Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 604 การเปลี่ยนแปลงของเจดีย์สมบัติ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 604 การเปลี่ยนแปลงของเจดีย์สมบัติ
บนยอดเขาอีกแปดลูก ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าต่างกำลังค้นหาวาสนาแข่งกับเวลา มีเพียงสถานที่ที่หลินสวินอยู่เท่านั้นที่ไม่ใคร่สงบสุขอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอน ใครเลยจะคาดคิด ตอนที่ยังไม่ทันย่างเข้าสู่ตำหนักเก่าแก่นั้น ถึงขนาดที่ยังไม่สามารถตัดสินได้ด้วยซ้ำว่าวาสนาที่ซุกซ่อนอยู่ด้านในเป็นของสิ่งใดกันแน่ ระหว่างหลินสวินและผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณพวกนั้นก็เปิดศึกขัดแย้งนองเลือดอันดุเดือดฉากหนึ่งขึ้นมา
นี่มันเหนือความคาดหมายเกินไป
ทว่าสำหรับหลินสวินแล้ว ทุกอย่างนี้มีการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าอย่างเห็นได้ชัด!
เคราะห์ดีที่แผนสังหารครั้งนี้ล้มเหลวไป กงหยางอวี่ตาย ซูซิงเฟิง เหวินเสียงและอวิ๋นเช่อต่างเผ่นหนีอุตลุด
เพียงแต่ตอนที่มองเห็นเซียวหรันเดินออกมาจากตำหนักโบราณเก่าแก่แห่งนั้นเพียงลำพัง ในใจของหลินสวินกลับไม่ได้ผ่อนคลายเลยแม้เพียงครึ่งเสี้ยว
ทันใดนั้นเขาพลันตระหนักได้ว่าในการต่อสู้เมื่อครู่ ถึงแม้เซียวหรันจะไม่ได้มีส่วนร่วม แต่ใครจะกล้ารับประกันว่าเซียวหรันไม่รู้เห็นเรื่องทุกอย่างนี้เลย
แต่ไหนแต่ไรมาหลินสวินไม่เคยประเมินเซียวหรันต่ำเกินไป ตรงกันข้าม ในบรรดาผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ คนที่ทำให้เขาไม่อาจประเมินได้มากที่สุดก็คือเซียวหรัน!
“ก่อนหน้านี้เจ้าปราบผู้กล้าแต่ละเผ่าด้วยตัวคนเดียว ส่วนตอนนี้ยังสามารถใช้พลังของตัวเองกำชัยเหนือพวกศิษย์น้องกงหยางอวี่ได้ แม้แต่ข้าก็ยังไม่อาจไม่ยอมรับ เจ้าเป็นบุคคลที่หาตัวจับยากคนหนึ่งจริงๆ”
เซียวหรันสองมือไพล่หลัง ก้าวเท้าเนิบนาบ สายตาสงบนิ่งมองมาที่หลินสวิน ในน้ำเสียงเจือความชื่นชมเสี้ยวหนึ่ง
ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องที่หลินสวินเอาชนะพวกซูซิงเฟิงเลยแม้แต่น้อย เห็นชัดว่าเยือกเย็นและสบายอารมณ์เกินไป
นี่ทำให้หลินสวินมุ่นคิ้ว กล่าวว่า “ทุกอย่างนี้เจ้าน่าจะรู้ตั้งแต่ต้นกระมัง”
เซียวหรันพยักหน้าเอ่ย “พูดอย่างเป็นจริงเป็นจัง ปฏิบัติการครั้งนี้เดิมทีข้าเองก็อยากลงมือเหมือนกัน แต่ว่าท้ายที่สุดข้าก็ยังไม่คิดจะไปมีเอี่ยวด้วยอยู่ดี”
“เพราะอะไร” หลินสวินถาม
เซียวหรันยิ้มน้อยๆ พลางกล่าว “ง่ายมาก เจ้าก็น่าจะเดาออกอยู่แล้ว วาสนาในตำหนักใหญ่แห่งนี้มีแค่อย่างเดียว ข้าไม่อยากเสียมันไป แล้วก็ไม่อยากแข่งขันต่อสู้กันกับศิษย์น้องคนอื่นๆ ด้วย ดังนั้นจึงได้แต่คิดวิธีหนึ่งขึ้นมา ทิ้งพวกเจ้าไว้ด้านนอกทั้งหมด”
รอยยิ้มของเขาเยือกเย็นและอ่อนโยนยิ่งนัก น้ำเสียงราบเรียบ ทว่ากลับทำให้หลินสวินสะท้านใจ
ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่า ปฏิบัติการลอบสังหารซึ่งพุ่งเป้ามาที่ตนครานี้ ที่แท้ก็เป็นเพียงแผนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวของเซียวหรัน!
ทั้งได้ลอบสังหารตน แล้วยังทำให้พวกซูซิงเฟิงไม่อาจแบ่งร่างเข้าไปในตำหนักใหญ่ แย่งชิงวาสนากับเซียวหรันได้!
แล้วพวกซูซิงเฟิงเล่า
รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาก็ถูกเซียวหรันวางอุบายเข้าให้แล้ว
“แผนการลุ่มลึกนัก! ช่างเป็นวิธีโหดเหี้ยมยิ่ง! เพื่อวาสนาชิ้นหนึ่ง เพียงกลเม็ดต้อนพยัคฆ์เขมือบหมาป่า[1] ก็จัดการทุกคนได้หมด หากว่าคนอย่างเจ้าเติบใหญ่ขึ้นไป จะต้องเป็นบุคคลผู้เกรียงไกรคนหนึ่งเป็นแน่!”
เจ้าคางคกที่อยู่ในระยะไกลส่งเสียงทอดถอนใจออกมา
เซียวหรันกล่าวพลางยิ้มน้อยๆ “ข้าเพียงแต่ไม่อยากเข่นฆ่ากับพวกศิษย์น้องร่วมสำนักก็เท่านั้น ลองใช้กลเม็ดเล็กน้อย ทำให้พวกเจ้าเห็นเรื่องน่าขันแล้ว”
“เจ้าทำอะไรกับแม่นางจ้าว”
นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ
“วางใจเถิด ในเมื่อข้าทนเห็นศิษย์ร่วมสำนักต้องเข่นฆ่ากันเองไม่ได้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะลงมือกับศิษย์น้องจ้าว ตอนนี้นางกำลังพักผ่อนอยู่ในตำหนักใหญ่ ไม่เกิดเหตุสุดวิสัยอะไรหรอก”
เซียวหรันพูดอย่างสบายใจประหนึ่งกำลังพูดเรื่องชีวิตประจำวัน เมื่อมีคำถามก็ตอบ ทั้งยังไม่เอ่ยถึงสิ่งอื่น ลำพังแค่ความเยือกเย็นวางเฉยเช่นนี้ ก็เหนือธรรมดาไร้ที่เปรียบเทียบแล้ว
“เจ้าคางคกเจ้าไปดูหน่อย”
หลินสวินส่งสายตาคราหนึ่ง ฝ่ายหลังเข้าใจโดยปริยาย เร่งรุดพุ่งเข้าไปในตำหนักใหญ่เก่าแก่นั้นทันที
“กล่าวเช่นนี้ เจ้าได้รับวาสนาในตำหนักใหญ่นั่นแล้ว?”
สายตาของหลินสวินจับจ้องเซียวหรัน ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยผ่อนคลายแม้แต่น้อย คู่ต่อสู้คนนี้เก็บงำความสามารถ ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ถึงยิ่งทำให้ผู้คนกริ่งเกรง
“ไม่ผิด”
เซียวหรันพยักหน้าน้อยๆ มิได้ปฏิเสธด้วยซ้ำ
“ดังนั้นตอนนี้ที่เจ้าปรากฏตัว เพราะอยากประลองกับข้าสักครั้งหรือ”
หลินสวินกระชับดาบหักแน่นขึ้นอย่างเงียบๆ
สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ เซียวหรันกลับส่ายหน้า จดจ้องหลินสวินอยู่เป็นนานค่อยถอนใจเบาๆ กล่าวว่า “พูดตามตรง เวลานี้ข้าไม่มีความมั่นใจว่าจะฆ่าเจ้าได้ เจ้าแข็งแกร่งมาก บนกายมีกลิ่นอายบางอย่างที่ทำให้ข้ารู้สึกถึงอันตราย ไม่ธรรมดายิ่งนัก”
เขากล่าวอย่างพินิจพิเคราะห์ เอ่ยพูดเนิบนาบ เห็นได้ชัดว่าจริงจังอย่างยิ่ง “ศึกแห่งมหามรรค มีคู่ต่อสู้อย่างแท้จริงจึงจะไม่โดดเดี่ยว เจ้าน่าสนใจมาก เป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอตั้งแต่ฝึกปราณมาจนบัดนี้ ข้าตั้งตารอให้ยามมหาสงครามมาเยือน ค่อยมาสู้ตัดสินกับเจ้าอีกครั้ง”
หัวคิ้วของหลินสวินมุ่นขมวดมากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวว่า “เหตุใดถึงไม่ใช่ตอนนี้”
เซียวหรันยิ้ม รอยยิ้มแฝงนัยลึกล้ำ “ตอนนี้ยังเร็วเกินไป ยังไม่ถึงเวลา รอเมื่อมหาสงครามมาเยือนเจ้าก็จะเข้าใจเอง บางครั้งหากสามารถมีคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อสักคน ก็จะทำให้ตนเองเดินบนเส้นทางแห่งมหามรรคได้ยาวนานยิ่งขึ้น”
หลินสวินขมวดคิ้ว “เจ้าเห็นข้าเป็นหินลับมีดหรือ”
เซียวหรันหัวเราะอย่างเปิดเผย “จะว่าอย่างนี้ก็ได้”
หลินสวินกล่าวคล้ายขบคิด “ถ้าอย่างนั้นวันนี้หากข้าไม่รับปาก ยืนกรานจะสู้ตัดสินแพ้ชนะกับเจ้าสักตั้งจะว่าอย่างไร”
สีหน้าเซียวหรันยังคงราบเรียบตามเดิม “เจ้าไม่มีโอกาส”
ชิ้ง!
ดาบหักของหลินสวินพุ่งโจมตีออกไปทันควัน กะทันหันถึงขีดสุด พลันเห็นแสงดาบดาราแถบหนึ่งแหวกขวางกลางอากาศราวกับม่านน้ำตก ผ่าลงไปเต็มแรง เปล่งประกายเจิดจ้าน่ากลัวถึงขีดสุด
การโจมตีครั้งนี้กะทันหันมากเกินไปจริงๆ หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่น เกรงว่าคงตอบสนองไม่ทันด้วยซ้ำ
ทว่าเซียวหรันกลับดูเหมือนคาดการณ์เอาไว้แล้ว เขาไม่ได้ขยับ ยืนอยู่ตรงนั้นพลางยิ้มบางๆ อากัปกิริยาประดุจเมฆเอื่อยเหนือห้วงนภา แปลกแยกอย่างบอกไม่ถูก
ฟุ่บ!
ร่างของเขาถูกผ่าขาดเป็นสองท่อน ทว่ากลับไม่มีคราบเลือด ตรงข้ามยังกลายเป็นฝนแสงที่คล้ายฟองอากาศ ปลิวล่องไร้ร่องรอย
“ลืมบอกเจ้าไป ‘คัมภีร์กายมรรคหมื่นมายา’ ข้าเป็นคนถ่ายทอดให้ศิษย์น้องกงหยางอวี่เอง เพียงแต่น่าเสียดาย ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถหยั่งถึงความลี้ลับในนั้นได้ ถึงได้ถูกเจ้าฆ่าตาย…”
ห่างออกไปร้อยจั้ง เงาร่างของเซียวหรันปรากฏขึ้นมา เขายืนสองมือไพล่หลัง หันหน้ามายิ้มให้หลินสวินพลางกล่าว “ขอตัวลาตรงนี้”
ยามที่สิ้นสุดน้ำเสียง เงาร่างของเขาก็โฉบลอยไปยังเชิงเขา ดูคล้ายแช่มช้าเนิบนาบ ทว่ากลับหายลับไปในพริบตาเดียว
ดวงตาของหลินสวินหรี่ลงน้อยๆ ท้ายที่สุดก็ยังข่มกลั้นไอสังหารในใจเอาไว้ ไม่ได้ไล่ตามไป
เพียงแต่ในส่วนลึกของจิตใจกลับไม่ใคร่เยือกเย็นนัก พลังที่แท้จริงของเซียวหรันคนนี้ลุ่มลึกไม่อาจหยั่งรู้ดังที่คาด ทั้งยังมากเล่ห์เจ้าแผนการ มีเอกลักษณ์และโดดเด่น ทำให้ผู้คนคาดเดาไม่ได้ เป็นคู่ต่อสู้คนหนึ่งที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่หลินสวินเคยพบมานับตั้งแต่ฝึกปราณ!
“คิดจะให้ข้าเป็นหินลับมีดหรือ ก็ต้องดูว่าเจ้ามีความสามารถนี้หรือไม่…”
หลินสวินละสายตากลับมา ไม่ได้คิดมากอะไรอีก ก่อนหมุนกายเดินเข้าไปในตำหนักใหญ่เก่าแก่นั้น
……
ตำหนักโบราณเงียบสงัด ผนังสี่ด้านสลักจิตรกรรมเก่าแก่เอาไว้เต็มไปหมด ตรงจุดศูนย์กลางมีกระถางหินเก่าแก่เรียบง่ายตั้งอยู่ นอกจากนี้ก็ไม่ได้มีสิ่งอื่นใดอีก
ครั้นหลินสวินย่างเข้ามา ก็เห็นจ้าวจิ่งเซวียนนั่งขัดสมาธิอยู่ เจ้าคางคกกลับกำลังมองสำรวจรอบบริเวณ
“เซียวหรันไม่ได้ทำร้ายเจ้ากระมัง”
หลินสวินอดถามไม่ได้
“เปล่า”
จ้าวจิ่งเซวียนส่ายหน้า สีหน้าค่อนข้างซับซ้อน ก่อนบอกเล่าทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ทีละอย่าง
ที่แท้ตั้งแต่นางกับเซียวหรันเข้ามาในตำหนักแห่งนี้พร้อมกัน ก็สังเกตเห็นทันทีว่าในกระถางหินเก่าแก่เรียบง่ายที่ตั้งอยู่กลางตำหนักใหญ่นั้นซ่อนคัมภีร์มรรคเอาไว้เล่มหนึ่ง
นี่ย่อมเป็นวาสนาที่ซ่อนอยู่ในตำหนักใหญ่อยู่แล้ว!
เพียงแต่ตอนที่จ้าวจิ่งเซวียนเพิ่งคิดจะดำเนินการใดๆ ก็ประสบกับการซุ่มโจมตีของเซียวหรัน พลันสลบไสลไปในพริบตา
ยังดีที่เซียวหรันไม่ได้ทำร้ายนาง เพียงฉวยเอาคัมภีร์มรรคเล่มนั้นออกไปเท่านั้น
กล่าวถึงตรงนี้มุมปากของจ้าวจิ่งเซวียนก็อดเจือความขมขื่นเสี้ยวหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ เอ่ยว่า “ครั้งนี้เท่ากับว่าพวกเราเปลืองแรงเปล่า วาสนาทั้งหมดก็ให้คนอื่นเป็นของกำนัลไปเสียแล้ว”
หลินสวินกล่าวปลอบใจ “ขอแค่คนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
“ระยำ เจ้าเซียวหรันนั่นไม่ใช่ของดีจริงๆ! ไม่เพียงคิดวางกับฆ่าหลินสวิน แม้กระทั่งศิษย์น้องพวกนั้นของเขาก็ยังถูกเขาวางอุบาย วาสนาทั้งหมดนี้ถูกเขาชิงเอาไปจนหมด!”
เจ้าคางคกโกรธจนสบถสาปแช่งปากแทบฉีก สีหน้าไม่น่าดูหาที่เปรียบมิได้
“ข้าเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ศิษย์พี่เซียวหรันถึงกับทำขนาดนี้ เหนือความคาดหมายเกินไปจริงๆ”
จ้าวจิ่งเซวียนถอนใจเบาๆ มองไปที่ตำหนักใหญ่อันว่างเปล่าแห่งนี้ ในสีหน้าเจือความผิดหวังเสี้ยวหนึ่ง วาสนาถูกชิงไปแล้ว ทำให้นางเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน
“คัมภีร์มรรคหนึ่งเล่ม…”
หลินสวินก็จนคำพูดไปพักหนึ่ง ถึงจะไม่ค่อยชัดแจ้งถึงที่มาของคัมภีร์มรรคเล่มนี้ แต่คัมภีร์ที่สามารถซุกซ่อนไว้ในที่แห่งนี้ได้ จะต้องมีที่มาไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนโดยไม่ต้องสงสัย!
ไม่ไกลนัก เจ้าคางคกที่ยังโกรธกรุ่นไม่สิ้นกำลังพยายามเคลื่อนย้ายกระถางหินเก่าแก่เรียบง่ายนั้น คล้ายอยากจะนำของสิ่งนี้ออกไป
แต่ถึงแม้เขาจะออกแรงเต็มเหนี่ยว กระถางหินก็ไม่ขยับเลยสักเศษเสี้ยว
สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เจ้าคางคกท้อแท้ ตรงข้ามกลับทำให้ดวงตาของเขาทอประกาย “ของเล่นชิ้นนี้ดูเหมือนจะเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งเช่นกัน!”
เขารวบรวมพลัง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก ทั่วร่างเปล่งประกาย แล้วเข้าไปเอากระถางหินนั่นอีกครั้ง ทว่าสิ่งที่น่าแปลกก็คือ กระถางหินนั้นดูคล้ายธรรมดาไม่สะดุดตา แต่กลับมั่นคงดุจเขาไท่ซาน ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยถูกเคลื่อนขยับเลยแม้เพียงเสี้ยวเดียว
“ระยำเอ๊ย! มันจะเอาไปไม่ได้จริงๆ เชียวหรือ”
เจ้าคางคกโกรธจนกัดฟัน
“ให้ข้าลองดูหน่อย”
หัวใจของหลินสวินกระตุกวูบ เดินก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน ระดมกำลังลองเคลื่อนย้ายทว่าผลลัพธ์ก็เป็นเช่นเดียวกัน ไม่สามารถเคลื่อนย้ายกระถางหินนั่นได้เลย
“ผิดปกติมากจริงๆ”
นัยน์ตาดำของหลินสวินฉายประกายเจิดจ้าวูบหนึ่ง เรียกเจดีย์สมบัติไร้อักษรออกมาโดยไม่ชักช้า
วู้ม!
เจดีย์สมบัติเปล่งรัศมี ห้อมล้อมด้วยแสงสีทองอร่ามงดงาม ไพศาลศักดิ์สิทธิ์ เจดีย์แปดเหลี่ยมเผยให้เห็นภาพปรากฏการณ์ของสุริยันจันทราภูผานที ฟ้าเสถียรดินขนาน เทพธรรมบาลแลหมู่ดาว สัตว์ตำนานบรรพกาล เป็นต้น
ภาพนั้นเปรียบเสมือนการฉายภาพของพิภพเทวาบรรพกาล ประทับบนตัวเจดีย์ มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ไพศาลที่คงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์
ทันใดนั้นหลินสวินนิ่งงันไป เดิมทีเขาคิดจะใช้แสงมรรคทองนิลกาฬไปเก็บกระถางหินเก่าแก่เรียบง่ายใบนั้น ทว่าเวลานี้เมื่อเรียกเจดีย์สมบัติไร้อักษรออกมา กลับสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างจากในอดีตอย่างเห็นได้ชัด!
สิ่งที่เห็นชัดมากที่สุดก็คือบนยอดเจดีย์ อักษร ‘ไร้’ ที่ไม่สมบูรณ์ตัวนั้น ปรากฏท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์และจิตวิญญาณที่ไม่เคยมีมาก่อนหน้านี้ขึ้น ทุกเส้นทุกขีดดุจดั่งรวบรวมท่วงทำนองมรรคแห่งชั้นฟ้าเอาไว้ ให้ความรู้สึกบีบคั้นสั่นสะเทือนอย่างไม่อาจบรรยายได้!
‘หรือเป็นเพราะหลังจากดูดซับมรรคคาถาลึกลับบทนั้นไปแล้ว ทำให้เจดีย์องค์นี้เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ นี่’
หัวใจของหลินสวินไหววูบ นึกถึงมรรคคาถาอันลึกลับบทนั้นขึ้นมา
ยาตรานภสินธุ์ ย่ำแดนดินคุนหลุนผา
เกี่ยวตะวันแลจันทรา กอบกุมไว้ทั่วอัมพร
ข้าจากมรรตยะ เคาะประตูสู่อมร
ทางเร้นเห็นสันดร มรรคประทานผู้มีบุญ
มรรคคาถาบทนี้แฝงความหมายลึกซึ้งยิ่งใหญ่! แต่ละตัวอักษรต่างซุกซ่อนพลังลึกลับเอาไว้!
ในตำหนักใหญ่สามสิบสามชั้นเมื่อครั้งที่แล้ว ยามที่มรรคคาถาบทนี้ปรากฏขึ้น ก็ได้ดูดเอาภาพจิตรกรรมเก่าแก่ทั้งหมดบนผนังรอบทิศของตำหนักใหญ่ไปจนเกลี้ยง!
ทั้งหมดนี้เพียงพอจะพิสูจน์ได้ถึงความเร้นลับของมรรคคาถาบทนี้แล้ว ที่น่าเสียดายคือ หลังจากที่มันเข้าสู่เจดีย์สมบัติไร้อักษรแล้วก็อันตรธานหายไป เสาะหาไม่พบร่องรอยแม้แต่เสี้ยวเดียว
ทว่าหลินสวินกลับคิดไม่ถึง เวลานี้ยามที่เรียกเจดีย์ไร้อักษรออกมา ภายใต้สถานการณ์ที่เขาเองก็ไม่รู้เลยสักนิด เจดีย์สมบัติก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยบางอย่างขึ้น!
สิ่งที่ทำให้หลินสวินตกใจมากที่สุดคือ ยังไม่ทันรอให้เขาเข้าใจเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงนี้ เบื้องหน้าพลันปรากฏการเปลี่ยนแปลงอันน่าเหลือเชื่อฉากหนึ่งขึ้น…
กระถางหินเก่าแก่เรียบง่ายนั้น จู่ๆ ก็เริ่มคำรามและสั่นสะเทือนขึ้นมา!
____
[1] ต้อนพยัคฆ์เขมือบหมาป่า หมายถึงการทำให้สองฝ่ายตีกันเอง เพื่อให้ตนเองได้ฮุบผลประโยชน์