Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 773 ใจกล้ามากเล่ห์
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 773 ใจกล้ามากเล่ห์
หลินสวินปลอดภัยดี ทำให้อสูรเฒ่าเครือเถายิ่งโกรธจนควันออกหู กัดฟันกรอดจนจะแตก เมื่อหยัดกายขึ้นก็พุ่งขึ้นไปในห้วงอากาศ
“ไอ้เด็กเวร พลังต้องห้ามค่ายกลโบราณไม่ได้ฆ่าเจ้า ก็ให้เปิ่นหวังส่งเจ้าไปตายด้วยมือตัวเอง!”
เสียงของเขาเย็นชาน่ากลัว ลำตัวอวบหนาเท่าถังน้ำกระหวัดตัวราวมังกร อบอวลไปด้วยพลังน่าหวาดหวั่นสองอย่างคือเหี่ยวแห้งและเปล่งปลั่ง
ห้วงอากาศถล่มลงเกิดเสียงโครมคราม นี่เป็นพลังราชันกึ่งระดับ เมื่อสำแดงออกมาครั้งหนึ่งพาให้สภาพอากาศแปดทิศผันแปร กลิ่นอายทำลายล้างมืดฟ้ามัวดิน
“เจ้าอสูรเฒ่านี่ดูท่าจะเคียดแค้นเจ้าหนูนั่นเต็มแก่แล้ว จะปลิดชีพเขาอย่างแข็งกร้าว!
ผู้แข็งแกร่งหลายคนตื่นตะลึง พากันหลบหนี ไม่ต้องการโดนลูกหลงไปด้วย
“พี่หลินสวินตกอยู่ในอันตรายแล้ว!”
ซย่าเสี่ยวฉงมือเท่าเย็นเฉียบ ใบหน้าน้อยพริ้งเพราะใสซื่อเต็มไปด้วยความกังวลใจ
“แย่ล่ะ อสูรเฒ่าเครือเถาโมโหแล้ว คราวนี้ใครก็ช่วยเจ้าหนูนั่นไม่ได้ แม่นางน้อย พวกเรารีบหนีไปด้วยกันเถอะ!”
หมูอสูรมารไม่ยึดถือคุณธรรม จะวิ่งหนีทันที อีกทั้งเจ้าหมอนี่ยังไร้ยางอาย ไม่ล้มเลิกความคิดชั่วร้าย ยังจะพาตัวซย่าเสี่ยวฉงไป
แต่ในตอนนี้เอง ในโสตประสาทของหมูอสูรมารก็มีเสียงเรียบเฉยเสียงหนึ่งดังขึ้น ‘ได้ เจ้าหนีไปเถอะ อย่าให้ถูกข้าไล่ตามได้เป็นดีที่สุด’
หมูอสูรมารชาหนึบไปทั้งตัว เงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึง ก็เห็นว่าใต้เวิ้งฟ้ายามราตรี ยานสมบัติที่หลินสวินขับเคลื่อนวูบไหวเบาๆ คราหนึ่ง ก็หลบพ้นการโจมตีน่ากริ่งเกรงครั้งหนึ่งของอสูรเฒ่าเครือเถาได้ ดูสุขุมเยือกเย็นนัก ไม่ได้จนมุมแต่อย่างใด
ที่ทำให้หมูอสูรมารชาไปทั้งศีรษะก็คือ พลังจิตรับรู้ที่สมจริงระลอกหนึ่งเคลื่อนออกมาจากยานสมบัติ จับจ้องเขาไว้มั่น ไม่มีทางหนีพ้นได้เลย
เห็นได้ชัดว่าทันทีที่เขากล้าหนี ผลลัพธ์ต้องไม่อาจคาดเดาได้แน่!
‘คุณชาย เมื่อกี้ข้าแค่ล้อเล่น ข้าจะกล้าทำเรื่องไร้คุณธรรมน่าดูแคลนเช่นนั้นได้ที่ไหน คุณชายท่านอย่าแบ่งสมาธิอีกเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ถูกอสูรเฒ่าเครือเถานั่นทำร้ายได้!’
หมูอสูรมารตบหน้าอก สื่อจิตด้วยท่าทางแน่วแน่
‘หึ!’
หลินสวินขี้คร้านจะไปถือสาหมูอสูรมารที่ไร้คุณธรรมตนนี้ จดจ่อกับการต่อสู้
ตู้ม!
ห้วงอากาศพังทลายลง อสูรเฒ่าเครือเถาไม่ออมมือสักนิด ร่างของมันเคลื่อนฉวัดเฉวียนเหนือห้วงอากาศเข้าสังหารหลินสวิน
การโจมตีของมันอหังการ์และป่าเถื่อน ลำตัวอวบหนาราวถังน้ำเคลื่อนกวาดราวกับมังกรเทพสะบัดหาง ห้วงอากาศทุกที่ที่มันผ่านล้วนทลายลง รัศมีเทพบ้าคลั่งม้วนกลืน ทลายชั้นเมฆให้แยกออก น่าพรั่นพรึงไร้ที่สิ้นสุด
เหล่าผู้แข็งแกร่งล้วนมองดูอย่างอกสั่นขวัญแขวน อสูรเฒ่าเครือเถาแข็งแกร่งเกินไปแล้ว แม้แต่ในหมู่ราชันกึ่งระดับก็เรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือ
พวกเขาต่างสงสัยว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าตัวนี้อาจจะใกล้ได้สัมผัสประตูแห่งระดับราชันแล้ว ขาดเพียงก้าวเดียวก็จะมาถึงประตู และบรรลุระดับเป็นราชันที่แท้จริง!
ยานขนส่งอวกาศที่หลินสวินขับเคลื่อนกำลังหลบหนี ประหนึ่งห้อตะบึงกลางคลื่นแรงน่าครั่นคร้าม ดูอันตรายหาใดเทียบ แต่เขาก็รอดพ้นภัยมาได้ทุกครั้ง
นี่ก็เป็นความวิเศษของยานขนส่งอวกาศ เมื่อไม่มีการกดทับจากพลังต้องห้ามค่ายกลโบราณนั้น อย่าว่าแต่อสูรเฒ่าเครือเถาเลย ต่อให้เป็นการโจมตีของราชันที่แท้จริงก็หลบพ้นได้!
“นี่ต้องเป็นสมบัติประหลาดที่มีพลานุภาพมหัศจรรย์ชิ้นหนึ่งแน่!”
ผู้แข็งแกร่งหลายคนรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากล อดร้องอย่างประหลาดใจไม่ได้ หรือว่าก่อนหน้านี้เจ้าเด็กนั่นจะอาศัยยานสมบัติลำนี้ถึงได้สลายการโจมตีที่มาจากพลังต้องห้ามของค่ายกลโบราณได้
คิดถึงตรงนี้ ผู้แข็งแกร่งหลายคนก็ดวงตาร้อนผ่าวขึ้นมา
เหนือห้วงอากาศ อสูรเฒ่าเครือเถากลับยิ่งเดือดดาล เขาสีหน้าคล้ำเขียว ไอสังหารพวยพุ่งทะลุเมฆา
ด้วยการโจมตีอย่างสุดกำลังก่อนหน้านี้ กลับไม่สามารถสังหารหลินสวินได้ในคราวเดียว แล้วยังถูกเด็กหนุ่มหลบการโจมตีได้ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่ทำให้เขาพลันรู้สึกเสียหน้า
มันเป็นใครกัน
พญาอสูรมารอันดับหนึ่งของภูเขาโคม่วง ราชันกึ่งระดับผู้หนึ่ง มีชื่อเสียงสะเทือนโลกมานานปี ขนาดราชันกึ่งระดับทั่วไปยังไม่อยู่ในสายตาของเขา
แต่ตอนนี้เขาลงมืออย่างเต็มที่ กลับทำอะไรเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งไม่ได้สักที นี่หากแพร่กระจายออกไปเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน
“ตายซะ!”
อสูรเฒ่าเครือเถาคำราม ไอพลังขาวดำสองสายปรากฏขึ้นบนลำตัวอวบหนา หนึ่งแทนพลังแห่งชีวี อีกหนึ่งแทนกลิ่นอายแห่งอาสัญ ทั้งสองหลอมรวมกัน ในที่สุดก็ก่อตัวเป็นรุ้งเทพสีขาวดำพิสดารยิงพุ่งสู่หมู่ดารา กวาดไปทั่วท้องนภา!
นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว
ทำให้ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ไกลออกไปล้วนชาไปทั้งศีรษะ ต้องถอยหนีไปไกลอีกครั้งหนึ่ง ในขอบเขตราวร้อยลี้จากที่นี่ นอกจากยอดเขาดาราโรยที่ไม่เสียหายเลยสักนิดแล้ว เทือกเขาในบริเวณอื่นล้วนถูกบดขยี้จนทรุดลง ต้นไม้โบราณถูกดึงขึ้นมาพร้อมกับดินติดราก จากนั้นก็พากันแหลกสลายกลายเป็นผุยผง
พลานุภาพคับฟ้าของราชันกึ่งระดับสำแดงออกมาอย่างหมดจดในเวลานี้ ส่งผลให้ฟ้าดินแปรเปลี่ยน!
เพียงแต่…
แม้เป็นพลานุภาพสะท้านโลกาเช่นนี้ กลับยังไม่อาจสังหารหลินสวินได้ดังเดิม ถูกยานขนส่งอวกาศที่เขาขับเคลื่อนหลบพ้นได้อย่างรวดเร็ว
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”
เหล่าผู้แข็งแกร่งตกตะลึงอ้าปากค้าง สิ่งนี้พลิกความเข้าใจของพวกเขาอย่างยิ่งยวด เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง กลับทำเพียงอาศัยพลังของยานสมบัติลำหนึ่งก็หลบการโจมตีหลายครั้งของราชันกึ่งระดับได้อย่างชำนาญ นี่ก็ดูเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
“ยานสมบัตินั่น หรือว่าจะเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำเกินขอบเขตพลังระดับราชันชิ้นหนึ่ง”
ผู้ฝึกปราณบางคนลอบคาดเดา ใจเต้นไม่ว่างเว้น หากไม่เป็นเช่นนี้ก็อธิบายภาพตรงหน้าให้กระจ่างไม่ได้เลย
“เจ้าสวะตัวจ้อย เปิ่นหวังไม่เชื่อว่าจะฆ่าเจ้าไม่ได้!”
เสียงคำรามราวอัสนีบาตรของอสูรเฒ่าเครือเถาสั่นสะเทือนไปทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในบริเวณนี้หน้าเปลี่ยนสีตัวสั่นเทา
เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธถึงที่สุดแล้ว สังหารจนดวงตาวาวโรจน์ด้วยไฟโทสะ ในชั่วครู่เดียวทุกที่ล้วนบังเกิดภาพทำลายล้างอย่างฟ้าถล่มดินทลาย หินทรายปลิวว่อน
ในเวลาเดียวกันหลินสวินก็ส่งเสียงตะโกนดังไปทั่วฟ้าดินว่า “สหายยุทธ์ทุกท่าน พลังต้องห้ามจากค่ายกลโบราณที่ถูกกระตุ้นก่อนหน้านี้ รวมถึงที่ทำให้ทุกท่านพลอยโดนลูกหลงไปด้วย ข้าน้อยรู้สึกผิดยิ่งนัก ดังนั้นจึงตัดสินใจว่าเวลานี้จะนำตาแก่นี่ออกไป เพื่อให้คว้าโอกาสทุกท่านได้ขึ้นเขาไปชิงวาสนา ก็ถือเสียว่าเป็นการชดเชยของข้าน้อยแล้วกัน!”
เหล่าผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในที่นั้นล้วนอึ้งไป สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด เจ้าหนูเจ้าเล่ห์เช่นนี้ ถึงกับมีเจตนาดีเช่นนี้เลยหรือ
ทันใดนั้นพวกเขาก็ล้วนไตร่ตรอง หากอสูรเฒ่าเครือเถาถูกพาออกไป สำหรับพวกเขาแล้วย่อมเป็นโอกาสขึ้นเขาที่หายากครั้งหนึ่ง ไม่แน่ว่าจะสามารถถือโอกาสนี้ช่วงชิงศุภโชคบางอย่างได้!
“ทุกท่าน นี่มันหลอกกันชัดๆ เจ้าเด็กนั่นใจกล้ามากเล่ห์ วาจาเช่นนี้ดูเหมือนสวยหรู แต่แท้จริงแล้วก็พูดให้อสูรเฒ่าเครือเถาฟัง!”
บางคนเอ่ยพลางหัวเราะเหี้ยมเกรียม
ดังคาด เหนือห้วงอากาศอสูรเฒ่าเครือเถาสีหน้ายิ่งอึมครึม ถูกคำพูดนี้ของหลินสวินยั่วโมโหจนหน้าเขียวแล้ว
“เจ้ายังคิดจะนำเปิ่นหวังออกไป ให้เจ้าพวกนั้นได้ประโยชน์ไปหรือ ใจหมาๆ ของเจ้ากล้าคับฟ้าเสียจริง เพ้อเจ้อถึงที่สุด!”
อสูรเฒ่าเครือเถาคำราม พ่นลมหายใจออกทางปาก ปรากฏเป็นทวนยาวสีขาวดำแหวกอากาศยิงพุ่งไปทางยานขนส่งอวกาศ
ชิ้ง!
ห้วงอากาศฉีกขาดออกอย่างง่ายดาย ทวนยาวเล่มนั้นเปล่งรัศมีเทพสีขาวดำ พิสดารและน่ากริ่งเกรง มีพลังเจาะทะลวงน่าประหวั่นพรั่นพรึงหาใดเทียบ
เพียงแต่หลินสวินไม่คิดจะพัวพันต่อแล้ว ขับยานขนส่งอวกาศตะบึงออกไปไกลโดยทันที
“จะหนีไปไหน!”
อสูรเฒ่าเครือเถาเดือดดาลจนแทบคลั่ง ภายใต้สายตามากมายที่จับจ้อง หากให้เจ้าเด็กนี่หนีไปได้ เช่นนั้นเขาผู้เป็นราชันกึ่งระดับคนนี้ต้องกลายเป็นตัวตลกในใต้หล้าแน่
ในขณะเดียวกันหลินสวินก็กล่าวเตือนเหล่าผู้แข็งแกร่งในที่นั้นว่า “ทุกท่าน โอกาสมีเพียงครั้งเดียว พวกท่านต้องรีบลงมือ!”
เหล่าผู้ฝึกปราณที่ตีนเขาดาราโรยล้วนดวงตาเป็นประกาย สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่อยู่สุข พวกเขาจับตาดูอสูรเฒ่าเครือเถาอย่างใกล้ชิด ดูว่าเขาจะทิ้งยอดเขาดาราโรยไปตามสังหารหลินสวินหรือไม่
อสูรเฒ่าเครือเถาที่โกรธเกรี้ยวก็สังเกตเห็นภาพนี้อย่างชัดเจน เขาโกรธจนปอดแทบระเบิดออก แต่กลับต้องไตร่ตรองว่าการตามฆ่าหลินสวินจะคุ้มหรือไม่
หากไปตามสังหาร ย่อมส่งผลให้ผู้แข็งแกร่งคนอื่นถือโอกาสขึ้นยอดเขาดาราโรย
หากไม่ไป ใจเขาก็ไม่ยินยอมและเคียดแค้นอีก
ทำอย่างไรดี
อสูรเฒ่าเครือเถาออกจะสับสนบ้างแล้ว กราดเกรี้ยวจนคลุ้มคลั่ง เจ้าเด็กนี่เลวทรามและไร้ยางอายเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ใช้ประโยชน์จากพลังต้องห้ามของค่ายกลโบราณ หมายจะส่งต่อเคราะห์ร้ายให้เขา
มาตอนนี้ยังใช้ประโยชน์จากจิตใจมุ่งมั่นต่อยอดเขาดาราโรย ไปหลอกล่อผู้ฝึกปราณคนอื่น ทำให้เขาลำบากไปทุกทาง!
“ตาแก่ เจ้าไม่ได้ทรงพลังมากหรอกหรือ มาๆๆ พวกเรามาเปลี่ยนที่แลกเปลี่ยนความรู้ดีๆ กันเถอะ”
หลินสวินตะโกนเสียงดัง น้ำเสียงชวนวิวาทเต็มที
เหล่าผู้ฝึกปราณมองดูพลางสูดหายใจเย็นเยียบ เจ้าเด็กนี่บ้าระห่ำเสียจริง ถึงกับกล้าไปท้าทายราชันกึ่งระดับผู้หนึ่ง หรือเขาไม่กังวลว่าจะเกิดเหตุเหนือความคาดหมาย
อสูรเฒ่าเครือเถาบันดาลโทสะเหมือนเสียสติ ตวัดลำตัวใหญ่หนายาวยืดพุ่งเข้าหาหลินสวินที่อยู่ไกลออกไปดังโครมคราม
“เหอะๆ เชื่องเสียจริง ไม่เลวๆ อีกเดี๋ยวตอนฆ่าเจ้า จะให้เจ้าตายอย่างมีเกียรติเสียหน่อย”
หลินสวินพูดอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน ลอยละล่องไปรอบทิศ ยามพูดจาเขาไม่ได้เคลื่อนไหวเชื่องช้า ยังคงขับยานขนส่งอวกาศออกไปไกลอย่างเต็มกำลัง
“รนหาที่ตาย!”
อสูรเฒ่าเครือเถาส่งเสียงคำรามเกรี้ยวกราดสะท้านฟ้า ลงมือสุดความสามารถแล้ว
เพียงแต่ที่ทำให้หลินสวินประหลาดใจก็คือ อสูรเฒ่าเครือเถาไม่ได้เพ่งเป้ามาที่ตน แต่เป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่อยู่บนพื้นดิน
นั่นคือสัตว์ปีศาจต่างเผ่าพันธุ์ตัวหนึ่งที่กำลังแอบเข้าใกล้ยอดเขาดาราโรย หมายถือโอกาสนี้ขึ้นเขาไปก่อน เห็นได้ชัดว่าเขาหวั่นไหวกับข้อเสนอของหลินสวินมาก
แต่เขากลับคาดไม่ถึงว่า อสูรเฒ่าเครือเถากลับละทิ้งเด็กหนุ่มกลับมาฆ่าเขาทันควัน!
โครม!
ชั่วพริบตา รัศมีเทพสีขาวดำในบริเวณนั้นเกี่ยวกระหวัดกัน สัตว์ปีศาจต่างเผ่าพันธุ์ตัวนั้นไม่ทันได้โต้กลับก็ถูกสังหารคาที่
ไกลออกไปเหล่าผู้แข็งแกร่งที่เดิมทีคิดจะแอบขึ้นเขาเช่นกัน เห็นดังนี้ก็พลันตกใจสะดุ้งโหยง สีหน้าบิดเบี้ยว พากันถอยหนี
“คิดว่าเปิ่นหวังโง่เขลา จะละทิ้งศุภโชคใหญ่ที่อยู่บนยอดเขาดาราโรยเพื่อไอ้สวะตัวจ้อยคนหนึ่งหรือ คนสติทึบอย่างพวกเจ้าถูกเจ้าสวะตัวจ้อยนั่นหลอกใช้ยังไม่รู้ตัวอีก โง่งมยิ่งนัก!”
อสูรเฒ่าเครือเถาสีหน้าคล้ำเขียว ตะคอกอย่างเย็นชา
ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ไกลออกไปเหล่านั้นตอนนี้ถึงได้รับรู้ว่า สูงขึ้นไปในห้วงอากาศไม่มีเงาของหลินสวินมานานแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาถือโอกาสนี้หนีไปไกลก่อนแล้ว!
ครู่ต่อมาผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ก็สีหน้าบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด ดังคาด เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์นั่นไม่ได้มีเจตนาดีอะไรเลย แต่กำลังหลอกใช้พวกเขา ใช้สิ่งนี้รั้งอสูรเฒ่าเครือเถาไว้ ทำให้ฝ่ายหลังไม่กล้าบุ่มบ่ามออกไปจากยอดเขาดาราโรย!
“น่าชังนัก!”
ผู้แข็งแกร่งบางคนโกรธจนหน้าแดงก่ำ ถูกเด็กคนหนึ่งจูงจมูก ทั้งถูกหลอกใช้ก็ยังไม่รู้ตัว ทำให้พวกเขาขายหน้า
“หึ!”
อสูรเฒ่าเครือเถาเดิมทีเดือดดาลหาใดเทียบ ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ที่ถูกทำให้โมโหจนอับอายหาใดเทียบ เขากลับสะใจอย่างไม่มีสาเหตุ
ความรู้สึกเช่นนี้ก็คงเหมือนตอนที่ตนจมน้ำแล้วดึงพวกโชคร้ายฝูงหนึ่งให้พลอยซวยไปด้วย ทุกคนล้วนน่าสังเวชและเสียหน้า ใครก็ย่อมหัวเราะเยาะเย้ยอีกฝ่ายไม่ได้แล้ว
เพียงแต่…
เมื่อนึกถึงหลินสวิน อสูรเฒ่าเครือเถาก็โกรธจัด ในที่สุดก็หันกายออกกลับไปที่ยอดเขาดาราโรยอย่างขัดเคือง
ช่วยไม่ได้ หลินสวินก็หนีไปแล้ว จะไปตามเขาอีกก็ตามไม่ทันแน่ ส่งผลให้แม้ว่าอสูรเฒ่าเครือเถาจะเคียดแค้น แต่ก็ไม่มีที่ระบาย
อสูรเฒ่าเครือเถาจดบัญชีแค้นนี้ไว้ในใจ
——