Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 704 ยอดอาวุธศักดิ์สิทธิ์
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 704 ยอดอาวุธศักดิ์สิทธิ์
ชายชราร่างผอมจากไป เหตุการณ์แม้ตื่นตระหนกแต่ไร้อันตราย
ทว่าหลินสวินกลับพบว่า ในเวลาอันสั้นตนเองคงจากไปไม่ได้แล้ว
เพราะอาณาบริเวณใกล้เคียงนี้ มีพ่อมดเถื่อนมือฉมังขบวนแล้วขบวนเล่าเคลื่อนเข้าใกล้หุบเขาพยัคฆ์ดั่งกระแสน้ำ…
ยุ่งยากแล้ว!
หลินสวินแอบร่ำร้องในใจ
เวลานี้เขาใช้ ‘ไอซวนหนี’ บดบังกลิ่นอาย อาจไม่ถูกศัตรูค้นพบอย่างคาดไม่ถึง แต่ทันทีที่เคลื่อนไหวเพียงนิดต้องเปิดเผยร่องรอยเป็นแน่
ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดหลินสวินกัดฟันตัดสินใจหยุดขยับตัวชั่วคราว
แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยให้ว่าง อาศัยช่วงเวลานี้นำผลึกวิญญาณระดับสูงออกมาสูบหลอมพลังเงียบๆ เสริมพลังที่ผลาญไปในการต่อสู้เมื่อครู่
…
ในหุบเขาพยัคฆ์ หลังผ่านความหวั่นสะท้านและตระหนกในช่วงแรกไปแล้ว เหตุการณ์ก็เปลี่ยนเป็นเงียบสงัดและกดดัน
ผู้อาวุโสกึ่งราชันนามหมานจิ่วคนนั้น รวมถึงเฟิงคุน จินอู้และผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทคนอื่นทั้งหมดกำลังหารือมาตรการรับมือ
“ไอ้เด็กสวะเผ่ามนุษย์บัดซบนั่น ใครจะคิดว่ามันถึงกับกล้ากลับมาอีกครั้ง ช่างเป็นสุนัขกล้าใจคับฟ้า!”
มีผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทโกรธแค้นด่ายกใหญ่
คนอื่นก็สีหน้าถมึงทึงหาใดเปรียบ พวกเขาพบว่าลูกศรปริศนาไม่อาจจินตนาในส่วนลึกถ้ำเหมืองดอกนั้นหายไปแล้ว เห็นชัดว่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นั่นเป็นคนทำ!
“น่าแค้นนัก! เผ่าพ่อมดเถื่อนของเรากรำศึกที่สมรภูมิกระหายเลือดนี่หลายปี มีหรือจะเคยเสียเปรียบมากขนาดนี้ แม้แต่เสอเจิ้น เหยียนชื่อสิง อินเป่ยกู้ล้วนถูกฆ่า หากแพร่งพรายออกไปต้องเกิดคลื่นลมปั่นป่วนใหญ่หลวงแน่!”
“เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือต้องจับไอ้เด็กสวะนั่นให้ได้!”
“ใช่ เด็กนี่มีปราณแค่ระดับหยั่งสัจจะเท่านั้น กลับอาศัยธนูยักษ์กระดูกขาวน่ากลัวหาใดเปรียบคันหนึ่งทำให้ฝ่ายเราเสียหายหนัก ที่ไม่อาจให้อภัยที่สุดคือเขาถึงกับนำสมบัติล้ำค่านั่นไปด้วย!”
“ตามที่สัตว์ประหลาดเฒ่าสายคนเถื่อนโบราณท่านหนึ่งคาดการณ์ ศรเทพลึกลับดอกนั้นเป็นไปได้สูงว่าคือยอดอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ราชันอริยะผู้หนึ่งเหลือทิ้งไว้! ความน่าหวาดกลัวแห่งพลังของมันเพียงพอสังหารอัครบุคคลระดับราชันเถื่อน หากถูกผู้ฝึกปราณแห่งจักรวรรดิเผ่ามนุษย์นั่นได้ไป จะต้องเป็นหายนะที่ไม่อาจคาดเดา!”
เหล่าพ่อมดเถื่อนมากสามารถทั้งหมดส่งเสียงกันเซ็งแซ่ พวกเขาเกลียดชังหลินสวิน ในใจคับแค้นอัดอั้นถึงขีดสุด ไม่อาจทนเห็นเขามีชีวิตรอดต่อไป
“เด็กหนุ่มนั่นรูปร่างเป็นอย่างไร”
หมานจิ่วผู้เงียบขรึมมาตลอดพลันเอ่ยปาก
“เขาอายุประมาณสิบกว่าปี มีปราณระดับหยั่งสัจจะ ท่าทางดูไปแล้วค่อนข้างหล่อเหลา…” จินอู้เอ่ยปาก อธิบายลักษณะหลินสวินรอบหนึ่ง
“เป็นเขา!” ทันใดนั้นนัยน์ตาหมานจิ่วฉายแววน่ากลัวชวนตระหนกวูบหนึ่ง
คนอื่นๆ ต่างมองหน้ากันไปมา กล่าวประหลาดใจอยู่บ้าง “หรือผู้อาวุโสหมานจิ่วรู้จักเจ้าเด็กนี่”
หมานจิ่ว ราชันเถื่อนกึ่งระดับของสายคนเถื่อนมืดผู้หนึ่ง ศักยภาพน่าหวาดกลัวยิ่งยวด เป็นรองแค่ผู้ดำรงในระดับราชันเถื่อนที่แท้จริง!
คนใหญ่คนโตเช่นนี้ถึงกับรู้จักเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนหนึ่ง นี่ทำเอาคนอื่นไม่คาดฝัน
เงียบงันนานพอควร ในที่สุดหมานจิ่วจึงบอกกล่าวตามความจริงหาได้ปกปิดไม่ “เมื่อวานเจ้าเด็กนี่เกือบสังหารนายน้อยเผ่าข้า ตามที่นายน้อยเผ่าข้าวินิจฉัย เด็กนี่… น่าจะก้าวสู่มกุฎมรรคาซึ่งแกร่งที่สุดในตำนาน”
อะไรนะ!?
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอ้าปากค้าง
มกุฎมรรคาซึ่งแกร่งที่สุด! แม้แต่สมัยบรรพกาลล้วนเรียกได้ว่าเป็นมรรคาสูงสุดอันเป็นที่จับตามองทั่วหล้า ประดุจราชันที่สามารถบดขยี้ศัตรูระดับเดียวกันได้ทั้งมวล!
ข่าวลือเกี่ยวกับมรรคานี้มีมากเหลือเกิน เปี่ยมล้นด้วยสีสันแห่งตำนานไม่อาจจินตนา
แต่ใครต่างไม่คาดคิด ในจักรวรรดิจื่อเย่านั่นถึงกับให้กำเนิดปีศาจพลิกฟ้าเช่นนี้ตนหนึ่ง!
ในอดีตที่ผ่านไม่เคยพบเจอมาก่อน
และเมื่อรู้ว่าแม้แต่นายน้อยราชนิกุลคนเถื่อนมืดยังเกือบถูกสังหาร พวกเขาล้วนสั่นสะท้านพูดไม่ออกโดยพร้อมเพรียง
นายน้อยราชนิกุลคนเถื่อนมืดนามว่าอิ๋งเชวี่ย เป็นบุคคลแห่งยุคที่ถูกขนานนามว่าราชันรุ่นเยาว์แห่งพ่อมดเถื่อนผู้หนึ่ง ถูกคนใหญ่คนโตมากมายจากเก้าสายชื่นชม คิดว่าขอแค่เขาก้าวสู่มกุฎมรรคาก็มีหวังยิ่งที่จะกลายเป็นจักรพรรดิเถื่อนที่แท้จริง!
แต่บุคคลซึ่งเจิดจรัสหาใดเปรียบเช่นนี้ กลับเกือบถูกเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นั่นสังหาร นี่จะไม่ให้ผู้คนตระหนกได้อย่างไร
“รายงาน!”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังตื่นตระหนก หน่วยสอดแนมก็มารายงาน “สืบเสาะภายในรัศมีร้อยลี้แล้ว ไม่พบร่องรอยของศัตรูแม้เพียงเสี้ยว แม้แต่กลิ่นอายยังจับไม่ได้”
หน่วยสอดแนมเผ่าพ่อมดเถื่อน ส่วนใหญ่เป็นสายคนเถื่อนมืด พวกเขาคือมือสังหารโดยกำเนิด ที่ชำนาญที่สุดคือการไล่ล่าและค้นหา
แต่บัดนี้แม้แต่หน่วยสอดแนมสายคนเถื่อนมืดพวกนี้ยังไม่พบร่องรอยของเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์นั่น นี่ทำให้สีหน้าทุกคน ณ ที่นั้นไม่น่าดูยิ่งกว่าเดิม
“คนเป็นๆ คนหนึ่งไม่มีทางหายไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย!” หมานจิ่วมุ่นคิ้ว “เจ้าเด็กนี่หากไม่ใช่ใช้วิชาลับบางอย่างกลบกลิ่นอายหลบหนีไปแล้ว ก็ต้อง… ยังซ่อนอยู่ในบริเวณนี้!”
วาจาเขาเฉียบขาด ในฐานะที่เป็นราชันกึ่งระดับแห่งสายคนเถื่อนมืด คำพูดของเขามีแรงจูงใจอย่างใหญ่หลวงโดยไม่ต้องสงสัย
“ค้น! หาให้ทั่วทั้งหุบเขาพยัคฆ์ ต่อให้ต้องขุดดินลงไปก็ต้องจับตัวมันมาให้ข้า!”
หมานจิ่วออกคำสั่ง
“ผู้อาวุโสท่านคิดว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ได้หนีไป แต่หลบซ่อนอยู่บริเวณนี้รึ”
คนที่เหลือใจกระตุก
“ข้าสังเกตร่องรอยการต่อสู้ที่นี่แล้ว จากการคาดเดาเวลา เขาไม่มีทางหนีไปไกลได้เด็ดขาด แต่ในระยะร้อยลี้กลับไม่เหลือร่องรอยของเขาแม้เพียงเสี้ยว นี่สามารถพิสูจน์ได้เล็กน้อยว่าเขาอยู่ใกล้ๆ!”
แววเย็นเยียบในดวงตาหมานจิ่วพลุ่งพล่าน เห็นได้ว่ามั่นใจยิ่ง
ทันใดนั้นพ่อมดเถื่อนทั้งหมดต่างฮึกเหิม บนหน้าเผยไอสังหารและคั่งแค้นยากปกปิด วันนี้พวกเขาถูกทำให้เดือดดาลแล้ว
เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนหนึ่งกลับทำจนพวกเขาล้มลุกคลุกฝุ่น บาดเจ็บล้มตายสาหัสสากรรจ์ ซ้ำยังชิงสมบัติซึ่งเดิมถูกพวกเขาจับจ้องไป นี่จะให้อดกลั้นได้อย่างไร
“ค้น!”
“ไถ่ภูเขาลูกนั้นให้ราบ!”
“ยังมีถ้ำเหมืองด้านนั้น ทำลายมันให้หมด!”
ณ ที่นั้นเสียงตะโกนดังลั่นเป็นพักๆ พ่อมดเถื่อนมือฉมังกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเริ่มปฏิบัติการดั่งกระแสน้ำ ใช้วิธีรุนแรงค้นหาบริเวณใกล้เคียงหุบเขาพยัคฆ์ ท่าทางน่ากลัวอย่างยิ่ง
หลินสวินซึ่งสังเกตทั้งหมดนี้มาโดยตลอดขมวดคิ้วมุ่น ตระหนักได้ว่าหลบต่อไม่ได้แล้ว
“พวกเจ้ามาหาตรงนี้!”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนคนหนึ่งออกคำสั่ง นำพ่อมดเถื่อนมือฉมังทั้งหมดมุ่งเดินมาทางนี้ ทว่าไม่รอให้พวกเขาเริ่มค้นหา แสงดาบฉับไวอันประดุจแสงดาราก็โผล่ออกมา
ฉัวะๆๆ!
ทันใดนั้นหัวที่เลือดหลั่งรินเจ็ดแปดหัวถูกปลิดเกลี้ยง
“ตรงนี้! ศัตรูหลบอยู่ที่นี่!”
ที่ห่างออกไป ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนคนหนึ่งสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ ดวงตาพลันปูดโปนแทบถลน ส่งเสียงคำรามเล็กแหลม
พริบตานั้นเสียงตะโกนดังระลอกจากทั่วทุกสารทิศ ก็เห็นผู้แข็งแกร่งมหาเวทมากมายพุ่งทะยานมาทางนี้ แต่ละคนไอสังหารพวยพุ่ง
“เป็นไอ้เด็กสวะนั่นดังคาด!”
“ฮ่าๆๆ ครั้งนี้ข้าจะบีบมันให้ตายคามือ!”
ในครรลองสายตา พวกเขาเห็นเงาร่างของหลินสวินกำลังทะยานหนีห่างไปเต็มกำลัง นี่ก็เหมือนนายพรานเห็นเหยื่อ ทำให้พวกเขาเบิกบานอย่างบ้าคลั่งยิ่ง
“ตาม!”
“ปิดทางมันให้ข้า!”
พ่อมดเถื่อนมือฉมังดุจกระแสธารล้อมรอบมาจากทั่วสารทิศราวตาข่ายยักษ์หดรัดตัว หมายกักขังหลินสวินไว้ภายใน
สวบ!
หลินสวินสำแดงก้าวย่างชือน้ำแข็งเต็มกำลัง พลังทั่วร่างโคจรถึงขั้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในพริบตา ทั้งตัวราวสาดแสงมายาวูบหนึ่ง เร็วจนไม่อาจจินตนา
เมื่อใดที่ศัตรูกีดขวางเบื้องหน้า ก็จะถูกดาบหักฟันใส่ทันที ระเบิดแหลกราวทำจากกระดาษ
ทั่วสรรพางค์กายคล้ายเหล็กหมาดปลายแหลม แหวกทะลวงถนนโลหิตสายหนึ่งในกองทัพศัตรูเต็มกำลัง
หนี!
แม้แต่ห่อสัมภาระบรรจุทรัพย์หลังศึกเต็มแน่นสามถุงนั้นหลินสวินก็ไม่ต้องการแล้ว ทุ่มกำลังหนีอย่างบ้าคลั่ง
ช่วยไม่ได้ เบื้องหลังไม่เพียงแต่มีผู้แข็งแกร็งมหาเวทกลุ่มใหญ่ ที่น่ากลัวที่สุดคือยังมีราชันกึ่งระดับคนหนึ่ง!
ต่อให้หลินสวินมั่นใจในศักยภาพตนเองแค่ไหน ก็ไม่บ้าระห่ำถึงขั้นต้านทานราชันกึ่งระดับนั่น
“น่าขัน คราก่อนให้เจ้าหนีไปได้ เพราะนายน้อยเผ่าข้าสั่งไม่ให้ตามฆ่าเจ้า แต่วันนี้หากให้เจ้าหนีไปได้อีก ข้ายังจะเชิดหน้าในสายคนเถื่อนมืดได้อีกหรือ”
ที่มาพร้อมกับเสียงเยียบเย็นและน่าเกรงขามนั้น คือเงาร่างหมานจิ่วซึ่งประหนึ่งชั้นเมฆดำทะมึนบีบกดห้วงอากาศ พุ่งดิ่งเข้ามา
เร็วเกินไปแล้ว!
หมานจิ่วนอกจากเป็นราชันกึ่งระดับ ยังเป็นสายคนเถื่อนมืดผู้หนึ่ง ครอบครองวิธีสังหารและความเร็วที่ไม่อาจเทียบได้
บัดนี้ทันทีที่เขาลงมือ หลินสวินซึ่งกำลังหนีห่างออกไปพลันประหนึ่งมีหนามทิ่มแทงใส่หลัง ขนทั่วร่างตั้งชัน สัมผัสได้ถึงอันตรายที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างหนึ่ง
ผึง!
หลินสวินเปลี่ยนดาบเป็นธนูอย่างแทบจะเป็นไปตามจิตใต้สำนึก ง้างสายธนูเต็มเหนี่ยวแล้วยิงออกไปโดยไม่หันหลับไปมอง
“หืม?”
หมานจิ่วนัยน์ตาพลันหรี่หลุบลง แม้แต่เขาเองเกือบถูกยิงตรงคอหอยโดยไม่ตั้งตัว! ต่อให้เป็นเช่นนี้ธนูวิญญาณนั่นก็ถูผิวหนังหว่างลำคอเขาปอกเปิก นำมาซึ่งบุปผาโลหิตกระฉูดระย้า
“มิน่าถึงสามารถฆ่าพวกเสอเจิ้น เหยียนชื่อสิงได้ ธนูนี่… ช่างคาดไม่ถึงนัก!” หมานจิ่วสีหน้าราบเรียบ ไอสังหารรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
เขาเป็นถึงราชันกึ่งระดับ!
กลับเกือบถูกเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนหนึ่งจู่โจมสังหารโดยไม่ทันตั้งตัว นี่ทำให้ในใจเขานอกจากโทสะแล้ว ยังเกิดความละโมบต่อธนูวิญญาณไร้แก่นสารในมือหลินสวิน
หมานจิ่วเป็นมือสังหารโดยกำเนิด หากสามารถครอบครองธนูนี่ เขาถึงขั้นมั่นใจว่าสามารถท้าทายกับราชันเถื่อนที่แท้จริงได้!
‘ธนูนี่ต้องชิงมาเป็นของข้า!’
หมานจิ่วจับจ้องหลินสวินที่อยู่ห่างออกไปมั่น สูดหายใจลึก เขาตัดสินใจใช้กระบองเพชฌฆาตที่แม้จริงบดขยี้ในคราเดียว เลี่ยงไม่ให้สถานการณ์ยืดเยื้อออกไป
ตูม!
ทั่วร่างเขาปรากฏเปลวอัคคีสีดำดุจหมอกควันพุ่งทะลวงเมฆา ทั้งตัวราวมารปีศาจตนหนึ่ง แรงกดดันมหาศาลชวนประหวั่นดุจลมกาฬวาต ครอบคลุมรัศมีร้อยลี้ในพริบตา
สามารถมองเห็นอย่างชัดเจน ตรงปลายนิ้วเขามีเปลวเพลิงสีเทาสลัวรางกำลังเคลื่อนไหว ดูเหมือนอ่อนกำลัง แต่กลับอบอวลกลิ่นอายทำลายล้างอันตรายสุดขีด
เสมือนเปลวไฟแห่งนรกภูมิ แค่เพียงเปลวหนึ่งล้วนสามารถผลาญสิ้นภูผาธารา!
ทว่าไม่รอให้หมานจิ่วบุกโจมตี ทั่วร่างเขาพลันแข็งทื่อ ในใจไม่อาจระงับความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นกะทันหันได้
นี่มัน…
ในสายตาหมานจิ่ว สิ่งที่เห็นในแวบแรกคือหลินสวินที่กำลังหลบหนีห่างไปไกล ทว่ายามนี้กลับชะงักเท้าโดยพลัน หันหลังกลับมา แล้วง้างธนูยักษ์กระดูกขาวนั่นเต็มเหนี่ยว
แต่ทว่าครานี้ระหว่างนิ้วของเขากลับเพิ่มลูกศรสีดำเรียบง่ายไม่หรูหราดอกหนึ่ง ปลายศรดั่งสีโลหิต เล็งมาทางตนจากที่ห่างไกล
พริบตานี้หมานจิ่วขนพองสยองเกล้า ราวถูกมัจจุราชจับจ้อง จิตวิญญาณสั่นสะท้าน หวาดกลัวอย่างรุนแรงหาใดเปรียบ
หรือว่านี่คือ ‘ยอดอาวุธศักดิ์สิทธิ์’ ที่ไอ้เด็กสวะนั้นช่วงชิงไป!?
……………..