Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 738 การโจมตีที่ตะลึงโลก
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 738 การโจมตีที่ตะลึงโลก
คำพูดของหลินสวินเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและดูถูก แต่เขากลับพูดอย่างสบายๆ สีหน้าเรียบเฉย ท่าทางแบบนั้นดูน่ารังเกียจมากในสายตาของผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อน
“ไอ้ลูกหมาเผ่ามนุษย์ เจ้าอยากตายจนรอไม่ไหวแล้วสินะ! ยังไม่รีบไสหัวมารับความตายอีก” ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทสายคนเถื่อนอัคคีที่อารมณ์ร้อนคนหนึ่งตะเบ็งเสียง
ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนคนอื่นๆ ก็ต่างสีหน้าอึมครึม นัยน์ตาเผยไอสังหาร
หลินสือเอ้อร์!
ช่วงที่ผ่านมาเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่ผงาดขึ้นมาคนนี้ นำพาเงามืดและผลกระทบสู่ค่ายทัพพ่อมดเถื่อนมากเกินไปแล้ว
เดิมทีเท่านี้ก็เป็นความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวงแล้ว ใครจะคิดว่ายังไม่ทันที่พวกเขาจะแก้แค้นล้างความอับอาย เจ้าเด็กนี่กลับมาด้วยตัวเองแล้ว
และท่าทีใหญ่โตหยิ่งผยองอย่างที่สุด ไม่เห็นพวกเขาในสายตาเลยสักนิด นี่มันน่าชิงชังเกินไปแล้ว
“ตะโกนอะไร แน่จริงก็เข้ามารับความตาย ไม่แน่จริงก็อย่าส่งเสียง”
หลินสวินยืนอยู่บนยอดเขาที่ตั้งตระหง่าน มองลงมายังผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนที่มารวมกันมากขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางยังคงดูถูกและเหยียดหยาม
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
ผู้แข็งแกร่งมหาเวทจากสายคนเถื่อนอัคคีโกรธจัด ถูกคนมาท้าทายถึงที่ หากไม่ตอบสนองสักหน่อย นั่นเป็นเรื่องที่น่าขายหน้ายิ่ง
ตูม!
ฝ่าเท้าของเขากระทุ้งพื้น เงาร่างพลันลอยขึ้นกลางอากาศ ยกแขนขว้างกงล้อบินกระดูกขาวที่ล้อมด้วยแสงไฟไปทางภูเขาที่หลินสวินยืนอยู่
ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนคนอื่นๆ หรี่ตา จ้องอย่างไม่วางตา
แม้จะถูกท้าทาย พวกเขาก็ยังคงรักษาความเยือกเย็น รู้สึกได้รางๆ ว่าเรื่องวันนี้ดูแปลกประหลาด เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง แม้ที่ผ่านมาเคยสร้างชื่อเสียงดุดันเอาไว้อย่างยิ่งใหญ่ แต่ถึงอย่างไรก็หัวเดียวกระเทียมลีบ กลับกล้ามาท้าทายถึงอาณาเขตของพวกเขา แบบนี้ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย
เจ้าหมอนี่โง่หรือ
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่
ถ้าอย่างนั้นการกระทำเช่นนี้ของเขาก็ดูผิดปกติอยู่บ้าง!
“ช่างไม่รู้ที่ตาย”
บนยอดเขาหลินสวินยิ้มเยาะ ไม่เห็นว่าเขาเคลื่อนไหวแต่อย่างไร คมดาบที่เจิดจ้าแทบจะโปร่งแสงโฉบออกมาราวกับดาบเซียนวิญญาณเหินเล่มหนึ่ง
ฉึบ!
กงล้อบินกระดูกขาวนั่นถูกผ่าเป็นสองซีกในทันที ระเบิดกลายเป็นละอองแสงซ่านเซ็น
ฉัวะ!
และในเวลาเดียวกันนั้น คมดาบเจิดจ้าพริบไหวกลางอากาศเบาๆ เสียงพรูดดังออกมาคราหนึ่ง ชั่วพริบตาเท่านั้นก็บั่นคอของผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทจากสายคนเถื่อนอัคคีที่ลอยตัวขึ้นกลางอากาศจนขาด
เร็วเกินไปแล้ว!
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ก็ตัดคอผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทคนหนึ่งราวกับหั่นผัก!
เหล่าผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนที่จ้องอย่างไม่วางตาในตอนแรก ในใจต่างกระตุกวูบขึ้นมาคราหนึ่ง ดวงตาเบิกโพลง
ซ่า…
เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาจากลำคอของผู้แข็งแกร่งสายคนเถื่อนอัคคีที่ตายไปแล้ว ราวกับน้ำตกในฤดูใบไม้ผลิที่ไหลเชี่ยวกราก งดงามแต่แฝงความเจ็บปวดและน่าสยดสยอง
ก่อนหน้านี้ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนเหล่านั้นยังโกรธแค้น คิดว่าการถูกหลินสวินมาท้าทายถึงที่โดยลำพังเป็นความอับอายอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ตอนนี้หัวใจพวกเขากลับหนาวเยือก ตกใจกับภาพนี้
พวกเขารู้ตั้งนานแล้วว่า สาเหตุที่ก่อนหน้านี้หลินสวินสามารถสังหารราชันกึ่งระดับได้อย่างต่อเนื่อง ก็เพราะใช้คันธนูและศรที่มีที่มาลึกลับคู่นั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ถ้าหากไม่มีคันธนูและศรคู่นี้ พวกเขาก็ไม่กลัวหลินสวิน
แต่ทว่าภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า กลับล้มล้างความคิดของพวกเขา ทำให้พวกเขาคาดไม่ถึง!
ไม่มีความช่วยเหลือจากคันธนูและศรคู่นั้น เจ้าหลินสือเอ้อร์คนนี้ก็ยังสามารถฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทของฝั่งพวกเขาได้อย่างคล่องแคล่วและว่องไว นี่…
น่าตกตะลึงเกินไปแล้ว!
ณ ที่นั้นเงียบลงชั่วขณะ โชคดีที่พลังปราณของเหล่าผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนที่อยู่ ณ ตรงนั้นแทบจะมากกว่าระดับมหาเวททั้งหมด และไม่ขาดราชันกึ่งระดับ
ถ้าเป็นผู้แข็งแกร่งคนอื่น กลัวว่าคงตกใจกับการโจมตีนี้จนใจต่อสู้สลาย หนีเตลิดไปแล้ว
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ สีหน้าของพวกผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนที่อยู่ตรงนั้นก็ยังคงดูอึมครึมและย่ำแย่
พวกเขาทุกคนล้วนเรียกได้ว่าเป็นระดับหัวหน้าของค่ายทัพพ่อมดเถื่อน เป็นเสาหลักกลางกระแสชล แม้ไม่สามารถเทียบสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันได้ แต่ก็เพียงพอที่จะเรียกว่า ‘ผู้ยิ่งใหญ่’ แล้ว
แต่ตอนนี้ผู้ยิ่งใหญ่อย่างพวกเขาอยู่ด้วยกันมากขนาดนี้ ไม่เพียงไม่ได้ทำให้คู่ต่อสู้ตื่นตระหนก กลับถูกคู่ต่อสู้สังหารพวกพ้องคนหนึ่งของพวกเขาอย่างง่ายดายคาตา จะไม่ให้พวกเขาโกรธได้อย่างไร
“ดูสิ ข้าบอกแล้วว่าพวกเจ้าสู้ไม่ได้ ก็ยังจะกระโดดออกมารนหาที่ตาย จะโทษใครได้”
บนยอดเขาหลินสวินถอนหายใจเบาๆ สองมือไพล่หลัง เงาร่างสง่างาม เสื้อผ้าโบกพัดเกิดเสียงดังท่ามกลางสายลม มีกลิ่นอายสันโดษไม่แปดเปื้อน
แต่ท่าทางเช่นนี้ของเขา กลับทำให้ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนเหล่านั้นยิ่งรู้สึกว่าน่าชิงชังและหยิ่งผยอง
“ไอ้หนู นี่คืออาณาเขตของค่ายทัพพ่อมดเถื่อน ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหนกันแน่ ถึงกล้าเข้ามาล่วงเกินเพียงลำพัง”
ราชันกึ่งระดับคนหนึ่งก้าวออกมา สีหน้าเคร่งขรึม เขามาจากสายคนเถื่อนพฤกษา นามว่าชิงเฮ่อ
นี่คือจุดที่พ่อมดเถื่อนทุกคนรู้สึกว่าผิดปกติ มิฉะนั้นมีหรือพวกเขาจะหยุดนิ่งรอดูสถานการณ์ดังเช่นตอนนี้ คงพุ่งออกไปล้อมโจมตีหลินสวินตั้งนานแล้ว
หลินสวินปรายตามองชิงเฮ่อแล้วเอ่ย “ไอ้แก่ เจ้าถอยไปเถอะ ด้วยความสามารถของเจ้าไม่มีสิทธิ์ตั้งคำถามข้าด้วยซ้ำ”
กําเริบเสิบสาน!
พอคำพูดนี้ออกมา ราชันกึ่งระดับอย่างชิงเฮ่อยังโกรธจนหนังตากระตุกรัว เผยไอสังหาร อยากจะสะบัดมือไปตบไอ้ระยำที่ยืนพูดจาเหิมเกริมอยู่บนยอดเขาให้ตายในฝ่ามือเดียวจนแทบทนไม่ไหว
ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนคนอื่นๆ ก็โกรธจนเกือบเสียการควบคุม แม้แต่ราชันกึ่งระดับยังไม่มีสิทธิ์งั้นหรือ ไอ้เด็กนี่ปากดีจริงๆ!
ยามนี้ชิงเฮ่อเดือดดาลจนกลายเป็นหัวเราะออกมา “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะมีความคิดอะไร วันนี้ในเมื่อมาแล้ว เช่นนั้นก็อยู่ต่อเถอะ!”
ตูม!
เขาก้าวออกมา สายตาราวกับคมดาบ ร่างผอมแห้งเต็มไปด้วยกลิ่นอายน่าหวั่นหวาด ไอสังหารไร้รูปเหมือนกระแสน้ำปกคลุมฟ้าดิน
และในเวลาเดียวกันนั้นราชันกึ่งระดับอีกสามคนก็ออกมา สีหน้าไม่เป็นมิตร บีบเข้าใกล้หลินสวินจากทิศทางที่ต่างกัน
พวกเขาดูระมัดระวัง คิดว่าหลินสวินมาคราวนี้ไม่ได้มารนหาที่ตายอย่างแน่นอน จะต้องมีแผนการอะไรบางอย่างแน่
ดังนั้นแม้ตอนนี้จะรับมือกับเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะอย่างหลินสวิน แต่พวกเขาไม่เพียงระมัดระวังมาก ยามเคลื่อนไหวยังเป็นราชันกึ่งระดับถึงสี่คนลงมือในคราเดียว!
นี่ถ้าแพร่ออกไป จะต้องตกใจกันทั่วหน้าอย่างแน่นอน ใช้กำลังขนาดนี้ในการเล่นงานเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนใครจะเคยเห็นเรื่องแบบนี้
บนยอดเขาหลินสวินมองดูเงียบๆ สายตาแฝงแววประหลาด ในใจกลับไม่ค่อยพอใจ เหตุใดจนขนาดนี้แล้ว ยังไม่เห็นราชันพ่อมดเถื่อนปรากฏตัว
หลินสวินเพิ่งคิดถึงตรงนี้ก็ได้ยินเสียงตู้มดังขึ้น ฟ้าดินเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรง!
ราวกับพายุปั่นป่วน ยิ่งเหมือนเทพมารกำลังคำรามอย่างเดือดดาล พลานุภาพน่าหวาดหวั่นเช่นนี้ ทำให้ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนทั้งหมดสีหน้าเปลี่ยนไปโดยพร้อมเพรียง
มีแผนร้ายจริงๆ ด้วย!
ชิงเฮ่อและราชันกึ่งระดับอีกสามคนที่โจมตีด้วยกันชะงักฝีเท้าแทบจะพร้อมกัน ยิ้มเยาะในใจ พวกเขาเดาถูกแล้ว เจ้าเด็กนี่กล้ามาคนเดียว เพราะมีแผนการอื่นตามคาด!
เพียงแต่ไม่นานสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ตกใจจนขวัญแทบบินหนี
ในครรลองสายตา แสงสีดำราวกับคมดาบแหลมคมไร้เทียมทานหนึ่งพุ่งออกมาด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
ห้วงอากาศถูกฉีกทึ้งจนแหลกละเอียด กลายเป็นความปั่นป่วน ส่งเสียงครวญแหลมเสียดแก้วหู
ฟ้าดินผืนนี้ตกอยู่ท่ามกลางความสั่นสะเทือนปานทำลายล้าง เป็นเหมือนกล่องใบหนึ่งที่ถูกแสงสีดำนั่นทะลวงผ่าน บดขยี้อย่างรุนแรงจนแทบจะพังทลายและระเบิด
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ท่ามกลางความปั่นป่วน ถึงขั้นสามารถมองเห็นว่า ในพื้นที่อันไกลโพ้นปรากฏเงาร่างใหญ่โตไร้เทียมทาน เท้าย่ำตะวันจันทราดารา ง้างธนูเคลื่อนจักรวาล
แสงสีดำนั่นคือศรเทพที่ถูกยิงออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่อานุภาพดุดันของมันน่าพรั่นพรึงเกินไป ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดที่เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างมากมาย!
แย่แล้ว!
ชิงเฮ่อและกลุ่มราชันกึ่งระดับรวมทั้งผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนต่างอกสั่นขวัญหนีไปชั่วขณะ ตะลึงอย่างสิ้นเชิง ราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
ภายใต้อานุภาพที่ดุดันคับฟ้านี้ พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะเกิดความคิดต่อต้านและหลบหนี และต้านทานไม่ไหวจริงๆ!
นี่มันลูกศรอะไรกัน
ราวกับสามารถสะเทือนกาลเวลา ทะลวงผ่านสรรพสิ่ง ทำให้สวรรค์และธารดารามืดสลัวและจมดิ่งลง!
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาทุกคนงงงวยคือ ศรเทพสีดำนั่นกลับไม่ได้เล็งมาที่พวกเขา แต่กะพริบวาบกลางอากาศแล้วเคลื่อนไปยังด้านหลังพวกเขา
ความเร็วและพลังที่น่าสะพรึงกลัวไร้เทียมทานนั่น เพียงแค่เสียงที่เกิดจากการทะลวงอากาศ ก็สะเทือนจนผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนตาพร่า จิตวิญญาณเหมือนจะแตกออกจากกัน เลือดลมปั่นป่วน
แต่พวกเขาไม่อาจไปสนใจสิ่งเหล่านี้!
แทบจะหันกลับไปโดยพร้อมเพรียงอย่างไม่ได้นัดหมาย
ศรที่น่าตะลึงนี้เล็งไปหาใครกันแน่
ตูม!
พูดแล้วดูเหมือนช้า แค่ความจริงนั้นรวดเร็วยิ่ง ความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นในใจของผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อน ก็พลันเห็นว่าด้านหลังในบริเวณอันไกลโพ้นเกิดเสียงระเบิดน่ากลัว
ที่นั่นราวกับภูเขาไฟนับแสนระเบิด กระแสอากาศพวยพุ่งขึ้นทะลวงฟ้า ทำให้ชั้นเมฆระเหยหาย ห้วงอากาศถูกเผากลายเป็นหลุมดำ
และท่ามกลางระเบิดที่ตะลึงโลกนี้ กลับมีร่างหนึ่งคำรามอยู่ในนั้นด้วยเสียงที่กึกก้องไปทั่วฟ้าดิน
นั่นเป็นเสียงโหยหวนก่อนตาย เต็มไปด้วยความเดือดดาล ตะลึงและไม่จำยอม ยิ่งมีความงงงวยสุดจะพรรณนา
ราวกับคิดไม่ถึงว่าตนจะถูกยิงสังหารเช่นนี้!
ฟ้าดินกำลังสั่นสะเทือน กระแสลมแล่นปั่นป่วน หินทรายปลิวว่อน แม้จะห่างกันแสนไกล แต่ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนยังคงอึ้งงันอยู่กับที่ อกสั่นขวัญหนี ตัวสั่นระริก แทบจะทรุดอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ราชันนภาเพลิง!
ไม่ต้องคาดเดา ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ก็จำได้ว่าร่างที่ตายไปคือราชันนภาเพลิง สัตว์ประหลาดเฒ่าแห่งสายคนเถื่อนอัคคี
เมื่อตอนอยู่ป่าต้นหม่อน ราชันนภาเพลิงเคยบาดเจ็บสาหัส แต่ถึงอย่างไรก็รอดชีวิตกลับมาได้ และหลังจากรักษาตัวอยู่สักระยะ อาการของเขาก็ดีขึ้นมาก
เพียงแต่ไม่เคยคิดว่า เขารอดพ้นจากการเข่นฆ่าในป่าต้นหม่อนมาแล้ว กลับไม่รอดพ้นศรน่ากลัวไร้เทียมทานนั่น ถูกสังหารคาที่!
ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นราชันคนหนึ่ง จะตายแบบนี้ได้อย่างไร
ทุกคน ณ ที่นั้นเงียบสงัด อึ้งงันอยู่กับที่
แม้แต่หลินสวินเองในใจก็อดสั่นสะเทือนไม่ได้ เขาฝึกปราณถึงตอนนี้ก็เคยเห็นภาพที่ราชันร่วงหล่นมามากมาย แต่ทุกครั้งที่เห็น ยังคงทำให้เขาไม่สามารถสงบใจได้
ถึงอย่างไรบุคคลที่น่ากลัวอย่างระดับราชัน ไม่ว่าจะในจักรวรรดิหรือเผ่าพ่อมดเถื่อน ล้วนแต่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ปานเสาเข็มใต้ทะเล มีจำนวนน้อยมาก ฆ่าได้คนหนึ่งก็ลดไปคนหนึ่ง
แต่หลินสวินนับดูแล้ว หากไม่นับราชันอำพันทองที่ตายในป่าต้นหม่อน ช่วงที่ผ่านมานี้แค่ในฝั่งพ่อมดเถื่อนก็มีราชันตายไปสามคนแล้ว!
ราชันวิญญาณเขียวถูกจ่างซุนเลี่ยฆ่า
ส่วนจินเจาสุ่ยและราชันนภาเพลิงที่อยู่ตรงหน้าถูกจ้าวซิงเย่ฆ่า
ราชันสามคนตายในรวดเดียว สำหรับค่ายทัพพ่อมดเถื่อนแล้ว ย่อมส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงที่คาดไม่ถึงอย่างแน่นอน!
‘บางทีคงมีเพียงวิธีนี้ จึงจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์อันตรายที่ค่ายจักรวรรดิเผชิญอยู่ตอนนี้ได้กระมัง…’
ตอนนี้หลินสวินเข้าใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว และตระหนักได้ว่าเหตุใดจ้าวซิงเย่ต้องยืมใช้ธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาคราม
——