Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 613 วิชาอริยะยุทธ์
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 613 วิชาอริยะยุทธ์
“เจ้าหนุ่ม แข็งแกร่งขึ้นมาเถอะ! ฆ่าสารเลวพวกนี้ซะ ให้พวกชอบดูถูกคนอื่นตัวสั่นและหวาดกลัวให้หมด!”
“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน บุคคลไร้เทียมทานคนใดบ้างที่ไม่ได้สังหารมาตลอดทาง ในสมัยบรรพกาลผู้มีความสามารถคนใดบ้างที่ไม่ได้พิสูจน์มรรคบนกองศพทะเลเลือด อยากจะต่อสู้บนเส้นทางมหามรรคงั้นหรือ ง่ายมาก ตั้งเป้าหมายเล็กๆ เอาไว้ แล้วกวาดล้างศัตรูทุกคนในใต้หล้าเสียก่อน!”
เจ้าคางคกตื่นเต้น ร้องตะโกนดุเดือดเต็มอารมณ์
เขาเองก็สังเกตเห็นร่องรอยที่หลินสวินเก่งกาจขึ้น นี่พาให้เขารู้สึกตื่นเต้นไปด้วยจนไม่สามารถสงบได้
จ้าวจิ่งเซวียนเม้มปากเงียบ แต่ดวงตาคู่งามกลับทอประกาย
สถานการณ์ของหลินสวินในตอนนี้ยังคงอันตราย แต่กลับทำให้นางมองเห็นความหวังเสี้ยวหนึ่ง แม้จะเล็กมากแต่ก็ยังดีกว่าสิ้นหวัง
โครม!
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ไม่นานจู่ๆ หนิวทุนเทียนก็ส่งเสียงคำรามสะเทือนสวรรค์ อานุภาพทลายโลก!
แสงสีดำก่อตัวรอบตัวเขา ทวนสามง่ามสีทองอร่ามในมือส่งเสียงคำรามทะลุฟ้าขึ้นมา ท่วงทำนองแห่งมรรคพรั่งพรู แผ่กระจายแสงสีทอง
ชั่วพริบตานั้นราวกับแทงทะลุจักรวาล!
นี่คือท่าไม้ตาย น่าสะพรึงกลัวสะเทือนโลกา ทำให้ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน ตระหนักได้ว่าหนิวทุนเทียนเดือดดาลจริงๆ แล้ว และเริ่มใช้ท่าไม้ตาย
ฟู่!
ทันใดนั้นเงาร่างของหลินสวินพลันสั่นขึ้นมา ถูกสะเทือนจนเซถอยหลัง เขาไม่สามารถหลบได้
เหตุผลแรกเพราะการโจมตีนี้แข็งแกร่งเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นคือ ในทิศทางอื่นอีกสามทิศ พวกเมิ่งเหลียนชิงต่างก็โจมตี สกัดกั้นทางหนีของเขา
นี่ก็คืออันตรายของการถูกปิดล้อมสังหาร ดั่งคำที่ว่าสองหมัดยากจะสู้สี่มือ แล้วนับประสาอะไรกับสถานการณ์ที่คู่ต่อสู้ของเขายังเป็นถึงบุตรเทพไร้เทียมทานแห่งยุคสี่คน
เสียงของเจ้าคางคกหยุดไปฉับพลัน ยังไม่ทันได้ตื่นเต้นก็ตึงเครียดขึ้นมาเสียแล้ว
ส่วนผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าทั่วบริเวณก็เดือดพล่าน ตระหนักได้ว่าการต่อสู้ได้เข้าสู่ช่วงที่ดุเดือดที่สุดแล้ว บุตรเทพไร้เทียมทานแห่งยุคทั้งสี่ไม่ออมมืออีกต่อไปแล้ว!
การต่อสู้อันสุดยอดนี้หายากอย่างที่สุด
แม้ทุกคนจะไม่ยินยอมแต่ก็ต้องยอมรับว่าหลินสวินแข็งแกร่งมากจริงๆ มีความสามารถพอจะเทียบเคียงบุตรเทพไร้เทียมทานแห่งยุคได้แล้ว
แม้ว่าสุดท้ายเขาอาจจะตายในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่เชื่อว่าชื่อของเขาก็จะดังก้องไปทั่วทุกเผ่า
เพราะการที่ในเผ่ามนุษย์มีบุคคลไร้เทียมทานเช่นนี้โผล่ออกมา ถือว่าหายากและสะดุดตามากจริงๆ
การต่อสู้ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ชักจูงผู้ชมได้อย่างเหนียวแน่น ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าจ้องตาไม่กะพริบ จับจ้องไม่วางตาแทบจะลืมหายใจ ด้วยกลัวว่าจะพลาดรายละเอียดจุดใดจุดหนึ่ง
หนิวทุนเทียนใช้กระบวนท่าไม้ตาย ราวกับวัวมารทรงพลังที่แท้จริงมาเยือนโลก กวาดล้างจักรวาล ง้าวร่ายรำอยู่บนท้องฟ้า เผด็จการจนชวนให้ใจสั่น
เมิ่งเหลียนชิงยิ่งศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ แสงทองรอบตัวราวกับพู่พลิ้วไหว ขวดแสงสูญไอสมบัติในมือส่งเสียง สาดฝนแสงออกมานับร้อยพันราวกับเป็นภาพในห้วงฝัน งดงามอย่างที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็อันตรายอย่างที่สุดเช่นกัน
ครืนโครม!
พายุสายฟ้าคะนอง แสงสายฟ้าวูบไหวบนท้องฟ้า ข่งซิ่วกำลังโจมตี ควบคุมสายฟ้าสังหารอย่างไม่ปรานี สำแดงวิชามรดกที่สืบทอดกันมาอย่างลึกลับของเผ่าตน
อีกด้านทวนสีฟ้าอ่อนที่ราวกับภาพฝันของเสวียนหลัวจื่อพุ่งขึ้น แปรเป็นเงาทวนมากมายมืดฟ้ามัวดิน ราวกับกลืนกินอากาศ!
ทั้งท่าไม้ตายและวิชาลับกำลังปรากฏ อาวุธบรรพชนและท่วงทำนองมรรคกู่ก้องคำราม!
การโจมตีทุกรูปแบบล้วนเรียกได้ว่าสะเทือนโลก ตอนนี้เมื่อปรากฏบนอาศรมโดยพร้อมเพรียงกัน ภาพนี้ช่างยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
เสียงอุทานด้วยความตกใจของผู้ชมเหมือนไม่เคยหยุดลง
ใครจะคิดว่าอยู่ในระดับหยั่งสัจจะเหมือนกัน แต่พวกเขาในฐานะบุตรเทพชั้นยอดกลับแข็งแกร่งถึงขั้นนี้!
บางทีนี่อาจจะเป็นความแตกต่างระหว่างผู้กล้ากับผู้ฝึกปราณธรรมดา แม้อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ในระดับนี้ผู้กล้าเหล่านั้นกลับยืนอยู่บนยอดเขาอย่างเย่อหยิ่ง เหลือบมองลงมายังมวลชน
และเหล่าผู้ฝึกปราณธรรมดาก็ทำได้เพียงวนเวียนและแหงนหน้าขึ้นมองอยู่ตรงบริเวณเชิงเขา
สองฝ่ายนี้ย่อมต่างกันราวฟ้ากับดิน!
“เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้น…ยังไม่ถูกสังหารงั้นหรือ”
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งตะลึงก็คือ แม้อยู่ท่ามกลางการเข่นฆ่าอันน่าสะพรึงกลัวนี้ หลินสวินกลับยังคงยืนหยัดและต่อสู้โดยไม่มีท่าทีว่าจะล้มลง
การค้นพบนี้ทำให้ทุกคนตะลึง สูดหายใจเข้าด้วยความตะลึง ตระหนักได้ว่านี่คือปัญหาที่รุนแรงอย่างมาก
ถ้าเปลี่ยนจากหลินสวินเป็นใครคนใดคนหนึ่งในบรรดาบุตรเทพชั้นยอดทั้งสี่ จะสามารถยืนหยัดท่ามกลางการถูกปิดล้อมโจมตีได้ถึงตอนนี้หรือไม่
เหมือนจะ…
เป็นไปได้ยาก!
หลังจากเปรียบเทียบในใจ สีหน้าของผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าต่างเปลี่ยนไป นี่หมายความว่าหากเป็นสถานการณ์หนึ่งต่อหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นใครในบรรดาพวกหนิวทุนเทียน ก็ล้วนไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นได้งั้นหรือ
เมื่อการคาดการณ์นี้ผุดขึ้นในใจทำให้ผู้แข็งแกร่งในที่นั้นเงียบลง อึ้งค้างอยู่กับที่ จนถึงตอนนี้พวกเขาจำต้องยอมรับ ว่าเด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นเย้ยฟ้าและดุดันมากจริงๆ!
หัวเดียวกระเทียมลีบ แต่กลับสามารถสู้กับบุตรเทพชั้นยอดทั้งสี่ได้โดยไม่พ่ายแพ้ พลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวระดับนี้ ทอดสายตามองไปบนโลกนี้จะมีเสียกี่คน
สีหน้าของพวกซูซิงเฟิงยิ่งดูแย่เข้าไปใหญ่ อึมครึมขมวดมุ่นถึงที่สุด
ส่วนเซียวหรันถอนหายใจเบาๆ อารมณ์ดูซับซ้อน
เจ้าคางคกและจ้าวจิ่งเซวียนมีประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ยามนี้ในใจพวกเขาตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ ไม่สามารถรู้ได้ว่า ตอนนี้หลินสวินในระดับหยั่งสัจจะแข็งแกร่งขึ้นขั้นไหนแล้ว
อารมณ์ของทุกคนบริเวณเชิงเขาแตกต่างกันออกไป และในอาศรม บุตรเทพชั้นยอดที่กำลังเข่นฆ่าอย่างดุเดือดก็ไม่สามารถสงบอารมณ์ได้เช่นกัน
พวกเขาต่างก็ใช้ท่าไม้ตาย แสดงความสามารถที่แท้จริงของแต่ละคนออกมาแล้ว เดิมทีคิดว่าเพียงพอที่จะทำให้หลินสวินประสบพิบัติภัยไม่มีทางฟื้นคืน และไม่มีแรงจะดิ้นรนอีก
แต่ผลลัพธ์กลับเหนือความคาดหมายของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง หลินสวินที่ตกอยู่ในการปิดล้อมโจมตีของพวกเขากลับยิ่งสู้ยิ่งกล้าหาญ ยิ่งสู้ยิ่งแข็งแกร่ง!
เป็นไปได้อย่างไร
ไม่ว่าพวกเขาจะเย่อหยิ่งและมั่นใจเพียงใด แต่เมื่อรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ ก็ยังคงรู้สึกเหลือเชื่อและยากจะยอมรับได้
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สีหน้าของพวกเขาดูเคร่งเครียดและอึมครึมขึ้นมา ในใจเกิดความรู้สึกเดือดดาลและหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
พวกเขาเป็นผู้กล้า เป็นบุตรเทพแต่ละเผ่า เป็นที่จับตาของมวลชน คิดว่าตนนั้นอยู่จุดสูงสุดในบรรดาคนระดับเดียวกัน สามารถกวาดล้างศัตรูทุกคนได้
แต่แล้วยามนี้พอประลองกับหลินสวิน กลับประหนึ่งถูกท่อนไม้ตีให้ตื่น ทำให้พวกเขาค้นพบอย่างกะทันหันว่า แท้จริงแล้วบนปลายยอดในระดับเดียวกันนี้ ยังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขา!
ราวกับราชันที่ยืนอยู่บนยอดสูงสุด!
เป็นแบบนี้ได้อย่างไร
ความรู้สึกประหลาดใจราวกับคลื่นน้ำถาโถมเข้าใส่ในใจพวกเขา พวกเขาไม่กล้าชะล่าใจ ยิ่งทวีความดุดัน ไม่อาจยอมให้ถูกเปรียบเทียบต่อไปได้
ครืน โครม โครม!
ทั่วทั้งอาศรมตกอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายอันน่าหวาดหวั่น เมฆศักดิ์สิทธิ์จรัสแสง กระแสปั่นป่วนพลุ่งพล่าน
ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าที่อยู่บริเวณเชิงเขา หรือพวกหนิวทุนเทียน ต่างราวกับลืมไปแล้วว่าตรงกลางอาศรมแห่งนั้นยังมีวาสนาตะลึงโลกอยู่
จากเรื่องนี้ก็จะดูออกว่า การต่อสู้ในครั้งนี้เป็นประวัติการณ์และสั่นสะเทือนเพียงใด ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างถูกชักจูงจนไม่สามารถละสายตาได้
“ฝีมือแค่นี้? อ่อนแอเกินไปแล้ว!”
ทันใดนั้นในอาศรมเกิดเสียงคำรามขึ้น กังวานและกึกก้องสะเทือนฟ้าดิน แฝงความไม่พอใจ
เป็นหลินสวิน!
เขาในตอนนี้ถูกแสงสีฟ้าแรงกล้าปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย ท่วงทำนองแห่งมรรคราวกับเสียงมังกรครวญ ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือนโดยพร้อมเพรียงกัน
จิตต่อสู้ที่ราวกับหินหนืดเดือดดาลปะทุคลั่ง พลุ่งพล่านอยู่ในดวงตาสีดำขลับลึกล้ำของเขา ทุกอิริยาบถราวกับราชันองค์หนึ่ง อานุภาพยิ่งใหญ่ปานสามารถกลืนกินสรรพสิ่งในใต้หล้า!
เขาในตอนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ พาให้คนรู้สึกไม่กล้าจับจ้อง เขายังคงปล่อยหมัดมือเปล่า แต่กลับมีพลังอันยิ่งใหญ่ตะลึงผู้คน
ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าหัวใจกระเพื่อมไหว ไม่สามารถกำราบเด็กหนุ่มเทพมารคนนี้ได้จริงๆ หรือนี่
แข็งแกร่งเกินไปแล้วหรือเปล่า!
“ฆ่า ฆ่าพวกสารเลวนี้ให้หมด มารดามันเถอะ แบบนี้ถึงจะสะใจ ข้าร้อนใจจะแย่แล้ว!”
เจ้าคางคกตื่นเต้นจนกระโดดโลดเต้น ส่งเสียงตะโกนโหวกเหวก ดึงดูดสายตาโกรธเกรี้ยวของเหล่าผู้แข็งแกร่ง แต่เขากลับไม่ใส่ใจ กลอกตาใส่โดยไม่สนใจเลยสักนิด
ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นกัดฟันด้วยความชิงชัง แต่กลับไม่มีใครลงมือในยามนี้ ด้วยพลังผนึกต้องห้ามยังอยู่ เจ้าคางคกเคยเข้าไปในตำหนักโบราณ เคยหยั่งถึงมรดกและได้รับการคุ้มครองจากผนึกต้องห้าม
อีกอย่างในช่วงเวลาเช่นนี้พวกเขาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าคางคก เพราะตอนนี้การต่อสู้มาถึงช่วงเวลาสำคัญที่สุด ดึงดูดจิตใจของพวกเขา
ในสนามรบ พวกหนิวทุนเทียนทั้งโกรธทั้งตกใจ เดือดดาลอย่างสิ้นเชิง อานุภาพยิ่งน่าพรั่นพรึง
ทว่าหลินสวินราวกับยังไม่พอใจ ขมวดคิ้วพูดว่า “พวกเจ้าไม่ได้กินข้าวมาหรือ เพิ่มกำลังหน่อย มิฉะนั้นพวกเจ้าแพ้แน่!”
ไม่ได้กินข้าว…
พวกหนิวทุนเทียนถึงขั้นอยากจะกระอักเลือดแล้ว เจ้าหมอนี่พูดจาไม่น่าฟังเกินไปแล้ว ควรถูกหั่นเป็นหมื่นๆ ชิ้นเสียจริง!
ตูม!
หนิวทุนเทียนคำราม ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับวัวมารที่บ้าคลั่ง ท่าทางคลุ้มคลั่งอย่างสิ้นเชิง ทวนสามง่ามถูกเขากวัดแกว่งจนเกิดเสียง พาให้ห้วงอากาศทรุดทลาย
เมิ่งเหลียนชิง ข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อต่างก็กัดฟัน สำแดงพลังของตนออกมาจนถึงขีดสุด แต่ละคนไอสังหารพลุ่งพล่าน โกรธจนแทบคลั่ง
“ธรรมดา พอใช้ได้”
หลินสวินต่อสู้ไปพลางวิจารณ์ไปพลาง
เขาดูเหมือนกำลังท้าทาย ความจริงในใจนั้นนิ่งสงบ แผนภาพลับการต่อสู้ที่ย้อมท้องฟ้าจนกลายเป็นสีเลือดนั่นสะท้อนก้องอยู่ในสมอง
แผนภาพลับนี้มาจาก ‘ตำราทองสาส์นหยก’ ด้านในมีเงาร่างอันเกรี้ยวกราดดุดัน ไล่สังหารเข่นฆ่าจากนรกจนถึงเก้าชั้นฟ้า ระหว่างทางศพกองเป็นภูเขา เลือดไหลเป็นทะเล กวาดล้างศัตรู ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง เย้ยหยันโลกหล้า!
จิตต่อสู้โบราณภายในแผนภาพนั่นสัมบูรณ์และเผด็จการ ราวกับพลังที่จ่ออยู่ในใจผู้คน จุดเพลิงให้เลือดร้อน เดือดพล่านรอบตัว
หลินสวินต่อสู้มาถึงตอนนี้ สำแดงมรรคาของตน ใช้การต่อสู้เคี่ยวกรำและพิสูจน์ตัวเอง หยั่งรู้ความลึกลับของการต่อสู้ ดังนั้นยิ่งสู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งกล้าหาญ ยิ่งสู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งบ้าคลั่งเท่านั้น!
ท่ามกลางความเลื่อนลอย เงาร่างในแผนภาพลับการต่อสู้ราวกับทับซ้อนกับตัวเอง ทำให้หลินสวินยิ่งตระหนักถึงแก่นแท้ของการต่อสู้ได้ชัดเจนขึ้น!
สู้!
แต่ไหนแต่ไรไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล!
หากฟ้าขวางก็ฉีกฟ้า หากดินจำกัดก็ทลายดิน โดยอาศัยเพียงแค่คำเดียว…
สู้!
ระฆังดังขึ้นสำหรับผู้แสวงมรรค บทเพลงสงครามบรรเลงขึ้นแด่ผู้แข็งแกร่ง!
สู้!
เส้นผมของหลินสวินพลิ้วไหว เขาลืมสิ้นผืนฟ้าผืนดินและผู้คนอย่างสิ้นเชิง ภายในใจเลือดร้อนลุกโชน ความต้องการเดียวของเขาคือการต่อสู้ให้สาแก่ใจ
และในชั่วขณะนั้นเอง ในที่สุดหลินสวินก็หยั่งถึง ดวงตาสีดำขลับวาบประกาย ราวกับลำแสงหนึ่งที่ฉีกทำลายความมืดมน
‘ที่แท้มรดกที่อยู่ในตำราทองสาส์นหยกนั่น… มีชื่อว่าวิชาอริยะยุทธ์!’
ตูม!
ตอนนี้หลินสวินแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จิตสังหารทะลุฟ้า สายตาเย็นเยียบแฝงความเย้ยหยัน เงาร่างราวกับลุกโชนอยู่ในเปลวเพลิงแห่งสงคราม พาให้ฟ้าดินส่งเสียงโอดครวญ
เขาเหวี่ยงแขนปล่อยหมัดออกไป
ตูม!
นี่มันหมัดอย่างไรกัน
เรียบง่ายตรงไปตรงมา แต่กลับแข็งแกร่งไร้เทียมทาน พลังที่ไม่อาจประเมินได้นั้น เพียงแค่จิตสังหารที่แพร่กระจายออกมาก็สามารถทำให้ฟ้าดินหม่นหมองลงแล้ว
ปัง!
ทวนสีฟ้าอ่อนดุจภาพในห้วงฝันราวกับถูกฟ้าผ่า เสียงกระแทกดังลั่น ถูกซัดสะเทือนปลิวออกไป
และในขณะเดียวกันเสวียนหลัวจื่อก็แข็งทื่อไปทั้งตัว ดวงตาเบิกโพลง เต็มไปด้วยความตกใจกลัวอันยากจะเชื่อ แต่สุดท้ายเขาก็อดไม่ไหว กระอักเลือดคำใหญ่ออกมา
ส่วนร่างของเขาซวนเซถอยกลางอากาศ…
——