Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 788 ความแข็งแกร่งของจี้ซิงเหยา
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 788 ความแข็งแกร่งของจี้ซิงเหยา
นี่ก็คือเผ่าวาทวาโย กลุ่มเผ่าพันธุ์หนึ่งซึ่งโดดเด่นเป็นพิเศษ หากต้องการสืบถามข่าวคราวอะไร ไปหาเผ่าวาทวาโยต้องไม่พลาดเด็ดขาด
เช่นเดียวกัน หากคิดแพร่ข่าวอะไร เผ่าวาทวาโยสามารถรับหน้าที่อย่างสบายเช่นกัน ความปากสว่างของพวกเขาล้วนสร้างชื่อทั่วดินแดนรกร้างโบราณ
แน่นอนว่าเผ่าวาทวาโยรับผิดชอบแค่การค้นหารวบรวมและกระจายข่าวสาร สำหรับข้อเท็จจริงของข่าว พวกเขาไม่ไปคัดกรองหรอก
บางครั้งการสร้างข่าวลือเท็จเทียมส่วนหนึ่งก็นำมาซึ่งการประณามด่าทอจากผู้ฝึกปราณมากมาย มองว่าพวกเขาฟังลมเป็นฝน แพร่ข่าวลือโป้ปดหลอกลวงปวงชน
แต่โดยส่วนใหญ่ข่าวที่เผ่าวาทวาโยเผยแพร่ยังคงเชื่อถือได้มาก
“น่าแปลก เมื่อวานลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินยังมีการต่อสู้ยอดเยี่ยมหาใดเปรียบอยู่เลย ทำให้เด็กหนุ่มปริศนาคนหนึ่งผงาดกร้าว เอาชนะสถิติของเฉิงลี่เสวี่ยในคราเดียว อึกทึกครึกโครมทั้งสนาม แต่ทำไมกลางดึกเมื่อคืนลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินถึงไฟไหม้ได้”
เมื่อได้ยินข่าวที่เผ่าวาทวาโยเผยแพร่ ผู้ฝึกปราณมากมายต่างประหลาดใจ
“เหอะๆ อาจเป็นเรื่องที่คู่แข่งบางส่วนของลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินสร้างขึ้นก็เป็นได้ ถึงอย่างไรคนร่วมอาชีพนั่นแหละคือศัตรูคู่แค้น และนครเตโชก็มีลานประลองยุทธ์หลายสิบแห่ง การประชันขันแข่งและต่อต้านล้วนยากหลีกเลี่ยง”
มีคนทำการสันนิษฐาน มีสุขบนทุกข์ของผู้อื่น
ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ หลินสวินตีหน้าซื่อ ในใจกลับรู้สึกประหลาดอยู่บ้าง ไหนเลยจะคาดคิดว่าเรื่องที่เขาก่อกลับทำลานประลองยุทธ์อื่นกลายเป็นแพะรับบาป
แต่เช่นนี้ก็ดี อย่างน้อยที่สุดต่อให้ลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินแค้นตนเข้ากระดูก เกรงว่าคงไม่มีทางนำเรื่อง ‘อัปยศอดสูใหญ่หลวง’ เช่นนี้ป่าวประกาศออกมา
หากเป็นเช่นนั้นจริง นั่นคงไม่ต่างอะไรกับตบหน้าตัวเอง ที่เสียหน้าคงมีเพียงลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินเท่านั้น
“ฮ่า ชะตาฟ้าลิขิต เดิมวันนี้ไม่คิดไปลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงิน ที่นั่นก็บังเอิญไฟไหม้พอดี”
ซย่าเสี่ยวฉงหลุดขำ สาวน้อยไร้เดียงสาช่างไม่รู้อะไร เพลิงอัคคีครั้งนี้แท้จริงแล้วเกิดจากหลินสวินผู้อยู่ข้างกายนาง
“ชะตาฟ้าลิขิตจริงๆ” หลินสวินยิ้มรับ สองมือวางไว้หลังศีรษะ เดินเล่นตามสบายบนถนนสายหลักอันครึกครื้น ยิ้มมีนัยลึกซึ้ง
…
ลานประลองยุทธ์พันกระเรียน
ด้วยมีประสบการณ์การต่อสู้ที่ลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงินแล้ว เมื่อมาถึงที่นี่หลินสวินทำการสมัครอย่างคุ้นเคย จากนั้นจึงขึ้นสังเวียนประลอง
การหลอมชำระวิถียุทธ์ต่างจากการสังหารศัตรูจริง ต้องการผู้แข็งแกร่งที่สามารถต่อสู้อย่างแท้จริงมาแลกเปลี่ยนความรู้และต่อกร และในระหว่างประลองก็เคี่ยวกรำหยั่งรู้ปริศนาแก่นพิสุทธิ์ของวิถียุทธ์อย่างแท้จริง
นี่ก็คือการ ‘ประลองฝีมือ’ ที่เรียกกันทั่วไป
สำนักโบราณบางส่วน ถึงขั้นมีผู้อาวุโสเยี่ยมยุทธ์เฉพาะทางมาต่อสู้แลกเปลี่ยนความรู้กับศิษย์ ทุ่มเทชี้แนะสุดแรงใจ และสามารถทำให้ศิษย์ยึดกุมแก่นพิสุทธิ์วิชาลับบางประการได้ในเวลาอันรวดเร็ว
เห็นชัดว่าสำหรับหลินสวินนี่คงเป็นเรื่องเพ้อฝันไม่อาจเอื้อม
ลานประลองยุทธ์นครเตโชแม้มีมากและไม่ขาดแคลนผู้แข็งแกร่งชั้นยอด แต่ที่สามารถต่อกรกับหลินสวินกลับน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
ภายใต้ความจนปัญญา หลินสวินได้แค่ระงับพลังของตนทำการฝึกยุทธ์
อีกทั้งมีบทเรียนจากลานประลองยุทธ์ไก่ฟ้าสีเงิน ครั้งนี้เขาจึงเปลี่ยนวิธี หลังชนะแต่ละสนามจะพักก่อนรอบหนึ่ง
และเมื่อชนะถึงยี่สิบสนามก็จะรับรางวัลค่อยลาจาก เปลี่ยนลานประลองยุทธ์แห่งอื่นและทำการขึ้นสังเวียนประลอง
จริงดังคาด หลังทำเช่นนี้ความสนใจที่ได้รับน้อยลงมากอย่างชัดเจน ยามรับรางวัลก็ไม่เจอการเล่นแง่อีก
สองสามวันต่อมา หลินสวินผ่านลานประลองยุทธ์แต่ละแห่งในนครเตโชอย่างนับว่าไปได้ดีมาก
ระหว่างนั้นแม้เขาไม่เคยเจอคู่แข่งที่ทำให้รู้สึกถึงความกดดันอย่างแท้จริง แต่กลับเจอวิชาลับการต่อสู้สารพัดสารพัน
อีกทั้งรูปแบบความชำนาญในการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งต่างเผ่าพันธุ์ล้วนต่างกันออกไป เรียกได้ว่าหลากหลายประเภท ทำให้หลินสวินได้เปิดโลกทัศน์ ได้ประโยชน์ไม่น้อยโดยปริยาย
อย่างเช่นผู้แข็งแกร่งเผ่าเพลิงหินหนืด ทันทีที่ประลองก็เปลี่ยนเป็นหินหนืดเชี่ยวกราก คลื่นอัคนีดุจสายธารปกคลุมฟ้าดิน เผาทำลายห้วงอากาศ เด็ดขาดดุดันเหลือประมาณ
หรืออย่างผู้แข็งแกร่งเผ่าทอฝัน ชำนาญการโจมตีจิตวิญญาณ วิชาลับที่สำแดงสามารถถักทอเขตแดนมายาจู่โจมเสมือนจริงมากมาย แท้เทียมคละผสม ดุจดั่งความฝันเสมือนภาพลวงตา สามารถสังหารคนอย่างไร้ร่องรอย
ยังมีผู้แข็งแกร่งเผ่าฟ้าเครือพฤกษาซึ่งตามพัวพันอย่างที่สุด มีความสามารถเด่นล้ำในการฟื้นคืนตน หลั่งโลหิตคืนชีวา!
หรือพูดได้ว่าแม้สังหารจนเขาเหลือเพียงเลือดหยดเดียว แต่แค่สบโอกาสเขาก็จะรวมกายกลับมาใหม่อีกครั้ง!
นอกจากนี้ยังมีเผ่าอสูรมารบุปผาเขียวที่ชำนาญการใช้พิษ เผ่าเงาหมอกที่สามารถซ่อนเร้นกลบร่องรอย เผ่าจินตเมฆาที่ควบคุมสัตว์ปีศาจลงกรำศึกได้แต่กำเนิด… และอีกต่างๆ นานา
การต่อสู้กับพวกเขาทำให้หลินสวินได้เปิดโลก และทำให้เขามีประสบการณ์และเรียนรู้หลายสิ่ง
นี่ทำให้หลินสวินเองทอดถอนใจ ดินแดนรกร้างโบราณนี้ใหญ่โตนัก แผ่กว้างไพศาล หมื่นเผ่าพันธุ์เรียงราย แต่ละเผ่าพันธุ์ต่างมีพรสวรรค์ จึงสามารถดำรงอยู่ท่ามกลางการประชันขันแข่งอันเหี้ยมโหดจวบจนปัจจุบัน
…
“น้องหลินสวิน ไม่คิดมาเล่นสนุกกับข้าจริงหรือ” ภายในโรงเตี๊ยม ฟางหลินหานถามยิ้มระรื่น
หลายวันนี้แค่เขากลับจากลานประลองยุทธ์นครเตโชก็จะมาเซ้าซี้หลินสวิน หมายต่อสู้แลกเปลี่ยนความรู้กับหลินสวินสักตั้งให้ได้ ทำหลินสวินปวดหัวหาใดเปรียบ
ฟางหลินหานดูเหมือนรู้ว่าหลินสวินไม่มีทางรับคำ เขาพลันเปลี่ยนประเด็นทันที “จริงสิ วันนี้มีข่าวน่าอัศจรรย์หนึ่ง บอกว่ายอดเขาดาราโรยในส่วนลึกภูเขาโคม่วงเกิดการต่อสู้สะเทือนใต้หล้า อสูรเฒ่าเครือเถาเกือบถูกสังหาร บาดเจ็บสาหัสหนีหัวซุกหัวซุน”
พูดถึงตรงนี้นัยน์ตาเขาฉายแววประหลาดวูบหนึ่ง “เจ้ารู้ไหมว่าใครทำ”
หลินสวินชะงักไป “ใครหรือ”
สีหน้าฟางหลินหานผิดปกติยิ่งกว่าเดิม เจือรสเหลือจะเอ่ย คล้ายชื่นชมทั้งคล้ายฝันใฝ่
ครู่ใหญ่เขาจึงกล่าว “จี้ซิงเหยา ธิดาเทพเรือนกระบี่เร้นปุจฉาคนปัจจุบัน”
ใจหลินสวินพลันสั่นสะท้าน “เป็นนาง?”
ในใจเขาไม่อาจสงบ เรือนกระบี่เร้นปุจฉาถูกยกย่องว่าเป็นสำนักอันดับหนึ่งแห่งแดนฐิติประจิม สำหรับจี้ซิงเหยา ในฐานะธิดาเทพคนปัจจุบันแค่คิดก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงที่น่าตกตะลึงไร้เทียมทานระดับใด
ถึงขั้นที่นางมีท่วงท่าของการเป็นผู้นำหมู่คนรุ่นเยาว์แห่งแดนฐิติประจิมอยู่เลือนราง
เพียงแต่หลินสวินยังคงคาดไม่ถึง ในฐานะเป็นคนรุ่นเยาว์เหมือนกัน จี้ซิงเหยากลับสามารถโจมตีราชันกึ่งระดับจนพ่ายแพ้ได้!
ความร้ายกาจของอสูรเฒ่าเครือเถานั่น หลินสวินเคยประสบด้วยตัวเอง ต่อให้เป็นในหมู่ราชันกึ่งระดับก็ยังเป็นพวกแข็งแกร่งถึงขีดสุด
แต่เขาเกือบสิ้นชีพในการประลองกับจี้ซิงเหยา สุดท้ายต้องหนีหัวซุกหัวซุน!
“พลังปราณของนางบรรลุถึงระดับใดกันแน่” หลินสวินอดถามไม่ได้
ฟางหลินหานถอนใจกล่าว “ข้ารู้แค่หนึ่งปีก่อนยังมีข่าวแพร่สะพัด ว่านางอาศัยปราณระดับหยั่งสัจจะเอาชนะศิษย์สืบทอดระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งในเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ทำทั้งเรือนกระบี่เร้นปุจฉาอึกทึกครึกโครม”
“ศิษย์สืบทอดระดับกระบวนแปรจุติคนนั้นหาใช่พวกธรรมดา นามอิงอวิ๋นชง มาจากเผ่าอิงหลง พรสวรรค์เป็นเลิศ ค่อนข้างมีชื่อเสียงในแดนฐิติประจิม แต่กลับถูกจี้ซิงเหยาใช้ปราณระดับหยั่งสัจจะเอาชนะข้ามระดับ แค่คิดก็รู้ว่าพลังของสตรีผู้นี้ชวนประหวั่นระดับใด”
หลินสวินไหวหวั่นอย่างอดไม่อยู่ เพราะตัวเขาเองก็มีความสามารถเช่นนี้ ดังนั้นจึงเข้าใจว่าการกำจัดศัตรูข้ามระดับได้ต้องมีพลังแข็งแกร่งมากเพียงใด
‘คิดไม่ถึงว่าบนโลกนี้ยังมีบุคคลเช่นนี้อยู่…’
หลินสวินทอดถอนใจอยู่ภายใน ‘หากคาดเดาจากจุดนี้ บุตรเทพอวี่หลิงคงที่มาจากแดนพิสุทธิ์อมตะแห่งแดนกาฬทักษิณ เกรงว่าคงไม่ด้อยไปกว่าจี้ซิงเหยา’
ฟางหลินหานเสริมอีกหนึ่งประโยค “แต่ข้าได้ยินว่าที่ครั้งนี้จี้ซิงเหยาสามารถเอาชนะอสูรเฒ่าเครือเถาได้ ด้านหนึ่งเป็นเพราะพลังของนางแข็งแกร่งเพียงพอจริง แต่ที่สำคัญที่สุดคือนางใช้สมบัติอริยะชำรุดซึ่งสืบทอดมาช้านานชิ้นหนึ่ง”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้”
หลินสวินพลันผ่อนคลายลงไม่น้อย
ธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาครามในมือเขา สามารถจู่โจมสังหารราชันกึ่งระดับเช่นเดียวกัน หากจี้ซิงเหยาอาศัยสมบัติคล้ายคลึงกันชิงชัยมา เช่นนั้นก็ไม่ถึงขั้นสะเทือนใต้หล้าเกินไป
แน่นอนว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ก็ยังเป็นการเคาะสัญญาณเตือนคราหนึ่งแก่หลินสวิน ให้เขาตระหนักว่าดินแดนรกร้างโบราณแห่งนี้ไม่ได้มีแค่เขาที่ครองไพ่ไม้ตาย
ผู้กล้าแห่งยุคคนอื่นเช่นจี้ซิงเหยา อวี่หลิงคง เกรงว่าคงครอบครองสมบัติต้องห้ามที่ไม่มีใครล่วงรู้เหมือนกัน!
หลินสวินเอ่ยถาม “จริงสิ คนที่โดดเด่นเช่นจี้ซิงเหยานี้ เหตุใดจึงปรากฏตัวในแคว้นวิญญาณอัคนีกะทันหัน หรือมาเพื่อวาสนาบนยอดเขาดาราโรย”
ฟางหลินหานยักไหล่กล่าว “ข้าไม่ใช่คนเผ่าวาทวาโย จะรู้ข่าวเหล่านี้ได้อย่างไร แต่ข้ารู้ว่าครานี้แม้จี้ซิงเหยานั่นจะซัดอสูรเฒ่าเครือเถาพ่ายแพ้ยับเยิน ท้ายที่สุดก็ไม่ได้อะไร ไร้ผลตอบแทน”
เขาหยุดพูดไปชั่วขณะแล้วจึงกล่าวต่อ “อีกทั้งบนยอดเขาดาราโรยเกิดเหตุไม่คาดฝันครั้งใหญ่ ยอดเขาทั้งลูกหายลับกะทันหัน แม้ร่องรอยเพียงเสี้ยวล้วนเสาะหาไม่พบ ราวถูกคนเคลื่อนย้ายกลางอากาศ เห็นชัดว่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก”
หลินสวินตะลึงงัน จากนั้นก็เข้าใจโดยพลัน เกรงว่านี่คงเกี่ยวกับเซ่าเฮ่าซึ่งจำศีลอยู่ใน ‘ไข่แห่งกลุ่มดาว’ นั่น!
นึกถึงเซ่าเฮ่า หลินสวินมีความรู้สึกพูดไม่ออกอย่างหนึ่ง เขามีลางสังหรณ์เด่นชัดว่า ยามเซ่าเฮ่าจากเผ่าราชันเร้นดาราคนนี้ทะยานฟ้าปรากฏตัวสู่โลกหล้า ไม่จำศีลอีก รัศมีของเขาต้องไม่ด้อยไปกว่าเอกบุคคลอย่างจี้ซิงเหยา อวี่หลิงคงแน่!
…
“เหลือเวลาตามนัดหมายแค่หนึ่งวัน หากอาจารย์เจ้ายังไม่มาอีก ข้าจะจากไปแล้ว”
เช้าตรู่วันนี้หลินสวินออกจากโรงเตี๊ยมพร้อมซย่าเสี่ยวฉงตามปกติ มุ่งหน้าสู่ลานประลองยุทธ์กลางเมือง
น้ำเสียงซย่าเสี่ยวฉงชัดกระจ่าง กล่าวอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม “วางใจเถอะ ที่อาจารย์ข้าเกลียดที่สุดชั่วชีวิตคือไม่ไปตามนัด ตัวนางเองต้องไม่ทำอย่างนั้นแน่”
“งั้นก็ดี”
หลินสวินพยักหน้า หลายวันนี้นอกจากลานประลองยุทธ์นครเตโชแล้ว ลานประลองยุทธ์อื่นในเมืองต่างถูกหลินสวินไปเยือนเกือบหมด
ปัจจุบันเหลือลานประลองยุทธ์ไม่กี่แห่งที่เขายังไม่ได้ฝากร่องรอย
ที่น่าเสียดายคือ จนถึงตอนนี้ยังไม่พบคู่ต่อสู้ที่ทำให้หลินสวินรู้สึกถึงแรงกดดัน
อีกทั้งหลินสวินไม่คิดหยุดพักอยู่ในนครเตโชต่อ เหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งที่เขามายังดินแดนรกร้างโบราณคือมุ่งหน้าสู่แดนชัยบูรพา สืบถามข่าวคราวของอวิ๋นชิ่งไป๋ผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าเพื่อเตรียมการแก้แค้น!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่มีความคิดจะรั้งอยู่ในแคว้นวิญญาณอัคนีซึ่งไม่รู้ว่าห่างจากแดนชัยบูรพาเท่าไหร่นัก
ลานประลองยุทธ์หมอกสน
หลินสวินและซย่าเสี่ยวฉงเดินเข้าไปเคียงกัน
“เอ๋!”
แต่ขณะเงาร่างทั้งสองเพิ่งลับหาย บนท้องถนนที่ห่างออกไปกลับมีชายหนุ่มคนหนึ่งส่งเสียงประหลาดใจ “นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้าหมอนี่!”
…………………