Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 679 เล่นสนุก
อาจารย์และศิษย์ทั้งหมดตรงนั้นดวงตาจะถลนออกมาอยู่แล้ว อ้าปากค้างซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พวกเขาต่างคิดไม่ถึง ภายใต้สถานการณ์ที่หนานกงหั่วยอมถอยอย่างเปิดเผย หลินสวินถึงกับทำเหมือนมองไม่เห็น ซ้ำยังบุกจู่โจมด้วยตนเอง!
ทว่าลองคิดดูอย่างถี่ถ้วน พวกเขารู้สึกสะใจเป็นพิเศษ
ผู้สืบทอดแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์จากดินแดนรกร้างโบราณพวกนี้ ก่อนหน้ากำเริบเสิบสานนัก รังแกผู้อื่นเกิรนไป เยาะเย้ยและสบประมาทพวกเขาสำนักศึกษามฤคมรกตถึงที่สุด
บัดนี้สมควรให้อีกฝ่ายลองลิ้มรสชาติความทรมานเช่นนี้บ้าง!
“เฮ้อ หวังว่าอย่าก่อเรื่องใหญ่ไปแล้วกัน…”
ขณะนี้กลับเป็นเสิ่นทั่วที่หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บ้าง เขากังวลว่าเรื่องราวจะใหญ่โตไม่อาจสงบ ถึงอย่างไรต่อให้ฝ่ายตรงข้ามกำเริบแค่ไหน ก็ยังเป็นผู้สืบทอดจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ฐานะไม่เหมือนกัน
แต่เสิ่นทั่วก็รู้ดีว่าด้วยนิสัยของหลินสวิน เรื่องที่ตัดสินใจไปแล้วไม่ว่าใครก็ขวางไม่อยู่
ดังนั้นเสิ่นทั่วจึงกลัดกลุ้มนัก
ตูม!
บนหอสูงที่อยู่ห่างไกลการต่อสู้ได้ปะทุขึ้น แสงประกายสาดส่องแรงกล้า พลุ่งพล่านไปทั่ว เสียงคำรามอย่างตระหนกและโมโหดังตามหลังเป็นพักๆ
ภายใต้สายตาที่จับจ้องอย่างตกตะลึงของศิษย์อาจารย์ทั้งหมด ก็เห็นว่าหลินสวินในเวลานี้ประดุจพยัคฆ์เข้าฝูงแกะ เงาร่างห้อทะยานอยู่หอสูงนั่น ไร้ผู้ใดเทียบเทียม
ปึง!
แค่เพียงพริบตา ชายหนุ่มนามว่าหรั่นเฉินก็ร้องอนาถ ถูกหลินสวินเตะกระเด็น ร่วงคะมำลงไปกลางลานแสดงยุทธ์ดังตึง ทั่วร่างกระตุก ถึงกับลุกไม่ขึ้น
ที่น่าตกตะลึงที่สุดคือ ก้นเขาราวถูกเตะจนเป็นลายพร้อยเช่นเดียวกัน โลหิตแดงสดไหลโกรก เจ็บจนเขาครวญครางแยกเขี้ยวยิงฟันไม่หยุด
ปึง!
ไม่นานนักหญิงสาวกระโปรงแดงนางหนึ่งก็ถูกเตะกระเด็น ร่วงลงในลานแสดงยุทธ์เช่นกัน ผมเผ้ายุ่งเหยิง บนใบหน้างดงามน่ามองบิดเบี้ยวน่าเกลียด
ก่อนหน้านี้นางดึงดูดผู้คนยิ่งนัก ผิวขาวหน้าสวย บุคลิกสุกสกาวราวจันทร์กระจ่าง ประดุจเซียนจากสรวงสวรรค์ ให้ความรู้สึกหยิ่งทะนงสูงส่งจนไม่อาจเอื้อมอย่างหนึ่ง
แต่ตอนนี้นางเองก้นแตกลาย หกคะเมนหน้าทิ่มพื้นอย่างน่าอนาถ เห็นชัดว่าหลินสวินไม่ได้ปฏิบัติต่อนางอย่างแตกต่างเพียงเพราะเป็นสตรี
หญิงสาวกระโปรงแดงกำลังกรีดร้อง คับแค้นอับอายแทบบ้าคลั่ง ในแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ นางเสมือนจันทร์กระจ่างซึ่งถูกหมู่ดาวล้อมพิทักษ์
แต่บัดนี้กลับโดนเด็กหนุ่มคนหนึ่งเตะกระเด็นอย่างหยาบคาย ทั้งยังถูกเตะใส่ก้น นี่… แทบจะทำให้นางกลายเป็นบ้า คิดอยากตายขึ้นมา
“นี่… นี่ถือว่าทำลายบุปผางามหรือเปล่า”
ศิษย์ชายส่วนหนึ่งไม่อาจฝืนดูต่อไปอยู่บ้าง
ทันใดนั้นศิษย์หญิงที่อยู่ใกล้เคียงก็ไม่พอใจ กล่าวถกเถียง “เหลวไหล! นางนั่นนับเป็นตัวอะไร สมควรให้พวกเจ้าเห็นใจรึ ข้าว่าพวกเจ้านี่ช่างไม่รู้จักดีชั่ว ต้องอย่างอาจารย์เสี่ยวหลินสิจึงจะเรียกว่ามีคุณต้องทดแทนมีแค้นต้องชำระ ถึงใจคนยิ่งนัก!”
ศิษย์ชายเหล่านั้นหุบปากโดยพลัน เงียบกริบดังจักจั่นในเดือนหนาว
แม้แต่พวกผู้หญิงยังพูดแทนหลินสวิน เวลานี้ใครกล้าแย้งอีก คงต้องกลายเป็นศัตรูร่วมกันของศิษย์หญิงทั้งสำนักศึกษามฤคมรกต
อาจารย์ส่วนหนึ่งเดิมทีก็ไม่อาจทนดูได้ หลังจากเห็นภาพเหตุการณ์นี้ จึงเลือกทำเหมือนมองไม่เห็น เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาอย่างชาญฉลาดยิ่งนัก
ปึง!
ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์อีกคนถูกเตะกระเด็น ร้องโอดโอยกลิ้งร่วงลงมาในลานประลอง
ภาพต่างๆ นี้ประดุจฟ้าร้องกัมปนาทอย่างแท้จริง แต่ละคราต่างทำให้ศิษย์อาจารย์ตรงนั้นสัมผัสได้ถึงแรงปะทะอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ถึงอย่างไรนั่นก็คือผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เชียวนะ!
แต่ละคนเรียกได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดแห่งยุคในระดับหยั่งสัจจะ แต่กลับประหนึ่งตุ๊กตาเรียงรายในมือ ถูกเหยียบย่ำอย่างหนักหน่วง
นี่ล้มล้างการรับรู้ของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างใหญ่หลวง ไม่ใช่เพราะคิดว่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์พวกนั้นอ่อนแอเกินไป แต่เป็นเพราะตระหนักได้ว่าหลินสวินแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ!
ข่าวลือของโลกภายนอกที่เกี่ยวกับหลินสวินอึกทึกครึกโครมมากมายหลายหลาก แต่ท้ายที่สุดนั่นก็คือข่าวลือ ไม่น่าสั่นสะท้านเท่าเห็นกับตาตนเองเหมือนตอนนี้อย่างสิ้นเชิง
“ที่เจ้าสำนักพูดทั้งหมดน่าจะไม่ผิด หลินสวินเขา… จะต้องย่างเหยียบลงบนมกุฎมรรคาที่แกร่งที่สุดนับตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันอย่างแน่นอน!”
อาจารย์มากประสบการณ์ยิ่งผู้หนึ่งทอดถอนใจ
หลายวันก่อน เมื่อข่าวเกี่ยวกับหลินสวินสังหารมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติหกคนแพร่สะพัด เจ้าสำนักสำนักศึกษามฤคมรกตก็ถูกทำให้ตระหนกเช่นกัน เพียงวิจารณ์ออกมาประโยคเดียว…
‘เด็กคนนี้ก้าวเหนือคนรุ่นเดียวกันแล้ว เหยียบย่างลงบนมกุฎ ประดุจราชันในระดับหยั่งสัจจะ เรียกได้ว่าไร้คู่ต่อกร!’
บัดนี้เห็นเหตุการณ์นี้กับตา อาจารย์เหล่านั้นท้ายที่สุดจึงได้ตระหนัก ว่าอะไรที่เรียกว่าหนทางแห่งมกุฎ และอะไรที่เรียกว่าราชันแห่งระดับขอบเขต!
ไม่ว่าพรสวรรค์เจ้าโดดเด่นมากแค่ไหน ครอบครองวิชาลับชวนตระหนกมากเท่าไร ที่มาไม่ธรรมดามากเพียงใด แต่ต่อหน้าราชันก็ถูกกำหนดมาแล้วว่าไม่มีค่า!
“นี่เขากำลังเล่นสนุกกับเจ้าพวกนั้นหรือเปล่า” มีอาจารย์สีหน้าพิกล
ตั้งแต่หลินสวินลงมือจนถึงตอนนี้ กลางลานแสดงยุทธ์มีผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์นอนคว่ำอยู่ห้าคนแล้ว แต่ละคนต่างถูกเท้าเตะกระเด็นก้นแตก
หากนี่ไม่ใช่การเล่นสนุกแล้วจะเป็นอะไร
แต่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ อย่างไรเสียการเตะใส่ก้นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง ทั้งทำเช่นนี้ได้หลายต่อหลายครั้ง เป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งนัก
แต่หลินสวินดันทำได้อย่างง่ายดายซะอย่างนั้น นี่กลับเป็นการสะท้อนให้เห็นจากอีกด้านหนึ่งว่า ศักยภาพของหลินสวินในปัจจุบันน่าหวาดกลัวระดับใด!
“นี่เจ้าคิดผูกอาฆาตกับพวกเราแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์จริงรึ”
บนหอสูง หนานกงหั่วสีหน้าเยียบเย็นอึมครึม บัดนี้ที่นี่เหลือแค่เขาคนเดียว ขณะเผชิญหน้าหลินสวิน นอกจากความโกรธแล้ว ในใจยังมีความหวาดหวั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคพวกข้างกายเขาแต่ละคนต่างถูกเตะจนก้นแตก นอนคว่ำหน้าลงบนพื้นด้วยท่าทางเกินทน
นี่ทำให้หนานกงหั่วสั่นกลัว เกรงแต่ว่าหากตนต้องพบกับเรื่องเช่นนี้ นั่นคงยากจะรับได้ยิ่งกว่าฆ่าเขาให้ตาย
“ขู่หรือ”
หลินสวินก้าวออกมาหนึ่งก้าว
ก้าวนี้สบายอารมณ์ยิ่งนัก แต่กลับเห็นหนานกงหั่วเกร็งขาทั้งสองแน่น สองมือปกป้องสะโพกโดยสัญชาตญาณ
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นพลันหัวเราะเกรียวกราวทันที
เจ้าหมอนี่ก่อนหน้านี้ทั่วร่างทองอร่ามประหนึ่งสุริยันเจิดจรัส โอหังและหยิ่งทะนงระดับใด แต่บัดนี้กลับถูกขู่จนขาทั้งสองหดเกร็ง สองมือป้องสะโพก นี่ช่างตลกผิดแผกกันเกินไปแล้ว
หลินสวินเองก็หัวเราะ หัวเราะจนออกรสออกชาติ
หนานกงหั่วสังเกตเห็นว่าเสียกิริยา วงหน้าหล่อเหลาแดงก่ำหาใดเปรียบ โกรธจนกัดฟันกรอด
เขาฝึกปราณจนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยรู้ซึ้งถึงความอัปยศอดสูเช่นนี้มาก่อน!
“เจ้า… เจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว!”
หนานกงหั่วโกรธถึงขีดสุด สูญสิ้นสติสัมปชัญญะ เปล่งเสียงคำรามหมายสู้ตายกับหลินสวิน
“ขาดเจ้าเพียงคนเดียวแล้ว”
ที่หลินสวินรอคือเวลานี้ เขาลงมืออย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อยเช่นเดียวกัน
“หยุด!”
แต่เวลานี้เอง เสียงตะโกนกร้าวเปี่ยมความน่าเกรงขามดังก้องขึ้น ที่มาพร้อมกับเสียงนี้คือเงาร่างซึ่งวูบไหวเข้ามาจากนอกลานแสดงยุทธ์
นั่นคือผู้อาวุโสผมเทาชุดม่วงคนหนึ่ง ทันทีที่ปรากฏตัวก็ถูกอาจารย์มากมายจดจำได้ นี่คือคนใหญ่คนโตผู้หนึ่งแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์
สิ่งนี่ทำให้ผู้คนมากมายต่างหน้าเปลี่ยนสี ตระหนักว่าเหตุการณ์บานปลายอยู่บ้างแล้ว แม้แต่คนใหญ่คนโตของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ยังถูกทำให้ตกใจ หมายขัดขวางเรื่องทั้งหมดนี้
แต่ขณะนี้หนานกงหั่วซึ่งเพลิงโทสะสุมหัวกลับลอบเป่าปากโล่งอก รับรู้ว่าในที่สุดตนก็ได้รับความช่วยเหลือแล้ว ไม่จำเป็นต้องสู้สุดชีวิตกับเจ้าคนเยี่ยงสัตว์ประหลาดตรงหน้านั่นอีก และไม่ต้องพบเจอความอัปยศแห่งการ ‘ก้นแตกออกลาย’…
ปึง!
แต่ที่ทำให้หนานกงหั่วดวงตาแทบถลน ขวัญหนีดีฝ่อคือ หลินสวินถึงกับไม่สนใจใยดี ยังคงบุกจู่โจมตามเดิม พริบตานั้นเองหนานกงหั่วพลันรู้สึกเจ็บก้น ร่างกายลอยละลิ่วไปอย่างควบคุมไม่อยู่…
“บ้าเอ๊ย!”
สิ่งที่ไม่อยากยอมรับที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว นี่ทำให้หนานกงหั่วโกรธจนเบื้องหน้ามืดสนิท ในใจพังทลาย ตัวยังไม่ร่วงคะมำลงกับพื้นก็เป็นลมหมดสติไปแล้ว
“เจ้าหนู เจ้ารนหาที่ตาย…!”
ผู้อาวุโสผมเทาชุดม่วงนั่นมาถึงแล้ว เห็นภาพนี้เข้าสีหน้าพลันอึมครึมหาใดเปรียบ เงาร่างไม่หยุดนิ่ง มุ่งตรงไปโจมตีหลินสวินโดยพลัน
เขาอานุภาพน่ากลัว ประดุจมังกรแห่งสรวงสวรรค์ มีพลานุภาพล้นฟ้า ฝ่ามือหนึ่งซัดออกไป ปรากฏท่วงทำนองมรรคแห่งรอยสลักลับพันหมื่นสาย หมายปกคลุมหลินสวิน!
พริบตาเดียวนี้ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตื่นตระหนกหวั่นกลัว อาจารย์และศิษย์ทั้งหมดหน้าเปลี่ยนสีโดยพร้อมเพรียง
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป ไม่มีใครคิดว่าหลินสวินจะถึงกับไม่สนสิ่งใด ลงมือกับหนานกงหั่ว
และเช่นเดียวกัน ไม่มีใครคิดว่าคนใหญ่คนโตของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ผู้นั้นถึงกับตัดสินใจเด็ดขาด ทันทีที่มาถึงก็ลงมือกับหลินสวินโดยตรง!
คิดอยากขัดขวางก็ไม่ทันการแล้ว
ตูม!
กลับเห็นบนหอสูง หลินสวินนัยรน์ตาหดรัด รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทว่าเขาเยือกเย็นไม่หวั่นเกรง
ถ้ำสวรรค์ในร่างพริบตานี้โคจรเต็มกำลังเสียงกึกก้อง แสงศักดิ์สิทธิ์เอ่อท้น พลังทั่วร่างถูกเค้นออกมาถึงขีดสุด ทำให้ทั่วสรรพางค์กายแวววาวเปล่งประกาย แสงสีเขียวอ่อนไหลบ่าออกมาดุจภาพมายา
พลานุภาพประหนึ่งพญามังกรที่จำศีลเนิ่นนานในหุบเหวลึก ทะยานตัวขึ้นเหนือเมฆา!
ตูม!
รอยฝ่ามือเรียบง่ายหนึ่งเกาะกลุ่มรวมตัวออกจากฝ่ามือหลินสวิน ประดุจแกะสลักจากหยกเขียวไร้ตำหนิ มีอานุภาพอาจหาญน่าเกรงขาม กว้างใหญ่สูงตระหง่าน
ประทับปี้อั้น!
เวลาต่อมาเสียงปะทะสนั่นหวั่นไหวดับโสตประสาทดังก้องขึ้น สั่นสะท้านไปทั้งลานแสดงยุทธ์ทุกกระเบียดนิ้ว แรงสะเทือนน่าหวาดหวั่นกวาดล้าง ทำให้พื้นปริร้าวแตกเป็นสายๆ
สิ่งปลูกสร้างใกล้เคียงเวลานี้ล้วนพังทลาย เศษหินดินทรายแผ่กระจายฝุ่นตลบ
ศิษย์ซึ่งพลังค่อนข้างด้อยถูกสะเทือนจนหน้าซีดเผือดแทบกระอักเลือด เคราะห์ดีที่อาจารย์ส่วนหนึ่งปกป้องไว้ทัน มิฉะนั้นเกรงว่าคงถูกสะเทือนสาหัสกว่านี้
อานุภาพแห่งการโจมตีเดียว น่าหวาดกลัวยิ่งนัก!
ท่ามกลางฝุ่นควันตลบอบอวล ก็เห็นเงาร่างหลินสวินไหวเอน ถอยหลังอย่างควบคุมไม่อยู่ไปสองสามก้าว แต่ละก้าวที่ย่ำลงสั่นสะเทือนพื้นดินครั้งหนึ่ง เกิดคลื่นเสียงดังสนั่นแตกระแหง
พอถอยร่นสามก้าว พื้นดินแตกระแหงเผยรอยร้าวถี่ละเอียดนับไม่ถ้วนดั่งใยแมงมุม แผ่ขยายออกทั่วจตุรทิศ
แต่หลินสวินในขณะนี้สีหน้าแค่เผือดขาวเล็กน้อย กลางนัยน์ตาดำคือจิตต่อสู้ที่เดือดคลั่งดุจหินหนืด ดูไปแล้วมิเพียงไม่ได้รับบาดเจ็บ พละกำลังและปณิธานแห่งการต่อสู้กลับยิ่งเดือดพล่านและแข็งแกร่งกว่าเดิม
เมื่อหันดูอีกฝั่ง ผู้อาวุโสผมเทาชุดม่วงนั่นร่างกายซวนเซเล็กน้อย แต่ไม่ก้าวถอยหลัง เห็นชัดว่าในการจู่โจมนี้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ
เพียงแต่สีหน้าเขากลับเขียวคล้ำและอึมครึมอย่างชัดเจน ถึงขั้นเจือความประหลาดใจเสี้ยวหนึ่ง เห็นชัดว่าเขาคิดไม่ถึง ว่าเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งถึงกับสามารถสกัดการโจมตีแฝงโทสะของเขาได้!
ส่วนศิษย์อาจารย์ทั้งหมด ณ ที่นั้นต่างนิ่งอึ้งไปหมดแล้ว
ผู้อาวุโสผมเทาชุดม่วงนี้เป็นถึงคนใหญ่คนโตของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ แต่หลินสวินกลับสามารถสกัดการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างคาดไม่ถึง…
นี่น่าตระหนกเกินไปแล้ว!
หากเผยแพร่ออกไป เกรงว่าคงไม่มีใครกล้าเชื่อ
“มิน่าถึงกล้าอาละวาดเช่นนี้ ที่แท้ก็มีดี เช่นนั้นลองรับฝ่ามือของข้าอีกครั้งสิ!”
ผู้อาวุโสผมเทาชุดม่วงสีหน้าอึมครึม นัยน์ตาพรั่งพรูแววเย็นเยียบ ขณะพูดเงาร่างเขาก็วาบไหว พุ่งออกไปอีกครา
ถูกเด็กคนหนึ่งสกัดการจู่โจมได้ ทำให้เขารับไม่ได้อยู่บ้าง ยามลงมือครานี้พลานุภาพจึงต่างจากเมื่อครู่อย่างสมบูรณ์!
…………………..