Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 612 ยืมเจ้ามาเป็นคู่รบ พิสูจน์มรรคของข้า
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 612 ยืมเจ้ามาเป็นคู่รบ พิสูจน์มรรคของข้า
โครม!
ในอาศรม แสงประกายคำรามสั่นสะเทือน แสงเมฆม้วนตัว ฟ้าดินเปลี่ยนสี
สถานการณ์น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก บุคคลระดับบุตรเทพชั้นยอดสี่คนร่วมมือกันล้อมโจมตีหลินสวินคนเดียว พาให้ทุกคนตะลึงไปตามๆ กัน
วู้ม!
อากาศสั่นไหว หนิวทุนเทียนกวัดแกว่งทวนสามง่ามแผ่ไอสังหารล้นฟ้า ทำให้อากาศแตกทลาย การโจมตีนี้น่าพรั่นพรึงอย่างที่สุด
ผมยาวของเขาปลิวสยาย ดูเผด็จการอย่างที่สุด ไอเลือดพุ่งขึ้นฟ้าเกิดเป็นไอสังหาร อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาทำให้ผู้แข็งแกร่งหลายคนหวาดกลัว
อีกด้านเงาร่างของเมิ่งเหลียนชิงราวกับภาพมายา แสงสีทองไหลวน กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์สะดุดตา
มือเรียวยาวขาวเนียนของนางประคองขวดสมบัติสีเขียวใบหนึ่งเอาไว้ พ่นฝนแสงบางๆ ดูเหมือนนุ่มนวลและสวยงาม แต่อากาศทุกที่ที่นางผ่านกลับดับสลายทลายลง
นั่นคือ ‘ขวดแสงสูญไอสมบัติ’ ฝนแสงที่พ่นออกมาสามารถทำลายล้างสรรพสิ่ง แตะต้องเพียงเล็กน้อยก็อาจจะประสบพิบัติภัยรุนแรงจนไม่อาจฟื้นคืนชีพได้อีก!
สิ่งนี้คืออาวุธที่สืบทอดกันมาแต่บรรพบุรุษของเผ่าหงส์หิรัณย์
ตูม!
ถ้าพูดถึงคนที่ฝีมือต่อสู้ดุดันที่สุดก็ต้องเป็นข่งซิ่ว ทั่วร่างกายของเขามีสายฟ้าไหลเวียน ราวกับเทพที่ถือกำเนิดจากการอาบสายฟ้า ครอบครองพลังสังหาร อานุภาพแข็งแกร่งและหยิ่งผยอง
ในขณะเดียวกันเสวียนหลัวจื่อเองก็ไม่น้อยหน้า ผมสีฟ้าครามของเขาพลิ้วไหว ในมือถือทวนสีฟ้าอ่อนราวกับภาพในห้วงความฝัน เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า มีความเฉียบคมไร้เทียมทาน โจมตีจนอากาศทรุดลง
บุตรเทพชั้นยอดทั้งสี่นี้ ไม่ว่าเลือกใครออกมา อานุภาพก็เพียงพอที่จะสั่นสะเทือนอีกฝ่ายได้ กวาดล้างผู้แข็งแกร่งมากมายในระดับเดียวกัน
ตอนนี้พวกเขาโจมตีพร้อมกัน ปิดล้อมหลินสวินคนเดียว ในสถานการณ์แบบนั้นเรียกได้ว่าสะท้านโลกและหาได้ยากอย่างแน่นอน
หากเผยแพร่ออกไปในโลกภายนอก จะต้องสร้างความฮือฮาไปทั้งโลกแห่งการฝึกปราณอย่างแน่นอน เพราะการต่อสู้ระดับนี้มีน้อยมากจริงๆ
ครืน โครม ตูม!
ภายในอาศรมโบราณ การต่อสู้ยังคงดุเดือดต่อเนื่อง ลมเมฆเปลี่ยนไป เสียงคำรามดังขึ้นไม่ขาดสาย สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบทศภูมิ
แสงบริเวณนั้นเจิดจรัสอย่างมาก ปกคลุมร่างหลินสวินจนมิด ทำให้แทบไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์การต่อสู้ภายในได้
แต่หลินสวินถูกกำราบอย่างสิ้นเชิงโดยไม่ต้องสงสัย!
นี่ทำให้ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าบริเวณเชิงเขาต่างใจสั่นหวาดผวา สิ่งใดที่เรียกว่าบุตรเทพชั้นยอด
ก็เช่นนี้อย่างไรเล่า!
ชี้ฟ้ากำราบดิน อานุภาพไม่มีที่เปรียบ ความน่าเกรงขามแผ่คลุม ยามนี้เมื่อโจมตีอย่างเหี้ยมหาญพร้อมกัน อานุภาพนั้นใครเล่าจะต้านทานได้
ลองถามใจตัวเองว่า ถ้าเป็นพวกเขา คงจะถูกกำจัดไปตั้งนานแล้ว ไม่มีทางโชคดีอยู่รอดมาได้แน่!
“เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นจะต้องถูกฆ่า!”
เป็นเช่นนี้จะสู้ได้อย่างไร นี่คือความคิดของเหล่าผู้แข็งแกร่ง
เพียงแค่คนใดคนหนึ่งในบรรดาบุตรเทพไร้เทียมทานแห่งยุค ก็ล้วนมีความสามารถมากพอสังหารเด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นแล้ว นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่บุตรเทพไร้เทียมทานแห่งยุคสี่คนลงมือพร้อมกัน
เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นต้องตายแน่!
“น่าเสียดาย…”
สีหน้าของพวกซูซิงเฟิงอึมครึมอย่างที่สุด
ในใจพวกเขาซับซ้อนและอัดอั้นมากจริงๆ ทั้งอยากให้หลินสวินถูกฆ่าเพื่อระบายความคับแค้นใจของพวกเขา แต่ก็ไม่อยากเห็นหลินสวินถูกฆ่าง่ายๆ เช่นนี้
เหตุผลก็ง่ายมาก เพราะพวกเขายังอาลัยอาวรณ์เจดีย์สมบัติและวาสนาในมือหลินสวิน ถ้าเขาถูกฆ่า ก็เท่ากับว่าของทั้งหมดนี้จะตกเป็นของพวกหนิวทุนเทียน
เพราะฉะนั้นตอนนี้พวกซูซิงเฟิงจึงกลัดกลุ้มอย่างที่สุด สีหน้าก็ไม่ได้ดูดีนัก
“หากเด็กคนนี้ตาย ต่อไปการต่อสู้มหามรรคก็หมดสนุกไปไม่น้อย…”
จู่ๆ เซียวหรันที่เงียบมาโดยตลอดก็ถอนหายใจเบาๆ ความรู้สึกของเขาต่อหลินสวินซับซ้อนที่สุด มีทั้งความชื่นชม หวาดระแวง และมีอีกความรู้สึกหนึ่งที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
ตอนนี้บริเวณเชิงเขา จ้าวจิ่งเซวียนและเจ้าคางคกต่างหัวใจแขวนลอย หว่างคิ้วเผยความกังวลอย่างยากจะปกปิด การต่อสู้นี้เกิดขึ้นไวเกินไปและดุดันเกินไป เหนือความคาดหมาย ทำให้รู้สึกบีบคั้นหัวใจมากเป็นพิเศษ
“ไม่ต้องเป็นห่วง เจ้าหนูนั่นไม่ทำอะไรโง่ๆ แน่”
เจ้าคางคกพึมพำ
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังปลอบใจตัวเอง
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ปฏิกิริยาของจ้าวจิ่งเซวียนกลับนิ่งมาก แม้ว่านางเองก็ดูออกว่าสถานการณ์ของหลินสวินในตอนนี้อันตรายมาก แต่นางไม่คิดว่าหลินสวินจะถูกฆ่า!
คนอย่างเขา หากไม่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปเป็นร้อยๆ ปี ก็คงชื่อเสียงย่ำแย่ไปเป็นหมื่นปี แต่ไม่มีทางตายง่ายๆ แบบนี้แน่!
นี่คือมุมมองของจ้าวจิ่งเซวียน นางรู้อดีตของหลินสวินและรู้นิสัยของเขา ยิ่งรู้ถึงปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับตัวเขา จึงไม่รู้สึกแปลกอะไรแล้ว
วันนี้จะเกิดปาฏิหาริย์อะไรขึ้นอีกหรือไม่
เกิดสิ!
เสียงในใจจ้าวจิ่งเซวียนพูดเช่นนี้
……
สภาพในตอนนี้ของหลินสวินแปลกมาก
ในใจของเขามีเพลิงแห่งการต่อสู้กำลังลุกโชน เลือดทั่วร่างราวกับหินหนืด มีความรู้สึกรุนแรงราวกับกำลังเดือดพล่าน กึกก้องคำราม และปะทุระเบิดอย่างไรอย่างนั้น
นี่เป็นจิตต่อสู้ที่เก่าแก่ บริสุทธิ์และเผด็จการ เกรี้ยวกราดและหยิ่งผยอง!
สวบ!
เงาร่างของเขาพริบไหว ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งกลางอากาศ แม้ว่าจะถูกการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวจากทั่วทุกทิศกดดัน แม้จะถูกขังในพื้นที่เพียงชุ่น ความวิเศษเกินจะคาดเดาของก้าวย่างชือน้ำแข็งก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ตูม!
เขาปล่อยหมัดมือเปล่า สู้ด้วยเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ แรงหมัดอุดมท่วงทำนองแห่งมรรค บางครั้งก็เผยอานุภาพทลายภูผา บางครั้งก็เผยอานุภาพทลายสมุทร บางครั้งก็ปรากฏลักษณ์ทลายวิญญาณและอากาศ บางครั้งก็แสดงอานุภาพทลายมังกรปักษาเพลิง…
ทุกๆ หมัดล้วนหมดจดและตรงไปตรงมา สมบูรณ์และไหลลื่น สำแดงมรดกโบราณที่สืบทอดจากห้องโถงมรรคาสวรรค์ออกมาอย่างเต็มกำลัง
หลินสวินในตอนนี้ผมดำปลิวสยาย ดวงตาดำลึกล้ำ เงาร่างวูบไหวไม่นิ่ง รอบตัวมีท่วงทำนองมรรคสดใสไหลเวียนปานคำราม
เขาดูเหมือนถูกกำราบอย่างสิ้นเชิงแล้ว ถูกการโจมตีรูปแบบต่างๆ ปกคลุม ทว่าสภาพนอกจากไม่ได้ดูสะบักสะบอม กลับให้ความรู้สึกว่ายังสามารถเคลื่อนไหวได้ตามใจ ดูสงบเยือกเย็น
ราวกับเป็นผู้สันโดษละซึ่งทางโลก กำลังร่ายรำอยู่บนภูเขาดาบทะเลเพลิง เหลือบแลสายตาไปยังอันตรายรอบด้าน!
ไร้ซึ่งความกลัว!
และมีเพียงคำพูดนี้เท่านั้นจึงจะสามารถเปรียบเทียบสภาพของหลินสวินได้อย่างแม่นยำ รอบตัวเขาจิตต่อสู้กำลังเดือดพล่าน ในใจว่างเปล่ากระจ่างใส รวมเป็นหนึ่งเดียวกับมรรค
แม้อยู่ในสนามรบที่อันตรายอย่างที่สุดนี้ แต่เขากลับมองการต่อสู้นี้เป็นการฝึกฝน ฉวยโอกาสนี้พิสูจน์มรรคาของตน!
ตูม!
รอบตัวเขาปลดปล่อยสภาวะวิญญาณอันเป็นเอกลักษณ์ มรรควิถีของเขาค่อยๆ ปรากฏและแสดงออกมา
เขาในอดีตผ่านด่านเคราะห์อสนีหกครั้งอันไร้เทียมทานมาแล้ว เป็นการยกระดับฝีมืออย่างที่สุด เปลี่ยนแปลงและเข้าสู่เส้นทางหยั่งสัจจะอย่างสมบูรณ์แบบ
หลังจากนั้นเขาได้ชำระล้างข้อบกพร่อง ฟังเสียงธรรมในตำหนักโบราณ และสร้างมรรคาของตนขึ้นมาใหม่อีกครั้งในระหว่างการหยั่งรู้…
ทุกสิ่งที่สะสมและเปลี่ยนแปลงมา สร้างมรรคาอันแข็งแกร่งไร้เทียมทานของเขาในวันนี้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีบกพร่อง
ก่อนหน้านี้ อานุภาพและพลังที่หายากนับตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบันเช่นนี้ ยังไม่เคยปรากฏอย่างแท้จริง
แต่ตอนนี้เมื่อเผชิญการปิดล้อมโจมตีของบุตรเทพชั้นยอดทั้งสี่ ทำให้ในที่สุดหลินสวินก็มีโอกาสปลดปล่อยและพิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่
สู้!
มีเพียงการต่อสู้ด้วยตัวเองเท่านั้น จึงจะสามารถพิสูจน์ความแข็งแกร่งและอ่อนแอในมรรคาของตนได้
หลินสวินในตอนนี้เข้าใจจุดนี้อย่างดี เขาไม่เพียงไม่กลัว แต่ในใจยังมีความกระหายอย่างหนึ่ง
ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้ยังไม่พอ!
ยังต้องการพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้เพื่อสู้กับตัวเอง!
ความกระหายนี้แรงกล้าถึงเพียงนี้ ทำให้เลือดทั่วร่างของเขาเดือดพล่านกู่ก้อง เลือดลมราวกับแผดเผาลุกโหม อานุภาพยิ่งทวีความแข็งแกร่งสะเทือนลมเมฆ
หนิวทุนเทียนพลันหรี่ตา ใบหน้าที่เดิมหยิ่งผยองและเผด็จการเผยความตะลึงเสี้ยวหนึ่ง เขารับรู้ได้อย่างฉับไวว่าพลังของหลินสวินแข็งแกร่งขึ้น!
นี่ทำให้ในใจเขาสั่นไหว แทบจะไม่อยากเชื่อ เผชิญกับการกดดันกำราบของพวกเขาทั้งสี่ เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนี้ไม่เพียงไม่ถูกฆ่าในทันที กลับยังแข็งแกร่งขึ้น?
เป็นไปได้อย่างไร!?
“ไม่ค่อยเข้าที”
เมิ่งเหลียนชิงพึมพำเบาๆ แสงทองในนัยน์ตาระยิบระยับ สีหน้าเคร่งเครียดอยู่บ้าง นางเองก็สังเกตเห็นความแปลกประหลาดและผิดปกติด้วย
เดิมทีนางมั่นใจเต็มเปี่ยม คิดว่าด้วยพลังของทั้งสี่ย่อมสามารถฆ่าหลินสวินได้ในชั่วพริบตา
ใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนี้ไม่เพียงยืนหยัดมาได้ถึงตอนนี้ แต่พลังยังค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น ทำให้นางแทบไม่อยากจะเชื่อ
บนโลกนี้มีตัวประหลาดเช่นนี้ด้วยหรือ
สีหน้าของข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่ออึมครึมขึ้น แน่นอนว่าทั้งสองก็พบความผิดปกติเช่นกัน เดิมทีพวกเขามั่นใจเต็มเปี่ยม ถึงขั้นดูถูกอยู่บ้าง คิดว่าการรุมโจมตีหลินสวินคนเดียวเป็นการประเมินความสามารถของเขาสูงเกินไป
แต่ตอนนี้พวกเขากลับตื่นตัวอย่างฉับพลัน ตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขายังประเมินและดูถูกเด็กหนุ่มคนนี้เกินไปด้วยซ้ำ!
จากพลังต่อสู้ที่เขาเผยออกมาในตอนนี้ ถึงขั้นที่สามารถสู้ตัดสินแพ้ชนะกับคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเขาได้แล้ว!
ฆ่า!
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิง หรือจะเป็นข่งซิ่วกับเสวียนหลัวจื่อ ต่างเก็บความดูถูกในใจโดยไม่ได้นัดหมาย
พวกเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น และงัดพลังที่แท้จริงออกมาโดยไม่เก็บงำอีก สายตาเต็มไปด้วยไอสังหาร เด็ดเดี่ยวและมั่นคง
พวกเขายอมให้หลินสวินมีชีวิตอยู่ไม่ได้!
เดิมทีทั้งสี่โจมตีพร้อมกันก็ทำให้พวกเขารู้สึกเสียศักดิ์ศรีแล้ว หากสุดท้ายกลับยังไม่สามารถฆ่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นได้ ถือเป็นความอับอายอย่างใหญ่หลวง
หากเผยแพร่ออกไป พวกเขาจะต้องถูกมองเป็นตัวประกอบ กลายเป็นตัวตลกอย่างแน่นอน!
“เอ๋!”
ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าบริเวณเชิงเขาเพิ่งจะรู้สึกตัว และพบว่าสถานการณ์ดูผิดปกติไปเล็กน้อย
สู้กันมาเกือบจะครึ่งเค่อแล้วกลับยังไม่รู้แพ้รู้ชนะ ดูผิดปกติมากเหลือเกิน
“เด็กหนุ่มเทพมารคนนี้แน่จริงๆ ยืนหยัดมาได้ถึงตอนนี้ เท่านี้ก็เพียงพอที่จะยืนยันว่า พลังต่อสู้ของเขาไม่ด้อยไปกว่าคนใดคนหนึ่งในบรรดาสี่คนนั้น!”
มีคนตะลึง
“บางทีอาจเป็นเพราะพวกหนิวทุนเทียนดูถูกและชะล่าใจเกินไป ทำให้เด็กหนุ่มคนนี้มีโอกาสได้หายใจ”
แต่ก็มีผู้แข็งแกร่งหลายคนไม่เห็นด้วย ในสายตาของพวกเขา หลินสวินถูกกำราบมาตลอด นี่ก็เหมือนแมวหยอกหนู เป็นการกลั่นแกล้งและดูถูกอย่างหนึ่ง การที่ไม่สามารถตัดสินเป็นตายได้ในเวลาอันสั้น ไม่ได้มีความหมายอะไร
“ไม่ พวกเจ้าผิดแล้ว เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นเก่งกาจมาก! ไม่ได้เก่งกาจธรรมดา ไม่เห็นหรือว่าพลังของเขาค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น!”
มีคนที่สายตาเฉียบคมมองเห็นความจริงบางอย่าง จึงอดขนลุกขนชันไม่ได้ พลันส่งเสียงอย่างตะลึง
ทำให้หลายคนหันไปมองด้วยความแปลกใจ
“เป็นแบบนี้ได้อย่างไร…”
พวกซูซิงเฟิงทั้งอัดอั้นและสับสน พวกเขาไม่อยากให้หลินสวินถูกฆ่า แต่เมื่อเห็นว่าหลินสวินไม่ได้ถูกฆ่าในทันที พวกเขาก็ไม่จำยอมและชิงชังไม่น้อย
สรุปแล้ว วันนี้เป็นวันที่พวกเขายากจะมีความสุขได้อย่างแท้จริง
“ข้าพูดผิดไปแล้ว ไม่ต้องรอถึงอนาคต เขาในตอนนี้ก็มีพลังที่สูสีกับข้าแล้ว…”
เซียวหรันพึมพำ น้อยมากที่จะเห็นเขาเสียการควบคุมเช่นนี้ ตอนนี้ความเย่อหยิ่งและความมั่นใจเกิดการสั่นคลอน
เดิมทีสำหรับเขา หลินสวินถือเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าชื่นชมมาก แต่ถ้าอยากสู้กับตน ยังต้องฝึกฝนเติบโตอีกมาก
แต่ตอนนี้เซียวหรันกลับพบว่า ความเข้าใจและการตัดสินของเขาเกิดความผิดพลาด ไม่ต้องรอถึงอนาคต หลินสวินในตอนนี้ก็มีคุณสมบัติที่จะสู้กับเขาแล้ว!
“ที่แท้ข้าก็ดูถูกเขาเกินไป…”
ในใจเซียวหรันรู้สึกซับซ้อนอยู่บ้าง
ทว่าไม่นานเขาก็สงบลง สีหน้าลึกล้ำไร้อารมณ์ ในฐานะบุคคลไร้เทียมทานแห่งยุค ความเย่อหยิ่งและจิตใจแห่งการแสวงมรรคของเขาไม่มีทางสั่นไหวเพราะเรื่องแค่นี้
——