Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 785 เบี้ยวหนี้และข่มขู่
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 785 เบี้ยวหนี้และข่มขู่
หลังเฉิงลี่เสวี่ยยอมแพ้ก็เดินจากไป ทำเอาผู้ฝึกปราณทั้งสนามไม่เข้าใจ จากนั้นคนมากมายต่างไม่พอใจ
การต่อสู้กำลังดุเดือด จู่ๆ กลับขัดจังหวะลงกลางคัน เดิมก็ทำให้คนอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ที่ยิ่งไม่พอใจคือ เฉิงลี่เสวี่ยซึ่งพวกเขาฝากความหวังอย่างสูงยอมแพ้ออกไปด้วยตนเอง!
นี่ทำให้ผู้คนรับไม่ได้
“แม่งเอ๊ย ข้ามันตาบอดเอง มองเฉิงลี่เสวี่ยไว้ดีมาตลอด ใครจะคิดว่าแม้แต่ความกล้าสู้ให้จบของเขายังไม่มี”
“เฮ้อ น่าผิดหวังจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนพรรค์นี้!”
เสียงตำหนิขัดเคืองดังขึ้นเป็นระลอก
แต่สายตาของพวกเจนจัดส่วนหนึ่งกลับสังเกตเห็นอย่างแจ่มแจ้ง ว่าแม้การต่อสู้ดำเนินต่อไป เกรงว่าเฉิงลี่เสวี่ยคงไม่มีหวังจะชนะ
เพราะตั้งแต่ต้นจนจบแม้หลินสวินไม่แสดงทักษะเด่นชัดโดยตลอด แต่กลับไม่เผยสัญญาณถอยร่นอันใดออกมา
ตรงกันข้าม ภายใต้สถานการณ์ที่เฉิงลี่เสวี่ยมีอานุภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงไม่อาจทำอะไรหลินสวิน นี่กลับเน้นให้เห็นว่าความสามารถแท้จริงของหลินสวินน่าหวาดกลัวยิ่งยวดโดยปริยาย!
จากการสันนิษฐานเช่นนี้ เฉิงลี่เสวี่ยซึ่งเลือกยอมแพ้จากไปโดยไม่ลังเลในตอนนี้ อาจเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด อย่างน้อยความเสียหายต่อชื่อเสียงของตนก็ไม่มาก
แต่หากถูกหลินสวินเอาชนะ ไม่จำเป็นต้องคิดเลย ชื่อเสียงของเฉิงลี่เสวี่ยจะต้องเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นผู้พ่ายแพ้ในสายตามหาชน ผลที่ตามมาคงร้ายแรงแล้ว
“น่าเสียดาย…”
บนสังเวียน หลินสวินจนปัญญาอยู่บ้าง ไม่ง่ายเลยกว่าจะพบคู่ต่อสู้ที่พอประลองกันได้คนหนึ่ง แต่อีกฝ่ายกลับเอ่ยยอมแพ้กลางคัน นี่ทำให้ในใจหลินสวินหดหู่อย่างยากจะเลี่ยง
ต้องรู้ว่าการประลองก่อนหน้าเขากดพลังมาตลอด กังวลว่าจะสำแดงพลังอย่างแกร่งกร้าวเกินไป ทำฝ่ายตรงข้ามตกใจหนีหาย
แต่เห็นชัดว่าถึงแม้เขาสะกดข่มพลัง เฉิงลี่เสวี่ยก็สังเกตเห็นช่องว่างระหว่างเขากับตน ด้วยเหตุนี้จึงปลีกตัวถอยจากโดยไม่ลังเล
‘ยังดี ปริศนาแห่งโทสะหยาจื้อถูกข้าหยั่งถึงโดยส่วนใหญ่แล้ว ที่เหลือแค่ใช้ศึกที่แท้จริงมาฝึกฝนความชำนาญ’
หลินสวินใคร่ครวญพลางเดินลงจากสังเวียน
“ฮึ!”
ซย่าเสี่ยวฉงแค่นเสียงฮึ่มจากจมูก ทำให้หลินสวินพลันแปลกใจ “จมูกเจ้ามีปัญหารึ ให้เชิญผู้ฝึกปราณสายแพทย์มาช่วยเจ้าดูหน่อยไหม”
“ฮึ!”
ซย่าเสี่ยวฉงถลึงตาโตใสสะอาด กล่าวอย่างขึ้งโกรธ “พี่หลินสวิน ท่านน่ะโง่จริงๆ ดูไม่ออกหรือว่าข้ากำลังโกรธ เฉิงลี่เสวี่ยนั่นช่างทำคนผิดหวัง ข้ายังรอเขาเอาชนะท่าน ใครจะคิดว่า…”
ไม่รอให้พูดจบ หน้าผากขาวสะอาดหมดจดของนางก็ถูกหลินสวินเคาะไปหนึ่งที
“ตามข้ามา”
หลินสวินก้าวเท้ายาวเดินห่างออกไป หลังเอาชนะเฉิงลี่เสวี่ย เขาไม่คิดรั้งอยู่อีก ตั้งใจว่าจะรับรางวัลแล้วจากไป
ในใจเขาพลันร้อนระอุ ครานี้เขาชนะประลองติดกันสี่สิบสนาม ซ้ำโจมตีเฉิงลี่เสวี่ยจนพ่ายแพ้ ยังสามารถรับรางวัลสิบเท่าและหนึ่งร้อยแกนวิญญาณขั้นกลางแยกต่างหาก นี่น่ะเป็นรางวัลก้อนใหญ่ยิ่ง!
“คุณชาย ท่านไม่เล่นต่ออีกหน่อยหรือขอรับ” เด็กรับใช้ต่งปาเอ่ยปากลังเล
นี่คือเรือนแห่งหนึ่งในลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงิน เป็นสถานที่รับรางวัล ทว่าเมื่อหลินสวินคิดรับรางวัลกลับปรากฏอุปสรรคบางส่วน
“ไม่ล่ะ ประลองต่อก็น่าเบื่อ”
ที่หลินสวินพูดคือความจริง แม้เขาต้องการแกนวิญญาณอย่างมาก แต่หากไม่มีคู่ต่อสู้พอจะประลอง สุดท้ายแล้วคงน่าเบื่อเต็มประดา ทั้งคงไม่มีส่วนช่วยอะไรต่อการเคี่ยวกรำวิถียุทธ์เขา
“คุณชาย นี่ออกจะจัดการยากอยู่บ้างขอรับ” ต่งปาหน้าตากระอักกระอ่วน
“ทำไมล่ะ”
หลินสวินพลันเลิกคิ้ว ตระหนักว่าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง “พวกเจ้าคงไม่คิดเบี้ยวหนี้กระมัง”
ต่งปาสีหน้าลำบากใจ อักอ่วนยิ่งกว่าเดิม “คุณชาย ตอนนี้ท่านเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งซึ่งเจิดจรัสที่สุดของลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินเรา หากจากไปเช่นนี้ไม่ใช่ว่าน่าเสียดายยิ่งหรือขอรับ”
“พูดจาส่งเดชให้น้อยหน่อย” นัยน์ตาดำหลินสวินพลันเย็นชา “ว่ามา หากวันนี้ข้าจากไป พวกเจ้าคิดเบี้ยวหนี้ใช่ไหม”
ต่งปาสั่นไปทั้งตัว สีหน้าซีดเผือด แรงกดดันชวนประหวั่นที่แผ่จากตัวหลินสวิน แม้เพียงแค่เสี้ยวหนึ่งกลับทำเขาขนพองสยองเกล้า ขวัญหนีดีฝ่อ
“คุณชายโปรดระงับโทสะ อย่างไรให้ข้าอธิบายแทนเถอะ ต่งปา เจ้าถอยไปก่อน ที่นี่ไม่มีธุระของเจ้าแล้ว”
เวลานี้ชายวัยกลางคนในชุดผ้าไหมคนหนึ่ง สองมือไพล่หลังก้าวเนิบช้าเข้ามา เห็นได้ว่าเขาอู้ฟู่นัก ใบหน้าประดับรอยยิ้มอบอุ่น
เมื่อผ่านการแนะนำตัว หลินสวินจึงรู้ว่าชายวัยกลางคนชุดผ้าไหมคนนี้คือผู้ดูแลลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงิน มาจากเผ่าไก่ฟ้าสีเงินเช่นกัน นามว่าต่งไห่
“คุณชาย ผลงานบนลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินของท่านวันนี้ทำพวกข้าทึ่งจริงๆ เป็นผู้กล้ารุ่นเยาว์สมชื่อ!”
ต่งไห่หน้าตาชื่นชม หมายทักทายปราศรัยกับหลินสวิน
แต่ยิ่งเขาเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้หัวคิ้วหลินสวินขมวดหนักขึ้น กล่าวด้วยหน้าตาไร้อารมณ์ “คำพูดตามพิธีรีตองพวกนี้ไม่จำเป็นต้องพูด ข้าแค่ถามเจ้าว่า หากวันนี้ข้าจะรับรางวัลแล้วจากไป พวกเจ้าคิดจะเบี้ยวหนี้หรือ”
“เบี้ยวหนี้?”
ต่งไห่กล่าวประหลาดใจ “คุณชายอย่าเข้าใจผิด ลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินของพวกเราไม่เคยเบี้ยวเงินมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นหากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น จากนี้จะให้ลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินของเรามีที่ยืนในนครเตโชได้อย่างไร”
แววตาหลินสวินเย็นเยียบ มองต่งไห่อย่างเงียบเชียบ “ขอคำพูดดีๆ หน่อย”
เขาดูออกว่าเจ้าต่งไห่นี่เป็นพวกยากรับมือ เจตนาพูดอ้อมค้อมกับตน ผ่อนหนักเป็นเบา ไม่ยอมอธิบายอย่างตรงไปตรงมา
ถูกหลินสวินจ้องเขม็ง รอยยิ้มบนหน้าต่งไห่ก็เก็บลงโดยพลัน เขารู้ว่าหากพูดเหลวไหลต่อมีแต่จะกระตุ้นโทสะเจ้าหนุ่มตรงหน้า
“คุณชาย ท่านต้องการรับรางวัลก็ย่อมได้ ทว่าก่อนหน้านั้นสามารถรับปากลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินของเราเรื่องหนึ่งได้หรือไม่”
ต่งไห่สูดหายใจลึก สีหน้าเคร่งขรึม
หลินสวินยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับเย็นชานัก “รางวัลที่ข้าขึ้นสังเวียนประลองชนะ เดิมก็เป็นของข้า เหตุใดยังต้องรับปากพวกเจ้าเรื่องหนึ่งด้วย”
เห็นท่าทีหลินสวินแข็งกร้าวเช่นนี้ ต่งไห่เองก็โมโหแล้ว แสร้งยิ้มกล่าว “เจ้าหนุ่ม พลังของเจ้าอาจไม่ธรรมดา แต่เรื่องราวบนโลกนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนที่เจ้าพูด หากเจ้าฟังคำเตือนข้าก็ร่วมมือกับพวกเราดีๆ”
“หากไม่ร่วมมือล่ะ” ส่วนลึกในนัยน์ตาหลินสวินพรั่งพรูไปด้วยแววเย็นยะเยือก
“เหอะๆ เจ้าน่าจะรู้ผลของมันอย่างชัดเจน”
เห็นได้ว่าต่งไห่ไม่เกรงกลัวสิ่งใด แววตาเจือความเพลิดเพลินสายหนึ่ง “ข้าแค่อยากบอกเจ้า เจ้าในวันนี้อาจเปล่งประกายเจิดจรัส รัศมีโชติช่วงชัชวาล ทำผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนอัศจรรย์และสั่นสะท้าน แต่หากราตรีนี้เจ้าเลือนหายจากโลกโดยสิ้นเชิง ไม่อาจเห็นดวงตะวันวันพรุ่งอีก เจ้าคิดว่าบนโลกนี้ใครจะสนความเป็นตายของเจ้าจริงๆ”
วาจาสบายอารมณ์ แฝงการข่มขู่ชัดแจ้งโดยไม่ต้องสงสัย
เขาหยุดไปชั่วขณะ มุมปากปรากฏรัศมีอำมหิตวูบหนึ่ง กล่าวพลางจ้องมองหลินสวิน “พวกข้าสืบข่าวเบื้องลึกเจ้ามาหมดแล้ว เป็น ‘คนต่างถิ่น’ เหมือนเฉิงลี่เสวี่ย เจ้าน่าจะรู้ว่านครเตโชนี้มี ‘คนต่างถิ่น’ เช่นเจ้ามากมายหายไปอย่างแปลกประหลาดไม่ใช่หรือ”
ต่งไห่พูดพลางยิ้มเล็กน้อย ท่าทางเหมือนจับหลินสวินไว้ได้อยู่หมัดแล้ว เงื้อมือหมายตบบ่าหลินสวิน
ทว่าเวลาต่อมา การเคลื่อนไหวเขากลับแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เสมือนถูกตรึงแน่นิ่งไม่ไหวติง สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนยกใหญ่ อ้าปากจะร้องตกใจ
แต่เขากลับร้องไม่ออก เพราะลำคอเขาถูกมือข้างหนึ่งบีบรัดแน่นหนา
ก่อนหน้าหลินสวินเงียบงันปิดวาจามาตลอด เวลานี้กลับเผยรอยยิ้มบางๆ ฟันขาวดุจหิมะเรียงราย มองต่งไห่ที่หน้าแดงก่ำ สีหน้าโกรธและตกใจผสมหวาดหวั่นพรั่นพรึง แล้วกล่าวว่า “คิดจะเบี้ยวก็พูดมาตามตรง เหตุใดยังต้องข่มขู่ข้า”
ต่งไห่หนาวสั่นไปทั้งตัว เขารู้สึกทั่วร่างถูกพลังไร้รูปหนึ่งพันธนาการ ไม่อาจขยับเขยื้อนโดยสิ้นเชิง นี่ทำให้เขาหวาดกลัวหาใดเปรียบ
ควรรู้ว่าเขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง แต่บัดนี้ไม่ทันแม้แต่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ก็ถูกเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งใช้กำลังปราบให้ยอมจำนน!
“ไม่ร่วมมือกับพวกเจ้าก็หมายฆ่าคนปิดปาก นี่คือรูปแบบของพวกเจ้าลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินรึ” หลินสวินยิ้มถาม
แท้จริงแล้วในใจเขามีไอสังหารเกาะกุม!
เขาแค่คิดหาแกนวิญญาณนิดหน่อยเท่านั้น กลับถูกฝ่ายตรงข้ามชักดาบ ยังข่มขู่หมายให้เขารับปากเรื่องหนึ่ง วิธีนี้ช่างไม่น่าเชื่อถือสิ้นดี
ที่ทำหลินสวินไม่อาจอดกลั้นที่สุดคือ เห็นชัดว่าต่งไห่วางอุบายไว้นานแล้ว มิฉะนั้นเหตุใดเขาต้องสืบข่าวที่มาและเบื้องลึกของตน
เห็นว่าตนเป็น ‘คนต่างถิ่น’ เบื้องหลังไร้คนหนุนและไร้อิทธิพลอำนาจ รังแกได้โดยง่ายก็แค่นั้น!
ต่งไห่ลูกตาปูดโปนชัด เส้นเลือดดำตรงหน้าผากโป่งออกมา จวนเจียนจะหายใจไม่ออก เพียงแต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไร อย่าว่าแต่ขยับเขยื้อนเลย แม้แต่หายใจล้วนเปลี่ยนเป็นยากลำบากผิดปกติ
“ทางที่ดีเจ้าอย่าร้องออกมาดีกว่า มิฉะนั้นข้าไม่กล้ารับรองว่าจะฆ่าเจ้าหรือไม่” หลินสวินพูดพลางสะบัดมือ
โครม!
ร่างกายต่งไห่ถูกทิ้งลงบนพื้น หอบหายใจเฮือกใหญ่ราวคนจมน้ำได้รับการช่วยเหลือ คล้ายไปเยือนประตูนรกมารอบหนึ่ง
“นำรางวัลมาให้ข้า” หลินสวินหลุบตาลงมองเขา
“ได้!” ต่งไห่ราวเปลี่ยนเป็นคนละคน รับปากเต็มคำ คว้าถุงเก็บของใบหนึ่งจากตัวส่งมอบให้หลินสวิน
เขาถูกขู่จนกลัวอย่างแท้จริง เมื่อครู่เขาถึงขั้นสงสัยว่าตนจะตายแล้ว!
หลินสวินหยิบถุงเก็บของมาตรวจสอบครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าจำนวนแกนวิญญาณไม่ผิดจึงเก็บลงไป
จากนั้นสายตาหลินสวินมองไปยังต่งไห่พลางกล่าว “โทษตายอาจละเว้น โทษเป็นยากหลบหลีก ในเมื่อกล้าข่มขู่ข้า ต้องจ่ายค่าตอบแทนหน่อยจึงจะถูก”
ต่งไห่หน้าพลันเปลี่ยนสี ร้องเสียงหลง “เจ้าจะทำอะไร เจ้าน่าจะรู้ว่าเจ้ากำลังเล่นกับไฟ ข้าน่ะเป็นเผ่าไก่ฟ้าสีเงิน… อ๊าก!”
ยังพูดม่จบเขาก็ส่งเสียงร้องทุรนทุราย ร่างถูกเตะกระเด็น กล้ามเนื้อและกระดูกทั้งตัวพังทลาย ปราณยิ่งถูกทำลายทิ้งโดยตรง
“เจ้า… เจ้ากล้าทำลายมหามรรคของข้า!?” ต่งไห่สีหน้าคั่งแค้นเสมือนบ้าคลั่ง ทั่วร่างกำลังสั่นระรัว
หลินสวินกล่าวยิ้มระรื่น “ไม่ว่าจะฆ่าเจ้าหรือไม่ หลังข้าจากไป พวกเจ้าลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินต้องมาทำการล้างแค้นแน่ ตอนนี้ทำลายปราณเจ้าทิ้งซะ ถือเป็นการเตือนคนอื่นๆ ในลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินล่วงหน้า ว่าหากคิดเป็นศัตรูกับข้าก็ชั่งน้ำหนักดีๆ ว่ารับผลที่ตามมาไหวหรือไม่!”
พูดจบเท้าข้างหนึ่งของเขาก็ถีบต่งไห่สลบ จากนั้นจึงก้าวออกจากเรือนหลังนี้ เรียกซย่าเสี่ยวฉงซึ่งรออยู่นอกเรือนแล้วเดินออกไปจากลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงิน
ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินสีหน้านิ่งสงบ คล้ายไม่มีเรื่องใด
ส่วนผู้คุ้มกันและข้ารับใช้ของลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินก็ไม่สังเกตเห็นโดยสิ้นเชิง ว่าภายในเรือนใหญ่หลังนั้น ผู้ดูแลของพวกเขาถูกทำลายปราณและหมดสติไปนานแล้ว
กระทั่งผ่านไปหนึ่งเค่อ ภายในตำหนักจึงแว่วเสียงหวีดร้องของเด็กรับใช้ต่งปา “แย่แล้ว! แย่แล้ว! ใครก็ได้มานี่เร็ว!”
จากนั้นต่งไห่ที่หมดสติจึงถูกพบตัวในที่สุด พาให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายในลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินโดยพลัน
………………