Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 723
อันที่จริงเรื่องนี้ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน
การสร้างชื่อและแต่งแต้มชุดหนึ่ง สุดท้ายกลับกลายเป็นผลงานอันทรงอานุภาพและเกริกก้องของหลินสวิน นี่ทำให้อิ๋งเชวี่ยโมโหแทบบ้า
สีหน้าผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนส่วนหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้เคียงดูไม่ได้ยิ่งนัก โกรธจนควันออกหู พวกเขาไร้ที่ระบาย แม้แต่สายตาที่มองหลิ่วเหวินต่างเจือความอาฆาตแค้นวูบหนึ่ง
ช่วยไม่ได้ ในที่นั้นมีเพียงเขาคนเดียวที่เป็นเผ่ามนุษย์แห่งจักรวรรดิ
หลิ่วเหวินสีหน้าคล้ำเขียว รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวเหมือนนั่งอยู่บนกองไฟ เขาเองก็อัดอั้นยิ่งยวดเช่นเดียวกัน เขามีความคั่งแค้นต่อหลินสวินนานแล้ว แทบอยากให้อีกฝ่ายถูกสังหารโดยเร็ว แต่ความเป็นจริงกลับโหดร้ายเช่นนี้!
ที่ทำให้เขาขุ่นเคืองที่สุดคือ ไอ้พวกสวะพ่อมดเถื่อนนี่ถึงกับเอาความแค้นมาลงที่เขาอย่างไร้เหตุผล เป็นดังคาด ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกันย่อมมีใจแตกต่างสินะ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ครั้งนี้หลินสวินปรากฏตัวออกมาทั้งยังมีชีวิต อาศัยผลงานการต่อสู้อันเกริกก้องพลิกสถานการณ์ในคราเดียว สุดท้ายกลับทำให้ขวัญกำลังใจของเผ่าพ่อมดเถื่อนถูกโจมตีเต็มๆ พังทลายลงอย่างรวดเร็ว
ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนมากมายต่างวิตกกังวลใจ คิดถึงว่า เมื่อหลินสือเอ้อร์นั่นยังมีชีวิตอยู่ นี่ไม่เพียงแค่โจมตีขวัญกำลังใจธรรมดา ถึงขั้นเป็นไปได้ว่าอาจเกิดเรื่องสาหัสสากรรจ์คล้ายกันอีก!
จริงดังคาด ความกังวลของพวกเขาเกิดขึ้นแล้ว ในวันนั้นมีผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิประกาศคำพูดแทนหลินสวิน…
“คุณชายหลินบอกว่า ให้ราชันกึ่งระดับสวะพ่อมดเถื่อนพวกนั้นล้างคอรอเขาไว้ได้เลย!”
หินก้อนเดียวก่อเกิดคลื่นพันชั้น!
ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนเหล่านั้นต่างตะลึงงัน เจ้าหมอนี่… ยังจะกระทำการป่าเถื่อนต่องั้นรึ
ส่วนบรรดาราชันกึ่งระดับยิ่งใจสั่นระรัว ทั้งตระหนกทั้งขุ่นเคือง
ไอ้หมอนี่แม่งหมายหัวมาที่พวกเขาแล้ว! ไม่สนใจอะไรเลยจริงๆ สินะ!
แต่พวกเขากลับไม่อาจไม่หวาดกลัว ช่วยไม่ได้ ราชันกึ่งระดับที่ตายในมือหลินสวินมากเหลือเกิน ครั้งเดียวอาจเป็นโชค แต่เมื่อปรากฏบ่อยครั้งนั่นก็ไม่อาจเอาโชคดีมาบรรยายได้แล้ว
เมื่อสามราชันเถื่อนอย่างราชันนภาเพลิง ราชันอำพันทอง ราชันเมฆาอสนีทราบข่าวนี้ต่างโกรธจนผมตั้ง โมโหจนสีหน้าถมึงทึง
เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง อยู่ในป่าต้นหม่อนกลับกล้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้ เห็นคนแก่อย่างพวกเขาเป็นเครื่องประดับรึไง
“คุณชายหลินเยี่ยมไปเลย!”
“อะไรที่เรียกว่าห้าวหาญเกรียงไกรดุจพยัคฆ์ ก็นี่ไงล่ะ!”
“สวรรค์มีตา จักรวรรดิเรามีผู้กล้าอย่างคุณชายหลินเช่นนี้ เป็นโชคดีแห่งจักรวรรดิยิ่งแล้ว”
ทางด้านผู้ฝึกปราณแห่งจักรวรรดิล้วนอึกทึกพลุ่งพล่านโดยสมบูรณ์ ความเลื่อมใสยกย่องที่มีต่อหลินสวินถึงขั้นเป็นประวัติการณ์
เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งกลับสังหารราชันกึ่งระดับประหนึ่งดื่มน้ำจิบชา ใครเล่าจะไม่ยอมรับ ไม่อัศจรรย์ใจ ไม่ยกย่องสรรเสริญ
…
วันนั้น แม้แต่หลินสวินที่หาหินหยกอัศจรรย์ในป่าต้นหม่อนยังได้ยินคลื่นลมและข่าวคราวเหล่านี้ แค่เขาเองคาดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะอึกทึกพลุ่งพล่านเช่นนี้ อยู่นอกเหนือจากที่เขาคาดไว้โดยสมบูรณ์
ระหว่างทางหลังจากนั้นยิ่งเกิดเรื่องบางอย่างที่ทำเอาหลินสวินหัวเราะไม่ออก ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนส่วนหนึ่งซึ่งพบเจอระหว่างทาง ยังไม่รอให้ตนลงมือก็เหมือนนกหวาดเกาทัณฑ์ ตกใจจนหน้าซีดขาว หนีเตลิดเปิดเปิง
ส่วนผู้ฝึกปราณแห่งจักรวรรดิส่วนหนึ่งที่พบเจอกลับเข้ามาทักทายอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แต่ละคนแววตาเปล่งประกาย มองจนหลินสวินอึดอัดไปทั้งตัวอยู่บ้าง
เมื่อรู้ว่าหลินสวินกำลังหาหินหยกอัศจรรย์จำนวนหนึ่ง ผู้ฝึกปราณเหล่านี้ยิ่งใจกว้าง ล้วงห่อสัมภาระแล้วแบ่งหินหยกอัศจรรย์ที่รวบรวมได้ในหลายวันนี้ให้หลินสวินส่วนหนึ่ง
ไร้ผลงานย่อมไม่ควรรับรางวัล หลินสวินไหนเลยจะยอมรับ เพียงแต่เขาทานความกระตือรือร้นยิ่งของอีกฝ่ายไม่ไหว อีกทั้งหากไม่ยอมรับก็จะดูเหมือนเป็นการดูถูกฝ่ายตรงข้าม
ท้ายที่สุดหลินสวินได้แต่ยอมรับความหวังดีเช่นนี้
แค่เพียงสองวันหลินสวินก็ได้รับหินหยกอัศจรรย์เต็มห่อสัมภาระใบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว อย่างน้อยๆ ก็มีมากถึงห้าหกร้อยก้อน
นี่ทำให้หลินสวินแอบแลบลิ้นกับตัวเอง ความเร็วนี้ไวยิ่งกว่าตนคนเดียวไปควานหามากยิ่งนัก
เดิมทีหลินสวินยังระแวดระวังอยู่บ้าง ถึงอย่างไรแรงกระเพื่อมที่เขาก่อครานี้ก็ใหญ่หลวงนัก แม้ราชันกึ่งระดับสามคนอย่างพวกมู่หลิงเฟิงจะไม่ได้ตายด้วยมือเขา แต่ตอนนี้ต่อให้เขาอธิบาย เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อว่าเขาไม่ได้ทำ
ประกอบกับที่เขาเคยป่าวประกาศว่าจะฆ่าราชันกึ่งระดับเผ่าพ่อมดเถื่อนต่อ จึงกลายเป็นจุดสนใจไปนานแล้ว
ในเวลาเช่นนี้หลินสวินไม่สงสัยเลยสักนิด เผ่าพ่อมดเถื่อนเสียเปรียบมากขนาดนี้มีหรือจะยังอดกลั้นได้อีกหรือ
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ศัตรูไม่มีทางเลิกราแค่นี้เป็นอันขาด!
ดังนั้นในการเคลื่อนไหวหลังจากนั้นหลินสวินจึงระวังตัวอย่างยิ่งมาตลอด เขาถึงขนาดคาดเดาว่าในหมู่ราชันของเผ่าพ่อมดเถื่อนนั่นอาจมีคนอยากลงมือกับตนอย่างอดรนทนไม่ไหว
แต่ไม่ช้าเรื่องที่เกิดขึ้นกะทันหัน ช่วยหลินสวินคลี่คลายภยันตรายที่เคลือบแฝงทั้งมวลอย่างไร้รูป
เนื่องเพราะวันนี้ซากปรักหักพังในส่วนลึกสุดของป่าต้นหม่อน จู่ๆ เกิดปรากฏการณ์ประหลาดสะเทือนใต้หล้า มีหมอกเมฆสีเขียวปริศนาจับตัวกันเป็นบุปผา ร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า
ภาพนี้ช่างไม่ต่างอะไรจาก ‘บุปผาสวรรค์โปรยปราย’ ในตำนาน
ขณะเดียวกันในบริเวณนั้นปรากฏตำหนักมรรคปริศนาหลังหนึ่ง แค่เพียงบันไดก็มีเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าขั้น ประดุจบันไดสู่สวรรค์!
ตำหนักมรรคยิ่งใหญ่ตระหง่านง้ำอยู่กลางฟ้าดิน แผ่กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ไพศาลไร้ขีดจำกัด ย้อมฟ้าดินแถบนั้นด้วยกลิ่นอายยิ่งใหญ่โชติช่วงชั้นหนึ่ง
นี่เป็นสัญญาณว่าวาสนาใหญ่กำลังมาเยือนโดยไม่ต้องสงสัย!
ชั่วขณะเดียว ไม่ว่าจะฝั่งจักรวรรดิหรือเผ่าพ่อมดเถื่อนล้วนอึกทึกครึกโครม คนใหญ่คนโตชั้นยอดทั้งมวลต่างถูกทำให้ตกใจ รีบเร่งไปอย่างเต็มกำลังพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ในเวลาเช่นนี้ คนใหญ่คนโตเหล่านั้นจะมัวมาใส่ใจหลินสวินอีกได้อย่างไร
แต่เมื่อเป็นดังนี้กลับทำให้หลินสวินผ่อนคลายไม่น้อย เขาใคร่ครวญ ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจออกจากป่าต้นหม่อนแห่งนี้!
เขารวบรวมหินหยกอัศจรรย์มากพอแล้ว บรรลุจุดประสงค์การเดินทางครานี้ และแน่ใจว่าสามารถทำให้ดาบหักเกิดการเปลี่ยนสภาพอีกครั้ง
สำหรับตำหนักมรรคปริศนาที่จู่ๆ อุบัติขึ้นนั่น แม้ในใจหลินสวินอยากรู้อยากเห็นมาก แต่กลับเยือกเย็นยิ่ง รู้ว่าด้วยความสามารถของตน ไปที่นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย
บางทีตนอาจสามารถจู่โจมสังหารราชันกึ่งระดับได้ แต่นั่นล้วนแต่พึ่งพาอานุภาพของคันธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาคราม อย่างมาก็ใช้ได้แค่ครั้งเดียว ไม่อาจสู้ศึกยืดเยื้อได้
ในเวลาเช่นนี้การไปช่วงชิงวาสนากับพวกราชันที่แท้จริง นั่นคงเบื่อชีวิตเกินไปแล้ว
อีกทั้งหลินสวินมีลางสังหรณ์ว่า สรรพชีวิตน่าหวาดหวั่นซึ่งจำศีลในแต่ละบริเวณของป่าต้นหม่อนพวกนั้น จะต้องไม่มีทางอยู่เงียบๆ แน่!
จริงดังคาด ระหว่างที่หลินสวินล่าถอย เขาได้ยินเสียงร้องจักจั่นทะลวงเมฆา จากนั้นกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ชวนประหวั่นหนึ่งก็พวยพุ่ง ทะยานไปยังส่วนลึกสุดของป่าต้นหม่อน
ในขณะเดียวกันอีกบริเวณหนึ่งก็ปรากฏแสงโลหิตทั่วฟ้า ผีเสื้อราตรีสีเลือดตัวหนึ่งพัดโหมลมกาฬวาต เริ่มเคลื่อนไหวประดุจหลุมดำกลืนกินสรรพสิ่ง
ตูม!
ที่ทำให้หลินสวินขนพองสยองเกล้าที่สุดคือ ในบริเวณที่เขาฆ่าราชันกึ่งระดับเถิงไห่ มังกรเจียวหลงขนาดใหญ่มหึมาสีเขียวมรกตยาวประมาณพันจั้งตัวหนึ่งพุ่งทะยานขึ้นฟ้า กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์อบอวล เปล่งเสียงมังกรคำรามแหวกอากาศออกไป
เห็นได้ชัดว่ามังกรเจียวหลงสีครามนั่นคือสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวที่จำศีลอยู่ใต้ดินในส่วนลึกของอุโมงค์นั่น!
‘แม้แต่สิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวซึ่งก้าวสู่อริยมรรคล้วนออกเคลื่อนไหว ในตำหนักมรรคนั่นซ่อนความลับสะเทือนใต้หล้าระดับใดกันแน่’
ในใจหลินสวินสั่นสะท้าน
แต่ทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้ความคิดจะออกจากป่าต้นหม่อนของเขาหนักแน่นยิ่งขึ้น
บริเวณใกล้ๆ ตำหนักมรรคนั่นจะต้องเกิดการนองเลือดที่ไม่อาจคาดเดาแน่ เกรงว่าแม้แต่ราชันของจักรวรรดิและเผ่าพ่อมดเถื่อนยังต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต!
หลินสวินไม่อยากรั้งอยู่ในแดนผีสิงนี่อีกต่อไปแล้ว
วาสนาแม้ยิ่งใหญ่ หากไร้ความสามารถไปแย่งชิง ต่อให้ไปก็เป็นได้แค่หนังหน้าไฟ
…
วันต่อมา
แม้ตื่นตระหนกแต่หลินสวินก็หวนกลับมาถึงพื้นที่ทางเข้าป่าต้นหม่อนอย่างไร้อันตราย เมื่อมาถึงที่นี่เขาก็อดเป่าปากโล่งอกไม่ได้
ตลอดทางมานี้อันตรายเหลือเกิน ระหว่างทางปรากฏสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงมากมายต่อเนื่อง ถึงแม้ไม่มีระดับอริยะ แต่กลับมีสิ่งดุร้ายระดับราชันไม่ขาด
อย่างเช่นหอกสำริดหักพังด้ามหนึ่งที่ราวกับมีจิตวิญญาณ เปล่งพลังศักดิ์สิทธิ์มืดสลัว เห็นชัดว่าเป็นอาวุธอริยมรรคซึ่งหักพังชิ้นหนึ่ง แต่พลานุภาพกลับร้ายกาจยิ่งกว่าราชันที่แท้จริงอยู่สามส่วน
ยังมีดอกไม้สีทองที่มีกลิ่นอายมารประหลาดต้นหนึ่ง ระหว่างกลีบดอกที่พลิ้วไหวมีแสงทองสายแล้วสายเล่ายิงออกมาดุจฝนกระบี่ แหวกอำลายห้วงนภา
นี่เห็นชัดว่าเป็นระดับราชันอีกหนึ่งอย่าง!
นอกจากนี้ ยังมีสิ่งมีชีวิตซึ่งแปลกประหลาดและไม่อาจระบุมากมาย ล้วนประหนึ่งตื่นขึ้นจากความเงียบสงัด พุ่งทะยานไปยังส่วนลึกป่าต้นหม่อนนั่น
หลินสวินเคยเห็นกับตาตนเอง ระหว่างทางผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งที่หนีหลบ ไม่ว่าจากจักรวรรดิหรือเผ่าพ่อมดเถื่อน เมื่อใดที่ถูกสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวเหล่านี้พบเข้า แทบทุกคนล้วนถูกเด็ดชีพไปอย่างดุดันป่าเถื่อน
นี่ก็คือป่าต้นหม่อนซึ่งมีฉายาว่า ‘แดนมารย้อมโลหิตเทพ’ และเวลานี้ในที่สุดหลินสวินก็รับรู้ถึงความน่าพรั่นพรึงของที่นี่อย่างลึกซึ้ง
เทียบกับ ‘สุสานสมุทรฝังมรรค’ ‘แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์’ ของส่วนลึกทะเลกลืนวิญญาณแล้ว แทบไม่ด้อยไปกว่ากันเลย!
“ยังดี ครั้งนี้ไม่เข้าไปใกล้ตำหนักมรรคปริศนานั่น ไม่อย่างนั้นล่ะก็…” หลินสวินแค่ลองนึกก็หนาวสั่นอยู่ในใจ
เขาหาได้ลังเลไม่ มุ่งหน้าออกไปนอกป่าต้นหม่อนทันที
บนเส้นทางมีผู้ฝึกปราณแห่งจักรวรรดิและผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนมากมายกำลังหนีตาย พวกเขาเองก็สังเกตเห็นถึงอันตรายเหมือนกับหลินสวิน เพื่อรักษาชีวิตจึงไม่กล้ารั้งอยู่ต่อไปอีก
หืม?
เพิ่งออกจากป่าต้นหม่อนไม่นาน ในสัมผัสจิตวิญญาณของหลินสวินพลันสังเกตเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยหนึ่ง
หลิ่วเหวิน!
เจ้าหมอนี่กำลังเผ่นหนีตามผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนกลุ่มหนึ่ง ท่าทางรีบร้อน
จากนั้นหลินสวินก็สังเกตเห็นอิ๋งเชวี่ย นายน้อยราชนิกุลสายคนเถื่อนมืดในหมู่ผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนนั้น
‘เหอะๆ โลกช่างกลมซะจริง…’
มุมปากหลินสวินปรากฏรัศมีโค้งเย็นเยียบ เขาติดตามไปอย่างไม่รีบร้อน
“หงุดหงิดโว้ย! ครั้งนี้ไม่เพียงฆ่าหลินสือเอ้อร์นั่นไม่ได้ แม้แต่วาสนาก็ไม่มีโอกาสให้พวกเราสอดมือ!”
อิ๋งเชวี่ยหน้าตาอึมครึม พวกเขากำลังพุ่งไปเบื้องหน้า
เวลานี้ไม่ว่าผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิหรือผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนล้วนกำลังเผ่นหนี ใครต่างไม่มีความคิดต่อสู้กันอีก
“นายน้อย ไม่จำเป็นต้องหมดกำลังใจ ตราบใดที่ขุนเขายังขจีย่อมไม่กลัวไร้ฟืนเผา อาศัยรากฐานของท่านตอนนี้ ไม่ช้าก็เร็วต้องสามารถก้าวสู่มกุฎมรรคาได้แน่!”
หลิ่วเหวินกระวีกระวาดส่งเสียงปลอบประโลม
“ที่ข้าแค้นคือปฏิบัติการครานี้ไม่เพียงแต่เสียแรงเปล่า ยังทำให้หลินสือเอ้อร์นั่นกิตติศัพท์เลื่องลืออีกครั้ง! ไอ้สวะบัดซบนี่ หากไม่ใช่ว่ามีธนูยักษ์ลี้ลับคอยช่วย ไหนเลยจะสามารถมีพลังพลิกฟ้าเช่นนี้”
ทันทีที่กล่าวถึงหลินสวิน อิ๋งเชวี่ยก็โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ดวงตาปูดโปนแทบถลน
หลิ่วเหวินเองก่นด่าสาปแช่ง “นายน้อย คนเช่นหลินสือเอ้อร์จะต้องประสบเภทภัยแย่ มันทำตัวโดดเด่นเกินไป ดังคำกล่าวที่ว่าไม้เด่นเกินไพร ลมย่อมพัดหักโค่น ตอนนี้ยิ่งมันเผยตัวอย่างโดดเด่นสะดุดตา รอเมื่อภัยมาเยือนก็จะยิ่งตายอย่างอนาถ!”
“เช่นนั้นหรือ”
เวลานี้เองน้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบเฉยหนึ่งพลันดังขึ้น ทำเอาหลิ่วเหวินแข็งทื่อไปทั้งตัว ตระหนกจนเกือบขวัญหนีดีฝ่อ เสียงนี้…
เขาคุ้นเคยดีทีเดียว!
…………..