Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 614 หาญกล้าไร้เทียมทาน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 614 หาญกล้าไร้เทียมทาน
หนึ่งหมัด!
เสวียนหลัวจื่อกระอักเลือด เจ็บหนักจนเซไปข้างหลัง!
เมื่อเห็นภาพนี้ ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าที่อยู่บริเวณเชิงเขาต่างหนังหัวชาวาบแทบจะระเบิด เด็กหนุ่มเทพมารคนนี้กำลังตอบโต้หรือ
นี่ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกหวาดกลัวและเหนือความคาดหมาย ยากจะเชื่อได้ลง
บุตรเทพชั้นยอดสี่คนล้วนไม่สามารถปราบปรามเด็กหนุ่มเทพมารคนเดียวได้ ในระดับหยั่งสัจจะ เหตุใดจึงปรากฏสัตว์ประหลาดที่เย้ยฟ้าเช่นนี้
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
“หมัดนั่น…”
เชียวหรันหัวใจสะท้าน สีหน้าที่มักจะไม่สนโลกตอนนี้ดูจริงจังอย่างที่สุด
น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว!
หมัดนั้นของหลินสวินไม่ได้มีสีสันฉูดฉาดอะไร ธรรมดาอย่างที่สุด เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ พาให้เซียวหรันรู้สึกหวั่นใจ
นั่นมันหมัดอะไรกัน
เซียวหรันอึ้ง ในใจสั่นไหว พลันใคร่ครวญอย่างละเอียด
“ฆ่า! ฆ่าให้ฟ้าพลิกดินตลบ อาทิตย์จันทร์ดับแสง!”
เจ้าคางคกร้องลั่น
“เขาไม่เคยถูกกำราบ!”
ดวงตาคู่ใสของจ้าวจิ่งเซวียนทอประกายจรัสแสง นางดูออกว่าตั้งแต่เริ่มรบจนถึงตอนนี้ หลินสวินไม่เคยหวาดหวั่น
ตรงกันข้าม เขาเห็นเหล่าบุตรเทพชั้นยอดอย่างพวกหนิวทุนเทียนเป็นหินลับมีด ใช้การต่อสู้ฝึกฝนตัวเอง เคียวกรำวิชายุทธ์!
เห็นชัดว่าภาพที่อยู่ตรงหน้าได้พิสูจน์ว่าพลังของเขากำลังจะสมบูรณ์แบบอย่างไม่ต้องสงสัย!
พวกซูซิงเฟิงรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขาเองก็กลัดกลุ้มไม่หยุด ตอนนี้อัดอั้นจนแทบจะกระอักเลือดแล้ว
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลินสวินยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ พาให้รู้สึกพรั่นพรึง มีความรู้สึกหวาดกลัวและพ่ายแพ้อย่างบอกไม่ถูก
“ต้องกำจัดเด็กนี่!”
นี่คือความคิดก่อนหน้านี้ของพวกเขา เพียงแต่ตอนนี้มันแรงกล้าและมาดมั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
……
ในที่นั้นมีเสียงฮือฮาสั่นสะเทือนไม่ขาดสาย ส่วนในอาศรมเก่าแก่ เพราะเสวียนหลัวจื่อถูกหมัดซัดออกไป ทำให้สีหน้าของพวกหนิวทุนเทียนเปลี่ยนไป พลันรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก
เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นเปลี่ยนไปแล้ว!
เขาในตอนนี้ราวกับเทพสงครามที่ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า เลือดโหมปานเดือดคลั่ง ปราณทะลวงฟ้า เพียงยืนสบายๆ อยู่ตรงนั้นก็พาให้รู้สึกถึงแรงกดดันที่ตีหน้าเข้ามา ทำให้ทุกคนแทบกลั้นหายใจ
คนที่หยิ่งยโสอย่างพวกหนิวทุนเทียน ยามนี้ยังรู้สึกเหมือนถูกกำราบและกดดัน
แข็งแกร่งเกินไปแล้วจริงๆ!
ทำให้พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่า เหตุใดในระดับหยั่งสัจจะถึงได้มีสัตว์ประหลาดที่พลิกฟ้าเช่นนี้โผล่ออกมา แม้แต่ในบรรพกาลก็คงไม่เคยมีสัตว์ประหลาดแบบนี้
“ฆ่า! การแก่งแย่งมหามรรค ชัยชนะเป็นของผู้กล้า วันนี้หากพ่ายแพ้ วันข้างหน้าหากมหาสงครามมาเยือนจริงๆ จะมีสิทธิ์อะไรไปสู้กับเหล่าผู้กล้านับหมื่นพัน”
หนิวทุนเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ตะเบ็งเสียงอย่างเดือดดาลสะเทือนจักรวาล
นี่คือการตัดสินใจเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นคือความมั่นใจและท่าทีของเหล่าผู้กล้า
สามารถเป็นถึงบุตรเทพชั้นยอดได้ พวกเขาทุกคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา ตรงกันข้าม เส้นสนกลใน พรสวรรค์ พลังต่อสู้และสติปัญญาของพวกเขาเรียกได้ว่าอยู่ในชั้นยอด
พวกเขารู้ดีว่าวันนี้หากพ่ายแพ้ให้กับหลินสวินคนเดียว จะต้องกลายเป็นเงามืดในใจอย่างแน่นอน นอกเสียจากจะฆ่าหลินสวินได้ มิฉะนั้นต่อให้มรรคาที่ก้าวเดินในชาตินี้จะโดดเด่นเพียงใด ก็ยังเป็นรองหลินสวิน!
“สู้!”
ดวงตาของเมิ่งเหลียนชิงเปล่งแสงทอง จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก็กลับมามั่นคงอีกครั้ง เผยอานุภาพน่าสะพรึงกลัว
นี่ก็คือบุคคลระดับบุตรเทพชั้นยอด ความสำเร็จในวันนี้ใช่ว่าจะได้มาเพราะโชคช่วย!
โครม!
ข่งซิ่วไม่เอ่ยคำ แต่ใช้การกระทำยืนยันการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวในใจ สายฟ้าระเบิดสั่นสะเทือนรอบตัวเขา อานุภาพยิ่งดูน่าพรั่นพรึง
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เหนือความคาดหมายของหลินสวินอยู่บ้าง ตระหนักได้ว่าเป็นเพราะจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของตนยิ่งใหญ่คับฟ้า จึงกลายเป็นการกระตุ้นให้อีกฝ่ายก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นเช่นกัน
บางทีนี่ก็อาจจะเป็นการเคี่ยวกรำและการเปลี่ยนแปลงสำหรับพวกเขาด้วยเช่นกัน!
นี่ทำให้หลินสวินจำต้องยอมรับว่า พวกหนิวทุนเทียนแข็งแกร่งมากจริงๆ ถือว่าเป็นผู้กล้าที่แท้จริงในรุ่นเดียวกัน แต่ละคนต่างมีความสามารถที่คนธรรมดาไม่อาจเทียบ
ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ กลับยิ่งทำให้หลินสวินคาดหวัง
สิ่งที่เขาปรารถนาคือการต่อสู้ระหว่างผู้แข็งแกร่ง สงครามที่สมน้ำสมเนื้อ!
ตูม!
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ในขณะที่หลินสวินก็ยังคงปล่อยหมัดมือเปล่า มีเพียงสิ่งเดียวที่แตกต่าง คือสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว
แม้แต่พวกหนิวทุนเทียนยังตระหนักได้ถึงความรุนแรงของปัญหา จิตวิญญาณการต่อสู้เปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยวมากขึ้น แต่หลินสวินในตอนนี้ยากที่จะถูกสยบได้แล้ว
วิชาอริยะยุทธ์!
ระหว่างการต่อสู้ จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันเก่าแก่และบริสุทธิ์ทำให้หลินสวินเข้าใจแก่นแท้และความลึกลับของการต่อสู้ ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวของเขาล้วนเปลี่ยนไปจากเดิม
นั่นคือรูปแบบการต่อสู้ที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง รวบรวมมรรคาทั่วร่าง ลมปราณและพลัง รวมทั้งวิธีต่อสู้และประสบการณ์ที่ครอบครอง ผสมผสานเข้ากับจิตต่อสู้อย่างสมบูรณ์ สุดท้ายก็ปลดปล่อยออกมาด้วยวิธีต่อสู้ที่บริสุทธิ์ที่สุด!
ก็เหมือนกับกระบวนท่าทลายภูผา ในอดีตหลินสวินเชี่ยวชาญแก่นแท้ของมันและสามารถใช้พลังของมันได้เต็มที่ พลังทำลายล้างที่เกิดขึ้นจึงเรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัว
แต่ตอนนี้หลังจากหลอมรวมความลึกลับของวิชาอริยะยุทธ์ เมื่อใช้กระบวนท่านี้อีกครั้ง อานุภาพพลันแข็งแกร่งขึ้นไม่เพียงแค่เท่าตัวในชั่วพริบตา!
และในระหว่างต่อสู้ไม่มีการจำกัดกระบวนท่า ต่อสู้ได้ดั่งใจปรารถนา ทุกการกระทำล้วนสามารถทลายภูเขามหาสมุทร พลังต่อสู้ไร้ขีดจำกัด
มรดกที่ได้รับสืบทอดมานี้ไม่ใช่วิชายุทธ์ แต่เป็นการอธิบายถึงความลึกลับของแก่นแท้ในการต่อสู้ วิเศษอย่างไร้ขีดจำกัด และเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน
ตูม!
ท่ามกลางเสียงปะทะเสียดหู เมิ่งเหลียนชิงถูกสะเทือนจนเซถอย หายใจหอบ ใบหน้างดงามซีดเซียว
นางรู้สึกได้ว่าท่าไม่ดี ด้วยได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว
สู้มาถึงตอนนี้ แม้จิตวิญญาณการต่อสู้ของนางจะมั่นคงแค่ไหน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหลินสวินที่แทบจะไม่มีทางถูกกำราบ ก็อดรู้สึกพ่ายแพ้ไม่ได้
สู้ไม่ได้แล้วจริงๆ หรือ
ตอนนี้หลินสวินยิ่งดูสงบกว่าเดิม จมอยู่ในการหยั่งรู้วิชาอริยะยุทธ์อย่างสิ้นเชิง หยั่งถึงความลี้ลับของวิชายุทธ์มากมาย
ตอนที่หลินสวินออกหมัด ค่อยๆ แฝงพลังฟ้าดินลงไปด้วย ความร้อนแรงแห่งท่วงทำนองมรรคแทบจะกลายเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ปกคลุมไปทั่วอาศรม
พรวด!
ไม่นานข่งซิ่วเองก็ถูกโจมตีอย่างรุนแรงจนกระอักเลือด แต่เขากัดฟันสู้อย่างดุเดือด ท่าทางดูบ้าคลั่ง ไม่เกรงกลัวความเป็นความตาย
ทว่าหลินสวินในขณะนี้จิตต่อสู้พุ่งทะลวงฟ้า ภายในจิตใจกลับว่างเปล่า ใช้ความลี้ลับแห่งการต่อสู้สำแดงวิชายุทธ์ ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดสีหน้าของข่งซิ่วก็เปลี่ยนไปเป็นตื่นตกใจ เขาใช้พลังเกินขีดจำกัดของตัวเองแล้ว แต่ยามนี้กลับปรากฏท่าทีว่าจะต้านทานไม่ไหว!
โครม!
หลินสวินปล่อยหมัดออกไป ราวกับหอบม้วนเอาพลังแห่งฟ้าดินไปด้วย โจมตีจนข่งซิ่วปลิวออก ใบหน้าสะบักสะบอม ได้รับบาดเจ็บหนักอย่างสิ้นเชิง
“แย่แล้ว!”
หนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิงและเสวียนหลัวจื่อที่อยู่อีกด้านต่างสะท้านไหว แต่พอคิดจะเข้าไปช่วยก็สายเกินไปแล้ว
พลันเห็นหลินสวินโจมตีเข้ามา แรงหมัดไร้เทียมทานกระแทกกลางอากาศ!
ปัง!
ข่งซิ่วถูกหมัดหนึ่งกระแทกเข้าที่หน้าอก เลือดสีสดพุ่งทะลักออกจากปาก จากนั้นหน้าอกของเขาพลันยุบลง ถูกหลินสวินเตะขึ้นสูง ตามด้วยอีกหมัดกระแทกใส่กะโหลกศีรษะของเขาจนแหลกละเอียด!
การโจมตีที่มาเป็นกระบวนนี้เผด็จการและทรงพลังเกินไป เพียงหมัดเดียวเท่านั้นก็ต่อยจนศีรษะข่งซิ่วระเบิด เลือดสดๆ ประหนึ่งน้ำตก ย้อมห้วงอากาศเป็นสีแดง
ไม่มีใครคิดว่าหลินสวินจะว่องไวและเผด็จการเพียงนี้ กวาดล้างสังหารคู่ต่อสู้เพียงลำพังท่ามกลางการปิดล้อมโจมตีอันหนาแน่น เรียกได้ว่ากล้าหาญไร้เทียมทาน
“อ๊าก…”
จิตวิญญาณดวงหนึ่งปรากฏขึ้น ถูกพลังของยันต์กระดูกวิญญาณห่อหุ้ม ภายในมีเสียงร้องโหยหวนของข่งซิ่ว เห็นได้ชัดว่าไม่จำยอมอย่างที่สุด
หลินสวินมือไวตาไว ในขณะที่คิดจะพุ่งเข้าไปโจมตีเพื่อจบชีวิตอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง พลันได้ยินเสียงเคร้งหนึ่ง ทวนสีฟ้าอ่อนเล่มหนึ่งโจมตีเข้ามาอย่างน่าตะลึง ผ่าแหวกฟ้าลงมา
นี่คืออาวุธบรรพบุรุษที่ข่งซิ่วใช้ มันเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ในสมบัติประหนึ่งมีเสี้ยวจิตสำนึกของอริยะตื่นขึ้น ปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
หลินสวินรับรู้ได้ถึงอันตราย แต่กลับไม่ถอย สะบัดหมัดเข้าสู้ ดูแข็งแกร่งหาที่เปรียบไม่ได้
ตูม!
เสียงคำรามสะท้านขวัญดังสนั่น ร่างของหลินสวินเซถอยไปหลายก้าว
ส่วนทวนสีฟ้าอ่อนด้ามนั้นเคลื่อนย้ายผ่านอากาศ จากไปพร้อมกับพลังของยันต์กระดูกวิญญาณตั้งนานแล้ว
นี่ทำให้หลินสวินขมวดคิ้ว ตระหนักได้ว่าด้วยฐานะบุตรเทพชั้นยอด และยังเป็นลูกหลานคนสำคัญที่สุดของเผ่า ย่อมต้องมีวิธีรักษาชีวิตมากมาย ไม่มีทางที่จะถูกฆ่าง่ายๆ แบบนี้
มิฉะนั้นหากข่งซิ่วตาย สำหรับเผ่าโห่วเมฆาแล้วเรียกได้ว่าเป็นการโจมตีระดับทำลายล้างอย่างหนึ่งเลยเชียว
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เมื่อเห็นภาพนี้ ผู้แข็งแกร่งทุกคนก็ยังตกใจจนเสียวสันหลัง ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
นี่เป็นภาพที่เผด็จการถึงเพียงไหน เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ไม่เพียงสังหารบุตรเทพชั้นยอดคนหนึ่งท่ามกลางการปิดล้อมโจมตีหนาแน่น ทั้งยังหาญกล้าไร้เทียมทาน ปะทะกับอาวุธบรรพบุรุษของเผ่าโห่วเมฆา แข็งแกร่งถึงขั้นตะลึงโลกแล้ว!
ทุกคนต่างอึ้งงัน ตกตะลึงอย่างที่สุด แม้จิตวิญญาณของข่งซิ่วจะหนีรอดไปได้ แต่กายหยาบยังอยู่ ต่อให้ในอนาคตจะคืนกลับมาได้ แต่ก็ต้องเสียค่าตอบแทนไปมากยิ่ง!
เรื่องนี้จะต้องก่อนให้เกิดคลื่นลมอย่างหนึ่งแน่นอน เมื่อเผยแพร่สู่โลกภายนอก ต้องทำให้แต่ละเผ่าในทะเลกลืนวิญญาณตื่นกลัวจนตัวสั่น!
‘การสู้กันซึ่งหน้ายากจะสำแดงผลอันน่าอัศจรรย์ น่าเสียดายที่ควบคุมหนอนกินเทพให้ลอบโจมตีไม่ได้ มิฉะนั้นข่งซิ่วคงต้องตายอย่างไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้อีก…’
หลินสวินกลับลอบถอนหายใจ
แต่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นเขาก็สลัดความคิดวุ่นวายออก เคลื่อนสายตาไปหยุดที่หนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียงชิงและเสวียนหลัวจื่อ จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ลุกโชน
ตูม!
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อ
เพียงแต่หลังจากได้เห็นภาพที่ข่งซิ่วถูกฆ่า ทำให้พวกหนิวทุนเทียนต่างหวั่นใจ ต่อให้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เด็ดเดี่ยวแค่ไหน ยามนี้ก็เกิดรอยร้าว ความตื่นตระหนักและหวาดกลัวอันยากจะสลัดทิ้งพรวดพราดขึ้นภายในใจ
แต่หลินสวินยังคงเหมือนอยู่ในดินแดนแห่งความว่างเปล่า เงาร่างเคลื่อนย้าย พลังกลืนกินภูผานที เริ่มกำราบกดดันอย่างแท้จริง
……
นอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์
คนใหญ่คนโตแต่ละเผ่าต่างรออย่างใจจดใจจ่อ
บนแท่นบูชาวิญญาณตรงหน้าเผ่าโห่วเมฆาพลันเกิดคลื่นระลอกหนึ่ง จากนั้นจิตวิญญาณของข่งซิ่วก็ปรากฏขึ้น
เขายืนนิ่งอยู่ในนั้น ถูกพลังอันลึกลับห่อหุ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะและความไม่จำยอม
ถึงขั้นถูกสังหารจนกลับมาอยู่ในโลกภายนอก…
แม้จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็เป็นความอับอายอย่างใหญ่หลวงสำหรับข่งซิ่ว เขาฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ชื่อเสียงของเขาในเผ่าคือผู้ไม่แพ้ เคยถูกใครสังหารเมื่อไหร่กัน
ที่น่าอับอายที่สุดคือ อีกฝ่ายทำได้ถึงขั้นนี้ท่ามกลางการปิดล้อมสังหาร!
โลกภายนอก คนใหญ่คนโตแต่ละเผ่าต่างตะลึงด้วยจำฐานะของข่งซิ่วได้ พลันตั้งตัวไม่ติดในชั่วขณะ
บุตรเทพชั้นยอดของเผ่าโห่วเมฆาถึงกับถูกฆ่าหรือ
ใครเป็นคนทำ นี่พาให้คนไม่กล้าเชื่อจริงๆ!
สัตว์ประหลาดเฒ่าบางส่วนยิ่งสั่นสะท้านในใจ ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึง ว่าบุตรเทพชั้นยอดอย่างข่งซิ่วจะออกจากการชิงชัยก่อนเวลาอันควร ถูกคนสังหาร!
“หรือจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันบางอย่างขึ้นในระหว่างที่ช่วงชิงวาสนา?”
ผู้แข็งแกร่งหลายคนส่งเสียง ทำให้ที่แห่งนี้มีเสียงฮือฮาดังขึ้นอย่างดุเดือด
และในแท่นบูชาวิญญาณ สีหน้าของข่งซิ่วเขียวคล้ำ นิ่งเงียบไม่พูดจา ท่ามกลางสายตาของทุกคน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับรู้ว่าอะไรเรียกว่าความอับอายใหญ่หลวง ทำให้เขาแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี!
——