Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 610 การเปลี่ยนแปลงอันน่าตะลึงของศุภโชค
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 610 การเปลี่ยนแปลงอันน่าตะลึงของศุภโชค
อย่างเจ้านับเป็นตัวอะไร!
ได้ยินคำด่าว่าไม่เกรงใจเช่นนี้ หนิวทุนเทียนหน้าเขียวไปหมดแล้ว ควันออกหู เขาฝึกปราณมาจนถึงตอนนี้ เคยถูกเย้ยหยันแบบนี้ซะที่ไหน
สิ่งที่น่าโกรธที่สุดคือ ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่เคยมองสบตากับเขาเลย พูดประโยคนี้ทิ้งท้ายเอาไว้แล้วพุ่งเข้าใส่เบาะรองนั่งที่อยู่กลางอาศรม
เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนี้ไม่กลัวคำขู่ของเขาสักนิด!
“ข้าจะฆ่าเจ้าก่อน!”
หนิวทุนเทียนตะเบ็งเสียง ลงมือพร้อมความโกรธ
ตูม!
ทั่วร่างเขาแผ่กระจายแสงสีดำ บนร่างกายสูงใหญ่ราวกับภูเขาเต็มไปด้วยคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัว นี่คือกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งชั้นยอด เผด็จการน่าสะพรึง อานุภาพกลืนกินไปทั่วทุกสารทิศ
ผู้แข็งแกร่งหลายคนที่เชิงเขาอกสั่นขวัญแขวน
แม้จะเคยเห็นความน่ากลัวของหนิวทุนเทียนมาแล้ว แต่เมื่อได้เห็นอีกครั้งในตอนนี้ก็ยังทำให้ผู้คนรู้สึกกังวลใจและกระสับกระส่าย ตะลึงกับอานุภาพนี้
“ราชันวัวมารน้อยคนนี้…แข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว!” ผู้แข็งแกร่งหลายคนพูดเสียงเบา แม้จะห่างกันแสนไกล ก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกถึงความสั่นสะเทือน
ฉัวะ!
แสงดำเคลื่อนที่ออกไปอย่างรวดเร็ว ในพริบตาก็มาถึงด้านข้างหลินสวิน ทวนสามง่ามสีทองอร่ามเล่มหนึ่งผ่าฟันลงไป
“ตาย!”
หนิวทุนเทียนตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด ทวนสามง่ามแหวกผ่านอากาศอย่างบ้าคลั่งและเอาแต่ใจ
โครม!
กระแสอากาศเกิดความปั่นป่วน แต่กลับไม่เห็นหลินสวินยืนอยู่ที่เดิมแล้ว
“หลบทันรึ” ผู้แข็งแกร่งหลายคนส่งเสียงฮือฮา
พลันเห็นเงาร่างของหลินสวินยืนอยู่ในระยะไกล รอบกายเต็มไปด้วยท่วงทำนองแห่งมรรคที่ไหลเวียนต่อเนื่อง โดดเด่นเหนือใคร และไม่บาดเจ็บสักนิด
แม้จะเป็นเมิ่งเหลียนชิง ข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อยามนี้ก็อดประหลาดใจไม่ได้ และตระหนักได้ว่า เด็กหนุ่มเทพมารคนนี้ช่างสมคำร่ำลือ
“เจ้าวัวโง่ ความสามารถแค่นี้ยังจะกล้าเหิมเกริมหรือ”
หลินสวินยิ้มเยาะ นัยน์ตาดำขลับเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ
วัวโง่!
ผู้แข็งแกร่งหลายคนวิงเวียนตาลาย เด็กหนุ่มเทพมารคนนี้ก็บ้าบิ่นเกินไปแล้ว นั่นบุตรเทพเผ่าวัวมารทรงพลังเชียวนะ ทั้งยังได้รับขนานนามว่าเป็น ‘ราชันวัวมารน้อย’ แต่กลับถูกเขาด่าว่าราวกับเป็นสัตว์เดรัจฉาน
“บุตรเทพ ต้องฆ่าเขาให้ได้!”
เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าวัวมารทรงพลังต่างมีโทสะ ดวงตาแดงก่ำตะเบ็งเสียงอย่างเดือดดาล
โครม!
ในอาศรมหลิวทุนเทียนโกรธจนผมตั้ง ชี้ทวนสามง่ามในมือไปที่หลินสวินซึ่งอยู่ห่างออกไป คมทวนสีทองอร่ามสาดแสงแสบตา เย็นเยียบน่าเกรงขาม
“วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเพื่อเป็นตัวอย่าง!”
“พูดมากจริงๆ ล้างคอให้สะอาด ข้าจะตัดหัวเจ้า”
หลินสวินยืนห่างออกไป สีหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้าน สองตาลึกล้ำ ทั่วร่างแผ่แสงสีเขียวอ่อนบางๆ มีลักษณะโดดเด่นไม่แปดเปื้อน
ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ยอดฝีมือวัยเยาว์ทั้งสองประมือกันแล้ว!
คนหนึ่งเป็นบุตรเทพเผ่าวัวมารทรงพลังที่ว่ากันว่าสามารถสยบบุตรเทพในรุ่นราวคราวเดียวกันจนเงยหน้าไม่ขึ้น ทั้งเผด็จการและหยิ่งผยอง
อีกคนเป็นเด็กหนุ่มเทพมารเผ่ามนุษย์ที่เคยกวาดล้างผู้แข็งแกร่งมากมายเพียงลำพัง สร้างเส้นทางอันนองเลือดไม่มีใครเทียบ!
ในพริบตาเดียว ทุกสายตาต่างรวมกันอยู่ที่นี่
ใครก็คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้ช่วงชิงตำราทองสาส์นหยกด้วยซ้ำ ผู้แข็งแกร่งทั้งสองอย่างหลินสวินกับหนิวทุนเทียนก็เกิดความขัดแย้งกันก่อนแล้ว
บรรยากาศภายในอาศรมตึงเครียด การประชันหน้าเช่นนี้เรียกได้ว่าสะเทือนโลกาอย่างแน่นอน ชักจูงจิตใจของทุกคนในที่นั้น
“ในบรรดาเผ่ามนุษย์ คนที่กล้าอย่างเจ้าถือว่าน้อยมาก แต่คนที่กล้าพูดจาเช่นนี้กับข้าล้วนตายหมดแล้ว”
หนิวทุนเทียนสีหน้าเย็นเยียบ ผมยาวแผ่สยาย เขาในตอนนี้ไม่ได้ดูโกรธ มีเพียงความเย็นชาและเรียบเฉย
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้อานุภาพของเขาน่าสะพรึงกลัว เขาไม่ได้ทำอวดดี แต่เป็นเพราะได้ฝึกจิตวิญญาณจนไม่มีใครเทียบได้แล้ว
“จะว่าไป ข้ายังไม่เคยกินเนื้อวัวมารทรงพลังเลย ฆ่าเจ้าคราวนี้ บางทีอาจจะได้ลองชิม” หลินสวินพูดอย่างสบายๆ
ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าอึ้งงัน เด็กหนุ่มเทพมารคนนี้ป่าถื่อนเกินไปแล้ว ถึงกับเห็นราชันวัวมารน้อยเป็นอาหาร เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ หรือ มิฉะนั้นเหตุใดจึงพูดจาอย่างคนสติฟั่นเฟือนเช่นนี้
มีเพียงเจ้าคางคกเท่านั้นที่หัวเราะลั่น คิดว่าหลินสวินคล้ายตนเองอยู่สามส่วน ตรงที่ที่ไม่เห็นผู้แข็งแกร่งบนโลกอยู่ในสายตา กล้าหาญเต็มประดา
โครม!
อากาศสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง สีหน้าของหนิวทุนเทียนเย็นเยียบอย่างที่สุด เขากวัดแกว่งทวนสามง่าม แทงไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล ราวกับเป็นสายฟ้าสีทองอร่าม ส่องสว่างจักรวาล
ผมดำของหลินสวินพลิ้วไสว ดวงตาดำขลับกระจ่างยามนี้ดูว่างเปล่าอย่างที่สุด ร่างกายสอดประสานกับมรรค โคจรพลังรอบตัวถึงจุดสูงสุด
ตูม!
เขาปล่อยหมัดเป็นประกายกลางอากาศ พรั่งพรูด้วยท่วงทำนองแห่งมรรค เข้าประชันกับอีกฝ่าย
ภายในอาศรมแห่งนี้ราวกับมีสายฟ้าระเบิดออก สะเทือนจนอากาศปั่นป่วน ประกายแสงแผ่กระจาย ส่งเสียงคำรามไปทั้งอาศรม
ทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือด!
“ฆ่า ฆ่าไอ้เด็กเมื่อวานซืนเผ่ามนุษย์นั่นซะ!”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าวัวมารทรงพลังส่งเสียงให้กำลังใจกึกก้องสะเทือนฟ้า
ผู้แข็งแกร่งเผ่าอื่นๆ ก็ล้วนติดตามการต่อสู้ชั้นยอดนี้อย่างตื่นเต้น
“เด็กหนุ่มคนนี้ฆ่าผู้แข็งแกร่งเผ่าพวกข้าไปไม่รู้เท่าไหร่ ตอนนี้มาเจอกับหนิวทุนเทียน ไม่ว่าเขาจะโหดร้ายป่าเถื่อนแค่ไหน ก็ต้องเผชิญเคราะห์อย่างแน่นอน!”
ผู้แข็งแกร่งหลายคนกัดฟัน เหล่านี้ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งจากเผ่าที่หลินสวินเคยตามฆ่า อย่างเช่นเผ่ากาฬพฤกษ์ เผ่าคชามาร เผ่ากวางหยกและอื่นๆ
แน่นอนว่าพวกเขาอยากให้หลินสวินถูกฆ่าเสียประเดี๋ยวนี้
“หึ แม้หนิวทุนเทียนจะเก่งกาจ แต่เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นก็ไม่แย่ อย่าลืมว่าบุคคลระดับบุตรเทพที่ตายในมือเขาไม่ใช่แค่คนสองคน!”
และมีผู้แข็งแกร่งคิดว่าหลินสวินไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่ายดายแน่นอน หากหนิวทุนเทียนต้องการฆ่าเขา ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
ตูม!
กลางอากาศภายในอาศรม หลินสวินต่อสู้กับหนิวทุนเทียน ทั้งสองล้วนเป็นบุคคลไร้เทียมทานแห่งยุค ยามนี้สู้กันอย่างดุเดือด ฆ่าจนลมเมฆผันเปลี่ยน ตะวันดวงเดือนหม่นแสง สถานการณ์น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
นี่ทำให้ในที่นั้นมีเสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้นเป็นระยะๆ มีทั้งคนที่ถอนหายใจกับความน่ากลัวของหนิวทุนเทียน และมีคนที่ตะลึงกับความแข็งกร้าวของหลินสวิน
มีเพียงพวกซูซิงเฟิงเท่านั้นที่สีหน้าดูแย่ที่สุด ผลงานของหลินสวินยิ่งโดดเด่นเท่าไหร่ ก็ทำให้พวกเขาโกรธเกรี้ยวและระแวงมากเท่านั้น หากเป็นไปได้ พวกเขาก็อยากให้หลินสวินตายในมือหนิวทุนเทียน
ตอนที่การต่อสู้เริ่มขึ้น ทั้งเมิ่งเหลียนชิง ข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อต่างถอยหนี เว้นพื้นที่กว้างขวางมากพอให้พวกเขาต่อสู้
ยามนี้รอบกายของเมิ่งเหลียนชิงเต็มไปด้วยแสงสีทอง ผิวพรรณขาวยิ่งกว่าหิมะ กิริยาโดดเด่น
นัยน์ตานางมีเมฆศักดิ์สิทธิ์ไหลวน จ้องมองการต่อสู้ด้วยสีหน้าพินิจพิเคราะห์
อีกด้านร่างกายของข่งซิ่วมีสายฟ้าพันรอบ รูปร่างของเขาสูงโปร่ง ดูประหนึ่งถือกำเนิดจากการอาบสายฟ้า พาให้รู้สึกใจสั่น
ในขณะเดียวกัน เสวียนหลัวจื่อยืนนิ่ง ผมยาวสีฟ้าครามพลิ้วไสว ถือทวนงดงามสีฟ้าอ่อน รอบตัวพรั่งพรูความเฉียบคมอย่างไม่มีปกปิด
พวกเขาจ้องเขม็งไม่ละสายตา พร้อมลงมือช่วงชิงตำราทองสาส์นหยกบนเบาะรองนั่งที่อยู่ตรงกลางตลอดเวลา
สวบ!
ในที่สุดเสวียนหลัวจื่อก็หมดความอดทนเป็นคนแรก ร่างกายวูบไหวรวดเร็ว ลงมือเป็นคนแรกราวกับแสงล่องสีฟ้า เร็วจนเหลือเชื่อ
ในระหว่างที่เด็กหนุ่มเทพมารและหนิวทุนเทียนต่อสู้กัน ไปช่วงชิงตำราทองสาส์นหยกตอนนี้ถือเป็นโอกาสหนึ่งเดียวที่พันปีก็ยากจะพานพบ!
แต่ที่เหนือความคาดหมายของเสวียนหลัวจื่อคือ ตอนที่เขาลงมือ ชุดกระโปรงของเมิ่งเหลียนชิงพลิ้วลอยและโฉบเข้ามาแทบจะในขณะเดียวกัน
“ลงมือ!”
เมิ่งเหลียนชิงร้องเสียงใส นางไม่ได้จะไปช่วงชิงตำราทองสาส์นหยก แต่ต้องการขวางและโจมตีเสวียนหลัวจื่อ!
ฮูม…
รุ้งศักดิ์สิทธิ์สีทองเป็นประกายแถบหนึ่งบดบังฟ้าดิน ราวกับกระบี่เทพเล่มแล้วเล่มเล่าพุ่งเข้าปกคลุมมาทางเสวียนหลัวจื่อ
‘หรือพวกเขาร่วมมือกันแล้ว’
เสวียนหลัวจื่อหัวใจดิ่งวูบ พลันพบว่าอีกด้านข่งซิ่วได้เริ่มโจมตีตามที่คาดเอาไว้ไม่มีผิด
“สมควรตาย!”
เสวียนหลัวจื่อไม่กล้าลังเล โจมตีด้วยทวนสีฟ้าอ่อน เขาตระหนักได้ว่าเมิ่งเหลียนชิงและข่งซิ่วจะต้องแอบร่วมมือกัน ต้องการกำจัดคู่ต่อสู้อย่างเขาก่อน!
ตูม!
การโจมตีนี้ระเบิดแสงเจิดจ้าแสบตา สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งอาศรม ราวกับสายฟ้าผ่าแหวกเก้าชั้นฟ้า กึกก้องไปทั่ว
แต่สิ่งที่ทำให้เสวียนหลัวจื่อแปลกใจคือ แม้ข่งซิ่วจะลงมือ ทว่าก็ไม่ได้มุ่งเป้ามาที่ตน แต่พุ่งตัวไปยังกลางอาศรมระหว่างที่ตนต่อสู้กับเมิ่งเหลียนชิง
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน
เสวียนหลัวจื่อนัยน์ตาหดรัด
“ข่งซิ่ว เจ้ากล้าหลอกข้า!”
พลันเห็นเมิ่งเหลียนชิงด่าว่าอย่างเดือดดาล แสงสีทองทั่วร่างพลิ้วไหว ทิ้งเสวียนหลัวจื่อ แล้วเหินทะยานกลางอากาศไปโจมตีข่งซิ่ว
คราวนี้ในที่สุดเสวียนหลัวจื่อก็เข้าใจแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ข่งซิ่วแอบร่วมมือกับเมิ่งเหลียนชิงเพื่อเล่นงานตน เพียงแต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของข่งซิ่วคือหลอกให้เมิ่งเหลียนชิงเชื่อใจ ให้นางมาขัดขวางตน!
เมื่อเป็นเช่นนี้ หนิวทุนเทียนและเด็กหนุ่มเทพมารขัดขวางกันเอง ในขณะที่เมิ่งเหลียนชิงและตนก็สกัดกั้นกัน ในสถานการณ์เช่นนี้ ข่งซิ่วสามารถฉวยโอกาสนี้ช่วงชิงตำราทองสาส์นหยกเล่มนั้น!
“เจ้าข่งซิ่วตัวดี!”
ความคิดเหล่านี้แวบขึ้นในใจ เสวียนหลัวจื่อที่เข้าใจทุกอย่างสีหน้าพลันอึมครึม นัยน์ตาก็เผยจิตสังหาร
เขากระชับทวนสีฟ้าอ่อนแทงไปทางข่งซิ่วอย่างไม่ลังเล
เสียดายที่ไม่ว่าจะเป็นเมิ่งเหลียนชิงหรือเสวียนหลัวจื่อต่างช้าไปก้าวหนึ่ง ตอนที่พวกเขามีปฏิกิริยา ข่งซิ่วก็พุ่งไปถึงกลางอาศรมตั้งนานแล้ว
เขาเอื้อมมือไปคว้าตำราทองสาส์นหยกบนเบาะรองนั่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความดีใจยากจะปกปิด ครั้งนี้เท่ากับว่าเขาช่วงชิงศุภโชคสะเทือนโลกนี้โดยไม่เปลืองแรง!
ตูม!
แต่ครู่ต่อมา สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไปฉับพลัน ชั่วขณะที่นิ้วของเขาสัมผัสลงไป ตำราทองสาส์นหยกเล่มนั้นกลับราวกับเป็นเงาฟอง แปรเป็นฝนแสงแล้วหายไป!
นี่มัน…
ในใจข่งซิ่วกระตุกอย่างรุนแรง เขาแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ วาสนาหายไปได้อย่างไร
โครม!
แต่ไม่นานเขาก็ไม่มีเวลาคิดมากไปกว่านี้ เพราะเมิ่งเหลียนชิงและเสวียนหลัวจื่อเข้ามาแล้ว ทั้งสองต่างกราดเกรี้ยวอย่างที่สุด แค่คิดก็คงรู้ว่าการลงมือนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
แม้แต่ข่งซิ่วยังไม่กล้ารับตรงๆ จำต้องหลบหนีไป จากนั้นจึงตะโกนเสียงดังลั่น “ทั้งสองท่านโปรดระงับโทสะ นี่คือการลวงหลอก! วาสนาที่ว่าไม่มีอยู่จริง ตำราทองสาส์นหยกนั่นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา พวกเราโดนหลอกแล้ว!”
ได้ยินเช่นนี้สีหน้าของเมิ่งเหลียนชิงและเสวียนหลัวจื่อต่างเปลี่ยนไปเล็กน้อย และพบว่าตำราทองสาส์นหยกบนเบาะรองนั่งที่วางอยู่ตรงกลางไม่ได้ถูกเก็บไป
ทั้งสองลังเลขึ้นมาทันที
“ข้าลองดู”
เมิ่งเหลียนชิงพลันเคลื่อนตัวอย่างว่องไว สะบัดแขนเสื้อไปชิงตำราทองสาส์นหยกนั่น
“หึ!”
เสวียนหลัวจื่อเองก็โจมตีแทบจะในขณะเดียวกัน
แต่ภาพที่ทำให้ทั้งสองผิดหวังปรากฏขึ้นแล้ว ตำราทองสาส์นหยกนั่นราวกับฟองน้ำที่กลายเป็นฝนแสงและแตกหายไปอย่างที่ข่งซิ่วพูดไม่มีผิด
นี่มัน…
ทันใดนั้นสีหน้าของทั้งสองต่างอึมครึมสับสน ในใจถูกความผิดหวังและไม่จำยอมที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้เข้ามาแทนที่ หรือศุภโชคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นเพียงแค่การหลอกลวงฉากหนึ่ง?
“เป็นไปได้อย่างไร!”
ยามนี้หนิวทุนเทียนที่กำลังต่อสู้กับหลินสวินอย่างดุเดือด ก็ส่งเสียงคำรามอย่างเดือดดาลสะเทือนฟ้า
เห็นได้ชัดว่าแม้เขาต่อสู้กับหลินสวินอยู่ แต่ก็คอยติดตามสถานการณ์ทุกอย่างตลอด จึงพบความผิดปกติ
มีเพียงหลินสวินที่มุมปากกระตุกอย่างยากจะสังเกตเห็นทีหนึ่ง นึกถึงตำหนักสามสิบสามชั้นอันลึกลับนั่น รวมทั้งแท่นมรรคที่เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าที่อยู่ปลายสุดของตำหนักขึ้นมา…
——