Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 657 เรื่องสนุกเพิ่งจะเริ่ม
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 657 เรื่องสนุกเพิ่งจะเริ่ม
บรรยากาศเงียบสงัด คำพูดของหลินเทียนหลงดุจฟ้าถล่มดินทลาย ทำให้คนตระกูลหลินแห่งธารประจิมทั้งกลุ่มยากจะคืนสติในชั่วขณะ
หน้าอกหลินซีซีกระเพื่อมไหวขึ้นลงอยู่นาน ท้ายที่สุดจึงข่มกลั้นความเดือดดาลในใจ นัยน์ตาเย็นเยียบจ้องมองหลินสวิน “อยากให้พวกข้าตระกูลหลินแห่งธารประจิมสวามิภักดิ์? ก็ได้ ผ่านด่านข้าไปก่อน! เพียงแค่ได้การยอมรับจากข้า เรื่องนี้… ข้าจะไม่สืบสาวราวเรื่องอีก!”
หลินสวินขมวดคิ้วมุ่น หวนคืนสู่ความสงบนิ่งทันใด กล่าวว่า “ที่ข้าต้องการคือการยอมจำนน หาใช่การยอมรับ เจ้าสามารถปฏิเสธได้ แต่อย่ามาโทษข้าที่ค่ำคืนนี้เลือดจะนองแดนดิน”
เลือดนองแดนดิน!
เพียงสี่คำกลับทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นใจสั่นสะท้าน สีหน้าต่างเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูหาใดเปรียบ
โดยเฉพาะหลินซีซียิ่งโกรธจนผมตั้ง โมโหจนหน้าประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว สีหน้าแปรเปลี่ยน ครู่ใหญ่จึงกล่าวว่า “ยอมจำนน? ได้! แต่อาศัยเด็กน้อยคนหนึ่งอย่างเจ้า มีสิทธิ์อะไรมาให้ข้ายอมจำนน”
ประโยคนี้เห็นได้ชัดว่าพูดได้เต็มปากเต็มคำ แฝงการตวาดและปรามาส
ยึดตามลำดับความอาวุโส เขาเป็นถึงปู่รองของหลินสวิน มาบัดนี้กลับถูกคนรุ่นหลังอย่างหลินสวินเข้ามาสังหารคนถึงในบ้าน กระทำการข่มขู่ นี่มันน่าอัปยศอดสูจริงๆ
“ท่านพ่อ!”
หลินเทียนหลงรีบเร่งร้อนรน คุกเข่าลงพื้นดังตุบก่อนโขกศีรษะกล่าว “ข้าขอร้องท่าน เพื่อคนตระกูลหลินแห่งธารประจิมเหล่านั้น ขอร้องท่านวางมือเถอะ!”
“เจ้า…”
หลินซีซีบันดาลโทสะยิ่งกว่าเดิม โกรธจนพูดไม่ออก ให้เขาก้มหัวให้เด็กรุ่นหลานคนหนึ่ง? ไม่มีทางซะหรอก!
กลับเห็นหลินสวินหรี่ตาลง ในที่สุดจึงกล่าวทอดถอนใจ “เห็นแก่การคุกเข่านี้ของเจ้า ข้าจะให้โอกาสยอมจำนนแก่บิดาเจ้า!”
พูดถึงตรงนี้ นัยน์ตาดำของเขาเย็นชา กล่าวพลางมองไปยังหลินซีซี “เจ้าไม่ใช่ถามข้าหรือว่ามีสิทธิ์อะไร ง่ายมาก พลัง!”
สวบ!
น้ำเสียงเพิ่งจางหาย เงาร่างเขาก็วูบไหว หมัดหนึ่งจู่โจมไปยังหลินซีซี
พลังหมัดเรียบง่าย เจือทำนองศักดิ์สิทธิ์หวนสู่สามัญ เรียบง่ายตรงไปตรงมา ทว่ากลับประดุจราชันเทพบรรพกาลเคลื่อนยกคีรีกดทับใต้หล้า!
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตื่นตระหนกหวั่นกลัว ลงมือทั้งอย่างนี้หรือ แข็งกร้าวเกินไปแล้ว!
ชั่วดีอย่างไรหลินซีซีเองก็เป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง มีหรือที่เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งจะมายั่วยุได้
ต่อให้เป็นราชันอินทรีแดงซึ่งเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ขณะนี้หนังตายังอดกระตุกไม่ได้ นี่นายท่านหมายประลองข้ามระดับ กำราบระดับกระบวนแปรจุติงั้นรึ
“วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้า ว่าอะไรที่เรียกว่าผู้อาวุโสไม่อาจหยาม!”
หลินซีซีโกรธจัดจนหัวเราะ เงาร่างเขาส่องสว่างเรืองรอง พลานุภาพทะลวงเมฆาทลายชั้นเวหา ทะยานตัวตวาดลั่น
“ไม่…” หลินเทียนหลงร้อนรน แต่เขาก็ขัดขวางไม่ทันแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านฐานะระดับใด ทำไมถึงโอนอ่อนผ่อนตามเจ้าหนุ่มนั่น มีท่านปู่อยู่ฟ้ายังจะถล่มเชียวรึ”
ชายหนุ่มเสื้อผ้าหรูหราคนหนึ่งพุ่งเข้ามาประคองหลินเทียนหลงที่คุกเข่าอยู่บนพื้น หน้าตาไม่พอใจและหัวเสีย
เพียะ!
หลินเทียนหลงโกรธจนฟาดฝ่ามือหนึ่งลงบนหน้าชายหนุ่มคนนั้น ตบจนฝ่ายหลังเลือดกบจมูกปาก ร่างกายลอยลิ่วปลิวกระเด็น ส่งเสียงร้องโหยหวน แค่คิดก็รู้แล้วว่าพลังฝ่ามือนี้ของหลินเทียนหลงแรงระดับใด
แต่ยังไม่จบแค่นั้น หลินเทียนหลงในยามนี้ราวพญาราชสีห์โกรธจัด เท้าข้างหนึ่งเตะใส่ท้องบุตรชายตน ใช้สายตาเกรี้ยวกราดเยียบเย็นหาใดเปรียบจ้องฝ่ายหลัง กัดฟันกล่าว “เจ้ากล้าพูดมากอีกคำ ข้าจะตอนเจ้าซะเดี๋ยวนี้!”
เขาเดือดดาล นี่มันเวลาไหนแล้ว บุตรชายของตนยังไม่มีตา หากถูกหลินสวินได้ยินเข้าจะต่างอะไรกับรนหาที่ตาย
ชายหนุ่มชุดหรูพลันสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ถูกสายตาเคร่งขรึมดุดันของหลินเทียนหลงทำเอาตระหนกจนมือเท้าเย็นเยียบ ตกใจอยู่ตรงนั้น เขาตระหนักรู้ว่าบิดาไม่ได้กำลังล้อเล่น!
ขณะที่ละครคั่นฉากนี้เกิดขึ้น หลินสวินและหลินซีซีต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่ก่อนแล้ว ฟ้าดินแถบนี้ปั่นป่วน กระแสลมมลายล้างชวนประหวั่นม้วนแผ่คลุม
ก็เห็นกลางอากาศเงาร่างหลินสวินดุจมายา เท้าใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง ออกหมัดดุจสายฝน เขมือบกลืนสรรพทิศดุจดั่งเทพเซียน แม้ต่อกรกับผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติยังถึงขั้นพอฟัดพอเหวี่ยง
ด้านหลินซีซีสำแดงกระบวนท่าสังหารไม่หยุดหย่อน แต่กลับไร้ประโยชน์
นี่ทำให้เขาอดตระหนกไม่ได้ รับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากล เขารู้ว่าตนดูแคลนหลินสวินเกินไป แต่กลับไม่อาจจินตนาการได้ว่า เด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งที่ครอบครองพลังปราณระดับหยั่งสัจจะ แต่กลับสามารถต้านทานตนได้อย่างไร!?
นี่เห็นได้ว่าสะเทือนใต้หล้าและคาดไม่ถึงเกินไป
ระหว่างระดับหยั่งสัจจะและกระบวนแปรจุติ เป็นระดับขอบเขตที่ยิ่งใหญ่ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา แค่พลิกฝ่ามือหลินซีซีก็สามารถสังหารระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย
แต่ตอนนี้…
กลับเปลี่ยนไปแล้ว!
ความแข็งแกร่งแห่งพลังต่อสู้ของหลินสวิน ความน่าพรั่นพรึงแห่งเจตจำนงของการต่อสู้ ล้วนอยู่นอกเหนือการคาดคะเนของหลินซีซี ประดุจสัตว์ประหลาดพลิกฟ้าตนหนึ่งทลายปราการหว่างขอบเขต สำแดงพลังแฝงอันแข็งแกร่งและต่อสู้ข้ามระดับ
สิ่งนี้ น่าหวาดกลัวเกินไปโดยไม่ต้องสงสัย
อย่างน้อยที่สุดสอดส่องสายตามองทั่วนครต้องห้าม ล้วนหาผู้ทัดเทียมเสมอเหมือนหลินสวินไม่พบ!
“หึ!”
หลินซีซีสีหน้าอึมครึมสูดหายใจลึก ใช้วิชาลับทรงพลานุภาพยิ่งกว่าเดิม เผยพลังของมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติถึงขีดสุด
วันนี้หากไม่อาจจัดการหลินสวิน นั่นคงเป็นความอัปยศอดสูใหญ่หลวง หากแพร่งพรายออกไป เขาหลินซีซีอย่าได้คิดจะเงยหน้าขึ้นอีกเลย
มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติผู้สง่าผ่าเผย ทั้งเป็นรุ่นปู่ของฝ่ายตรงข้ามกลับทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ นี่ยังไม่เสียหน้าและอับอายพออีกรึ
ตูม!
หลินซีซีบันดาลโทสะ อานุภาพพลันเปลี่ยนแปลง ทำทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างร้องเสียงหลง เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นการต่อสู้ชั้นยอดระดับนี้กับตาตนเอง
แต่ที่ทำให้ทุกคนหวาดหวั่นคือ แม้อยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินกลับยังไม่ถูกกดดัน
ทั่วร่างเขาไหลบ่าด้วยท่วงทำนองแห่งมรรคสีเขียวอ่อน ชายเสื้อลอยล่อง ชือน้ำแข็งตัวหนึ่งขดล้อมทั่วกาย กลิ่นอายโดดเด่นไม่ธรรมดายิ่งกว่าเดิม
และในมือเขา ดาบหักครวญคร่ำล้ำลึก แสงดาบที่ปลดปล่อยออกมากวาดตะบึงกลางอากาศ พุ่งชนดุจวัวกระทิง ตัดแหวกอากาศอย่างน่าตกตะลึง
ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งเช่นนี้
เดิมทีคนตระกูลหลินแห่งธารประจิมกลุ่มนั้นยังมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าต่อหลินซีซี แต่บัดนี้ความมั่นใจกลับเริ่มสั่นคลอน
ราชันอินทรีแดงจ้องมองตาไม่กะพริบ ในใจเขาสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน
เขารู้ถึงความน่ากลัวและแข็งแกร่งของมกุฎราชันระดับหยั่งสัจจะ แต่คิดไม่ถึงว่าจะทรงพลังถึงขั้นสามารถต่อสู้ข้ามระดับกับมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติได้!
‘ศักยภาพของนายท่านเขา… น่ากลัวถึงระดับใดกันแน่’ ราชันอินทรีแดงมองไม่ออก พลังที่หลินสวินเผยให้เห็นล้มล้างสิ่งที่เขาเคยรับรู้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขาใจเต้นหวาดหวั่นและยำเกรง และความเลื่อมใสเทิดทูนหลินสวินยิ่งระอุกว่าเดิม
ตูม!
กลางอากาศ เสียงปะทะสะท้านฟ้าสะเทือนดินก้องดังขึ้น แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งสาดจตุรทิศ อึกทึกดับโสต ทำให้บรรดาผู้ชมต่างเลือดลมตีกลับ ตาพร่าลาย
หลินสวินมือกระชับดาบหัก ปลายดาบพุ่งทะลวงฟ้ากว้าง ยกขึ้นฟาดฟันม่านนภา ตวัดลงผ่าตัดห้วงอากาศ ตัดสลับไปมาไม่อาจต้านทาน
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
พวกหลินเทียนหลง หลินเนี่ยนซาน หลินผิงตู้สีหน้ายิ่งซีดจางกว่าเดิม ยิ่งตระหนักรู้ว่าที่หลินสวินกล้ามาถึงถิ่นตัวคนเดียว แท้จริงแล้วเป็นเพราะไม่เกรงกลัวสิ่งใดจริงๆ
น่าขันที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นหลินสวินเป็นเหยื่อ…
การต่อสู้ในตอนนี้ สีหน้าหลินซีซีจริงจังเคร่งขรึมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาจับจ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าเขม็ง ในใจสั่นสะท้าน
พลังที่หลินสวินแสดงออกมาทั้งมวล ในระดับหยั่งสัจจะเรียกได้ว่าเกริกก้องสะท้านอดีตจวบปัจจุบัน อยู่เหนือผู้อยู่ในระดับเดียวกัน ที่น่ากลัวที่สุดคือเขายังเยาว์วัยเช่นนี้ แต่กลับมากความสามารถบนเส้นทางมหามรรคถึงเพียงนี้ หากหลังจากนี้เขาเติบใหญ่ต่อไป จะเปลี่ยนเป็นน่าหวาดกลัวขนาดไหน
ทันใดนั้นหลินซีซีพลันตวาดเสียงเย็น “คิดอาศัยพลังเช่นนี้เอาชนะข้า ให้ข้ายอมจำนน? น่าขัน!”
“งั้นรึ”
หลินสวินสีหน้านิ่งสงบ เพียงสะบัดดาบออกไป
แสงแพรวพราวแถบหนึ่งไหลทะลัก ระเหยคลั่งดุจภาพฝัน ปรากฏภาพประหลาดสะท้านพิภพที่หมื่นดาราร่วงหล่น ราตรีนิรันดร์มาเยือน
กระบวนท่าคว้าดารา!
อานุภาพแห่งดาบเดียวดั่งราตรีนิรันดร์ปกคลุม ม้วนห่อไว้ซึ่งหมื่นดาราร่วงหล่น บัดนี้ปรากฏบนโลกมนุษย์ พลังเหนือธรรมดาระดับนั้นทำให้ฟ้า ดินและมนุษย์ต่างเปลี่ยนสีโดยสิ้นเชิง
ฉัวะ!
แสงดาบฟาดฟันลงมา
ก็ยินเสียงระเบิดดังตูม ประกายศักดิ์สิทธิ์ดุจภูเขาอัคคีปะทุพล่าน สาดส่องผืนฟ้ายามค่ำคืน คนทั้งหมด ณ ที่นั้นแทบกระอักเลือด เบื้องหน้าพร่ามัว พวกที่ความสามารถค่อนด้อยบางส่วนยิ่งก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น เหงื่อกาฬไหลอาบทั่วร่าง
ตึงๆๆ!
กลางอากาศเงาร่างหลินซีซีถอยร่น สีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาว เมื่อครู่แม้เขาจะใช้พลังทั้งหมดไปสลาย แต่ยังคงถูกซัดจนไม่อาจไม่ถอย เลือดคำหนึ่งพุ่งเข้ามาในลำคอ แทบจะกระอักออกมา
“ดาบนี้ถือว่าพอมีรสชาติอยู่ แต่หากคิดเอาชนะข้า ยังไม่ได้!” เขาคำราม เขาเป็นถึงมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติ ย่อมไม่อาจยอมรับ
เงาร่างเขาสาดแสงรุนแรง ผมยาวสยายโกรธแค้นถึงที่สุด บุกโจมตีไม่สนอะไรทั้งมวล
หลินสวินสีหน้าราบเรียบสงบนิ่ง ดาบหักพาดผ่านอากาศ ประดุจธารดาราแถบม้วนแผ่ลงจากเหนือเก้าชั้นฟ้า
ครืน
ห้วงอากาศแตกละเอียดส่งเสียงกึกก้อง อาณาบริเวณนี้ถูกฝังกลบ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตระหนกจนถอยร่นไปไกล ไม่กล้าประชิดเข้ามาด้วยเกรงแต่จะถูกลูกหลง
มีเสียงดังพรูด ในที่สุดหลินซีซีก็ไม่อาจสกัดกลั้น ถูกดาบนี้ผ่าจนกระอักเลือด ใบหน้าชราพลันซีดขาว ร่างกายซวนเซ
พวกหลินเทียนหลงต่างหน้าเปลี่ยนสี ขนพองสยองเกล้า มือเท้าสั่นเทา
สามารถต่อกรข้ามระดับกับระดับกระบวนแปรจุติก็เรื่องหนึ่ง แต่การสามารถสยบผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติได้ในการต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง!
ทั้งสองอย่างนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง!
หลินสวินใช้พลังระดับหยั่งสัจจะต่อสู้กับหลินซีซีอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทำให้อีกฝ่ายกระอักเลือดได้รับบาดเจ็บ นี่เห็นได้ว่าน่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว
“มาอีก!”
กลางอากาศหลินซีซีผมเผ้าสยายยุ่ง นัยน์ตาคั่งโลหิต ราวกับสัตว์ปีศาจที่ถูกยั่วโทสะโดยสมบูรณ์ ตะเบ็งลั่นออกมืออย่างต่อเนื่อง
นั่นก็เพราะประโยคเดียว เขาไม่ยอม!
หลินสวินสีหน้าราบเรียบยิ่งกว่าเดิม นัยน์ตาดำขลับล้ำลึกเย็นชา ดาบหักพาดผ่าน เวลานี้เสมือนสุริยันเจิดจรัสลอยเด่น จากนั้นก็ระเบิดออกสนั่นหวั่นไหว!
แสงแรงกล้าเจิดจรัสนั่นแสบตาจนคนส่วนใหญ่ ณ ที่นั้นต่างลืมตาไม่ขึ้น เจิดจ้าเกินไปแล้ว มีความน่าสะพรึงแห่งการทลายฟ้ามลายดิน
แม้แต่ราชันอินทรีแดงเองยังขนพองสยองเกล้า ในใจเกิดความรู้สึกอันตรายรุนแรงหาใดเปรียบ มันอดร้องเสียงดังอย่างอดไม่อยู่ รีบหลีกหนีห่างไป
ตูม!
ภายใต้การโจมตีเดียวนี้ ผมเผ้าหนวดเคราของหลินซีซีถูกเผาไหม้ ผิวหนังทั่วร่างดำไหม้เกรียมแตกระแหง เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งมอมแมม ทั้งตัวถูกกดอัดลงกับพื้นอย่างหนักหน่วงจนเกิดหลุมใหญ่
ทั่วร่างเขากำลังกระตุก สภาพอเนจอนาถถึงขีดสุด ราวท่อนไม้ไหม้เกรียมหนึ่งก็มิปาน พาให้คนไม่อาจทนมอง
หลินสวินรู้สึกเกินคาดอยู่บ้างเล็กน้อย ภายใต้การโจมตีนี้เกรงว่าบุตรเทพชั้นยอดอย่างหนิวทุนเทียนยังยากจะรับได้ แต่หลินซีซีกลับแค่บาดเจ็บสาหัส เห็นได้ชัดถึงความแข็งแกร่งของมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติ
เวลานี้ ณ ที่นั้นเงียบสงัดไม่มีสักคนเอ่ยวาจา ทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้างมองภาพตรงหน้า
“แพ้… แพ้แล้ว?”
มีคนเอ่ยปากเสียงสั่น
“แพ้แล้วจริงๆ…”
มีคนอกสั่นขวัญหาย
การสั่นสะเทือนเยี่ยงนี้ยิ่งใหญ่เหลือเกิน สำหรับตระกูลหลินแห่งธารประจิม หลินซีซีก็คือเสาหลักคนสำคัญ แต่ตอนนี้เขากลับพ่ายแพ้แล้ว
มิใช่พ่ายในเงื้อมมือคนใหญ่คนโตระดับเดียวกัน และไม่ได้แพ้ในมือราชันระดับสังสารวัฏที่น่ากลัวยิ่งกว่า แต่ปราชัยภายใต้ดาบของคนรุ่นหลังของตระกูลคนหนึ่ง!
คนรุ่นหลังผู้นี้เป็นแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง พลังปราณก็แค่ระดับหยั่งสัจจะ…
นี่คือการแพ้อย่างย่อยยับโดยไม่ต้องสงสัย พังทลายปราชัย!
ทุกสายตาที่มองไปยังหลินสวินล้วนเปลี่ยนเป็นซับซ้อน ในความตื่นตะลึงแฝงความงุนงงไม่อาจจินตนาการ เด็กหนุ่มคนหนึ่งเช่นนี้ ทำไมถึงเย้ยฟ้าและน่ากลัวถึงเพียงนี้
อายุยังน้อยก็สามารถก้าวเข้าสู่ขบวนมหายุทธ์ เรียกได้ว่าดึงดูดสายตาแล้ว เพียงพอให้คนวัยเดียวกันหน้าถอดสี
แต่หลินสวินไม่เพียงก้าวเข้าสู่ขบวนมหายุทธ์อย่างง่ายดาย คืนนี้เขายังเอาชนะมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติที่มีชื่อเสียงมานานหลายปี!
นี่ก็คือสิ่งที่สะเทือนใต้หล้าที่สุด
‘นายท่าน อาจเรียกได้ว่าเป็นราชันระดับหยั่งสัจจะที่เยาว์วัยที่สุดแห่งยุคสมัย พลังต่อสู้ทั่วร่างแม้ต่อสู้กับราชันระดับเดียวกันก็มีแต่จะเหนือกว่า! ถึงอย่างไรใครเล่าจะเคยพบผู้ที่ข้ามระดับไปกำราบมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติเฉกเช่นนายท่าน’
ราชันอินทรีแดงพึมพำอยู่ในใจ ถึงขั้นคลางแคลงอยู่บ้าง แม้เอาชนะหลินซีซีนั่น หลินสวินก็ยังไม่ได้ใช้พลังถึงขีดจำกัดสูงสุด
เพราะเขาชนะอย่างตรงไปตรงมาและหมดจดเกินไป สังหารดุดันรุนแรง กำราบอย่างแข็งกร้าว ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่ได้รับบาดเจ็บ!
“ตอนนี้เจ้ายอมแล้วรึ”
ณ ที่นั้น หลินสวินเก็บดาบหักและมาถึงข้างกายหลินซีซี ก้มมองชายชราท่าทางอนาถบนพื้นจากเบื้องสูง สีหน้าราบเรียบดังเดิม
ไม่มีความสงสารเวทนา
แม้ตามลำดับอาวุโสอีกฝ่ายจะเป็นปู่รองของเขา
แต่ในใจหลินสวิน ค่ำคืนนี้มีแค่เป็นคนทรยศหรือไม่!
หลินซีซีเงยหน้าอย่างยากลำบาก นัยน์ตามืดสลัวเจือความรู้สึกหดหู่และเศร้ารันทดเหลือจะเอ่ย เพียงกล่าวเสียงแหบแห้ง “หากท่านปู่เจ้าล่วงรู้จากยมโลก ต้องภาคภูมิใจในตัวเจ้าแน่…”
เขาหยัดกายขึ้น สีหน้าท่าทางซีดเซียว แววตาว่างเปล่าพลางกล่าว “เจ้าวางใจ นับแต่วันนี้ไป ตระกูลหลินแห่งธารประจิมจะไม่มีใจทรยศอีกแม้เพียงเสี้ยว ข้าเพียงแต่หวังว่าเจ้าจะเห็นแก่หน้าบรรพชนทุกรุ่นแห่งตระกูลหลิน ยกโทษให้คนในตระกูลที่ไร้ความผิดเหล่านั้น”
หลินสวินพยักหน้า “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”
หลินซีซีฝืนยิ้มรับ ลุกยืนตัวสั่นงันงกก่อนกล่าว “ตระกูลหลินมีคนอย่างเจ้าเป็นผู้นำ บางทีอาจเป็นเรื่องโชคดีจริงๆ”
“ข้าจะเกลี้ยกล่อมพวกปู่สามของเจ้าให้ยอมอยู่ใต้อาณัติ หวังเพียงว่า… ค่ำคืนนี้อย่าได้มีการก่อกรรมสังหารโดยไม่จำเป็นอีกเลย ไม่ว่าอย่างไรท้ายที่สุดพวกเราก็เป็นคนตระกูลเดียวกันไม่ใช่หรือ”
พูดจบ ร่างกะโผลกกะเผลกเขาก็จากไปอย่างเดียวดาย
“ข้าแค่รับปากว่าจะปล่อยผู้บริสุทธิ์ แต่ไม่ได้รับปากว่าจะปล่อยพวกคนทรยศนั่น”
หลินสวินเปล่งเสียงราบเรียบ
หลินซีซีที่อยู่ไกลออกไปพลังแข็งทื่อไปทั้งร่าง เงียบงันไปครู่ใหญ่ ทันใดนั้นพลันส่งเสียงถอนหายใจราวสะอื้น รันทดเศร้าสร้อย
“กรรมตามสนองสินะ!”
น้ำเสียงก้องสะท้อนราตรีกาล เสริมความอ้างว้างไร้สิ้นสุด
และเวลานี้ เหล่าคนตระกูลหลินแห่งธารประจิมตรงนั้นแต่ละคนสีหน้าซีดเผือด
พวกเขาต่างรู้ว่า นับตั้งแต่ค่ำคืนนี้ โชคชะตาของพวกเขาล้วนถูกเด็กหนุ่มน่าหวาดกลัวดุจเทพมารตรงหน้าควบคุมอย่างสมบูรณ์…
สิ้นสุดแล้วหรือ?
ไม่เลย!
อย่างน้อยที่สุดสำหรับหลินสวิน เรื่องสนุกนี้เพิ่งจะเริ่ม!
……………..