Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 819 อานุภาพสะเทือนเหล่าวีรบุรุษ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 819 อานุภาพสะเทือนเหล่าวีรบุรุษ
ไม่ว่าจะเป็นโก่วฉีหรือพวกหญิงงามผมเงินยามนี้ต่างอัดอั้นจนแทบกระอักเลือด
เป้าหมายที่พวกเขาจ้องจะจับกุมและตามฆ่า ปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขาตัวเป็นๆ แต่กลับไม่มีใครจำได้ แล้วยังถูกอีกฝ่ายรีดไถแกนวิญญาณจำนวนมหาศาล จนตอนนี้เพิ่งจะรู้ตัว นี่มันขายหน้าเกินไปแล้ว
หากเรื่องนี้แพร่ออกไป จะให้พวกเขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
โก่วฉีนิ่งไม่อยู่แล้ว ส่งเสียงคำรามต่ำลึก ด้านหลังพวกเขาปรากฏเงามายาหมาดำ น่าสะพรึงอย่างที่สุด แผ่แสงสีดำออกมา
“ฆ่า!”
หญิงงามผมเงินตะโกนเสียงกร้าว พวกเขาต่างเคลื่อนไหว โจมตีอย่างเหี้ยมหาญ หมายจะสังหารหลินสวินเพื่อระบายความเดือดดาลและอับอายในใจ
กลับเห็นหลินสวินยิ้มอย่างเบิกบาน กล่าวว่า “รอพวกเจ้าลงหม้อมาเติมเต็มท้องข้าตั้งนานแล้ว!”
ตูม!
หลินสวินก้าวออกไปก้าวหนึ่ง บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปฉับพลัน ราวกับกลายเป็นเทพมาร ปล่อยหมัดหนึ่งออกไป แรงหมัดแผ่ออกมาราวกับมังกรเจินหลง ทลายหน้าอกของคนผู้หนึ่งโดยตรง กระดูกระเบิดเป็นเสี่ยงๆ เลือดสาดกระเซ็น
ทุกคนต่างตกใจ น่ากลัวนัก หมัดเดียวก็สังหารผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งได้แล้วหรือ
“เจ้ากล้า!”
โก่วฉีพุ่งออกมา ฝ่ามือฟาดลงไปเสียงดังตูม แสงเลือดกระเซ็น ราวกับแม่น้ำเลือดที่ไหลพุ่ง ดูน่าหวาดหวั่นยิ่ง
ตู้ม!
หลินสวินก้าวเท้า ชือน้ำแข็งสีขาวดั่งหิมะโฉบออกมา เงยหน้าคำราม เสียงครืนโครมดังขึ้น สะบัดหางทีเดียวก็สลายการโจมตีของโก่วฉีได้แล้ว
และหลินสวินได้ฉวยโอกาสสำแดงกระบวนท่าสังหารตั้งนานแล้ว
พรูดๆๆ!
เขาลงมือราวกับสายฟ้า คุมตัวคู่ต่อสู้ที่ดาหน้าเข้ามาด้วยผนึกป้าเซี่ยก่อน แล้วสยบด้วยประทับปี้อั้น
พลันเห็นผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬพวกนั้นยังไม่ทันหลบด้วยซ้ำ ร่างกายก็ระเบิดออกกลางอากาศกลายเป็นหมอกเลือด
แข็งกร้าวเกินไปแล้ว!
ทุกคนในที่นั้นสูดหายใจอย่างตกใจ เพิ่งจะลงมือก็กวาดล้างทั้งที่นั้นราวกับเชือดไก่ให้ลิงดู ท่าทางดุร้ายและสะท้านสะเทือน ราวกับเทพมารเยื้องกรายไม่มีผิดเพี้ยน!
“หมาพวกนี้พลังอ่อนแอเกินไป คุณภาพเนื้อจะต้องต่ำมากแน่”
แววตาของหลินสวินราวกับสายฟ้า สยบทั่วสารทิศ ในที่นั้นเหลือเพียงโก่วฉีและหญิงงามผมเงิน
“หลินสวิน เจ้ารนหาที่ตาย!”
โก่วฉีคำราม โกรธจนตัวสั่น และรู้สึกถึงความหวาดกลัวเช่นกัน พวกเขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไป ใช่ว่าพวกเขาจะสู้ได้
นี่ทำให้โก่วฉีรู้สึกเหมือนจะพังทลายจริงๆ แทบจะคลั่งอยู่แล้ว เริ่มจากการถูกหลอกรีดไถ จากนั้นก็ถูกโจมตีเหมือนเป็นอาหาร แต่พวกเขาก็ยังสู้ไม่ได้ ความรู้สึกเช่นนี้ช่างน่าอับอายและอัดอั้นถึงขีดสุด
“มอบชีวิตมาเถอะ!”
เงาร่างหลินสวินไหววูบ เข้าไปเผชิญหน้าโก่วฉี สำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ แรงหมัดตรงไปตรงมา ท่ามกลางความเรียบง่ายมีอานุภาพสะเทือนสวรรค์สะท้านแผ่นดิน ทลายภูผาธาราอันเป็นเอกลักษณ์
โครม!
หอสุราแห่งนี้สั่นสะเทือน กำลังจะพังทลายเพราะผลกระทบจากการปะทะที่น่ากลัวนี้ ลูกค้าที่อยู่ภายในต่างตะลึง ผลุนผลันลุกหนีออกไป
มีเพียงผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินและลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าเผ่าอีกาเพลิงที่ยังนับว่านิ่งสงบ เพียงแต่พอพวกเขาเห็นศักยภาพที่หลินสวินแสดงออกมา ในใจก็แอบหวาดหวั่นอย่างควบคุมไม่อยู่
กึด!
แขนข้างหนึ่งของโก่วฉีขาด ประกายเลือดสาดกระเซ็น เขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติ นับว่าเป็นบุคคลชั้นยอดในบรรดาคนหนุ่ม แต่ในกระบวนท่าแรกก็เสียเปรียบอย่างมากแล้ว!
ทุกคนในที่นั้นหวั่นไหว
“ฆ่า!”
และในเวลาเดียวกันหญิงงามผมเงินก็ตะโกน เพียงแต่นางกลับเคลื่อนไหวร่างกายกะทันหัน ทะลุกำแพงหนีออกนอกหอสุราไป!
เห็นได้ชัดว่านางรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้จึงไม่กล้าสู้อีก หมายจะไปขอความช่วยเหลือ
ทว่าหลินสวินจะปล่อยนางไปได้อย่างไร ริมฝีปากส่งเสียงคลุมเครือคราหนึ่ง
เสียงคำรามผูเหลา!
พลันเห็นหลินสวินเปล่งประกายทั่วทั้งตัว ราวกับสุริยันอันน่าสะพรึงจรัสแสง คลื่นสีทองที่แปรมาจากคลื่นเสียงแผ่กระจายออกจากปาก
เสียงคำรามนั่นกระจายออกไปเหมือนเสียงตะโกนร้องของเทพบรรพกาล น่ากลัวไร้ขอบเขต ราวกับสามารถสะเทือนภูผาธาราจนแหลกละเอียดได้!
พรูด!
หญิงงามผมเงินที่เพิ่งทะลุออกจากหอสุรากลับระเบิดออกทั้งอย่างนั้น แปรเป็นกลุ่มหมอกเลือด
เฮือก… ในที่นั้นเสียงสูดหายใจด้วยความตกใจดังขึ้นระลอกหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึง อกสั่นขวัญหนี น่ากลัวเกินไปแล้ว อย่างไรผู้หญิงคนนั้นก็เป็นถึงผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติ แต่กลับถูกฆ่าในเสียงคำรามเดียว!
“อ๊าก…” ในหอสุรามีคนกรีดร้อง ตกใจจนใบหน้าไร้สีเลือด
“มรดกวิชาลับน่าสะพรึงมาก” ลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าเผ่าอีกาเพลิงสายตาเผยประกาย ในใจหวั่นไหวไม่น้อย นี่ทำให้เขานึกถึงมรดกพรสวรรค์เสียงคำรามสิงห์ของเผ่าสิงห์เขียวนอทอง’!
กลุ่มผู้สืบทอดของสำนักกระบี่โผผินต่างก็ประหลาดใจ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เดิมพวกเขาคิดว่าเด็กหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่างคนนี้ไม่มีศักดิ์ศรี รายงานความลับเพื่อแกนวิญญาณ น่าเย้ยหยันนัก
ไม่คิดว่าเพียงพริบตาอีกฝ่ายก็ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน อานุภาพไร้เทียมทาน ผงาดผยองและเผด็จการ ทำให้พวกเขาต่างตกใจ!
ในใจเซี่ยอวี้ถังกระเพื่อมไหว สีหน้าอึมครึมสับสน ไม่เจอกันไม่กี่ปี เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า เด็กหนุ่มจากพื้นที่ทุรกันดารที่เพิ่งมาถึงนครต้องห้ามในตอนนั้นแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ได้อย่างไร นี่ทำให้เขาไม่สามารถยอมรับได้นัก!
เสียงคำรามเดียวสะเทือนทั้งที่นั้น แต่สำหรับหลินสวิน นี่เป็นผลจากการที่เขาจงใจควบคุมพลัง ไม่อย่างนั้นหอสุราทั้งหอคงถล่มทลายกลายเป็นเศษผงในทันทีอย่างแน่นอน!
เขาในตอนนี้เงาร่างสง่างาม แผ่แสงมายาสีใส บุคลิกโดดเด่นและว่างเปล่า อานุภาพกลับผงาดผยองไร้เทียมทาน ราวกับเทพมารจุติลงมา
ในที่นั้นเหลือเพียงโก่วฉี เขามองหลินสวินอย่างหมดหวัง หัวใจถูกความหวาดกลัวท่วมท้น เพิ่งจะตระหนักได้อย่างสิ้นเชิงว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
“หลินสวิน นี่เจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬของเราอย่างถึงที่สุดหรือ” โก่วฉีขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ตอนนี้เขาทำได้เพียงอ้างอานุภาพของเผ่าพันธุ์มาข่มขวัญ
กึด!
หลินสวินคร้านจะพูดไร้สาระ พุ่งจัวเข้าไปเข่นฆ่าต่อโดยไร้ซึ่งความกังวล เพียงพริบตาเท่านั้นก็บีบคอของโก่วฉีหักแล้ว
เสียงโครมดังขึ้น หลังจากโก่วฉีตายก็กลับคืนร่างเดิม ร่างหมาดำตัวใหญ่ยักษ์นอนอยู่บนพื้น เลือดไหลเหมือนสายน้ำ
จนถึงตอนนี้พวกผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬถูกฆ่าหมดแล้ว หรือพูดอีกอย่าง นี่เป็นเหตุการณ์สังหารหมู่ ไม่มีการต่อต้านที่แข็งแกร่งใด ล้วนถูกหลินสวินจัดการปานกวาดล้าง
พลานุภาพที่สังหารอย่างเด็ดขาดไร้เทียมทาน ทำให้ลูกค้าในหอสุราต่างหัวใจสั่นไหวอีกครั้ง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว พลิกจินตนาการของพวกเขา
แต่หลินสวินราวกับทำเรื่องที่ธรรมดาอย่างมาก หิ้วศพหมาดำของโก่วฉียัดใส่ในแหวนเก็บของ
เพียงแต่ก่อนเขาไปกลับเคลื่อนสายตาไปในห้องส่วนตัวอีกห้อง จับจ้องเซี่ยอวี้ถัง
ทันใดนั้นนัยน์ตาเซี่ยอวี้ถังพลันหดรัด ตกตะลึงอยู่บ้าง หรือเจ้าหมอนี่ยังคิดจะเล่นงานตน
จั๋วขวงหลันที่อยู่ข้างๆ สีหน้าเรียบเฉย ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ ส่วนลู่จิ่วเกอดื่มพลางชมดูอยู่ห่างๆ กลุ่มผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินที่อยู่บริเวณนั้นต่างแอบระแวงขึ้นมา
ยามนี้บรรยากาศเงียบสงบและกดดันไม่น้อย
กลับเห็นหลินสวินยิ้มพร้อมเอ่ย “เมื่อครู่นี้เจ้าทำได้ไม่เลว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้าย่อมเป็นเรื่องดีที่สุด เช่นนี้จะได้ไม่ทำให้เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬไปหาเรื่องเจ้าเพราะข้า หลังจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้ากับข้าหมดสิ้นบุญคุณความแค้นต่อกัน”
คำพูดที่เซี่ยอวี้ถังพูดก่อนหน้านี้ถูกเขาได้ยินทั้งหมด อีกฝ่ายมองตนเป็นเด็กหนุ่มหยาบกระด้างจากพื้นที่ข้นแค้นต่อหน้าเหล่าผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินและลู่จิ่วเกอ ท่าทางเหมือนอับอายที่เป็นพวกเดียวกับตน นี่ทำให้หลินสวินเย็นชาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เขาไม่มีความคิดจะไปโจมตีแก้แค้นเซี่ยอวี้ถัง ทว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นเต้นไป หากเซี่ยอวี้ถังดูถูกและเยาะเย้ยเขาเช่นนี้อีก ก็อย่าหาว่าเขาไม่เกรงใจ!
พูดจบเขาก็เก็บสายตาและจากไป
เซี่ยอวี้ถังสีหน้าอึมครึมไม่นิ่ง ราวกับเดือดดาลอย่างที่สุด ลุกพรึ่บขึ้นมองหลินสวินด้วยสายตาวับวาบ คล้ายอยากเข้าไปสั่งสอนหลินสวิน
“ศิษย์น้องเซี่ยไม่ต้องโกรธ แค่เด็กที่ย่ามใจจนลืมตัวก็เท่านั้น จะสนใจเขาทำไม” จั๋วขวงหลันยิ้มพูด ขวางเซี่ยอวี้ถังเอาไว้
“ใช่ เจ้าหมอนี่ยโสโอหังมาก ทั้งยังกล้าเป็นศัตรูกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ อีกไม่นานจะต้องประสบเคราะห์แน่”
“ไม่ผิด เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอิทธิพลยิ่งใหญ่ แม้แต่ขุมอำนาจใหญ่สำนักเก่าแก่ในโลกยังไม่อยากล่วงเกินง่ายๆ เด็กหนุ่มหยาบช้าจากโลกชั้นล่างอย่างเขากลับเลือกผูกความแค้นกับเผ่าพันธุ์นี้ นี่มันรนหาที่ตายไม่ใช่หรือ”
ผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินคนอื่นๆ เองก็ส่งเสียงปลอบ
เซี่ยอวี้ถังถอนหายใจในใจแล้วนั่งลงเงียบๆ อีกครั้ง ในใจยังคงเคียดแค้นมาก อยากจะฆ่าหลินสวินเองกับมือจนแทบรอไม่ไหวแล้ว
คิดว่าแข็งแกร่งขึ้นแล้วจะสามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจ ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาได้จริงๆ หรือ
นี่ก็คือเหตุผลที่เซี่ยอวี้ถังโกรธเคือง ความจริงนี่เป็นอาการผิดหวังในตัวเองอย่างหนึ่ง ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว เขาก็ไม่เคยเห็นหลินสวินอยู่ในสายตา มองว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มหยาบช้าจากพื้นที่ทุรกันดาร
ส่วนเขาเกิดในตระกูลเซี่ยที่เป็นหนึ่งในตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงทั้งเจ็ด พรสวรรค์พิเศษ ตำแหน่งและฐานะล้วนไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินเทียบได้
จนกระทั่งเข้ามาฝึกปราณในดินแดนรกร้างโบราณ เขายิ่งกราบอาจารย์เข้ามาฝึกปราณในสำนักกระบี่โผผินอย่างราบรื่น นี่ทำให้เขามีความรู้สึกเหนือกว่าเมื่อพบหลินสวินไปโดยปริยาย
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้กลับทำให้เขาดูแย่!
ทว่ายามนี้เขาเพิ่งจะพบว่า เด็กหนุ่มที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขา ตอนนี้กลับเติบใหญ่ขึ้นจนแทบจะเหนือกว่าเขา นี่จะให้เขาที่เย่อหยิ่งมาโดยตลอดรับได้อย่างไร
“เด็กคนนี้ไม่ธรรมดามาก” ลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าเผ่าอีกาเพลิงที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ข้างๆ พูดเสียงเบา ดวงตาวับวาว “หากเขาปรากฏตัวในเทศกาลโคมกถามรรค ข้าก็อยากจะแลกเปลี่ยนความรู้กับเขาสักครั้ง”
ทันใดนั้นพวกจั๋วขวงหลันและเซี่ยอวี้ถังต่างหัวใจสะท้าน คิดไม่ถึงว่าลู่จิ่วเกอคล้ายจะให้ความสำคัญกับหลินสวินมาก
และในตอนนี้เองที่เสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้นในหอสุรา…
“ข้ากล้ามั่นใจว่า เขาคือผู้กล้าแห่งยุคที่ผงาดขึ้นมาในแคว้นวิญญาณอัคนีคนนั้น! เด็กหนุ่มที่ราวกับเทพมารนั่น!”
“ต้องเป็นเขาแน่ เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬจะจับกุมเขา ตอนนี้เขากลับปรากฏตัวเสียเองและสังหารคู่ต่อสู้อย่างแข็งกร้าว มีเพียงเขาที่มีความห้าวหาญกล้าทำเช่นนี้!”
“สวรรค์ เทพมารหลินท่านนี้กลับปรากฏตัวในเมืองก่วมหิมะของเรางั้นหรือ”
ในหอสุราฮือฮากันไปทั้งแถบ เต็มไปด้วยความตะลึงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ก่อนหน้านี้พวกเขายังดูถูกการกระทำของหลินสวินอยู่เลย คิดว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักละอาย จะรายงานความลับกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เปิดเผยเบาะแสของเทพมารหลิน
ไหนเลยจะคาดคิดว่าเขานั่นแหละคือเทพมารหลิน!
นี่พาให้คนอักอ่วนและทอดถอนใจ บางทีก็คงมีแค่เทพมารหลินเท่านั้นที่กล้ามารับรางวัลประกาศจับตัวเอง
และเมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ พวกของจั๋วขวงหลัน ลู่จิ่วเกอและเซี่ยอวี้ถังถึงได้ตระหนักเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ที่แท้เด็กหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่างคนนี้ก็คือเทพมารหลิน เป็นหลินสวินคนนั้นที่เริ่มผงาดขึ้นในแดนฐิติประจิมและมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว!
ที่น่าขำคือ ก่อนหน้านี้เซี่ยอวี้ถังยังพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่าหลินสวินสองคนนี้ไม่ใช่คนเดียวกัน แค่ชื่อซ้ำเท่านั้น…
ทันใดนั้นสีหน้าของเซี่ยอวี้ถังเปลี่ยนไปอีก รู้สึกเหมือนถูกฝ่ามือล่องหนตบใส่กกหู เจ็บแสบจนทรมาน
…………