Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 780 ยอมหรือยัง
ตูม!
ร่างสง่าผ่าเผยของหนิวเปินเปล่งประกาย เบื้องหลังปรากฏภาพมายาวัวกระทิงตัวหนึ่ง เชิดศีรษะขึ้นฟ้า เท้าย่ำภูผาธารา ราวสามารถคำรามบดขยี้ฟ้าดิน
เขามาจากเผ่าวัวกระทิง ทรงพลังโดยกำเนิด ใช้วิชาลับพรสวรรค์ มีพละกำลังดุดันเด็ดขาดอย่างหนึ่ง น่าตระหนกเหลือประมาณ
‘เจ้าเด็กนี่จบเห่แน่!’ สายตาเด็กรับใช้เปี่ยมความเวทนา
หนิวเปินเองถือเป็น ‘คนคุ้นเคย’ ของลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงิน เคยถล่มผู้แข็งแกร่งที่นี่คนแล้วคนเล่า พลังต่อสู้โหดร้ายป่าเถื่อนยิ่งยวด
สำหรับคู่แข่งเขาถือว่าโชคร้ายโดยไม่ต้องสงสัย เพราะไม่เพียงถูกตีพ่าย ยังถูกอัดจนบาดเจ็บสาหัสเจียนตาย แขนขาดขาแหว่ง ฉากจบช่างอเนจอนาถ
เด็กรับใช้แน่ใจนัก ว่าหากไม่ใช่สังเวียนประลองระดับเดียวกันไม่อนุญาตให้สังหารคน คู่ต่อสู้ของหนิวเปินเหล่านั้นเกรงว่าคงดับสิ้นนานแล้ว
และบัดนี้เด็กหนุ่มที่ไม่เป็นที่ชื่นชอบของหญิงสาวคนนั้น จะต้องกลายเป็นผู้แพ้อีกคนในเงื้อมมือหนิวเปิน ประสบการทำลายล้างผลาญ…
ที่ทำให้เด็กรับใช้แปลกใจอยู่บ้างคือ สาวน้อยไร้เดียงสาที่อยู่ข้างกายเขากลับเหมือนตน มีความรู้สึกเวทนาสายหนึ่ง คล้ายไม่อาจทนดูต่อไป
ทว่าความเวทนาเช่นนี้กลับมุ่งเป้าไปทางหนิวเปินบนสังเวียน…
‘แม่นางน้อยคนนี้ดูไปแล้วสวยสดงดงาม คงจะไม่ไร้สมองกระมัง’
เด็กรับใช้เคลือบแคลงสงสัยยิ่ง
ตูม!
ขณะเดียวกันเสียงปะทะสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น กระเทือนจนหูเด็กรับใช้เสียงมีวิ้งๆ เบื้องหน้าพร่าเลือน เท้าเซเดินเอียงเกือบหกคะเมนลงกับพื้น
‘แม่งเอ๊ย หนิวเปินนั่นทำไมเพิ่งขึ้นมาก็เคลื่อนไหวซะใหญ่โต เขาคงไม่คิดเล่นเด็กหนุ่มนั่นยับในคราเดียวกระมัง’
เด็กรับใช้ตำหนิอยู่ในใจ แต่เขาหาได้สนใจสิ่งเหล่านี้ไม่ จิตใจเจือความตื่นเต้นและรอคอยประการหนึ่ง สายตามองไปบนสังเวียนทันใด
เขาอยากเห็นภาพน่าเวทนาเกินทนของเด็กหนุ่มนั่นนัก
“เอ่อ นี่มัน… นี่…”
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์บนสังเวียนชัดเจน แค่ชั่วพริบตาลูกตาเด็กรับใช้แทบถลน สะกดกลั้นจนหน้าดำหน้าแดงคล้ายเป็ดถูกหนีบคอ ท่าทางตกตะลึงอ้าปากค้าง
บนสังเวียน ร่างกายแข็งแรงกำยำดุจหอเหล็กของหนิวเปิน บัดนี้กลับกลิ้งเกลือกอเนจอนาถติดขอบสังเวียน ส่งเสียงหอบหายใจอย่างเจ็บปวด
และตรงหน้าอกเขาถูกรอยฝ่ามือหนึ่งนาบประทับ เสื้อผ้าอาภรณ์ขาดกระจุย ผิวหนังบวมเป่ง รอยนิ้วทั้งห้าเห็นชัดแจ้ง ราวเหล็กนาบร้อนแดงประทับอย่างหนักหน่วง
ทุกคนตรงนั้นต่างนิ่งอึ้งตะลึงงัน
ก่อนหน้าพวกเขายังหัวเราะเกรียวกราว สีหน้าสัพยอก คิดว่าหลินสวินต้องถูกถล่มแน่ ไหนเลยจะคิดว่าเวลานี้กลับเป็นหนิวเปินที่ถูกโจมตีลอยละลิ่ว
ซ้ำถูกฝ่ามือเดียวเบาๆ ของเจ้าหนุ่มนั่นเหวี่ยงกระเด็น!
นี่เห็นได้ว่าชวนตระหนกเกินไปแล้ว เมื่อครู่หนิวเปินดุดันเหี้ยมหาญระดับใด พลานุภาพดุจย้ายเขาคว่ำสมุทร กดดันใจคน
แต่ตอนนี้กลับกลิ้งอนาถอยู่บนพื้น ตะโกนร้องเจ็บเป็นเด็กทารก ทำให้ผู้คนต่างแทบไม่กล้าเชื่อตาตนเอง
“เฮ้อ เดิมคิดโจมตีความหยิ่งทะนงอวดดีนั่นของพี่หลินสวิน แต่ตอนนี้ดูท่าเขาคงลำพองตนยิ่งกว่าเดิม จะทำอย่างไรดีเนี่ย…”
ซย่าเสี่ยวฉงทอดถอนใจ หน้านิ่วคิ้วขมวด “คงต้องโทษเจ้ากระทิงนั่น ก่อนหน้านี้ยังบ้าระห่ำ ตอนนี้ดูท่าคงอ่อนปวกเปียก”
เด็กรับใช้ได้ยินดังนั้นแทบเกือบกระอักเลือด
ที่แท้… หน้าตาเวทนาที่นางหนูนี่เผยเมื่อครู่ เพราะรู้ว่าหนิวเปินสู้ไม่ได้อยู่ก่อนแล้ว!
“สะใจโว้ย! ในที่สุดก็หาคู่แข่งแกร่งปึ๋งปั๋งให้ข้าได้สักที อย่างนี้สิถึงเต็มเหนี่ยว! สาแก่ใจ!”
บนสังเวียนหนิวเปินพลิกตัวขึ้นนั่ง ไม่เห็นความท้อแท้สิ้นหวังหรือโทสะ กลับมีท่าทางปิติยินดีและตื่นเต้นดีใจ หัวเราะลั่นไม่หยุด
แกร่งปึ๋งปั๋ง…
ไอ้วัวปากไม่มีหูรูดนี่ถึงกับบรรยายตนเช่นนี้…
หลินสวินมุมปากกระตุกโดยไม่รู้ตัวอีกครา นัยน์ตาดำล้ำลึกดุจหุบเหวอบอวลแสงเย็นเยียบอันตรายเป็นสายๆ
ตูม!
หนิวเปินพุ่งเข้ามาอีกครั้ง ราวเขาลูกเล็กลื่นไถล พละกำลังดุดันยิ่งกว่าเดิม ทั่วร่างมีแสงทมิฬไหลบ่า แผ่ไอคลื่นอันน่าหวาดกลัว
ห้วงนภาแตกละเอียด บนสังเวียนปั่นป่วนโกลาหล หากไม่ใช่ว่ามีค่ายกลใหญ่ป้องกัน บริเวณนี้คงถูกทำลายล้างอย่างสาหัส
แต่ถึงแม้เป็นเช่นนั้น ก็ยังคงทำผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปกลัวจนใจสั่นระรัว แข็งแกร่งเกินไปแล้ว เจ้าหนิวเปินเผ่าวัวกระทิงนี่ทรงพลังแต่กำเนิด แข็งกร้าวดุดันถึงที่สุด!
ปึง!
ทว่าทุกคนรู้สึกเพียงเบื้องหน้าพลันฝ้าฟาง ตามหลังเสียงปะทะอึกทึกดับโสตประสาท คือหนิวเปินซึ่งท่าทีเหิมเกริมน่ากลัว ถูกฝ่ามืออันแผ่วเบาเดียวของหลินสวินซัดกระเด็นอีกครา
ช่องอกเขาถูกซัดจนเกือบยุบ ทั้งตัวราวคางคกนอนแหมะอยู่กับพื้น เลือดกบจมูกปาก ทั้งสังเวียนต่างถูกกระเทือนจนสั่นระรัว
แค่มองก็ทำผู้คนรู้สึกเจ็บจนหวั่นหวาด
ในใจทุกคนตื่นตระหนก ในที่สุดก็รู้ว่าเด็กหนุ่มที่หนิวเปินสู้ด้วยนั้นเป็นยอดฝีมือคมในฝัก!
อานุภาพหนิวเปินยิ่งใหญ่ระดับใด ทั้งใช้มรดกวิชาลับเก่าแก่ของเผ่าวัวกระทิง เปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนอื่น น่ากลัวว่าคงคุกเข่านานแล้ว
แต่ต่อหน้าเด็กหนุ่มนั่น หนิวเปินกลับดูประหนึ่งไม่เอาไหน
ถูกฝ่ามือเดียวเบาๆ ซัดกระเด็นติดกันสองครา ไม่ว่าหนิวเปินกร้าวแกร่งมากเพียงไร ล้วนถูกเด็กหนุ่มนั่นซัดทีเดียวจอด นี่ชวนหวาดหวั่นน่าตระหนกเกินไปแล้ว!
สายตาที่ทุกคนมองหลินสวินพลันเปลี่ยนไปทันที เจือความประหลาดใจวูบหนึ่ง
“เต็มเหนี่ยวไหม”
หลินสวินรูปร่างสูงสง่ายืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น ตั้งแต่ก้าวขึ้นสังเวียนจนถึงตอนนี้ล้วนไม่ขยับแม้เพียงก้าว
หนิวเปินเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก กล่าวยิงฟัน “ยังไม่พอ มาอีก!”
ตูม!
เขาบุกจู่โจมอีกครั้ง ใช้สมบัติเป็นง่ามยักษ์สำริดที่แวววาวแสบตา กวาดทะยานห้วงอากาศ สาดแสงศักดิ์สิทธิ์นับหมื่นพันออกมา ดุจน้ำตกกดอัดห้วงอากาศครืนๆ
หลินสวินประหลาดใจอยู่บ้าง หากเปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนอื่น หลังเจอการโจมตีสองครั้งนี้คงต้องบาดเจ็บหนักลุกไม่ขึ้น แต่หนิวเปินกลับยังดุจมังกรหาญพยัคฆ์เหิม เห็นได้ว่าดุดันไม่ธรรมดายิ่งนัก
หลินสวินสูดหายใจลึก ใช้พลังที่แท้จริงส่วนหนึ่ง ครั้งนี้หากไม่ตีเจ้าวัวกระทิงนี่จนหนำใจ เกรงว่าคงถูกซย่าเสี่ยวฉงเยาะหยันแน่
ปึง! ปึง! ปึง!
เวลาถัดมาหนิวเปินบุกจู่โจมครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทุกคราล้วนถูกหลินสวินใช้วิธีแข็งชนแข็งซัดกระเด็นโดยตรง ทำเอาผู้ฝึกปราณโดยรอบต่างตกตะลึงตาค้างพูดอะไรไม่ออก
การปะทะอันแข็งกร้าวในด้านพลังเช่นนี้ มีผลกระทบหนักหน่วงอย่างไม่ต้องสงสัย ทำเอาพวกเขาไม่อาจนิ่งสงบ
หนิวเปินกระหืดกระหอบ เสื้อผ้ากลายเป็นเศษซาก กล้ามเนื้อและกระดูกหลายแห่งได้รับบาดเจ็บ อเนจอนาถคับขันเหลือประมาณ แต่นัยน์ตาทั้งคู่ของเขากลับส่องประกายยิ่งกว่าเดิม ใจต่อสู้ลุกโหมร้อนเร่าดุจเตาหลอม
เขาบุกจู่โจมอย่างบ้าคลั่ง พละกำลังป่าเถื่อนเดือดปะทุ เสมือนกระทิงบรรพกาลถูกยั่วโทสะ ง่ามยักษ์สำริดซัดสาดทั่วบริเวณ
ครั้งหันมองหลินสวิน ชายเสื้อพลิ้วไหว หมดจดไร้ความเสียหาย ท่าทางลอยชายและนิ่งสงบ มีกลิ่นอายไร้มลทินยากจับต้องอย่างหนึ่ง
บนสังเวียนประลองของทั้งคู่ เกิดการเปรียบเทียบอย่างเด่นชัด
“ยอมหรือยัง”
บนสังเวียนหนิวเปินถูกโจมตีล้มคว่ำอีกครา ทั่วร่างกำลังเกร็งกระตุก ทำให้ผู้คนไม่อาจฝืนมองดู ท่าทางเขาตอนนี้ช่างน่าอนาถเหลือเกิน
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เขายังยิงฟันหัวเราะร่า “ไม่ง่ายเลยกว่าข้าจะได้เจอคู่ต่อสู้เช่นเจ้า มีหรือจะยอมแพ้ง่ายๆ มาอีก!”
นี่ทำให้ภายในใจหลินสวินไม่อาจไม่เกิดความนับถือขึ้นเสี้ยวหนึ่ง พลังต่อสู้ของหมอนี่อาจไม่ใช่ชั้นยอดที่สุดในระดับหยั่งสัจจะ แต่ความสามารถในการเป็นกระสอบทรายกลับเรียกได้ว่าเป็นเลิศ!
แต่ท้ายที่สุดหนิวเปินยังคงพ่ายแพ้ ถูกโจมตีจนไม่อาจตะกายขึ้นมาอีก ทั่วร่างล้วนไม่มีตรงไหนที่สมบูรณ์ดี ได้รับบาดเจ็บสาหัสนัก
“วันนี้ไม่สู้แล้ว รอแผลข้าหายดีค่อยมาอีก”
หนิวเปินเอ่ยปากพะงาบหายใจ ใจต่อสู้ในนัยน์ตายังคงฮึกเหิม แน่ใจได้เลยว่าหากพลังต่อสู้เขายังไม่หมด จะต้องประลองต่อไปแน่
“ยอมหรือยัง” หลินสวินถาม
หนิวเปินตะกายขึ้นมาจากพื้นอย่างยากลำบาก ส่ายศีรษะยิงฟัน “ไม่ยอม”
ขณะพูดเขาเดินกะโผลกกะเผลกลงจากสังเวียน เหตุการณ์นี้ถูกผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งโดยรอบมองเห็นในสายตา ทำให้ในใจพวกเขามีความนับถือชื่นชมขึ้นมา
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร การต่อสู้อย่างสุดกำลังของหนิวเปิน ปณิธานมุ่งมั่นไม่ยอมพ่ายนี้ช่างพบเห็นได้น้อยนัก พาให้คนรู้สึกไหวหวั่น
“จริงสิ”
ทันใดนั้นหนิวเปินซึ่งเดินลงจากสังเวียนหันกลับมา มองหลินสวินด้วยแววตาเร่าร้อน “แม้ข้าจะไม่ยอมแพ้ แต่ไม่อาจไม่พูดถึง เจ้ามันแข็งพอจริงๆ!”
หลินสวินสีหน้ามืดทะมึนโดยพลัน แทบอยากพุ่งเข้าไปฉีกปากเจ้าวัวนี่อย่างอดไม่อยู่ พูดจาดีๆ มันจะตายรึไง!?
ด้านข้างสังเวียน เด็กรับใช้ตะลึงอึ้งโดยสิ้นเชิง สีหน้าปรวนแปร การต่อสู้ปิดฉากลงแล้ว ผลกลับอยู่นอกเหนือการคาดหมายของเขาโดยสมบูรณ์
นั่นน่ะคือหนิวเปินซึ่งดุดันที่สุดแห่งเผ่าวัวกระทิงเชียวนะ!
กลับแพ้เสียอย่างนั้น
‘จบเห่ ครานี้มองผิดไปแล้ว…’
เด็กรับใช้นึกถึงท่าทีขอไปทีที่ตนปฏิบัติต่อหลินสวินก่อนหน้า พลันเสียใจภายหลังจนแทบอยากตบปากตัวเอง อยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก
นี่ใช่เด็กหนุ่มยากไร้ไม่เป็นที่นิยมที่ไหนกัน เห็นชัดว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง!
เทียบกับผู้สืบทอดในสี่สำนักสามตระกูล ล้วนไม่ด้อยไปกว่าแม้แต่น้อย!
ใกล้ๆ สังเวียน ผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งกำลังกระซิบกระซาบ การต่อสู้นี้ทำให้พวกเขาพลันค้นพบว่า เด็กหนุ่มที่ท่าทางไม่คุ้นตานี้ถึงกับเป็นบุคคลร้ายกาจคนหนึ่ง ในใจต่างเลี่ยงไม่ได้ที่จะสงสัยและสั่นสะท้าน
“คุณชาย เมื่อครู่ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ละเลยท่าน หวังว่าท่านผู้เป็นใหญ่จะไม่ถือผู้น้อย” เด็กรับใช้พุ่งไปหน้าสังเวียน รอยยิ้มเจิดจ้ากว่าดอกเบญจมาศเบ่งบาน เจือรสประจบสอพลอเข้มข้น เขากำลังกอบกู้ความผิดที่ก่อ หวังได้รับการอภัยของหลินสวิน
“ถุย! เจ้าหมอนี่ช่างไร้ปณิธาน เมื่อครู่เขาไม่เห็นพูดแบบนี้เลย” ซย่าเสี่ยวฉงสบประมาทยิ่ง ถ่มน้ำลายออกมาคำหนึ่ง
“ข้ากำลังขึ้นเวทีประลอง เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง” หลินสวินเหลือบมองเด็กรับใช้วูบหนึ่ง ท่าทีไม่เกรงใจยิ่ง
รอยยิ้มเด็กรับใช้แข็งทื่อ ในใจเลือดหลั่งริน รับรู้ว่าคุณชายเบื้องหน้าคนนี้ เห็นชัดว่าไม่คิดให้อภัยเขาง่ายๆ
เขาสูดหายใจลึก ท่าทีเปลี่ยนเป็นนอบน้อมยิ่งกว่าเดิม ตัดสินใจใช้ทุกวิถีทางทำความดีชดเชยความผิด “คุณชาย ตามกฎหากท่านจะอยู่บนสังเวียนต่อ จะมีผู้ฝึกปราณอื่นมาท้าสู้ท่าน ก่อนหน้านั้นท่านมีเวลาพักผ่อนครู่หนึ่ง…”
ไม่รอพูดจบก็ถูกหลินสวินตัดบท “ไม่จำเป็นต้องพักผ่อน เตรียมคู่ต่อสู้เถอะ ข้ารีบทำเวลา”
รีบทำเวลา?
เด็กรับใช้อึ้งงันไปครู่หนึ่ง เขาเพิ่งเคยได้ยินเหตุผลการต่อสู้ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครเช่นนี้เป็นครั้งแรก
ทว่าเขาไม่กล้าตั้งคำถามอีก ผงกหัวเป็นลูกไก่จิกข้าว กระวีกระวาดไปเตรียมผู้แข่งขันคนต่อไปแก่หลินสวิน
แน่นอนว่าหลินสวินหาได้เร่งทำเวลา เขาแค่อยากหาแกนวิญญาณบางส่วนภายในเวลาจำกัดเท่านั้น
‘สู้ชนะหนิวเปิน เท่ากับข้าได้รางวัลสองเท่า หรือก็คือสองร้อยแกนวิญญาณขั้นต่ำ ถูกลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินหักค่าดำเนินการไปหนึ่งส่วน เหลือหนึ่งร้อยแปดสิบแกนวิญญาณขั้นต่ำ’
‘หากเร่งทำเวลา คู่ต่อสู้ที่เจอศักยภาพไม่ต่างจากหนิวเปินมาก หนึ่งชั่วยามข้าสามารถสู้สิบยกติดกัน หากว่าราบรื่น สุดท้ายจะได้รับแกนวิญญาณขั้นต่ำประมาณหนึ่งพันแปดร้อยก้อน…’
หลินสวินลอบคิดคำนวณ ข้อสรุปที่ได้ทำให้เขาพอใจมาก ดวงตาเปลี่ยนเป็นส่องประกาย
ลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินนี่เป็นสถานที่ดีดังคาด ไม่เพียงสามารถเคี่ยวกรำวิถียุทธ์ ยังสามารถรับเงินรางวัลอุดมสมบูรณ์ก้อนหนึ่ง!
สิ่งเดียวที่ทำหลินสวินไม่พอใจ บางทีคงเป็นค่าดำเนินการที่ลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินหักไปอย่างไร้ปรานี ค้าขายสิบโกงไปเก้าจริงดังว่า!
…………………..