Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 677 กำจัดทิ้งตรงๆ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 677 กำจัดทิ้งตรงๆ
ปึง!
ฝ่ามือเดียวนี้เสียงลุ่มลึกยิ่ง ราวซัดมือลงบนกระสอบทราย และมู่ชิงก็ประดุจกระสอบทราย ถูกซัดยุบสวบลอยลิ่วปลิวกระเด็น
เจ้าอ้วนน้อยหลิวฮุยงุนงง
อาจารย์ทั้งหมดตรงนั้นเองงงงวย
มู่ชิงก่อนหน้านี้ท่าทางสูงส่งยิ่ง เหยียดหยันเหล่าผู้กล้าอย่างหยิ่งทะนง แม้ว่าเป็นข้ารับใช้คนหนึ่ง กลับเอาชนะศิษย์มากฝีมือแทบทั้งหมดของสำนักศึกษามฤคมรกต
เขาวาจาเหยียดหยัน วางท่าเย่อหยิ่ง ทำให้อาจารย์ทั้งหมด ณ ที่นั้นต่างมีโทสะ คับแค้นถึงขีดสุด
แต่ยามนี้เจ้าคนหยิ่งผยองนี่กลับราวแมลงวัน ถูกฝ่ามือเดียวตบกระเด็น นี่มันน่าสะท้านมากเกินไปแล้ว
หลินสวินกลับไม่แม้แต่เงยหน้า เพียงตบบ่าเจ้าอ้วนน้อยหลิวฮุย “ยังยืนอยู่หาอะไร รีบกลับไปเร็ว”
“อาจารย์เสี่ยวหลิน… เป็นท่านจริงๆ!” หลิวฮุยตื่นเต้นจนวงหน้าแดงเรื่อ
“เจ้าเด็กน้อยช่างร่ำไรจริง” หลินสวินยิ้มรับ หิ้วถือตามสะดวกก็นำหลิวฮุยออกจากลานแสดงยุทธ์ไป
“เป็นอาจารย์เสี่ยวหลินจริงๆ!”
เวลานี้อาจารย์ทั้งหมดตรงนั้นต่างตื่นจากสภาพตระหนก ในที่สุดก็กล้าเชื่อว่าเป็นหลินสวินมาจริงๆ!
“ไอ้หนู เจ้าตายแน่!”
แต่ในเวลาเดียวกันนี้เสียงคำรามหนึ่งดังก้องขึ้น กลับเห็นมู่ชิงซึ่งถูกซัดลอยกระเด็นพุ่งทะยานเข้ามา
ทั่วร่างเขาแสงทมิฬเอ่อล้น สีหน้าอึมครึม นัยน์ตาโกรธแค้นสุดกำลัง เสมือนไม่เชื่อว่าเมื่อครู่ตนจะถูกฝ่ามือเดียวตีพ่ายยับเยิน
ตูม!
เงาร่างเขาส่งเสียงกัมปนาทราวฟ้าคะนอง พลานุภาพชวนพรั่นพรึงยิ่งยวด ในฝ่ามืออบอวลท่วงทำนองแห่งมรรคหมอกศักดิ์สิทธิ์สีดำมากมาย พุ่งจู่โจมไปทางหลินสวินอย่างกึกก้อง
ห้วงอากาศที่นี่สั่นสะเทือน สภาพอากาศแปรปรวนทั่วจตุรทิศ ภาพฉากชวนประหวั่น
ด้วยฐานะบ่าวรับใช้ สามารถกวาดล้างศิษย์มากฝีมือทั้งหมดของสำนักศึกษามฤคมรกตในปัจจุบัน แน่นอนว่ามู่ชิงต้องเป็นคนร้ายกาจยิ่งคนหนึ่งอย่างแท้จริง
เพียงแต่…
หลังจากเสียง ‘พลั่ก’ ทั้งตัวมู่ชิงก็กระเด็นลอยอีกครั้งแล้วร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างหนักหน่วง เขาสับสนมึนงง ทั่วร่างเกร็งกระตุก เลือดลมตีกลับ เจ็บจนแทบกระอักเลือด
แต่หลินสวินยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับแม้เพียงก้าว แค่ผลักมือออกไปตามสะดวกเท่านั้น
และเป็นท่าทางสบายอารมณ์เช่นนี้ของเขา ที่ยิ่งขับเน้นให้มู่ชิงดูน่าอนาถกว่าเดิม ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นพลันสูดหายใจเย็นเยียบ
“อาจารย์เสี่ยวหลินเขา… แกร่งเกินไปแล้ว!”
ศิษย์ส่วนหนึ่งสั่นสะท้านร้องเสียงหลง พวกเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมต่อหลินสวิน แต่เช่นเดียวกัน จากที่พวกเขาเห็น มู่ชิงเองก็ไม่ใช่พวกคนธรรมดาสามัญเช่นกัน
เดิมทีคิดว่าแม้หลินสวินลงมือเองก็คงยุ่งยากอยู่บ้าง ใครเล่าจะคาดคิด ต่อหน้าอาจารย์เสี่ยวหลิน มู่ชิงซึ่งเมื่อครู่หยิ่งผยองยโสโอหังนั่น กลับเห็นได้ชัดว่าไม่มีค่าอะไรถึงเพียงนี้!
แตกต่างกันเกินไปแล้ว!
“อะไรเรียกว่าแกร่งเกิน? อาจารย์เสี่ยวหลินแกร่งเช่นนี้มาตลอด!”
“อำนาจทั่วนครหลวง สมญานามเช่นนี้มีหรือจะเรียกกันเล่นๆ”
ศิษย์หญิงส่วนหนึ่งถกเถียง พวกนางตื่นเต้นจนดวงตาทั้งสองเปล่งประกาย วงแก้มเปี่ยมสีชาด สายตาที่มองหลินสวินเลื่อมใสจนถึงขั้นลุ่มหลง
แม้แต่อาจารย์สำนักศึกษาเหล่านั้นยังคลายความคับแค้นใจออกมาได้ระลอกหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มยินดี การแสดงออกของหลินสวินยิ่งแข็งแกร่ง หน้าตาที่พวกเขาสำนักศึกษามฤคมรกตกอบกู้คืนมาได้ก็ยิ่งมาก
แต่ทว่า แม้พวกเขาเห็นพลังของหลินสวินกับตาตนเองก็ยังอดใจสะท้านไม่ได้ คงมีเพียงบุคคลเช่นนี้จึงสามารถสังหารมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติหกคนติดต่อกันตัวคนเดียวกระมัง
บรรยากาศเงียบสงัด ณ ที่แห่งนั้นเปลี่ยนเป็นร้อนระอุ เสียงกู่ร้องยินดีดังขึ้นต่อเนื่องเป็นระลอก การมาของหลินสวินทำให้ศิษย์อาจารย์ทั้งหมดตรงนั้นต่างพลุ่งพล่าน
“เจ้า… ก็คือหลินสวิน?”
มู่ชิงตะกายขึ้นมาจากพื้น สีหน้ากระอักกระอ่วน เจือความประหลาดใจและเคร่งขรึม
ถูกหลินสวินโจมตีจนพ่ายยับอย่างง่ายดายสองครั้งติดต่อกัน ต่อให้มู่ชิงโง่แค่ไหนก็ตระหนักได้ว่า ครั้งนี้เจอของแข็งเข้าให้แล้ว
หลินสวินไม่เอ่ยวาจา นัยน์ตาดำนิ่งสงบไร้อารมณ์ เขาย่างก้าวไปเบื้องหน้าพลางกล่าว “คนอย่างเจ้าก็ยังกล้าวิ่งมาลำพองที่สำนักศึกษามฤคมรกตรึ”
พลานุภาพไร้รูปอย่างหนึ่งแผ่กระจาย ทำให้มู่ชิงพลันแข็งทื่อไปทั้งร่าง แทบหายใจไม่ออก ประดุจเห็นภูผาสูงตระหง่านกดบีบเข้ามา
“หึ ลำพองอะไร พวกข้าแค่แลกเปลี่ยนความรู้กัน ศิษย์สำนักศึกษามฤคมรกตของพวกเจ้าไม่เอาไหนยิ่งนัก หรือที่ข้าพูดมีอะไรผิด”
มู่ชิงแค่นเสียง สะกดข่มความตระหนกภายในใจ เผชิญหน้าหลินสวิน
เขามาจากดินแดนรกร้างโบราณ แม้เป็นข้ารับใช้ข้างกายหนานกงหั่วผู้สืบทอดแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ แต่เขาเชื่อว่าในโลกชั้นล่างนี้ ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขา!
“งั้นรึ? เช่นนั้นพวกเราก็มาลองแลกเปลี่ยนความรู้กันหน่อย”
หลินสวินก้าวไปเบื้องหน้า ย่างก้าวมั่นคง สีหน้าไร้อารมณ์ แต่กลับมีพลานุภาพกลืนกินภูผาธารา
“เจ้า…”
มู่ชิงตระหนก เขาเพิ่งร้องออกมาคำเดียวก็รู้สึกเบื้องหน้าพลันฝ้าฟาง ลำคอถูกบีบและถูกหิ้วขึ้นมาทั้งตัว หายใจลำบาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการพูดเลย
แกร่งเกินไปแล้ว!
มู่ชิงหวาดกลัวในใจ ก่อนหน้านี้ยามเขาได้ยินข่าวลือส่วนหนึ่งเกี่ยวกับหลินสวิน ในใจยังไม่เชื่อ คิดว่าเป็นการจงใจโอ้อวด บิดเบือนต่อกันมา
แต่บัดนี้มู่ชิงตระหนักแล้วว่าตนคาดเดาผิด…
น่าเสียดาย เวลานี้เขาไร้เรี่ยวแรงดิ้นรน ดั่งลูกไก่ถูกบีบคอแล้วหิ้วขึ้นมา จากนั้นร่างกายก็ประหนึ่งท่อนไม้ ถูกเขวี้ยงลงบนพื้นอย่างหนักหน่วง
กร๊อบ!
เสียงระเบิดแตกของกระดูกดังออกมา มู่ชิงเลือดไหลอาบทั่วร่าง ทั้งตัวพลันกระตุกอย่างรุนแรง เปล่งเสียงกรีดร้องทุรนทุราย
การโจมตีนี้เหี้ยมโหดเกินไปแล้ว ทำให้ศิษย์อาจารย์ทั้งหมดเห็นแล้วเจ็บแทนจนหวั่นใจ
“ด้วยความสามารถแค่นี้ ก็พูดเหลวไหลหมายท้าทายข้า?”
หลินสวินถอนหายใจคล้ายผิดหวังอยู่บ้าง หรือพูดได้ว่าไม่พอใจบางส่วน “ช่างเถอะ อย่างไรเสียที่นี่คือสำนักศึกษามฤคมรกตของข้า สังหารเจ้าไป กลับจะทำให้โลกภายนอกคิดว่าพวกข้ารังแกคน เช่นนั้นก็ทำลายปราณเจ้าทิ้งเป็นการลงโทษแล้วกัน”
ขณะพูดเท้าข้างหนึ่งของเขาก็ยกขึ้น
“เจ้ากล้า…!”
มู่ชิงหวาดผวาและคับแค้น พังทลายโดยสิ้นเชิง ไหนเลยจะคาดคิดว่าหลินสวินถึงกับเหี้ยมโหดเพียงนี้ ถึงกับจะทำให้เขาพิการ
“หยุด!”
ยามนี้หนานกงหั่วซึ่งนั่งพูดคุยสัพเพเหระบนหอสูง ท้ายที่สุดไม่อาจนั่งนิ่งดูดาย เปล่งเสียงยับยั้ง
กร๊อบ!
กลับเห็นหลินสวินไม่ใส่ใจสักนิด เท้าหนึ่งกดลง พลังหนักแน่นแผ่กระจายผ่านปลายเท้า ทำลายพลังปราณหยั่งสัจจะภายในร่างมู่ชิงในคราเดียว!
“เจ้า เจ้า…”
มู่ชิงเบิกตากว้างคล้ายยังคงไม่กล้าเชื่อ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเจือความสั่นสะท้าน หวาดกลัว คับแค้น สิ้นหวัง
พลังปราณถูกกำจัด เช่นนั้นฆ่าเขาให้ตายยังดีซะกว่า!
ถึงแม้มีชีวิตรอด แต่จากนี้ต้องเป็นคนไร้ค่าไร้ประโยชน์ จะต้องไม่มีคุณค่าอะไรอีก!
เฮือก!
ศิษย์อาจารย์ ณ ที่นั้นสูดหายใจเย็นเยียบ ถูกกลวิธีของหลินสวินทำเอาหวั่นตระหนก
มู่ชิงนั่นแม้เป็นข้ารับใช้ แต่อย่างไรเสียก็มาจากดินแดนรกร้างโบราณ เป็นบ่าวข้างกายหนานกงหั่วศิษย์สืบทอดแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์
ถูกหลินสวินกำจัดปราณอย่างแคล่วคล่องมั่นคงเช่นนี้ ความขัดแย้งนี้ออกจะมากไปหน่อยแล้ว!
บนหอสูงไกลออกไป กลุ่มผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ซึ่งนำโดยหนานกงหั่วต่างทยอยลุกขึ้นนานแล้ว สายตามองไปยังร่างหลินสวินที่อยู่กลางลานแสดงยุทธ์
ก่อนหน้านี้พวกเขาหันหลังให้กับผู้คน ร่ำสุราเจรจาพาที วางท่าสบายอารมณ์ แต่กลับสะท้อนความหยิ่งทะนงและอวดดี ไม่ใส่ใจศิษย์อาจารย์ทั้งหมด
แต่บัดนี้เมื่อหลินสวินปรากฏตัวและกำจัดปราณของมู่ชิงอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย นี่ทำให้พวกเขาไม่อาจนิ่งดูดายได้
ตีสุนัขยังต้องดูเจ้าของ แม้มู่ชิงเป็นเพียงข้ารับใช้ แต่อย่างไรก็มาพร้อมกับพวกเขา เป็นบ่าวข้างกายหนานกงหั่ว มู่ชิงถูกกำจัดปราณ นี่ต่างอะไรกับการตบหน้าพวกเขา?
“เจ้าก็คือหลินสวิน? ดูไปแล้วในโลกชั้นล่างนี้เจ้าคงไม่เพียงมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ แถมยังเจ้าอารมณ์ด้วยสินะ!”
ข้างกายหนานกงหั่ว ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมนกกระเรียน ช่วงเอวคาดเข็มขัดมังกร รูปร่างงามสง่าโอหังผู้หนึ่งเอ่ยปากอย่างเย็นชา
เขามีนามว่าหรั่นเฉิน เป็นศิษย์สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เช่นเดียวกับหนานกงหั่ว
สามารถกลายเป็นศิษย์สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ได้ ไม่มีใครที่ไม่ใช่บุคคลชั้นยอด หรือผู้กล้าที่สติปัญญาโดดเด่น ไม่เพียงแค่หรั่นเฉินและหนานกงหั่ว หนุ่มสาวรุ่นเยาว์คนอื่นๆ ด้านข้างล้วนเป็นคนประเภทนี้ทั้งสิ้น
เผชิญหน้ากับการซักถามนี้ หลินสวินคล้ายไม่รับรู้อะไร เท้าข้างหนึ่งของเขาเตะมู่ชิงที่อยู่บนพื้นกระเด็นออกไป จากนั้นสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ทำความสะอาดคราบเลือดบนพื้นสักหน่อยค่อยกล่าว “เลือดของเขาทำพื้นสำนักศึกษามฤคมรกตของข้าสกปรก ลงโทษเล็กน้อยไยถึงเรียกว่าเจ้าอารมณ์?”
สายตาเขามองไปยังหรั่นเฉินพลางกล่าว “ทำไม… หรือเจ้าไม่พอใจ”
ศิษย์อาจารย์ที่อยู่ตรงนั้นใจกระตุก ตระหนักว่าหลินสวินกำลังทวงความเป็นธรรมให้หวังอิงที่พ่ายแพ้เมื่อครู่ แม้เผชิญหน้ากับผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ท่าทีเขาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย
หรั่นเฉินสีหน้าพลันอึมครึม ขณะกำลังออกปากก็ถูกหลินสวินตัดบทตรงๆ “ไม่พอใจก็อดกลั้นเอาไว้ ข้าไม่มีอารมณ์มาสนทนาปัญหากับเจ้าว่าใครถูกใครผิด”
ชั่วขณะเดียวหรั่นเฉินโกรธจนหน้าเขียว เขาคือผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ แม้แต่ในดินแดนรกร้างโบราณก็เป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลรุ่นเยาว์ที่ชื่อเสียงขจรไกล
แต่บัดนี้กลับชนกำแพงอย่างต่อเนื่องในโลกชั้นล่าง ถูกคนยั่วยุ นี่จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร
“ไม่รู้จักดีชั่วเสียจริงๆ”
“คิกๆ น่าสนุก ในโลกชั้นล่างถึงกับยังมีคนมีความกล้าเช่นนี้ ช่างพบเห็นได้ยากจริงๆ ที่น่าเสียดายคือปกติคนประเภทนี้มักตายเร็วที่สุด”
“ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง ขอโทษพวกเราซะ ขอเพียงเจ้าสามารถดับเพลิงโทสะของพวกเรา วันนี้จะปล่อยเจ้าไปสักครั้ง”
ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ข้างๆ สองสามคนทยอยเปิดปาก แม้วาจาสบายอารมณ์ แต่กลับแฝงรสชาติเหยียดหยันผู้อื่น
ทว่าหรั่นเฉินกลับราวไม่พอใจอยู่บ้าง กล่าวว่า “ปล่อยเขาไป? นั่นคงง่ายกับเขาเกินไปแล้ว คนพรรค์นี้หากไม่ฆ่าทิ้งซะ จากนี้จะให้ข้ามีที่ยืนในสำนักต่อไปอย่างไร”
ศิษย์อาจารย์ทั้งหมดที่อยู่ห่างออกไปเห็นดังนี้ก็ทั้งโกรธแค้นทั้งกังวล
ไม่ว่าอย่างไรแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก็เปรียบดั่งอำนาจมหึมาที่มีฐานมั่นเหนือเก้าชั้นฟ้า แม้แต่สำนักศึกษามฤคมรกตยังไม่อาจต่อต้าน และไม่กล้าไปแส่หาเรื่อง
ทว่ายามนี้เห็นพวกหนานกงหั่วหันปลายหอกจ่อใส่หลินสวิน ทั้งนอกและในวาจาล้วนแสดงออกว่าไม่คิดปล่อยหลินสวินไปง่ายๆ นี่จะไม่ให้บรรดาศิษย์อาจารย์ ณ ที่นั้นไม่กังวลได้อย่างไร
“มู่ชิงพิการแล้วก็ช่างเถอะ อย่างไรเสียแค่บ่าวรับใช้คนหนึ่ง เพียงแต่ข้าในฐานะที่เป็นเจ้านายเขา หากไม่ช่วยเขาทวงความเป็นธรรมสักหน่อย ก็คงเหมือนว่าข้าไร้ความสามารถ”
ขณะนี้หนานกงหั่วออกปากแล้ว เขาสวมชุดคลุมทอง ผมทองทั้งศีรษะ ทั่วร่างเจิดจรัสส่องประกาย ยืนอยู่ตรงนั้นประดุจสุริยันโชติช่วงดวงหนึ่ง
เพียงแต่เขาในเวลานี้มีสีหน้าเย็นชาและอำมหิตอย่างเห็นได้ชัน มีอานุภาพกดข่มผู้คน
“ตอนนี้ ข้าสามารถมอบโอกาสไถ่โทษหนึ่งแก่เจ้า สวามิภักดิ์ต่อข้า ทำหน้าที่เป็นข้ารับใช้ข้างกายข้าอย่างถวายชีวิต เรื่องนี้ก็จะถือว่าแล้วกันไป”
หนานกงหั่วพูดอย่างราบเรียบ แววตาเป็นประกายดุจแสงทอง จ้องมองหลินสวินอย่างแฝงนัยบัญชา
นี่ทำให้ศิษย์อาจารย์ทั้งหมดต่างสีหน้าเหยเก ให้หลินสวินเป็นข้ารับใช้? นี่ต่างอะไรกับการหยามหน้า
“เหอะๆ ศิษย์พี่หนานกงยังคงใจอ่อน ครั้งนี้ก็พูดดีไปแล้ว เจ้าหนู เจ้ายังไม่รีบก้มศีรษะขอบคุณอีก สามารถรับใช้ถวายชีวิตข้างกายศิษย์พี่หนานกง นี่น่ะเป็นศุภโชคล้ำค่าที่ผู้อื่นต่างถวิลหาแม้ยามฝัน!”
ด้านข้างหนานกงหั่ว ชายนัยน์ตาม่วงโดยกำเนิด บุคลิกแปลกแตกต่างผู้หนึ่งส่งเสียงหัวเราะเบาๆ
………………….