Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 643 กรรมตามสนอง
“ไสหัวไป!”
หานอวิ๋นฉงตะคอกเสียงเดือดดาล ราวกับสายฟ้าระเบิด เขาใช้วิชาลับ ไอเลือดทะลวงฟ้า เรี่ยวแรงมหาศาลราวกับสามารถเคลื่อนภูเขาได้ เพียงพอที่จะสะเทือนช้างมังกรโบราณ
ทว่าแม้เขาจู่โจมเต็มแรง แต่กลับทำให้ประทับฝ่ามือสีเขียวนั่นเพียงสั่นไหว แล้วกดอัดลงมาต่อ
โครม!
อากาศรอบตัวหานอวิ๋นฉงล้วนถูกพลังของประทับฝ่ามือนี้ครอบคลุม ทำให้เขาหนีไปไหนไม่รอด
แต่เขายังคงไม่เชื่อ เบ้าตาแทบถลน คำรามเสียงยาวอย่างบ้าคลั่ง สองขาพลันก้าวขึ้นกลางอากาศราวกับช้างยักษ์ก้าวเดิน ร่างกายขยายตัวกะทันหัน กล้ามเนื้อแต่ละมัดพองขยายราวกับหล่อจากน้ำทองแดง เงาร่างยิ่งทวีความดุดัน ยันมือขึ้นราวกับสามารถเบียดฟ้าดินให้ระเบิดได้
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
เขาเหมือนเทพไท้ที่เดือดดาล
อย่างไรก็ตามท่ามกลางสายตาหวั่นหวาดของทุกคน ประทับปี้อั้นกดอัดอากาศทุกชุ่นลงมา ไม่ว่าหานอวิ๋นฉงจะแผดเสียงเกรี้ยวกราดอย่างไรหรือใช้วิธีลับใด ถึงขนาดยอมเสียพลังปราณเผาไหม้ต้นกำเนิดก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงท่วงท่าการกดข่มของประทับปี้อั้นนั้นได้
ฮูม!
ทันใดนั้นภายในประทับฝ่ามือมีเสียงคำรามเย็นเยียบและเฉยชาดังขึ้น ปรากฏภาพมายาของปี้อั้นตัวหนึ่ง รูปร่างคล้ายเสือ ศีรษะมังกร เกล็ดหงส์ หางงู ตัวใหญ่ดุจภูผา นัยน์ตาราวตะวันจันทรา อานุภาพยิ่งใหญ่คับฟ้า
ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นพวกเย่หลิงถงก็ตัวสั่น เกือบตกลงจากกลางอากาศ ราวกับเห็นปี้อั้นตัวเป็นๆ ปรากฏขึ้นจากอดีตกาล หมายจะย่ำภูผาธาราให้แหลก บดขยี้โลกาเป็นหน้ากลอง
ปัง!
ร่างกายของหานอวิ๋นฉงถูกกดข่มอย่างรุนแรงท่ามกลางเสียงคำรามกราดเกรี้ยวและไม่จำยอม เสียงกระดูกแตกหักดังลั่น เลือดออกเจ็ดทวาร กล้ามเนื้อทั่วร่างกายปริแตก ร่างกายอาบเลือด น่าสยดสยองอย่างที่สุด
“เจ้า… เจ้าฆ่าข้าไม่ได้นะ มิฉะนั้น… ตระกูลหานไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!!” หานอวิ๋นฉงส่งเสียงคำรามในช่วงอันตราย
หลินสวินไม่สะทกสะท้าน ประทับปี้อั้นกดอัดลงมาพร้อมกับเสียงระเบิด ร่างกายของหานอวิ๋นฉงแตกกระจายอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นเศษเลือดเนื้อ ย้อมอากาศจนกลายเป็นสีแดง
มหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงแห่งทะเลตะวันออกคนหนึ่ง ตายภายในฝ่ามือเดียวงั้นหรือ
เฮือก!
เสียงสูดหายใจด้วยความตกใจดังขึ้น
ในที่นั้นเงียบสงัด สีหน้าอึ้งงัน
แม้แต่เย่หลิงถงและเย่ตงเคอล้วนตะลึงกับภาพนี้ จิตใจสูญเสียการควบคุม ภาพตรงหน้าพร่าเบลอ
หานอวิ๋นฉงมหายุทธ์ที่แข็งแกร่งของตระกูลหาน ท่องโลกมาหลายทศวรรษ ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในมหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะที่รับมือยากที่สุดในทะเลตะวันออก
เรียกได้ว่า บุคคลระดับนี้นอกจากผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติขึ้นไปลงมือ มิฉะนั้นในโลกนี้น้อยมากที่จะมีคนฆ่าเขาให้ตายได้!
ฆ่าตายกับโจมตีให้พ่ายแพ้ มันคนละเรื่องกัน!
แม้มหายุทธ์ระดับเดียวกันจะมีโอกาสโจมตีหานอวิ๋นฉงให้พ่ายแพ้ได้ แต่ถ้าอยากฆ่าเขาให้ตายย่อมเป็นเรื่องที่ยากมาก
แต่ตอนนี้หานอวิ๋นฉงถูกฆ่าไปแล้ว!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ เขาตั้งรับไม่ไหวแม้แต่ฝ่ามือเดียวของเด็กหนุ่มคนนั้น ถึงขั้นที่ไม่สามารถหนีได้ และสิ้นชีพท่ามกลางสมุทรสีคราม ภายใต้เสียงคำรามไม่จำยอมและโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด
นี่เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อมาก ถ้าเผยแพร่ออกไปเกรงว่าคงไม่มีใครกล้าเชื่อ
ถึงอย่างไรต่อให้เป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติมาเอง ก็คงไม่สามารถฆ่าระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงคนหนึ่งได้ง่ายดายขนาดนี้
เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใครกัน
หรือว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ปลีกวิเวกละทางโลก
ไม่ใช่สิ!
เขายังอายุน้อยอยู่ ไม่ใช่สัตว์ประหลาดเฒ่าอะไรแน่
ไม่ว่าจะเป็นเย่หลิงถงหรือเย่ตงเคอล้วนรู้ชัดในเรื่องนี้ดี
ในโลกของการฝึกปราณ การจะตัดสินว่าผู้ฝึกปราณคนหนึ่งมีอายุกี่ปีอาจเป็นเรื่องยากมาก แต่กลับสามารถคาดการณ์ได้คร่าวๆ
โดยทั่วไปแล้วในตัวผู้ฝึกปราณรุ่นอาวุโสจะตกตะกอนกลิ่นอายแห่งกาลเวลา แม้ว่าพวกเขาจะอำพรางตัวได้ดีแค่ไหน หน้าตาและรูปลักษณ์จะดูหนุ่มแค่ไหน แต่ถ้าสัมผัสอย่างละเอียดก็ยังคงสามารถรับรู้ความเป็นจริงได้
จุดนี้เป็นจุดที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้อย่างแน่นอน เพราะมรรคแห่งกาลเวลายังคงเป็นกฎมหามรรคสูงสุด ใต้หล้านี้ใครจะสามารถลบล้างร่องรอยแห่งกาลเวลาในตัวได้
และหลินสวินเป็นเด็กหนุ่มที่กำลังวังชารุ่งเรือง พลังในร่างรุนแรงราวกับเตาไฟ ประหนึ่งพระอาทิตย์ที่เพิ่งทะยานสู่ขอบฟ้า อยู่ในช่วงวัยที่กำลังรุ่งโรจน์
ถ้าบอกว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่า นั่นต่างหากถึงจะเรียกว่าน่าขัน!
แต่ความจริงนี้กลับทำให้พวกของเย่หลิงถงยิ่งตะลึง เด็กหนุ่มอย่างแท้จริงคนหนึ่ง ฆ่าผู้อาวุโสระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงได้ภายในฝ่ามือเดียว เช่นนั้นพลังปราณของเขาจะน่าสะพรึงกลัวถึงขั้นไหนกัน
หลินสวินกลับเหมือนกระทำเรื่องที่ธรรมดาอย่างมาก น่าขัน ตอนที่อยู่ในแดนลับอสูรมารอริยะ เขาสังหารจนผู้กล้าเผ่าต่างๆ สะบักสะบอมไม่เหลือสภาพ ทำให้บุคคลระดับบุตรเทพหวาดกลัวจนอกสั่นขวัญแขวน แม้แต่บุตรเทพชั้นยอดอย่างหนิวทุนเทียนยังเคยถูกเขากำราบ
และวันนี้เพียงแค่ฆ่าหานอวิ๋นฉงคนเดียวเท่านั้น ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อหลินสวินได้เลยแม้แต่เสี้ยวเดียว
เขาเริ่มค้นดูทรัพย์หลังศึก
แต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินผิดหวังคือ นอกจากผลึกวิญญาณระดับสูงหลายสิบชิ้น ก็ไม่มีของอย่างอื่นในตัวของหานอวิ๋นฉงที่เข้าตาหลินสวินเลย
นี่เป็นเรื่องธรรมดา ระดับพลังปราณยิ่งสูงเท่าไหร่ ความต้องการต่อทรัพยากรการฝึกปราณก็ยิ่งพิถีพิถันและละเอียดลออ สิ่งของหลายอย่างที่ผู้ฝึกปราณทั่วไปมองว่าเป็นของมีค่า สำหรับหลินสวินแล้วกลับไม่มีค่านัก
และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมผู้ฝึกปราณจึงวาดหวังจะไปฝึกปราณในดินแดนรกร้างโบราณ
ทรัพยากรการฝึกปราณของโลกชั้นล่างไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้ จึงจำต้องเลือกจากไป เพื่อไปยังสถานที่ฝึกปราณที่อุดมสมบูรณ์มากกว่า
อย่างเช่นในจักรวรรดิจื่อเย่า เพียงแค่อานุภาพของเหยาทั่วไห่คนเดียวก็สามารถสะเทือนมณฑลซีหนานแห่งจักรวรรดิได้แล้ว แต่ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณ บุคคลอย่างเหยาทั่วไห่นั้นเห็นได้ทั่วไปจนชินตา เยอะจนนับไม่ถ้วน
จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าสภาพแวดล้อมการฝึกปราณของจักรวรรดิจื่อเย่าขัดสนมากเพียงใด มิฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่บุคคลอย่างเหยาทั่วไห่จะมีชื่อเสียงโด่งดังในมณฑลหนึ่ง
“ครั้งนี้ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากคุณชายอย่างสูง พวกข้าจะไม่มีวันลืม สักวันจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน”
ในเวลาเดียวกันเย่หลิงถงสูดหายใจเข้าลึกๆ คล้ายจะรวบรวมความกล้า ก้าวออกมาโค้งคำนับแสดงคำขอบคุณ
ลังเลอยู่ครู่ นางจึงถามต่อว่า “เพียงแต่คุณชายชื่อเสียงเรียงนามอะไร สามารถบอกได้หรือไม่”
หลินสวินเลี่ยงไม่ตอบ แต่ถามกลับว่า “พวกเจ้ารู้จักราชันแห่งทะเลตะวันออกเย่ฉิงเทียนหรือไม่”
เย่หลิงถงตะลึงไป ก่อนจะพูดอย่างสุภาพ “นั่นคือท่านปู่ของข้าเอง!”
นางรู้สึกภาคภูมิใจอย่างควบคุมไม่อยู่ ที่แท้เด็กหนุ่มที่เก่งกาจจนเหลือเชื่อคนนี้ก็รู้จักชื่อของผู้อาวุโสตระกูลนางด้วย
‘ที่แท้พวกเจ้าก็มาจาตระกูลเย่นั้น’ หลินสวินลอบกล่าวในใจ
หนึ่งในเหตุผลที่เขาลงมือในครั้งนี้ ก็เพราะนึกถึงเย่เสี่ยวชีและราชันแห่งทะเลตะวันออกเย่ฉิงเทียน จึงเลือกเข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้อย่างแข็งกร้าว
มิฉะนั้นหากเพียงแค่ยื่นมือเข้าไปช่วย หลินสวินเองก็คงจะไม่ฆ่าหานอวิ๋นฉงง่ายๆ จนเป็นการล่วงเกินตระกูลหานอย่างไร้เหตุผล
“ในเมื่อคุณชายรู้จักผู้อาวุโสตระกูลเย่ของข้า คิดว่าก็คงรู้ดีว่าด้วยรากฐานและอำนาจของตระกูลเย่ของเรา ย่อมสามารถทำให้คุณชายอยู่ในทะเลตะวันออกได้โดยไม่มีใครกล้าล่วงเกินอย่างแน่นอน แม้ตระกูลหานอยากจะแก้แค้นก็ไม่กล้าสู้กับตระกูลเย่ของเราอย่างเปิดเผย”
เย่ตงเคอที่อยู่อีกด้านก็พูดขึ้น
แม้เขาจะพูดเช่นนี้ แต่ความหมายที่ซ่อนอยู่นั้นชัดเจนอย่างมากว่า เจ้าฆ่าหานอวิ๋นฉง ตระกูลหานจะต้องมาแก้แค้นอย่างแน่นอน แต่ถ้ามีตระกูลเย่ของข้าคอยคุ้มครองก็ไม่ต้องเป็นห่วงปัญหานี้
ทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งเข้าไปอีกขั้นก็สามารถมองว่าเย่ตงเคอยังคงไม่ตายใจ ต้องการจะเชิญชวนหลินสวินให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเย่
หลินสวินเป็นบุคคลระดับไหน แน่นอนว่าต้องเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ เขาเหลือบมองเย่ตงเคอนิ่งๆ ปราดหนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าช่วยพวกเจ้าไว้ แต่เจ้ากลับยกเรื่องนี้มาเป็นเหตุผลให้ข้าเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเย่ของเจ้างั้นหรือ”
เย่ตงเคอหัวใจกระตุกวูบ แต่ปากกลับยังคงยืนกรานว่า “คุณชาย พวกข้าซาบซึ้งบุญคุณท่านมาก และจะให้การตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อ เพียงแต่เพื่อความปลอดภัยของท่าน ข้ายังคงเสนอว่าให้ตระกูลเย่ของข้าออกหน้า รับรองว่าสามารถทำให้คุณชายไม่ถูกตระกูลหานแก้แค้น”
สายตาของหลินสวินทวีความเย็นเยียบขึ้นมา “เจ้าคิดว่าที่ข้าฆ่าหานอวิ๋นฉง เพียงเพราะต้องการให้พวกเจ้าตอบแทนหรือ”
“คุณชายอย่าเข้าใจผิด พวกข้าไม่ได้หมายความแบบนั้นอย่างแน่นอน” เย่หลิงถงลนลานขึ้นมา อดไม่อยู่ถลึงตาใส่เย่ตงเคอให้เขาเงียบ
กลับเห็นเย่ตงเคอหัวเราะออกมา “เหอะๆ คุณชายท่านนี้ พูดอย่างไม่เกรงใจเลยนะ ตอนนี้ท่านฆ่าหานอวิ๋นฉงไป หากไม่มีตระกูลเย่ของข้าออกหน้า ตระกูลหานจะต้องแก้แค้นท่านอย่างเต็มกำลังแน่ ถึงตอนนั้นกลัวว่าชาตินี้ท่านจะไม่ได้ออกจากทะเลตะวันออกอีก ข้าเพียงพูดไปตามความจริงเท่านั้น คุณชายอย่าได้เข้าใจผิดและโปรดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน”
จากนั้นเขาพลันพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้น เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเย่ของข้าไม่ดีตรงไหน คุณชายท่านมีพรสวรรค์ที่ไร้เทียมทาน ความสามารถโดดเด่น หากได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากตระกูลเย่ของข้า จะต้องเหมือนเสือติดปีกอย่างแน่นอน ในอนาคตก็ไม่ต้องติดปัญหาด้านทรัพยากรการฝึกปราณอีกต่อไป นี่เป็นเรื่องที่มีแต่ได้ทั้งสองฝ่าย เหตุใดคุณชายต้องปฏิเสธเล่า”
“เย่ตงเคอ ท่านทำแบบนี้ได้อย่างไร!”
เย่หลิงถงโกรธจนหน้าแดงเป่ง โมโหอย่างควบคุมไม่อยู่ คุณชายผู้นี้เป็นผู้มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ แต่เย่ตงเคอกลับเอาเรื่องนี้มาข่มขู่อีกฝ่าย จะให้เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเย่ เช่นนี้ต่างอะไรกับการทำคุณบูชาโทษ
เย่หลิงถงแทบไม่อยากเชื่อว่าเย่ตงเคอทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ได้อย่างไร
“น้องหลิงถง เจ้าไม่เข้าใจ ข้าทำไปก็เพราะหวังดีกับคุณชาย”
เย่ตงเคอยิ้ม แต่สายตากลับมองหลินสวิน “คุณชาย ท่านคิดว่าข้อเสนอของข้าเป็นอย่างไร”
“ข้ารู้สึกว่าเมื่อครู่นี้ไม่ควรช่วยเจ้า”
สีหน้าของหลินสวินเรียบเฉย ประโยคเดียวก็ทำให้เย่ตงเคอหน้าแข็งทื่อ ดูขึ้งโกรธไม่น้อย
เขาพยายามข่มกลั้นความไม่พอใจเอาไว้ มุ่นคิ้วพูด “คุณชาย ข้ารู้ว่าบุคคลระดับท่านจะต้องมีความหยิ่งผยองในตัว ไม่ยอมก้มหัวให้อิทธิพลใดๆ แต่ความจริงนั้นโหดร้าย ในจักรวรรดิจื่อเย่าแห่งนี้ ทรัพยากรการฝึกปราณใดๆ ล้วนถูกตระกูลทรงอิทธิพลต่างๆ ควบคุม ที่ข้าเสนอเช่นนี้ก็เพราะหวังดีกับท่าน”
เขาหยุดไปครู่แล้วเหยียดมุมปากขึ้นน้อยๆ กล่าว “ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายท่านฆ่ามหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงของตระกูลหานคนหนึ่ง ด้วยบุญคุณที่ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้ พวกเราอาจจะคุ้มครองท่านได้ชั่วขณะ แต่ในอนาคตจะมีใครยอมล่วงเกินตระกูลหานเพื่อท่านอีก”
“เย่ตงเคอ!”
เย่หลิงถงเดือดดาลอย่างสิ้นเชิง โกรธจนตัวสั่น “ข้ารู้ว่าท่านร้อนใจกับความสำเร็จของตระกูล อยากได้ยอดฝีมือไปช่วยท่าน แต่สิ่งที่ท่านทำตอนนี้ช่างไร้ยางอายและน่ารังเกียจที่สุด หากผู้นำตระกูลรู้จะต้องลงโทษท่านอย่างหนักแน่!”
“น้องหลิงถง ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่เข้าใจ นี่คือการแข่งขัน! หนุ่มสาวตระกูลเย่ของเราใครบ้างไม่อยากลืมตาอ้าปาก ช่วงชิงการสนับสนุนทรัพยากรการฝึกปราณที่มากกว่า? เจ้าเองก็รู้ว่า ถ้าอยากได้ทรัพยากรก็ต้องไปแก่งแย่ง! ไปช่วงชิง!”
เย่ตงเคอพูดเสียงเย็น “นี่คือความเป็นจริง ทุกอย่างเป็นการแข่งขันเพื่อการอยู่รอด แม้ว่าผู้นำตระกูลจะรู้ ก็จะทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่”
เย่หลิงถงโกรธจนไม่รู้จะพูดอะไรดี นางไม่รู้จริงๆ ว่าที่แท้ญาติผู้พี่ของตนมีความทะเยอทะยานที่เลือดเย็นขนาดนี้ซ่อนอยู่
ในที่สุดหลินสวินก็พูดขึ้นในเวลานี้ เขามองเย่ตงเคอแล้วถามว่า “พูดจบแล้วหรือ”
คำพูดนี้เบาแผ่วและราบเรียบ เช่นเดียวกับการแสดงออกของหลินสวินในตอนนี้ที่นิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน
ทำให้เย่ตงเคออดอึ้งไม่ได้ ตนพูดไปมากมายขนาดนี้ มีทั้งการโน้มน้าวและข่มขู่ อีกทั้งคำพูดก็ชัดเจนและกระจ่างอย่างมาก ไม่มีการปิดบังและอ้อมค้อม แต่อีกฝ่าย…
ราวกับไม่ใส่ใจ?
“ท่าน…คิดว่าอย่างไร”
เย่ตงเคอสูดหายใจเข้าลึกๆ ขมวดคิ้วถาม “นี่เป็นโอกาสที่ดีมากครั้งหนึ่ง ที่ข้าตั้งใจเชื้อเชิญก็เพราะซาบซึ้งในบุญคุณของท่าน ถ้าเป็นคนอื่นข้าก็คร้านจะเปลืองน้ำลายด้วย ต้องรู้ว่าไม่ใช่หมาแมวที่ไหนจะคุ้มค่าให้ข้าทำเช่นนี้”
“คุณชายโปรดระงับโทสะ! ญาติผู้พี่ของข้าไม่รู้ความ ลุ่มหลงกับสิ่งภายนอกจนเลอะเลือน ท่านโปรดเข้าใจและอย่าได้ถือสาเขา”
เย่หลิงถงหัวใจสะท้าน นางสัมผัสได้อย่างมีไหวพริบ ว่าภายใต้ท่าทางสงบนิ่งของหลินสวินมีจิตสังหารคลุมเครือเพิ่มเข้ามาในชั่วพริบตานั้น
“พอแล้ว!”
เย่ตงเคอขมวดคิ้วจ้องเย่หลิงถง “น้องหลิงถง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดจนถึงตอนนี้เจ้ายังไม่ได้รับการยกย่องจากวงศ์ตระกูล เหตุผลก็เพราะเจ้าเป็นคนใจอ่อน และชอบจุ้นจ้านเรื่องคนอื่นมากเกินไป!”
“ท่าน…” เย่หลิงถงโกรธจนกัดฟัน สั่นเทิ้มไปทั้งตัว ทำแบบนี้ได้อย่างไร เขาทำแบบนี้ได้อย่างไร!
แต่ตอนนี้หลินสวินกลับดูแปลกๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองขอบฟ้าราวกับสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
เขาใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งจู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า “ทีแรกข้าคิดว่าข้ากับตระกูลเย่พอจะมีวาสนาต่อกัน ไม่อยากทำให้เจ้าลำบาก แต่เห็นได้ชัดว่าคนอย่างเจ้าไม่คู่ควรที่ข้าจะไว้หน้า”
สีหน้าเย่ตงเคออึมครึมลงทันที ในใจรู้สึกกรุ่นโกรธ เจ้าหมอนี่ยังคงไม่มีความคิดอ่าน ทำให้เขารู้สึกว่าความหวังดีทั้งหมดเมื่อครู่นี้ของตนเปล่าประโยชน์
หรืออีกฝ่ายคิดว่าเพียงความสามารถที่แข็งแกร่ง ก็สามารถทำทุกอย่างตามอำเภอใจในอาณาเขตทะเลตะวันออกแห่งนี้ได้จริงๆ?
“เจ้ารู้จักเย่เสี่ยวชีหรือไม่”
หลินสวินคร้านจะสนใจเย่ตงเคอ สายตามองไปยังเย่หลิงถง อีกฝ่ายอึ้งไปครู่ก่อนตอบตามจิตใต้สำนึก “รู้จักสิ เขาเป็นลูกชายคนโตของท่านลุงใหญ่ของข้า”
“งั้นก็ดี มากับข้าหน่อย”
หลินสวินกวักมือ พลันพานางขึ้นยานขนส่งอวกาศโดยไม่สนว่าเย่หลิงถงยินยอมหรือไม่
“จริงสิ ผู้ติดตามเหล่านั้นเป็นคนของใคร”
เย่หลิงถงรู้สึกว่าท่าทีในตอนนี้ของอีกฝ่ายดูแปลกๆ ถึงขั้นใส่ใจผู้ติดตามเหล่านั้นขึ้นมา แต่นางก็ยังคงตอบกลับอย่างอดทน “ของท่านพี่ตงเคอ”
“พวกเจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่” หลินสวินถาม
ผู้ติดตามเหล่านั้นส่ายหัวโดยพร้อมเพรียงกัน หลายคนยังเผยสีหน้าเวทนาและดูถูก คนโง่น่ะสิถึงจะไปกับเจ้า! หานอวิ๋นฉงถูกเจ้าฆ่าไปแล้ว ถ้าถูกยอดฝีมือตระกูลหานตามฆ่าจะทำอย่างไร
หลินสวินยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ควบคุมยานขนส่งอวกาศพาเย่หลิงถงหายไปจากพื้นที่แห่งนั้นในชั่วพริบตา
“คุณชาย ท่านจะปล่อยเขาไปโดยไม่ทำอะไรเลยจริงๆ หรือ” ผู้ติดตามคนหนึ่งถาม
“หึ รอให้เขาถูกตระกูลหานตามฆ่าก่อนก็ย่อมเข้าใจความโหดร้ายของความเป็นจริง ถึงตอนนั้นเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ เขาจะกลับมายอมจำนนต่อข้าแต่โดยดี”
เย่ตงเคอแค่นเสียงอย่างเย็นเยียบ แม้จะพูดเช่นนี้แต่เขาก็ยังไม่จำยอม รู้สึกเดือดดาลอย่างมาก คิดว่าเจ้าหมอนั่นดื้อดึงและไม่รู้ผิดชอบชั่วดี
“แปลกจริง เหตุใดเจ้านั่นต้องพาคุณหนูหลิงถงไปด้วย ติดตามเขาไปแบบนั้นอันตรายมาก จะต้องถูกตระกูลหานตามฆ่าอย่างแน่นอน เช่นนี้ก็จะทำให้คุณหนูหลิงถงเดือดร้อนไปด้วยไม่ใช่หรือ”
ผู้ติดตามอีกคนสงสัย
เย่ตงเคออึ้งไป และตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นี้ปฏิกิริยาของหลินสวินดูแปลกประหลาด
ในเวลานี้เองเสียงกึกก้องสนั่นหูราวกับอสนีบาตดังมาจากขอบฟ้าไกลๆ
เสียงเพิ่งจะดังขึ้นก็เห็นเรือรบขนาดเล็กลำแล้วลำเล่า ราวกับพยับเมฆดำแถบแล้วแถบเล่ากดข่มชั้นเมฆ คำรามมุ่งมาทางนี้ด้วยอานุภาพอันเกรียงไกร
เรือรบวีรชนม่วงสิบลำเต็ม!
เย่ตงเคออึ้งงัน ยามเห็นธงที่แขวนอยู่บนเรือรบเหล่านั้นชัดแล้ว สีหน้าของเขาพลันขาวซีดอย่างที่สุด แววตาเผยความตื่นตระหนก
นั่นมันธงรบต้นวิญญาณขาว สัญลักษณ์ของตระกูลหานแห่งทะเลตะวันออก!
ผู้ติดตามเหล่านั้นตัวแข็งทื่อ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ราวกับตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง วิญญาณหลุดลอย
ตระกูลหานเคลื่อนขบวนเรือรบวีรชนม่วงถึงสิบลำ หรือจะมาเพื่อโจมตีพวกเขา?
“หรือว่า…เด็กหนุ่มคนนั้นสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ล่วงหน้าแล้ว จึงพาคุณหนูหลิงถงจากไปอย่างรวดเร็ว?” ผู้ติดตามคนหนึ่งอุทานเสียงหลง เหมือนเดาบางอย่างออก
คราวนี้เย่ตงเคอและผู้ติดตามคนอื่นๆ ราวกับถูกฟ้าผ่า ใช่สิ ทำไมเด็กหนุ่มคนนั้นเพิ่งจากไปก็มีเรือรบถึงสิบลำของตระกูลหานปรากฏขึ้น?
ตอนเขาไป ทำไมถึงทิ้งพวกเขาเอาไว้โดยไม่บอกกล่าว!
“เจ้านั่นจงใจ เขากำลังแก้แค้นข้า!!” เย่ตงเคอโกรธจนเบ้าตาแทบหลุดออกมา ปอดเหมือนจะระเบิดออก คำรามด้วยเสียงแหบพร่า
เผชิญกับการคุกคามของเรือรบวีรชนม่วงถึงสิบลำ จะให้เขาสงบได้อย่างไร
และเมื่อคิดได้ว่าเด็กหนุ่มนั่นสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามนี้ล่วงหน้า แต่จงใจปกปิดมันไม่บอกเขา จะให้เขาไม่แค้นเคืองได้อย่างไร
นี่เป็นการแก้แค้นอย่างแน่นอน!
ผู้ติดตามเหล่านั้นต่างตกตะลึงจนตาค้าง เสียใจภายหลังจนไม่รู้จะเสียใจอย่างไรแล้ว อย่าลืมว่าเมื่อครู่นี้คนผู้นั้นยังถามพวกเขาอยู่เลยว่าจะไปด้วยกันหรือไม่…
——