Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 736 เดินหน้าก็ยาก ถอยหลังก็ลำบาก
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 736 เดินหน้าก็ยาก ถอยหลังก็ลำบาก
อันดับสามในหมายจับกระดานโลหิต!
เมื่อฝั่งค่ายทัพจักรวรรดิรู้ข่าวนี้ก็ตกใจอย่างสิ้นเชิง
ใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง กลับกลายเป็นบุคคลอันตรายอันดับสามของค่ายทัพพ่อมดเถื่อนในชั่วพริบตา
ในช่วงเวลาหลายพันปีของการต่อสู้ ไม่เคยปรากฏกรณีเช่นนี้มาก่อน!
“คุณชายหลินดุดันเกินไปแล้ว!”
“จัดชื่อของคุณชายหลินไว้ในอันดับสามของกระดาษโลหิต เห็นได้ชัดว่าเผ่าพ่อมดเถื่อนถูกบีบจนร้อนใจแล้ว”
เสียงอุทานต่างๆ ดังขึ้นในค่ายทั้งแปดแห่งจักรวรรดิ ผลการรบอันดุดันของหลินสวินกระตุ้นขวัญกำลังใจของค่ายทัพจักรวรรดิ กวาดล้างพยับเมฆในอดีตจนหมดสิ้น
เพียงแต่ในทางกลับกัน ก็มีคนกลัดกลุ้มกระสับกระส่าย กังวลแทนหลินสวิน
อันดับสามในกระดานโลหิต!
ดูเหมือนเป็นเกียรติยศที่พิเศษมาก แต่ในขณะเดียวกันอันดับนี้ก็จะนำพาอันตรายและปัญหายิ่งใหญ่มาให้หลินสวิน
ฆ่าผู้แข็งแกร่งของค่ายทัพพ่อมดเถื่อนไปมากมายขนาดนั้น อีกฝ่ายมีหรือจะยอมวางมือง่ายๆ
ในความเป็นจริงสถานการณ์ของหลินสวินอันตรายขึ้นมากจริงๆ หลายวันหลังจากนั้น ยามเขาลงมือในสนามรบ ก็เริ่มปรากฏตัวแปรอันตรายหลายอย่างแล้ว
……
ภูเขาห่านสันโดษแห่งสมรภูมิกระหายเลือด
สวบ!
หลินสวินกำลังหนี เงาร่างประหนึ่งกลายเป็นชือน้ำแข็ง ความเร็วนั้นรวดเร็วถึงขีดสุด
“ไม่มีธนูและศรคู่นั้น เจ้า หลินสือเอ้อร์ก็มีฝีมือแค่นี้แหละ!”
ข้างหลังผู้แข็งแกร่งสายคนเถื่อนอสนีที่ดุดันแข็งกร้าวคนหนึ่งกำลังไล่ตามมา เรือนกายของเขากำยำ หนวดเคราเผ้าผมเหมือนง้าว ระหว่างที่กะพริบตาประกายสายฟ้าแล่นปราด น่ากลัวอย่างที่สุด
นี่คือราชันกึ่งระดับคนหนึ่ง นามว่าเสอหนานหมิง มาจากสายคนเถื่อนอสนี
ภูเขาห่านสันโดษเดิมมีกองทัพสายคนเถื่อนอสนีประจำการ จากรายงานข้อมูล ในทัพสายคนเถื่อนอสนีขบวนนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพียงผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทเท่านั้น
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินรับมือไม่ทันคือ ตอนที่เขาไปถึงภูเขาห่านสันโดษ ทัพของสายคนเถื่อนอสนีขบวนนี้กลับไม่รู้ถอยทัพไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เหลือไว้แต่เพียงความว่างเปล่า
มีเพียงราชันกึ่งระดับอย่างเสอหนานหมิงเท่านั้นที่รออยู่!
เห็นได้ชัดว่าเสอหนานหมิงมาเพื่อฆ่าหลินสวินโดยเฉพาะ
“ฮ่าๆๆ หลินสือเอ้อร์ก็มีวันนี้ด้วยหรือ ข้าจะบอกเจ้าให้ ครั้งนี้ไม่เพียงแค่ข้า ยังมีราชันกึ่งระดับคนอื่นๆ อีกห้าคนรวมทั้งราชันเถื่อนที่แท้จริงอีกหนึ่งคนออกโรง เป้าหมายเดียวก็คือฆ่าไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้าซะ!”
เสอหนานหมิงยิ้ม เสียงเย็นเยียบและเต็มไปด้วยไอสังหาร
แค่หลินสือเอ้อร์ที่มีพลังปราณเพียงระดับหยั่งสัจจะเท่านั้น ทว่าในช่วงที่ผ่านมากลับนำพาการโจมตีและเงามืดสู่ค่ายทัพพ่อมดเถื่อนมากเกินไปแล้ว หากไม่ฆ่าเขาก็จะเป็นความอับอายอย่างยิ่งของพวกเขาเผ่าพ่อมดเถื่อน
‘ราชันเถื่อนหรือ’
หลินสวินที่หนีห่างออกไปนัยน์ตาหดรัดทันใด ส่งราชันหนึ่งคนและราชันกึ่งระดับอีกหกคนมารับมือตนเชียว
ลงทุนเหลือเกิน!
“ตายซะ!”
ทันใดนั้นเสอหนานหมิงส่งเสียงคำราม สะบัดมือขว้างหอกที่เกิดจากการรวมตัวของสายฟ้า โฉบพุ่งผ่านอากาศเข้าสังหารหลินสวิน
ความเร็วนั้นเหลือเชื่อยิ่ง
ตอนอยู่ในส่วนลึกของป่าต้นหม่อน หลินสวินเคยถูกตามฆ่าเช่นนี้มาแล้ว
แต่ตอนนั้นมีหมอกควันสีเลือดที่ปิดกั้นการรับรู้และการตรวจจับคอยบดบังอยู่ และยังมีการคุกคามของธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาครามควบคู่ไปด้วย ทำให้หลินสวินสามารถหลบหนีได้โดยไม่มีอันตรายใดๆ
ทว่าตอนนี้กลับแตกต่าง ภายใต้ฟ้าดินอันกว้างใหญ่ไพศาลแทบไม่มีที่ให้ซ่อนตัว เพราะฉะนั้นแม้หลินสวินจะสำแดงก้าวย่างชือน้ำแข็งเต็มกำลังแล้วก็ยังถูกตามทัน
ตู้ม!
อานุภาพของหอกแห่งสายฟ้าน่าสะพรึงกลัวมาก โอบล้อมรัดพันด้วยประกายสายฟ้าแสบตา บดขยี้ห้วงอากาศจนแหลกละเอียด ดูน่ากลัวอย่างที่สุด
หลินสวินร่างกายวูบไหวขยับหนี เสียงตูมดังลั่น หอกสายฟ้ากระแทกพื้นดินบริเวณนั้นเป็นหลุมใหญ่น่าสยดสยอง
จากการโจมตีนี้ ทำให้เสอหนานหมิงตามทันแล้ว พลันพูดพร้อมรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม “เจ้าหนูน้อย เจ้าหนีอีกสิ ข้าอยากรู้มากว่าไม่มีธนูและศรคู่นั้นแล้ว เจ้าจะเก่งสักแค่ไหน!”
ในระหว่างที่พูดเขาก็เปิดการโจมตีด้วยท่าสังหาร สะบัดแขนเสื้อคราเดียวรัศมีแสงสายฟ้าก็พุ่งออกมาทั่วฟ้า แปลงเป็นเป็นหอกสายแล้วสายเล่าสังหารลงมา
นี่น่าสะพรึงกลัวมากจริงๆ ถ้าเป็นผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ อย่าว่าแต่ระดับหยั่งสัจจะ แม้มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติมา ก็กลัวว่ายังยากจะต้านทาน
ต่อให้หลินสวินจะมั่นใจ แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีความช่วยเหลือจากธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาคราม หากอยากจะชนะราชันกึ่งระดับ ก็แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
สวบๆๆ
ร่างกายของเขากะพริบวูบไหว หนีอย่างต่อเนื่อง แต่กลับดูสะบักสะบอมอยู่บ้าง การโจมตีซึ่งหน้าของราชันกึ่งระดับคนหนึ่ง มีหรือจะธรรมดา
พลันเห็นอานุภาพเสอหนานหมิงยิ่งใหญ่ราวมหาสมุทร รอบตัวปรากฏพลังแห่งสายฟ้าอันน่าประหวั่น ราวกับเป็นผู้ครอบครองฟ้าดินผืนนี้ ชี้ฟ้าบุกดิน สำแดงอานุภาพของราชันกึ่งระดับออกมาอย่างเต็มที่
หลินสวินกดดันขึ้นเป็นเท่าทวี!
หากเฉพาะด้านการหลบหนีอย่างเดียว ด้วยความมหัศจรรย์ของก้าวย่างชือน้ำแข็งสามารถทำให้เขาไม่ต้องกลัวการโจมตีเช่นนี้ได้ แต่นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้
อานุภาพของราชันกึ่งระดับยิ่งใหญ่มากเกินไป ควบคุมปริศนาแห่งมหามรรค ฟ้าดินผืนนี้ราวกับกลายเป็นสิทธิ์ขาดของเขาคนเดียว
แม้หลินสวินจะหนี รอบตัวก็แบกรับแรงกดดันอันน่าพรั่นพรึงยิ่ง ราวกับปลาที่ดิ้นรนอยู่ในชั้นน้ำแข็ง พร้อมแข็งตัวได้ตลอดเวลา!
ฟ้าดินสั่นไหว เสียงฟ้าร้องโหมกระหน่ำสายฟ้าแล่นปราดราวกับฝนห่าใหญ่หนาแน่น เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงไร้เทียมทาน
หินกำลังแตกระเบิด แผ่นดินพังทลาย อากาศปั่นป่วน ทุกอย่างดูผันผวนและวุ่นวาย
เสอหนานหมิงราวกับเทพสายฟ้าองค์หนึ่ง อานุภาพประหนึ่งตะวันจันทรา ดูดุดันผิดปกติ
แต่หลินสวินทำได้เพียงหนีอย่างสุดความสามารถ สถานการณ์ล่อแหลมอันตรายต่อเนื่อง
พูดอย่างจริงจัง นี่คงถือเป็นครั้งแรกที่หลินสวินเผชิญหน้ากับราชันกึ่งระดับโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาคราม
แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีประสบการณ์สังหารราชันกึ่งระดับมาแล้วหลายครั้ง แต่ในเวลานี้หลินสวินเพิ่งจะตระหนักได้ถึงความแตกต่างของระดับหยั่งสัจจะกับราชันกึ่งระดับอย่างลึกซึ้ง
ความแตกต่างนี้ราวกับคูน้ำธรรมชาติ ไม่สามารถอาศัยพลังปราณอันสมบูรณ์มาชดเชยได้ แม้หลินสวินก้าวสู่มรรคาแห่งมกุฎราชันแล้ว เรียกได้ว่าไร้คู่ต่อกรในระดับหยั่งสัจจะ แต่ก็ยังไม่สามารถต่อต้านได้
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการเปรียบเทียบกับพลังปราณบริสุทธิ์เท่านั้น ไม่ได้หมายความถึงทุกอย่าง
“หลินสือเอ้อร์ เจ้าก็มีวันนี้ด้วยหรือ”
เสอหนานหมิงตื่นเต้นมาก นัยน์ตาเต็มไปด้วยไอสังหารเหี้ยมโหด เด็กหนุ่มที่จัดอยู่ในอันดับสามของกระดานโลหิต เคยนำพาการโจมตีและเงามืดมากมายสู่ค่ายทัพพ่อมดเถื่อนคนนี้ วันนี้กำลังจะตายในมือตนแล้ว ทำให้ภายในใจเสอหนานหมิงรู้สึกพึงพอใจอย่างที่สุด
เขาเชื่อว่าหากวันนี้ฆ่าเจ้าเด็กนี่ได้ เขาจะต้องกลายเป็นราชันกึ่งระดับที่น่าจับตามองที่สุดในค่ายทัพพ่อมดเถื่อนอย่างแน่นอน!
ตูม!
เสอหนานหมิงลงมือรุนแรงกว่าเดิม พายุสายฟ้ากระหน่ำขวางอากาศ พุ่งลงมาราวกับน้ำตก สว่างไสวจนลืมตาไม่ขึ้น
“ตาย!”
เสอหนานหมิงตะเบ็งเสียง ท่าทางดุร้าย ควบคุมคลื่นสายฟ้าปกคลุมมาทางหลินสวิน
เขาดูออกว่าหลินสวินกำลังจะยืนหยัดไม่ไหวแล้ว!
ชิ้ง!
ทว่าในตอนนี้เอง คมดาบที่ราวกับโปร่งแสงปรากฏขึ้น เสียงฉัวะดังลั่น ผ่าสายฟ้าเต็มท้องนภาออกเป็นสองส่วน
ภาพนี้ดูเหลือเชื่อจริงๆ สายฟ้าที่ระเบิดราวกับน้ำพุ ตอนนี้กลับถูกตัดจนกระจายออกอย่างง่ายดายราวกับชิ้นผ้า!
ภาพที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เสอหนานหมิงเองก็ไม่ทันตั้งตัว สีหน้าเปลี่ยนไปพลัน
แทบจะในเวลาเดียวกัน เสียงคำรามปานตะลึงโลกดังก้อง สะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดินราวกับมังกรคำราม คลื่นเสียงที่เกิดขึ้นทำให้จิตวิญญาณของเสอหนานหมิงสั่นไหวราวกับถูกค้อนยักษ์ทุบ
ร่างกายอันดุดันไร้เทียมทานของเขาแข็งทื่อกลางอากาศโดยพลัน เท้าเซจนแทบร่วงลงจากกลางอากาศ
ฉึบ!
ไม่รอให้เสอหนานหมิงตอบสนอง คมดาบเจิดจ้าแทบโปร่งแสงก็เคลื่อนมาถึง ไวเกินไปแล้ว ไวจนทำให้เสอหนานหมิงยังขนพองสยองเกล้า รู้สึกได้ถึงการคุกคามที่ร้ายแรงถึงชีวิต
ไม่อาจไม่พูดว่าเสอหนานหมิงผู้เป็นราชันกึ่งระดับนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ การตอบสนองว่องไวอย่างไม่น่าเชื่อ ในชั่วขณะที่ห่างกันเพียงเส้นผม ร่างกายของเขากลับบิดอย่างแปลกประหลาด หลบการโจมตีที่อันตรายถึงชีวิตนี้ได้อย่างหวุดหวิด
ทว่าลำคอของเขากลับถูกบาดเป็นรอยแผลยาวประมาณชุ่น เลือดสดๆ พุ่งออกมาไม่ขาดสาย อีกเพียงนิดเดียวก็จะตัดคอของเขาขาดแล้ว!
สิ่งนี้ทำให้เสอหนานหมิงตกใจจนเหงื่อท่วมตัว สีหน้าเขียวคล้ำอย่างที่สุด ชิงชังจนคลั่ง ในการต่อสู้ที่มั่นใจในชัยชนะอย่างเต็มเปี่ยมนี้ เขากลับเกือบถูกฆ่า!
“รนหาที่ตาย!”
เสอหนานหมิงคำรามอย่างเดือดดาล สะเทือนจนฟ้าดินสั่นไหว
เพียงแต่ตอนนี้หลินสวินหนีไปตั้งนานแล้ว
ไม่สามารถฆ่าเสอหนานหมิงให้ตายได้ ทำให้หลินสวินเองก็ถอดหายใจในใจ แม้ดาบหักจะเปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็นศาสตราจิตเล่มหนึ่ง แต่เพราะพลังปราณของตนต่ำเกินไป อานุภาพที่สำแดงออกมาจึงมีจำกัด เพียงพอแค่ทำร้ายราชันกึ่งระดับได้อย่างฝืนๆ
อีกทั้ง นี่ยังอยู่ในสถานการณ์ลอบสังหาร
สำหรับ ‘เสียงคำรามผูเหลา’ บางทีอาจจะสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติได้รับผลกระทบอย่างหนักได้ แต่กับราชันกึ่งระดับ อานุภาพที่เกิดขึ้นนั้นเห็นได้ชัดว่ามีจำกัด
หลินสวินจำต้องเลือกหนี
สวบ!
ร่างกายของเขาราวกับชือน้ำแข็งทะลวงอากาศ ว่องไวอย่างที่สุด
แต่ด้านหลังเสียงคำรามเดือดดาลยิ่งของเสอหนานหมิงยังคงดังอยู่ อีกทั้งเสียงนั่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าราชันกึ่งระดับที่ถูกกระตุ้นจนโกรธคนนี้กำลังไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว
‘เจ้าหมอนี่มีการระวังตัวแล้ว ครั้งนี้แม้ใช้ดาบหัก กลัวว่าคงยากจะทำร้ายเขาได้อีก น่าเสียดายที่ธนูวิญญาณไร้แก่นสารไม่อยู่ มิฉะนั้นมีหรือจะต้องสะบักสะบอมขนาดนี้ ใช้ธนูฆ่าเดรัจฉานเฒ่านี่ตรงๆ ก็สิ้นเรื่อง…’
ระหว่างที่หนี หลินสวินพลันนึกขึ้นได้ว่า ตั้งแต่ให้ราชินีกระหายเลือดจ้าวซิงเย่ยืมธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาครามไป ก็ผ่านไปเกือบจะแปดวันแล้ว
แต่ในแปดวันนี้กลับไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวใดๆ เกี่ยวกับนางเลย นี่เห็นได้ชัดว่าผิดปกติ
หรือนางกำลังรอเหยื่อที่พอใจ?
คิดถึงตรงนี้ ในใจหลินสวินก็สั่นสะท้านขึ้นมากะทันหัน รู้สึกถึงกลิ่นอายอันตรายน่าหวาดผวา สีหน้าพลันเปลี่ยนไปในชั่วขณะ
บนหนทางข้างหน้า ไม่รู้ว่าปรากฏร่างสูงใหญ่ไร้เทียมทานตั้งแต่เมื่อไหร่ ปกคลุมอยู่ท่ามกลางแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองอร่ามราวกับดวงอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์ ส่องสว่างฟ้าดินแถบนั้น
ราชันคนหนึ่ง!
และเห็นได้ชัดว่ามาจากสายคนเถื่อนทองคำ!
ในที่สุดหลินสวินก็มั่นใจว่า ที่แท้สิ่งที่เสอหนานหมิงพูดก่อนหน้านี้เป็นความจริง ครั้งนี้เพื่อโจมตีเขาหลินสวิน เผ่าพ่อมดเถื่อนยังส่งราชันที่แท้จริงมาด้วยหนึ่งคน!
สถานการณ์ของหลินสวินวิกฤตในบัดดล อันตรายรอบด้านจริงๆ เดินหน้าก็ยาก ถอยหลังก็ลำบาก ราวกับเป็นทางตัน!
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เหตุใดเจ้าไม่หนีแล้วล่ะ!?”
ด้านหลัง เสียงตะโกนด้วยความเดือดดาลและเยียบเย็นของเสอหนานหมิงดังขึ้น
เขาเองก็มองเห็นร่างสูงใหญ่สะดุดตานั่นแล้ว เปล่งประกายสีทองอร่ามราวกับเทพไท้ ยืนอยู่กลางฟ้าดินประหนึ่งราชันที่มองลงมาจากที่สูง
………………..