใด ก็ไม่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ในระดับมหาสมุทรวิญญาณ
เพราะถ้าพูดถึงความสูงต่ำของการหยั่งรู้ ในอดีตกาลจะต้องมีผู้โดดเด่นแห่งยุคที่แข็งแกร่งกว่าหลินสวินอยู่แล้ว
แต่พวกเขาต่างไม่สามารถทำได้แบบนี้ มีเพียงหลินสวินเท่านั้นที่ทำได้ นี่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่า ปาฏิหาริย์การหยั่งรู้ที่เกิดขึ้นกับตัวหลินสวินนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับความสามารถในการหยั่งรู้เพียงอย่างเดียวแน่นอน!
ท่ามกลางเวลาที่ผ่านเลยไป หลินสวินใบหน้าเคร่งขรึม นั่งนิ่งไม่ขยับ เงียบสงบราวกับรูปปั้นดินเหนียว ให้ความรู้สึกนิ่งเงียบราวกับไม่มีตัวตน
เขาเข้าสู่การหยั่งรู้ในระดับลึกแล้ว ภายในใจเต็มไปด้วยแก่นอัศจรรย์ของสัจวิถีธาตุน้ำ เผยความเยี่ยมยอดออกมาอย่างไร้ขีดจำกัด
……
ในช่วงเวลาที่หลินสวินปิดด่าน ภายในแดนลับอสูรมารอริยะเกิดความขัดแย้งอยู่ตลอดเวลา เลือดไหลไม่ขาดสาย การปะทะเกิดขึ้นทุกสารทิศ
ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะช่วงชิงวาสนา!
ผู้ที่เข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะในครั้งนี้ เป็นผู้โดนเด่นในแต่ละเผ่าของทะเลกลืนวิญญาณเกือบทั้งหมด มากอิทธิพลและจำนวนก็มหาศาล
เพื่อช่วงชิงศุภโชค การต่อสู้และคาวเลือดก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้ในแดนลับอสูรมารอริยะจะมีวาสนามากมาย แต่อย่างไรก็มีจำนวนจำกัด และวาสนาที่เรียกได้ว่าสะเทือนโลกยิ่งน้อย
เช่นนี้จึงกลายเป็นสถานการณ์ที่ ‘หมาป่าเยอะเนื้อน้อย’ ทำให้ความขัดแย้งและแย่งชิงระหว่างกันยิ่งทวีความน่าอนาถ
เผ่าที่อิทธิพลค่อนข้างอ่อนแอหลายเผ่าถูกกวาดล้างจนหมดภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ถึงสามวัน พ่ายแพ้ออกจากการแย่งชิงไปอย่างราบคาบ!
พวกเขาไม่เพียงไม่ได้รับวาสนาอะไรเลย แต่ยังบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตกันไป นี่ก็คือสิ่งที่ต้องจ่ายในการช่วงชิงวาสนา พาให้คนสลดใจนัก
ทว่าผู้โชคดีที่สามารถอยู่รอดปลอดภัยในศึกการแย่งชิงได้ ล้วนเป็นมหาอำนาจที่แข็งแกร่งแทบทั้งหมด อย่างเช่นเผ่าวัวมารทรงพลัง เผ่าหงส์หิรัณย์ เผ่าโห่วเมฆา เผ่าเต่าทมิฬเป็นต้น
“อะไรนะ เผ่าวิญญาณเหินของข้าพินาศสิ้นเชิงแล้วงั้นหรือ ใคร เป็นฝีมือขุมอำนาจใด”
นอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ เสียงคำรามเดือดดาลสะเทือนสวรรค์ดังแว่วขึ้น
นั่นคือผู้อาวุโสแห่งเผ่าวิญญาณเหิน ยามนี้กำลังระเบิดความโกรธขีดสุด เงยหน้าขึ้นฟ้าคำราม เดือดดาลตาถลน สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่จำยอมและกราดเกรี้ยว
ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ต่างสีหน้าแปลกประหลาด มีคนถอนหายใจด้วยเห็นอกเห็นใจ มีคนมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น หัวเราะเยาะอย่างไม่ขาดสาย
หลายวันมานี้เรื่องที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้นมากมาย ไม่เพียงแค่เผ่าวิญญาณเหิน ผู้แข็งแกร่งเผ่าอื่นๆ ที่เข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะก็สิ้นชีพในการต่อสู้แทบทั้งหมด
ผู้ที่รอดไปได้ล้วนเป็นลูกศิษย์คนสำคัญที่มี ‘ยันต์กระดูกวิญญาณ’ แทบทั้งหมด หากไม่ใช่เช่นนี้ จุดจบก็จะแย่กว่า
มีผู้สืบทอดหลายคนที่หลังจากพ่ายแพ้ออกจากการแย่งชิง ได้นำข่าวอันสะเทือนโลกาออกไปด้วย และแทบจะเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงวาสนาทั้งหมด
อย่างเช่นผู้แข็งแกร่งเผ่าวัวมารทรงพลัง ภายใต้การนำทัพของบุตรเทพหนิวทุนเทียน เข่นฆ่าสังหารไปตลอดทาง และในการแย่งชิงอันนองเลือด เขาได้รับคทาหยกสมปรารถนาที่มีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์หลงเหลืออยู่ด้ามหนึ่งจากหุบเขาที่เต็มไปด้วยไอม่วง
เพียงแค่ศึกเดียวเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละฝ่ายที่ตายด้วยน้ำมือหนิวทุนเทียนก็ไม่น้อยกว่าร้อยคนแล้ว!
และเพราะเหตุนี้ ทำให้หนิวทุนเทียนชื่อเสียงโด่งดังขึ้น ใครพูดถึงก็ล้วนหน้าเปลี่ยนสี
หรืออย่างธิดาเทพเมิ่งเหลียนชิงแห่งเผ่าหงส์หิรัณย์ ตัวคนเดียวกลับปะทะกับบุคคลระดับบุตรเทพถึงสามเผ่า สุดท้ายเอาชนะบุตรเทพทั้งสามและได้รับกระถางโอสถโบราณอันมีที่มาสะท้านโลกาจากซากถ้ำสถิตใต้ดินแห่งหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นหนิวทุนเทียนหรือเมิ่งเหลียนชิง ตอนนี้ล้วนกลายเป็นบุคคลที่ถูกจับตามองที่สุด ชื่อเสียงโด่งดัง แม้แต่เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ก็ล้วนไม่กล้ามองข้าม
ส่วนคนอื่นๆ ที่ได้รับการจับตามองเช่นเดียวกับพวกเขายังมีบุตรเทพเผ่าโห่วเมฆา ‘ข่งซิ่ว’ บุตรเทพเผ่าเต่าทมิฬ ‘เสวียนหลัวจื่อ’ ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ‘ซูซิงเฟิง’ เป็นต้น
ช่วงหลายวันที่ผ่านมา พวกเขาต่างต่อสู้แย่งชิงในแดนลับอสูรมารอริยะ สังหารจนมีผลงานและชื่อเสียงโดดเด่น ฉายแสงเจิดจ้า
แน่นอนว่าก็มีผู้ที่ซ่อนตัวอยู่เงียบๆ เช่นกัน ทำให้ทุกคนยิ่งระมัดระวัง
อย่างน้อยผู้เฒ่าเก่าหยางก็รู้ดีอยู่แล้วว่า ในบรรดาลูกศิษย์ที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ถ้าพูดถึงพลังต่อสู้ เพียงแค่เซียวหรันคนเดียวก็ไม่มีทางด้อยไปกว่าซูซิงเฟิง!
สิ่งเดียวที่ทำให้คนใหญ่คนโตนอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์สงสัยคือ ‘เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์’ ที่เข้าแดนลับอสูรมารอริยะไปวันแรกก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ช่วงหลายวันนี้กลับไม่มีคนพูดถึง ถึงขั้นที่ไม่มีข่าวคราวของเขาเลยแม้แต่น้อย
ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า หรือเพราะเด็กหนุ่มคนนั้นก่อเวรก่อกรรมมากเกินไป จึงถูกคนแอบกำจัดในที่ลับไปนานแล้ว…
…………………..