Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 809 ยั่วยุและตามล่า
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 809 ยั่วยุและตามล่า
เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง?
โก่วขุ่ยเองก็ตกตะลึงโกรธจนตัวสั่น ไอ้คนที่ราวมดปลวกตัวหนึ่ง กลับกล้าเห็นคนเผ่าเขาเป็นอาหาร
จากนั้นยังขุดหลุมพรางมหึมา ทำให้พวกเขาล้มตายกันเป็นเบือ!
เขาโก่วขุ่ยเป็นถึงระดับราชันผู้ผ่าเผย ทั้งมีชื่อเสียงนานปี แม้แต่ระดับราชันทั่วไปเขาล้วนไม่เห็นในสายตา
แต่ยามนี้กลับถูกหลอกจนบาดเจ็บสาหัส เกือบประสบเคราะห์!
ความคับแค้นอับอายยากเกินบรรยายผุดขึ้นในจิตใจ ทำให้โก่วขุ่ยแทบอยากจับตัวหลินสวินมากลืนกินทั้งเป็นเสียตอนนี้
“นายน้อยวางใจ รออาการบาดเจ็บข้าฟื้นคืน ต้องจับเด็กนี่ทันที ข้าจะให้มันอยากตายก็ไม่ได้ อยากอยู่ก็ไม่รอด!”
โก่วขุ่ยกล่าวเสียงเคร่งขรึม ราชันผู้กิตติศัพท์เลื่องลือถูกเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งก่อกวนจนล้มลุกคลุกฝุ่น หากแพร่งพรายออกไปต้องเป็นเรื่องน่าขันทั่วดินแดนรกร้างโบราณแน่!
อารมณ์โก่วซวีสิงเองก็ผิดแปลกหาใดเปรียบ กล่าวสีหน้าอึมครึม “อันที่จริงข้า… ยิ่งอยากลงมือจับมันมาต้มกินทั้งเป็นด้วยตนเอง!”
เขาเป็นถึงเอกบุคคลรุ่นเยาว์ซึ่งมีสมญาบั่นพันเศียร แต่ถูกคนรุ่นเดียวกันลอบวางแผนและขุดหลุมพรางใส่เช่นนี้ นี่คือความอัปยศอดสูใหญ่หลวงโดยแท้
“เหอะๆ”
เวลานี้เอง เสียงหัวเราะเยาะพลันดังขึ้นบนอากาศแต่ไกล ยานสำเภาลำหนึ่งลอยล่องปรากฏเหนือชั้นเวหา
เงาร่างสูงสง่ายืนอยู่บนยานสำเภา อาภรณ์โบกสะบัด ผมดำพลิ้วไสวประดุจไร้มลทิน เป็นหลินสวินนั่นเอง
“เป็นเจ้า!” โก่วซวีสิงมองแค่ปราดเดียวก็จำได้ เด็กหนุ่มนั่นคือเป้าหมายที่พวกเขาต้องจัดการครานี้
“เจ้าช่างกล้านัก ยังจะกล้าปรากฏกายด้วยตัวเอง!” โก่วซวีสิงโกรธจัดจนหัวเราะ ความคั่งแค้นโหมโชน นัยน์ตาเยียบเย็นชวนประหวั่นถึงขีดสุด
เขาคาดไม่ถึงเลยว่าฝ่ายตรงข้ามไม่เพียงไม่หนีไป แต่กลับมาปรากฏตัวต่อหน้าด้วยตนเอง นี่กำลังแสดงอำนาจใช่ไหม
ช่างรนหาที่ตายซะจริง!
“ข้าจำกลิ่นได้ บนตัวเขามีกลิ่นอายนางเด็กนั่นเสี้ยวหนึ่ง เขานี่แหละเป้าหมายที่พวกเราต้องจัดการ!”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬคนอื่นตะโกนลั่น สังเกตได้ถึงฐานะของหลินสวิน
เพียงชั่วขณะเพลิงโทสะซึ่งสะสมอยู่ในใจพวกเขาระเบิดออกโดยสมบูรณ์ เป็นไอ้สวะตัวจ้อยบัดซบนี่ที่กินสหายพวกเขาคนหนึ่ง ทั้งยังขุดหลุมพรางดักพวกเขาจนอนาถ บาดเจ็บล้มตายเป็นเบือ!
บัดนี้มันยังกล้าวิ่งมาเสนอหน้าด้วยตนเอง นี่คือการยั่วยุอย่างเปิดเผยชัดๆ!
“ตายซะเถอะ!”
โก่วขุ่ยตรงไปตรงมายิ่งกว่า ชั่วพริบตาที่ชี้ชัดฐานะหลินสวินได้ ก็ผุดลุกจากการนั่งสมาธิ ซัดฝ่ามือออกไปอย่างหนักหน่วง
ตูม!
แสงโลหิตแปลบตาชวนประหวั่นแทรกสอดด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์มรรคราชัน ทำให้ชั้นเวหาพังทลาย ชั้นเมฆแตกสลาย พุ่งเข้าปกคลุมหลินสวิน
ทว่าก่อนเขาจะลงมือ หลินสวินก็ขับยานขนส่งอวกาศเผ่นแน่บไป รวดเร็วว่องไวหาใดเปรียบ หลบหนีการโจมตีของราชันนี้ไปอย่างง่ายดาย
นี่ทำให้โก่วขุ่ยอึ้งงันไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง
แม้อาการบาดเจ็บของเขาครานี้ร้ายแรงสาหัส สำแดงพลังได้ไม่ถึงหนึ่งส่วน แต่อานุภาพก็หาใช่สิ่งที่เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งจะต้านทานหลบหลีกได้อย่างสิ้นเชิง!
“ยังคิดจะหนี หยุดอยู่ตรงนั้นซะ!”
ในใจโก่วขุ่ยเกรี้ยวกราดเหลือจะเอ่ย หนอนแมลงเล็กจ้อยตัวหนึ่งดันกล้าปรากฏตัวมายั่วยุ หากปล่อยมันหนีไปได้ เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ตูม!
เงาร่างเขาพุ่งทะลวงเมฆา ไล่ตามล่าโดยไม่สนอาการบาดเจ็บ
นี่คือความมั่นใจของราชัน พลังมรรคราชันอยู่เหนือห้าระดับใหญ่ หยั่งถึงความเป็นความตาย หล่อหลอมมรรคแห่งราชัน ต่อให้หายใจรวยรินก็ใช่ว่าใครจะสามารถดูหมิ่นและล่วงเกินกันได้!
เห็นโก่วขุ่ยไล่ตามไปกับตา โก่วตงกลับเหมือนร้อนรนหาใดเปรียบ
เขารีบเร่งกล่าว “นายน้อย มีอะไรไม่เข้าที เด็กนี่เหลี่ยมจัดราวภูตผี ก่อนหน้าก็หลอกเราเสียย่อยยับ บัดนี้กลับปรากฏตัวทำการยั่วยุอย่างผิดปกติ เกรงว่าคงมีอุบายเล่ห์เหลี่ยมอะไรแน่!”
โก่วซวีสิงเองก็ตระหนักถึงจุดนี้ ผิดปกติเกินไปแล้ว เจ้าหมอนั่นเพิ่งปรากฏตัวก็หลบหนี ไม่รู้ว่าซ่อนหายนะอะไรไว้อีก!
แต่โก่วขุ่ยพุ่งทะยานไปด้วยความเร็วอัศจรรย์หาใดเปรียบนานแล้ว ทำเอาพวกเขาต่างเตือนไม่ทัน
“วางใจเถอะ แม้ใต้เท้าขุ่ยบาดเจ็บสาหัส การฆ่าเจ้านั่นก็เหมือนเชือดไก่ฆ่าลิง ง่ายราวพลิกฝ่ามือ!”
โก่วซวีสิงสูดหายใจลึก นัยน์ตาเขียวมรกตเปี่ยมความเยียบเย็นเคร่งขรึม “หนอนเจ้าเล่ห์ต่ำทรามเช่นมัน คงไม่เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าราชัน!”
“นายน้อย เช่นนั้นพวกเราทำอย่างไรดี” โก่วตงถาม
“ตาม!”
สีหน้าโก่วซวีสิงเต็มไปด้วยไอสังหาร “หากไม่เห็นไอ้เด็กนี่ถูกลงโทษกับตา ข้าคงไม่พอใจแน่!”
ขณะกล่าววาจาเขาก็ทะยานขึ้นไปเหนือเมฆ ส่งเสียงก้องคำรามบนฟากฟ้า
โก่วตงและผู้แข็งแกร่งคนอื่นเห็นดังนั้นก็ไม่กล้าเฉยเมย รีบเร่งติดตาม
…
ตูม!
แสงอัศจรรย์สีโลหิตชวนประหวั่นโหมปล่อย ภูผาสูงชันลูกแล้วลูกเล่าแบนราบ ก้อนหินต้นไม้เก่าแก่แตกละเอียด ห้วงอากาศถูกแหวกผ่าเกิดรอยร้าวน่าพรั่นพรึง
นี่คือการโจมตีของโก่วขุ่ย ทรงอานุภาพดุดัน ไล่ตามภายใต้ฟ้าคราม ทำการจู่โจมหลินสวินอย่างน่าหวาดกลัวและอันตราย
ยานขนส่งอวกาศเหินบินราวอสนี ควบทะยานรวดเร็วตลอดทาง ความเร็วถูกหลินสวินเค้นบีบออกมาถึงขีดสุด พริบตาก็ห่างไปหมื่นจั้ง
ทว่าคิดสลัดการตามล่าของโก่วขุ่ยกลับไม่สามารถทำได้ในทันที
ถึงอย่างไรเจ้าแก่นี่ก็เป็นราชันซึ่งยืนหยัดเหนือบนปลายยอด ทระนงองอาจไม่สามารถจินตนาการ แม้ได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังที่ปะทุก็ยังเรียกได้ว่าน่าหวาดกลัว
“ไอ้เด็กสวะ ข้าอยากดูนักว่าครานี้เจ้าจะใช้อุบายอะไรอีก!”
โก่วขุ่ยสีหน้าเลือดเย็นอำมหิต ก่อนหน้านี้เขาบาดเจ็บหนัก ผิวดำไหม้เกรียม อาภรณ์ขาดรุ่งริ่ง แต่นี่หาได้สร้างความเสียหายต่อศักดานุภาพของเขาไม่
เห็นชัดว่าเขามองความคิดหลินสวินออก รู้ว่าเมื่อครู่หลินสวินเจตนายั่วยุเพื่อให้เขาตามมา
แต่โก่วขุ่ยกลับไม่หวั่นเกรง
นอกเสียจากราชันอสูรเนตรทองนอเดียวนั่นจะปรากฏกายอีกครั้ง มิฉะนั้นโก่วขุ่ยคงคิดไม่ออก ว่าเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งจะสร้างคลื่นลมได้ใหญ่โตขนาดไหนเชียว
หืม?
นึกถึงตรงนี้ในใจโก่วขุ่ยพลันสั่นสะท้าน ราชันอสูรเนตรทองนอเดียว? ไอ้เด็กสวะนี่คงไม่คิดใช้วิธีเดิม ล่อตนไปภูเขาวิญญาณไร้นามนั่นกระมัง
นี่ทำให้สีหน้าเขาปรวนแปร ท้ายที่สุดก็กัดฟันกรอดแผดเสียงตะโกนสะท้านฟ้า
ตูม!
พริบตานั้นทั่วร่างเขาระเบิดแสงโลหิตไร้ขีดจำกัด กลายเป็นสุนัขยักษ์ยาวหลายสิบจั้ง ขนผิวทั้งตัวดำสนิทดุจแพรไหม ร่างใหญ่มหึมาดั่งขุนเขา!
นัยน์ตาราวทะเลสาบสีเลือด เขี้ยวแหลมคมขาวดุจหิมะ ทั่วกายปลดปล่อยไอชั่วร้ายกระหายเลือดดั่งกระแสวารี ทำเอาฟ้าดินเปลี่ยนสี
สุนัขสวรรค์มายาทมิฬ!
สมัยบรรพกาลบรรพบุรุษของสุนัขสวรรค์มายาทมิฬแค่ส่งเสียงคำราม ก็สามารถสั่นทลายนภากาศจนดวงดาราร่วงหล่น!
บัดนี้โก่วขุ่ยเผยร่างเดิม กลิ่นอายราชันน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม อ้าปากใหญ่มหึมาพ่นเปลวเพลิงดำสนิทราวน้ำหมึกออก ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน
เพลิงมายาทมิฬ!
เล่าลือกันว่านี่คืออัคคีเทพชวนประหวั่นซึ่งสามารถแผดเผาเทพเทวา เป็นมรดกพรสวรรค์ของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่แข็งแกร่งที่สุด
หลินสวินบังคับยานขนส่งอวกาศหลบหลีกดังสวบ และห้วงอากาศบริเวณที่เขาอยู่แต่เดิมก็ถูกผลาญเป็นรูโหว่น่าตกตะลึง
เศษเพลิงมายาทมิฬส่วนหนึ่งร่วงหล่นลง พริบตาก็เผาทำลายพื้นดิน ภูผาสูงชันต้นไม้เก่าแก่กลายเป็นเถ้าถ่านในบัดดล!
ปรากฏการณ์นี้น่าพรั่นพรึงโดยไม่ต้องสงสัย
หลินสวินในใจหนาวเยือก เจ้าหมาแก่นี่น่ากลัวจริงๆ ขนาดบาดเจ็บสาหัสยังมีพลานุภาพร้ายกาจเช่นนี้
ตูม!
ห้วงอากาศทรุดลง สุนัขยักษ์สีดำพุ่งทะยาน แสงอัศจรรย์สีโลหิตทั่วร่างตลบอบอวล กระโจนสังหารไปทางหลินสวิน กรงเล็บใหญ่มหึมาครอบฟ้ามัวดินกวาดตะครุบหนักหน่วง
หลินสวินสัมผัสได้ถึงอันตราย ควบคุมยานขนส่งอวกาศเต็มกำลัง อาศัยความเร็วถึงขีดสุดหลบหนีดังสวบ
นี่ทำให้โก่วขุ่ยคิ้วขมวดและตื่นตะลึง มองปราดเดียวก็ดูออก ยานสำเภาที่หลินสวินขับเคลื่อนไม่ใช่สมบัติธรรมดา วิเศษอัศจรรย์เหลือประมาณ มีท่วงทำนองอริยมรรคซ่อนอยู่เลือนราง
สมบัติอริยะชำรุดรึ
มิน่าเจ้าเด็กนี่ถึงกล้ายั่วยุอย่างกำเริบเสิบสานเช่นนี้…
นัยน์ตาโก่วขุ่ยฉายแววชวนตระหนก เขามุ่งมั่นสังหารหลินสวินยิ่งกว่าเดิม ไม่เพียงแต่ฆ่าคน ยังปรารถนาชิงสมบัติด้วย!
‘ยังดีที่เจ้าหมาแก่นี่บาดเจ็บสาหัส ไม่อย่างนั้นครั้งนี้คงถูกมันไล่ตามจนสวรรค์ไร้ทางพิภพไร้ประตูแน่…’
นัยน์ตาดำของหลินสวินพรั่งพรูแววเยียบเย็น
พร้อมกันนั้นในใจโก่วขุ่ยปรากฏความอัดอั้นและโกรธแค้นเหลือจะเอ่ย หากเป็นช่วงมีพลังเต็มเปี่ยม เขาคงซัดฝ่ามือฆ่าอีกฝ่ายตายนานแล้ว
แต่ตอนนี้กลับมือไม้เชื่องช้า นี่ทำให้เขาหน้าหม่นแสงอยู่บ้าง เดือดดาลอย่างยิ่ง
เขาเอ่ยข่มขู่อย่างเยียบเย็น “ไอ้เด็กน้อย เจ้าหนีไม่รอดแน่ วันนี้หากเจ้าไม่ตาย ข้าจะตัดหัวให้เจ้าเลย!”
“เหอะๆ หัวหมามันแข็งเกิน เนื้อก็น้อย ข้าไม่ชอบกินหรอก” ในยานขนส่งอวกาศ เสียงหัวเราะของหลินสวินดังออกมา
โก่วขุ่ยสีหน้าถมึงทึง โกรธจัดโดยสมบูรณ์ ไอ้เด็กสวะนี่คิดว่าตนทำอะไรมันไม่ได้งั้นรึ
ตูม!
เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บและสึกหรอ ออกต่อสู้ไล่ล่าเต็มกำลัง
เวลาต่อมาทั้งสองคนหนึ่งหนีอีกคนตาม เสียงหวีดแหลมดังก้องพื้นที่รกร้างกว้างใหญ่ ระหว่างทางเขาสูงชันพังทลาย ต้นไม้เก่าแก่สูงเสียดฟ้าระเบิดแตกไปเป็นแถบๆ ไม่รู้เท่าไหร่
หลินสวินแอบคำนวณเวลา ที่ทำให้เขาไหวหวั่นคือ แม้เจ้าหมาแก่นี่จะบาดเจ็บสาหัสก็ยังเห็นได้ชัดว่าน่ากลัวนัก กระทั่งป่านนี้ยังไม่มีสัญญาณอ่อนแอถดถอย ทรงอานุภาพสยบผู้คน
เดิมเขาคิดทำการหยั่งเชิง ลองดูว่าอีกฝ่ายยังเหลือกำลังเท่าไหร่กันแน่ จากนั้นค่อยอาศัยธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาครามสังหาร เช่นนี้จึงสามารถรับรองว่าไร้ข้อผิดพลาด
คิดไม่ถึงว่าเจ้าหมาแก่นี่จะยังมีท่าทางกร้าวแกร่งยิ่ง!
หลินสวินพลันตระหนักได้ว่าตนออกจะประเมินความน่ากลัวของระดับราชันต่ำไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถยกราชันกึ่งระดับพวกนั้นขึ้นมาเทียบได้
นี่ก็คือท่วงท่าแห่งราชันที่แท้จริง!
บางทีก่อนหน้านี้หลินสวินอาจเคยพบเจอราชันผู้กร้าวแกร่งมากมาย อย่างเช่นจ้าวไท่ไหล จ้าวซิงเย่ แต่นั่นเป็นแค่การพบหน้า ไม่ใช่การไปต่อกรและรู้ซึ้งด้วยตัวเอง
แต่ยามนี้ ในที่สุดหลินสวินก็รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของราชันว่าน่าหวาดกลัวเพียงใดอย่างลึกซึ้ง โก่วขุ่ยนั่นแม้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ยังคงน่ากลัวเช่นนี้ หากมีพลังเต็มเปี่ยมจะยิ่งใหญ่ได้อีกขนาดไหน
“ไอ้หมาน้อย! เจ้ามันไร้น้ำยาจริงดังคาด ยังคิดใช้ลูกไม้เดิม อาศัยพลังราชันอสูรเนตรทองนอเดียวจัดการข้างั้นรึ น่าขัน!”
ทันใดนั้นเบื้องหลังยินเสียงตวาดปรามาสอันเยียบเย็นของโก่วขุ่ย
หลินสวินถึงได้รู้ว่า เขาหนีกลับมาใกล้บริเวณภูเขาวิญญาณไร้นามลูกนั้นอีกครั้ง แถมจวนเจียนจะเข้าประชิดโดยไม่รู้ตัว
นี่ทำให้หลินสวินหมดคำพูดไปชั่วขณะ เขาไม่เคยคิดใช้วิธีเดิมเลย
ถึงขั้นที่เขาสงสัยว่าหากตนปรากฏตัวที่นั้น ราชันอสูรเนตรทองนอเดียวคงจัดการตนโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น!
อย่างไรเสียเขาก็ขโมยอมฤตแกนสุวรรณมาสิบกว่าชั่ง ยังเคยรังแกลูกน้อยของมัน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มีหรือมันจะปล่อยตนหนีไป
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการยืมพลังของมันไปจัดการพวกสุนัขแก่นั่นเลย
ฟึ่บ!
ทันใดนั้นหลินสวินพลันหยุดชะงัก ยืนตระหง่านบนยานขนส่งอวกาศ มองไปยังโก่วขุ่ยซึ่งตามมาไกลๆ ก่อนหยิบธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาครามออกมา
ลากเจ้าหมาแก่นี่วิ่งออกมารอบใหญ่ขนาดนี้คงผลาญพลังเขาไปไม่น้อย ร่างกายเขายังบาดเจ็บสาหัสอยู่อีก ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายก็ควรตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว!
……………..