Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 772 เคล็ดวิชาเร้นดาราควบคุมหนอน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 772 เคล็ดวิชาเร้นดาราควบคุมหนอน
ยานขนส่งอวกาศเป็นสมบัติอริยะที่ไม่สมบูรณ์ชิ้นหนึ่ง แม้พลานุภาพไม่เท่าในอดีต แต่เมื่อขับเคลื่อนกลับสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีระดับราชันได้ มหัศจรรย์หาใดเทียบโดยแท้
สมัยอยู่ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณ หลินสวินก็พึ่งพาสมบัติชิ้นนี้หนีการตามสังหารของราชันกลุ่มหนึ่ง เข้าไปในสุสานสมุทรฝังมรรคกับเด็กสาวลึกลับนามอาหูอย่างปลอดภัย
แต่ตอนนี้พลังต้องห้ามที่ปะทุขึ้นที่ยอดเขาดาราโรยกลับสามารถกำราบยานขนส่งอวกาศได้ นี่ทำให้เขาอดตื่นตระหนกไม่ได้ รับรู้ได้ว่าเกิดเรื่องยุ่งยากเข้าแล้ว
ถ้าเขาคาดเดาไม่ผิด ค่ายกลลี้ลับที่ปรากฏบนยอดเขาดาราโรยนั้น น่าจะเป็นค่ายกลใหญ่น่าครั่นคร้ามที่อริยะที่แท้จริงวางไว้ค่ายหนึ่ง
หาไม่แล้วเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะมีพลังน่ากลัวปานนี้!
ครืน!
พลังต้องห้ามที่ระเบิดขึ้นบนยอดเขาดาราโรยยิ่งน่ากริ่งเกรงขึ้นไปอีก สัญลักษณ์คลุมเครือสีเงินช่วงโชติโบยบินเต็มฟ้า กระจัดกระจายไปในท้องฟ้ายามรัตติกาล ส่องสว่างภูผานที
สิ่งมีชีวิตในขอบเขตพันลี้ล้วนตกใจ คลานกับพื้นตัวสั่นระริก รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายน่าหวาดหวั่นกดทับยากบรรยาย
ที่ตีนเขา ผู้แข็งแกร่งที่หนีออกมาจากยอดเขาดาราโรยก็พากันหน้าเปลี่ยนสี ต้องหลบหนีออกมาไกล นี่ทำให้พวกเขายิ่งชิงชังหลินสวิน
ถ้าไม่ใช่เพราะเภทภัยที่เขาก่อทั้งหมดนี้ จะทำให้ยอดเขาดาราโรยเปลี่ยนแปลงกะทันหันเช่นนี้ได้อย่างไร ส่งผลให้พวกเขาต้องถอยออกมาอย่างยากลำบาก
โดยเฉพาะอสูรเฒ่าเครือเถายิ่งคับแค้นใจจนเข่นเขี้ยว โกรธจนควันออกหู สีหน้าคล้ำเขียวหาใดเทียบ หากไม่ใช่เพราะห้วงอากาศอันตรายนัก เขาก็อยากกระโจนขึ้นไปฉีกหลินสวินทั้งเป็น
น่าโมโหเกินไปแล้ว!
ให้เขาเด็ดโอสถ แต่เขากลับเล่นลูกไม้เช่นนี้ ช่างสมควรตายนัก!
บนจุดสูงสุดของยอดเขาดาราโรย สถานการณ์แปรผันยิ่ง บนผืนดินสีเงินยวงดุจหิมะปรากฏค่ายกลโบราณค่ายหนึ่ง ด้านบนเชื่อต่อพลังแห่งดารานภากาศ ด้านล่างซึมซับแก่นแท้แห่งฟ้าดิน ขับเน้นลวดลายเร้นลับของค่ายกลที่หนาแน่นให้งดงามและศักดิ์สิทธิ์
สามารถเห็นได้รางๆ ว่าส่วนลึกของค่ายกลโบราณนั้นมีไข่ยักษ์ขนาดเท่าหินโม่ ทั้งใบแวววาวกลมเกลี้ยง เปล่งรัศมีดาราบริสุทธิ์ฟองหนึ่ง
เหมือนกับสัตว์ปีศาจบรรพกาลฟักออกมา เต็มไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ ปรากฏให้เห็นอย่างรางเลือนในค่ายกล ดูลึกลับถึงที่สุด
พลังแห่งดาราและแก่นแท้แห่งฟ้าดินที่ค่ายกลโบราณซึมซับพรั่งพรูลงบนไข่ฟองนี้ราวกระแสธาร และถูกไข่ดูดซับไว้
‘ไข่ฟองหนึ่งหรือ’
บนฟ้าสูงขึ้นไป หลินสวินเบิกตากว้าง แทบไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่าค่ายกลเทพค่ายหนึ่ง ครอบครองยอดเขาแห่งหนึ่ง เชื่อมโยงพลังดาราฟ้าดิน ทั้งหมดนี้เพื่อให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตในไข่ฟองนี้หรือ
นี่ช่างน่าตื่นตะลึงเกินธรรมดานัก!
เพียงแต่ไม่นานนักเขาก็ไม่อาจคิดต่อได้ ด้วยยานขนส่งอวกาศที่เขาขับเคลื่อนอยู่ถูกกดทับอย่างรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ พลังต้องห้ามราวกระแสน้ำกำลังจะท่วมมิดแล้ว
“เจ้าเด็กนั่นจะจบเห่แล้ว!”
ไกลออกไปจากยอดเขาดาราโรย ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์หรืออสูรมารบำเพ็ญก็รับรู้ว่ายานสมบัติที่หลินสวินขับอยู่กำลังจะรับไม่ไหวแล้ว
นี่ทำให้พวกเขามีความสุข รู้สึกสะใจ หมายให้หลินสวินประสบเคราะห์
อสูรเฒ่าเครือเถาเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว รอเมื่อหลินสวินสิ้นชีพก็จะเก็บรวบรวมซากศพและบดให้แหลกละเอียดเป็นผุยผง
ถ้าไม่ทำเช่นนี้ ก็จะไม่สามารถระบายความแค้นที่อยู่ในใจเขาได้!
“หาเรื่องใส่ตัวเสียจริงเรา จะต้องสู้กับเจ้าเสียแล้ว!”
ในยานขนส่งอวกาศหลินสวินรับรู้ได้ถึงอันตราย กัดฟันแล้วนำคันธนูวิญญาณไร้แก่นสารกับศรแห่งนภาครามออกมา คิดจะประจันหน้ากับค่ายกลโบราณนั้นตรงๆ
เพียงแต่ในตอนที่เขาเตรียมเสี่ยงตายอยู่นี้เอง จู่ๆ เสียงเยียบเย็นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในโสตประสาท
‘ขอสหายยั้งมือแล้วฟังข้าพูดเสียหน่อย’
‘ใครน่ะ’
นัยน์ตาดำของเขาหดรัดลงในทันใด ในขณะเดียวกันเขาก็พบว่าสัญลักษณ์ต้องห้ามที่ปกคลุมจากทั่วทุกสารทิศพลันหยุดนิ่งกลางอากาศไม่ไหวติง
นี่เท่ากับคลี่คลายวิกฤตของหลินสวิน ณ ตอนนี้ เพียงแต่เวลานี้เขากลับฉงนใจไม่ว่างเว้น เขาไม่อาจชี้ชัดได้ว่าเสียงเยียบเย็นเสียงนั้นมาจากที่ใด
‘ข้ามีนามว่าเซ่าเฮ่า เป็นนายน้อยเผ่าราชันเร้นดารา ตั้งแต่นานมาแล้วก็หลับใหลอยู่ภายใน ‘ไข่แห่งกลุ่มดาว’ พลังยังไม่ตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์ จึงไม่อาจปรากฏกายมาพบกันได้ในตอนนี้’
เสียงเยียบเย็นนั้นราวน้ำพุสายหนึ่ง มีจังหวะจะโคน ทั้งพุ่งตรงไปถึงก้นบึ้งของจิตใจราวเสียงธรรม
หลินสวินจิตใจสั่นสะท้าน สีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย เจ้าหมอนี่เป็นถึงสิ่งมีชีวิตที่เติบโตในไข่ซึ่งอยู่ในค่ายกลโบราณ!
เผ่าราชันเร้นดาราหรือ
นี่เป็นเผ่าพันธุ์ใดกัน
แม้ในดินแดนรกร้างโบราณแห่งนี้จะมีเผ่าพันธุ์นับหมื่น แต่เขาไม่เคยได้ยินชื่อเผ่าพันธุ์นี้มาก่อน!
‘ก่อนหน้านี้เจ้าทำลาย ‘ดอกหงส์เพลิงนิพพาน’ ถึงได้ปลุกให้ข้าตื่นขึ้น ทว่าข้าไม่ได้เห็นว่าเจ้าเป็นศัตรู การโจมตีก่อนหน้านี้เป็นการโต้กลับเองของ ‘ค่ายกลศักดิ์สิทธิ์หมู่ดารา’ เท่านั้น’
เซ่าเฮ่าอธิบายเสียงเบา น้ำเสียงไม่ร้อนรน มีพลังน่าเชื่อถือ
‘ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้’
สีหน้าของหลินสวินฉายแววอักอ่วน ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้คิดจะทำลายโอสถสมบัติมหัศจรรย์นามว่าดอกหงส์เพลิงนิพพานนั่นทิ้ง
เพียงแต่คิดจะอาศัยพลังต้องห้ามของค่ายกลโบราณนั้นส่งมอบเคราะห์ร้ายให้กับอสูรเฒ่าเครือเถาเท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาก็สร้างความขัดแย้งขึ้นก่อนอยู่ดี แต่เซ่าเฮ่าผู้นี้กลับไม่หาความ ดูใจกว้างนัก
แม้ไม่เคยพบหน้า แต่กลับทำให้หลินสวินเกิดความรู้สึกดีด้วย
‘เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องเล็ก สาเหตุที่เอ่ยปากรั้งเจ้าไว้ ก็เพียงแต่ต้องการแน่ใจเรื่องหนึ่ง’ เสียงของเซ่าเฮ่าดังขึ้นอีกครั้ง
‘พูดมาเถอะ’
หลินสวินลอบถอนหายใจโล่งอก เซ่าเฮ่าผู้นี้ที่มาลึกลับยิ่งนัก ทำให้เขานึกถึงคุณชายน้อยผู้นั้นที่เก็บตัวเงียบในเกาะอริยะปัญจธาตุ
ล้วนเก็บตัวเงียบอยู่เช่นเดียวกัน เพียงแต่ข้างกายคุณชายน้อยผู้นั้นมีวานรเฒ่าที่ก้าวเข้าสู่อริยมรรคดูแล
แต่เซ่าเฮ่าผู้นี้กลับดำรงอยู่ใน ‘ไข่แห่งกลุ่มดาว’ ถูกค่ายกลโบราณลี้ลับค่ายหนึ่งปกป้องไว้!
หลินสวินถึงกับสงสัยว่า ยามมหาสงครามอุบัติขึ้น เกรงว่าเซ่าเฮ่าที่เก็บตัวเงียบบนยอดเขาดาราโรยนี้จะโดดเด่นเกินใครในโลกา และเข้าร่วมการต่อสู้มหามรรคด้วย!
‘นี่มันดินแดนแห่งศุภโชคที่ไหนกัน เป็นที่จำศีลของสัตว์ประหลาดที่เก็บตัวเงียบซึ่งไม่รู้ผ่านกาลเวลาเนิ่นนานเพียงไหนชัดๆ!’ หลินสวินยิ้มขื่นในใจ
เขาพอจะมั่นใจแล้วว่า อย่าว่าแต่ราชันกึ่งระดับอย่างอสูรเฒ่าเครือเถาเลย ต่อให้ราชันที่แท้จริงมา เกรงว่าจะต้องกลับไปมือเปล่า!
ระหว่างที่หลินสวินว้าวุ่นใจอยู่ เซ่าเฮ่าผู้นั้นก็เอ่ยปากว่า ‘สหาย เจ้าพกหนอนกินเทพไว้กับตัวใช่หรือไม่’
เมื่อคำพูดนี้ออกมาทำให้หลินสวินประหลาดใจทันใด เดิมทีเขานึกว่าอีกฝ่ายมองความไม่ธรรมดาของคันธนูวิญญาณไร้แก่นสารกับศรแห่งนภาครามออก ถึงได้ออกตัวมาพูดคุยกับเขา ที่ไหนได้ กลับเป็นเพราะหนอนกินเทพ!
‘ใช่แล้ว’
หลินสวินไม่มีอะไรให้ปิดบัง ในห้วงนิมิตของเขาผนึกหนอนกินเทพเก้าตัวไว้ตลอด
เซ่าเฮ่านิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า ‘หนอนกินเทพ เป็นหนอนเทพอารักขาแห่งเผ่าราชันเร้นดารา น่าเสียดายที่ตอนนั้นเพราะต้องปกป้องยามเผ่าข้าอพยพ หนอนกินเทพที่เผ่าข้าเลี้ยงล้วนพบเคราะห์และสิ้นชีพไป ไม่เหลือทายาท ไม่คิดเลยว่าในโลกยุคปัจจุบันกลับสามารถทำให้ข้ารับรู้ถึงร่องรอยที่มันดำรงอยู่ ช่างพาให้ข้ายินดีนัก’
เขาเหมือนทอดถอนใจ น้ำเสียงปนเปไปด้วยความรู้สึกมากมาย
ครู่ใหญ่เซ่าเฮ่าถึงพูดต่อว่า ‘ช่างเถอะ นี่อาจจะเป็นวาสนา ในมือข้ามีวิชาลับม้วนหนึ่งสำหรับควบคุมหนอนกินเทพ ยินดีมอบให้เจ้า หวังว่าเจ้าจะสามารถดูแลพวกมันอย่างเต็มใจ อย่าให้เสียกิตติศัพท์ของพวกมัน ทั้งอย่าให้พวกมันสูญพันธุ์ไปจากโลก มิเช่นนั้นก็คงน่าเสียดายยิ่งแล้ว…’
ซ่า!
ระหว่างที่พูดก็มีสัญลักษณ์สีเงินเจิดจ้าสายหนึ่งพุ่งออกมา ควบรวมเป็นม้วนคัมภีร์ม้วนหนึ่ง ปรากฏขึ้นหน้ายานขนส่งอวกาศ
หลินสวินรับม้วนคัมภีร์นั้นไว้ในมือ สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาก็คืออักษรบรรพกาลที่แปลกประหลาดราวไส้เดือน… ‘เคล็ดวิชาเร้นดาราควบคุมหนอน’!
เมื่อเปิดดูผ่านๆ หลินสวินก็รู้วาวิชาลับที่เซ่าเฮ่ามอบให้นี้ต้องอัศจรรย์เกินบรรยาย เก็บซ่อนปริศนามากมาย ล้วนเกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูและควบคุมหนอนกินเทพ!
‘สหายยุทธ์ ถ้าท่านไม่รังเกียจ ข้ายินดีมอบหนอนนี้ให้เจ้าคู่หนึ่ง’ หลินสวินกล่าว การกระทำของเซ่าเฮ่าทำให้เขารู้สึกเหนือความคาดหมายยิ่งนัก ออกจะซาบซึ้งใจอยู่บ้าง
‘ไม่ต้องหรอก โลกปัจจุบันกับอดีตต่างกันโดยสิ้นเชิง กาลเวลาผันผ่าน หมื่นยุควิวัฒน์ จวบจนตอนนี้เผ่าราชันเร้นดาราก็เหลือข้าเพียงผู้เดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าตัดหนทางแห่งวันวาน ละทิ้งผลกรรมแห่งอดีต เช่นนี้เมื่อมหาสงครามมาถึง จึงจะสามารถป่ายปีนสู่วิถีแห่งมหามรรคที่บรรพชนเผ่าข้าไม่เคยเหยียบย่างได้!’
เซ่าเฮ่าน้ำเสียงเรียบสงบ แต่กลับแฝงความแน่วแน่ที่ไม่เคยมีมาก่อน นั่นเป็นจิตวิญญาณยิ่งใหญ่พาให้ผู้คนไหวหวั่น!
หลินสวินได้ยินดังนี้ก็ทอดถอนใจ หมื่นผู้กล้าธรรมบาล อัจฉริยะจากทุกแห่งหน บ้างกำลังจำศีลสะสมพลัง หรือเข้าสู่โลกเพื่อเคี่ยวกรำตัวเอง แต่สิ่งที่พวกเขาหมายใจกลับเหมือนกันจนน่าตกใจ ล้วนเกี่ยวข้องกับมหาสงคราม!
อย่างเซ่าเฮ่า ก็เป็นหนึ่งในตัวแทนของคนเหล่านี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงขั้นว่าที่มาที่ไปของเขาลึกลับยิ่งกว่าเหล่าผู้กล้าในโลกปัจจุบัน เก็บตัวเงียบผ่านกาลเวลาไม่รู้นานเท่าไรอยู่ก่อนแล้ว รอมหาสงครามมาถึง!
หลินสวินสูดหายใจลึกแล้วพูดว่า ‘ข้ามีนามว่าหลินสวิน หวังว่าสักวันหนึ่งจะได้พบกับเจ้าอีกครั้งเมื่อมหาสงครามอุบัติขึ้น’
‘ข้าก็ตั้งหน้าตั้งตาคอยให้วันนั้นมาถึงเช่นกัน’
เมื่อพูดจบเสียงของเซ่าเฮ่าก็เงียบไป สัญลักษณ์สีเงินยวงเต็มฟ้าร่นเข้าไปเหนือยอดเขาดาราโรย ไหลเข้าไปในค่ายกลโบราณนั้นราวกระแสน้ำถอยกลับ ทำให้ที่นั่นส่องสว่างโชติช่วงงดงาม มองไม่เห็นทิวทัศน์อื่นใดอีก
ไข่แห่งกลุ่มดาวที่เซ่าเฮ่าเก็บตัวเงียบอยู่ฟองนั้นก็หายไปก่อนแล้ว
‘นี่เป็นผู้โดดเด่นที่มีจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ จิตใจกว้างขวาง อุดมการณ์เกรียงไกร เมื่อถือกำเนิดขึ้นในสักวันหนึ่ง ไม่มีทางไร้ชื่อเสียงแน่…’
หลินสวินเกิดสัญชาตญาณแรงกล้าขึ้นในใจว่า แม้เวลาที่เขาได้สนทนากับเซ่าเฮ่าแสนสั้น แต่วาทศิลป์และจิตใจของอีกฝ่ายทำให้เขาเชื่อถืออยู่กลายๆ
คาดการณ์ได้ว่านายน้อยเผ่าราชันเร้นดาราที่ลี้ลับเช่นนี้ เมื่อถือกำเนิดขึ้นจะต้องมีอิทธิพลในโลกแน่!
ขณะเดียวกันหลินสวินก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันหนักอึ้ง
เพื่อมหาสงครามครั้งหนึ่ง ผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้าไม่รู้เท่าไรกำลังสั่งสมพลังอยู่ลับๆ ยามการต่อสู้มหามรรคที่แท้จริงเปิดฉาก แค่คิดก็รู้ว่าการต่อสู้จะดุเดือดและไร้สิ่งใดเสมอเหมือนเพียงใด!
ความเคลื่อนไหวบนยอดเขาดาราโรยเริ่มกลับคืนสู่ความสงบ
เพียงแต่เหล่าผู้แข็งแกร่งที่สังเกตการณ์อยู่ไกลออกไปกลับค้นพบอย่างน่าตะลึงว่า ยานสมบัติที่หลินสวินขับอยู่กลับยังไม่ประสบเคราะห์เสียที กระทั่งตอนนี้ยังสมบูรณ์ไม่สึกหรอ นี่ทำให้พวกเขาแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”
“ให้ตายสิ นี่มันเกิดอะไรขึ้น เจ้าเด็กนั่นไม่ได้ประสบเคราะห์หรือนี่”
ผู้แข็งแกร่งหลายคนไม่พอใจ เอ่ยปากอย่างขุ่นเคือง
ก่อนหน้านี้บทสนทนาของหลินสวินกับเซ่าเฮ่าล้วนแลกเปลี่ยนกันผ่านจิตรับรู้ เกิดขึ้นในเวลาเพียงครู่เดียว ทำให้ใครก็ไม่อาจสังเกต
และก็เป็นตอนนี้ที่คลื่นต้องห้ามค่ายกลโบราณถูกเก็บเข้าไปในยอดเขาดาราโรย พวกเขาถึงเห็นภาพหลินสวินยังมีชีวิตอยู่ นี่ทำให้พวกเขาโกรธแทบคลั่ง
พลังต้องห้ามของค่ายกลโบราณนั้นน่ากลัวปานใด เหตุไฉนถึงละเว้นเจ้าเด็กนั่น
นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
——