Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 823 แข็งแกร่งเกินต้านทาน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 823 แข็งแกร่งเกินต้านทาน
ตอนที่ 823 แข็งแกร่งเกินต้านทาน
เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬแข็งแกร่งยิ่งนัก อำนาจกระจายไปทั่วทั้งดินแดนรกร้างโบราณ มีชาวเผ่าหลายหมื่น น่าตื่นตระหนกถึงที่สุด
และลูกหลานสายตรงระดับนายน้อยที่มีฉายา ‘บั่นพันเศียร’ อย่างโก่วซวีสิงก็ย่อมมีไม่น้อย
ผู้อื่นอาจไม่เข้าใจ แต่โก่วซวีสิงกลับรู้ดีว่าการแข่งขันภายในเผ่านั้นโหดเหี้ยมและนองเลือดปานใด
คิดจะเฉิดฉายออกมาในหมู่คนรุ่นเยาว์ ต้องมีศักยภาพเท่านั้น!
ที่โกวซวีสิงมีสถานะในเผ่าเช่นทุกวันนี้ได้ ก็ล้วนมาจากการเหยียบย่ำซากศพมากมาย เคี่ยวกรำฝ่าฝนเลือดคาวโลหิตถึงแลกมาได้
ดูเหมือนสะดุดตา แต่เขารู้ดีว่าทันทีที่ตนสูญเสียอำนาจ ภายในเผ่าต้องมีคนมากมายเหยียบตนให้จมดิน จนไม่มีโอกาสลุกขึ้นมาได้อีก!
ดังเช่นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันสองคนที่ติดตามข้างกายเขาอย่างโก่วหยางป๋อกับโก่วหยางทง ดูเหมือนมาช่วยเขาสังหารหลินสวิน
แต่แท้จริงแล้ว เจ้าสองคนนี้แทบอยากให้โก่วซวีสิงล้มเหลวหมดท่าเสียตอนนี้เลย
เหตุผลก็ง่ายดาย โก่วหยางป๋อกับโก่วหยางทงเป็นผู้สนับสนุนนายน้อยระดับบั่นพันเศียรอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้กับขุมอำนาจของโก่วซวีสิง!
ดังนั้นจนถึงตอนนี้ ต่อให้จะเสียหายรุนแรง ต่อให้โก่วซวีสิงส่งกำลังคนของตนไปตามฆ่าหลินสวิน ก็ไม่หมายให้โก่วหยางป๋อกับโก่วหยางทงลงมือ!
เพราะเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาโก่วซวีสิงก็ไม่อาจนำความดีความชอบมาทดแทนความผิด ได้โอกาสพลิกแพ้เป็นชนะ!
‘ครั้งนี้ต้องชนะ!’
โก่วซวีสิงลอบกำหมัดแน่น
เขาเคยวิเคราะห์อย่างเยือกเย็นถึงสาเหตุที่ครั้งก่อนล้มเหลว ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปอย่างหนึ่งว่าขอเพียงไม่ ‘หลงกลกับดัก’ เหมือนคราวก่อนอีก เคลื่อนกำลังราชันกึ่งระดับห้าคนร่วมกันสังหาร หลินสวินนั่นจะต้องตายอนาถแน่!
ถึงขั้นที่โก่วซวีสิงยังสงสัยว่า ต่อให้เป็นผู้กล้าที่ได้รับการขนานนามว่าชั้นยอดไร้เทียมทานทั่วทั้งดินแดนรกร้างโบราณ เมื่อเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีเช่นนี้ เกรงว่าจะต้องประสบเคราะห์แล้ว
อย่างไรเสียนั่นก็เป็นราชันกึ่งระดับกลุ่มหนึ่ง!
ต่อให้ไม่ใช่ราชันที่แท้จริง พลานุภาพระดับนั้นก็ไม่ใช่กลุ่มคนที่ผู้กล้าแห่งยุคคนไหนจะรับมือได้
‘คืนนี้ข้าจะรอฟังข่าวดีอย่างสงบ จะพลิกสถานการณ์เหมือนพลิกฟ้าดิน ทำให้พวกระยำที่คอยซ้ำเติมเหล่านั้นหาข้ออ้างโจมตีข้าไม่ได้อีก!’
โก่วซวีสิงพึมพำในใจ สายตาชำเลืองมองไปยังพวกโก่วหยางทงที่อยู่ข้างๆ สีหน้าผสมปนเปไม่แน่นอน
…..
ในป่าเขา
การต่อสู้ปะทุขึ้นอย่างดุเดือด รัศมีเทพม้วนตลบทำลายยอดเขา หินผาแตกทลาย เกิดเสียงโครมครามสนั่น
ตูม!
คมดาบที่เจิดจ้าราวหิมะโฉบมาจากบนภูเขาหินลูกหนึ่ง ฟันภูเขาสูงพันจั้งขาดสะบั้นราวตัดเต้าหู้ สภาพการน่าพรั่นพรึง สามารถตัดภูผาสะบั้นสมุทรดุจเซียนดาบบรรพกาลที่เล่าลือในตำนาน!
เงาร่างหลินสวินไหววูบเคลื่อนตัวไปในอากาศ ชือน้ำแข็งตัวหนึ่งชูคอส่งเสียงร้อง เกี่ยวกระหวัดร่าง สำแดงพลานุภาพน่าหวาดหวั่น
เพียงแต่แม้เป็นเช่นนี้ กลับยังคงไม่มีทางพลิกสถานการณ์ที่ถูกปิดล้อมได้
ราชันกึ่งระดับห้าคน แต่ละคนใช้พลังทั้งหมดที่มี พลานุภาพอัศจรรย์มหาศาล ใช้ทั้งวิชาลับและสมบัติวิญญาณปิดล้อมพื้นที่นี้จนน้ำยังไหลออกไปไม่ได้
โครม!
พวกเขาต่อสู้ดุเดือดขึ้นไปถึงชั้นฟ้าหลายครั้ง เสียงหวีดหวิวดังขึ้นหลายครั้งกลางป่าเขากว้างใหญ่ไพศาล ภูเขาลูกแล้วลูกเล่าไหวเอน ผืนปฐพีแตกระแหงออกเป็นโกรกธารน่าหวาดหวั่นและแผ่ขยายออกไป
สิ่งมีชีวิตบางตัวหลบหนีไม่ทันก็ถูกสลายกลายเป็นจุณคาที่
สภาพเช่นนี้น่าตื่นตระหนกยิ่งนัก! หากเกิดขึ้นในเมืองต้องเป็นมหาภัยพิบัติที่หลั่งเลือดไร้ที่สิ้นสุดครั้งหนึ่งแน่
“ไอ้สวะตัวจ้อย ยังไม่ยอมมอบชีวิตให้หรือ”
ชายชราผู้หนึ่งพุ่งประจัญบานท่ามกลางเสียงตะคอกเย็นเยียบ
ในมือเขาใช้ม้วนภาพที่ส่องแสงเจิดจ้าภาพหนึ่ง ในภาพนั้นฉายปรากฏการณ์ในท้องฟ้าโคจรไปมา อักษรลับพลุ่งพล่านราวพายุฝน เต็มไปด้วยพลังพิฆาตน่าพรั่นพรึง
นี่เป็นสมบัติโบราณที่พิเศษอัศจรรย์ชิ้นหนึ่ง ทันทีที่กางออกก็ราวกับปิดฟ้าคลุมดิน ปกคลุมสรรพสิ่งไว้ภายในนั้น หลอมทำลายจนสิ้นซาก
อีกด้านหนึ่งชายวัยกลางคนน่าเกรงขามผู้หนึ่งก็สะบัดข้อมือซัดทวนยาวสีเลือดเล่มหนึ่งออกมา เงาทวนหนักแน่นโจมตีผ่านห้วงอากาศ ปลดปล่อยพลังทะลุทะลวงน่าครั่นคร้ามไร้เทียมทานออกมา
นอกจากนี้ยังมีค้อนทองที่ปลดปล่อยสายฟ้าออกมา ประหนึ่งอสนีบาตเก้าชั้นฟ้าฟาดลงมาบนโลกา ไอสังหารวินาศทำลายล้าง
ส่วนรอบนอก กลับมีชายในชุดนักพรตผู้หนึ่งยืนอยู่ สีหน้าเขาเรียบเฉย โคมทองดวงหนึ่งลอยอยู่เหนือฝ่ามือ
โคมทองนี้โบราณและลี้ลับ ไส้โคมไหววูบ ดวงไฟเล็กละเอียดนับหมื่นพันพลิ้วไหวออกมา แปรสภาพเป็นมังกรเพลิงตัวยาวสีทองหนึ่งตัวบดบังพื้นที่แถบนี้
เมื่อมองลงมาจากเวิ้งฟ้า ที่นี่เจิดจรัสสะดุดตาราวโคมไฟสี่ทองนับหมื่นนับพันโชติช่วง แต่สภาพการกลับน่ากริ่งเกรงถึงที่สุด
ชายในชุดนักพรตที่ถือโคมทองเป็นกองหนุน ยับยั้งไม่ให้หลินสวินหนีไป
เมื่อเผชิญหน้ากับการล้อมสังหาร หลินสวินก็กดดันทบทวี สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ตัวเขาก่อนหน้านี้แม้เคยปลิดชีพราชันกึ่งระดับ แต่ล้วนอาศัยพลังของคันธนูวิญญาณไร้แก่นสารกับศรแห่งนภาคราม
อย่างเช่นการสังหารกลุ่มราชันกึ่งระดับเผ่าพ่อมดเถื่อนที่สมรภูมิกระหายเลือด หรือการฆ่าซุนเหิงผู้ก่อตั้งอาวุโสสำนักมุกวิญญาณเมื่อไม่นานมานี้
ยังไม่เคยประจันหน้ากับราชันกึ่งระดับอย่างแท้จริงเลย
แต่ตอนนี้เมื่อหยั่งถึงเจตจำนงแห่งมรรคแล้ว ทำให้พลังปราณในกายทะลวงขั้นสมบูรณ์สูงสุดในระดับหยั่งสัจจะ หลินสวินถึงได้เริ่มประลองกับราชันกึ่งระดับอย่างแท้จริง
อีกทั้งยังเป็นตัวคนเดียวเผชิญหน้ากับการปิดล้อมของราชันกึ่งระดับห้าคนด้วย!
แรงกดดันมากมายอย่างแท้จริง ห้ำหั่นถึงตอนนี้ หลินสวินตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกกดดันมาโดยตลอด อย่าว่าแต่สังหารศัตรูเลย ขนาดจะฝ่าวงล้อมไปยังลำบาก
หากไม่ใช่ว่า หลังก้าวย่างชือน้ำแข็งหลอมรวมกับพลังเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำแล้วอานุภาพแปรเปลี่ยนไปอีกขั้นหนึ่ง เป็นไปได้มากที่หลินสวินจะได้รับบาดเจ็บสาหัสไปนานแล้ว!
แต่ไม่ว่าอย่างไรหลินสวินก็ต้านทานความกดดันเช่นนี้ได้อยู่ดี!
อีกทั้งในการต่อสู้ดุเดือดนี้ หลินสวินกำลังขัดเกาตัวเอง ใช้มรดกอักษร ‘ปฐม’ แห่งค่ายกลลายมรรคหลอมรวมกับพลังเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำ แล้วนำสิ่งนี้มาสำแดงวิชาจิตขับเคลื่อนใหม่ทั้งหมด ส่งผลให้ดาบหักเริ่มแสดงพลานุภาพที่แท้จริงแห่ง ‘ศาสตราจิต’!
ศาสตราจิต!
สมบัติลับที่หายากอย่างที่สุด แม้แต่ราชันที่แท้จริงยังมีน้อยนักที่ได้ครอบครอง ในสมัยบรรพกาล มีข่าวลือเหลือเชื่อมากมายเกี่ยวกับศาสตราจิต
ยามอัครบุคคลบรรพกาลบางคนใช้ศาสตราจิต สามารถสะบั้นฟ้าดิน ทำลายเวิ้งนภา ปั่นป่วนหยินหยาง น่าประหวั่นพรั่นพรึงหาใดเทียบ!
แม้ว่าดาบหักจะเสียหาย แต่อย่างไรก็เป็นศาสตราจิตจริงแท้ชิ้นหนึ่ง แต่ก่อนถูกจำกัดด้วยเรื่องพลังปราณ หลินสวินจึงไม่เคยสำแดงอานุภาพของดาบหักได้อย่างสมบูรณ์เลย!
แต่ตอนนี้ทั้งหมดนี้เปลี่ยนไปแล้ว คุณประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการหยั่งถึงเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำเกินกว่าจินตนาการ ทำให้การควบคุมดาบหักของเขาเริ่มต่างออกไปแล้ว…
โครม!
ชายวัยกลางคนน่าเกรงขามถือทวนยาวสีเลือดไว้ในมือ บดขยี้ห้วงอากาศ โจมตีทะลวงฟ้า ท่าทางสะท้านโลกา
เสียงปึงหนึ่งดังขึ้น ดาบหักหมุนคว้าง แสงบริสุทธิ์เปล่งปลั่งราวมายาไหลเอ่อ แม้ถูกสะเทือนให้ถอยไป แต่กลับสลายกระบวนท่าพิฆาตนี้ได้
นี่ทำให้ชายกลางคนนิ่วหน้า ออกจะทำใจเชื่อได้ยาก
พวกเขาราชันกึ่งระดับห้าคนร่วมกันลงมือ กลับยังปลิดชีพเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งไม่ได้ในเวลาสั้นๆ นี่ย่อมดูเหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย
หากเรื่องนี้กระจายออกไป เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อ!
ไม่เพียงแต่เขา ราชันกึ่งระดับคนอื่นก็ไม่อาจสงบใจได้เช่นกัน สายตาที่มองมายังหลินสวินแตกต่างไปจากเดิม
นี่เป็นสัตว์ประหลาดแบบไหนกัน
อายุน้อยปานนี้ พลังปราณก็แค่ระดับหยั่งสัจจะเท่านั้น แต่ภายใต้การปิดล้อมของราชันกึ่งระดับห้าคนกลับสามารถยืนหยัดมาถึงตอนนี้ได้ ไม่ต่างอะไรกับการเย้ยฟ้า!
ทอดสายตามองคนรุ่นเยาว์ทั่วจตุแดนวิภูแห่งดินแดนรกร้างโบราณ แม้แต่บุคคลที่ถูกขนานนามว่าเป็นผู้กล้าแห่งยุค ถ้าไม่ได้ใช้สมบัติลับเย้ยฟ้า เกรงว่ายังยากที่จะทำได้ถึงขั้นนี้
แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มเช่นนี้คนหนึ่งกลับทำได้!
นี่น่าตื่นตะลึงอย่างไม่ต้องสงสัย ทันทีที่เผยแพร่ออกไป ต้องก่อให้เกิดเสียงฮือฮาและความอึกทึกครึกโครมนับไม่ถ้วนแน่
“ฆ่า!”
ชายชราที่ในมือถือม้วนภาพปรากฏการณ์บนท้องฟ้าตะคอกเสียงดังว่า “ครั้งนี้จะให้เด็กนี่รอดไปไม่ได้เด็ดขาด หาไม่แล้ว ไม่เพียงแต่นายน้อยจะติดร่างแหไปด้วย กระทั่งภายหลังยังอาจทำให้เผ่าเราเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากมหาศัตรูที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่งด้วย!”
ตูม!
พลานุภาพของชายชรายิ่งน่ากลัว ม้วนภาพฉายภาพฟ้าดิน สุริยันจันทราและหมู่ดาราโคจร เกิดเป็นพลังทำลายล้างน่าหวาดหวั่น
ในขณะเดียวกัน ราชันกึ่งระดับอีกสี่คนล้วนหวาดหวั่นใจ รับรู้ได้ถึงความรุนแรงของปัญหา
อิงจากรากฐานและศักยภาพน่าพรั่นพรึงที่เจ้าเด็กนี่แสดงออกมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อเขาเติบใหญ่จะต้องเป็นมหาศัตรูไร้เทียมทานดั่งเย้ยฟ้าผู้หนึ่ง!
“ฆ่า!”
พวกเขาล้วนกราดเกรี้ยว งัดฝีมือก้นกรุออกมา ในชั่วครู่เดียวรัศมีเทพเปล่งประกาย สมบัติวิญญาณทะยานฟ้า ส่องสว่างไปทั้งแถบนี้ สภาพการน่าตื่นตะลึงยิ่งขึ้น
เพียงแต่ในดวงตาของหลินสวินตอนนี้วาบแววเยียบเย็น พลันหัวเราะเสียงดังกล่าวว่า “ถึงตอนนี้ยังคิดจะฆ่าข้าหรือ”
“สายไปแล้ว!”
ท่ามกลางเสียงตะคอกดัง ทั้งร่างเขาเกิดเสียงโครมราม รัศมีเทพสีเขียวอ่อนพวยพุ่งตลบไปทั่ว ทำให้ทั้งตัวเขาดุจดวงอาทิตย์สีเขียวดวงหนึ่ง สาดส่องฟ้าดินภูผาธาราแต่เพียงดวงเดียว
ภายในร่าง สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณราวลุกโหม บรรลุสภาวะสุดยอดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เวลานี้พลังจิตกลับสงบเยือกเย็นและผ่องแผ้วราวหิมะ
นี่เป็นพลานุภาพขั้นสูงสุด วิชาอริยะยุทธ์กับโทสะหยาจื้อโคจรเลือนลั่นในขณะนี้ ทำให้อานุภาพของหลินสวินแข็งแกร่งขึ้นอีกระดับในชั่วครู่เดียว
“เจ้า…”
นัยน์ตาของชายชราที่ถือม้วนภาพหรี่ลง สีหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ใจสั่นระรัว ไม่คิดเลยว่ามาถึงตอนนี้แล้ว เด็กหนุ่มคนนี้กลับปะทุพลานุภาพสะท้านโลกาเช่นนี้กะทันหัน
ฟึ่บ!
ดาบหักที่เจิดจ้าราวหิมะดั่งภาพมายาโฉบพุ่งออกไป และแตกต่างจากแต่ก่อน ด้วยบนพื้นผิวดาบหักมีลายมรรคที่คลุมเครือและลี้ลับชั้นแล้วชั้นเล่าพวยพุ่ง
กลิ่นอายน่ากริ่งเกรงนั้นทำให้ฟ้าดินล้วนหม่นหมอง ตกอยู่ในห้วงเสียงโหยหวนน่าหดหู่
ชายชราคนนั้นหน้าเปลี่ยนสีไปอีกครั้ง ร้องเสียงดังว่าไม่เข้าทีแล้ว ก่อนต้านทานสุดแรง!
ฉัวะ!
ม้วนภาพในมือเขาฉีกขาดออกเป็นสองส่วนราวผืนผ้า
จากนั้นก็เกิดเสียงดังพรึ่บขึ้น ชายชราเพียงรู้สึกเย็นที่คอ ศีรษะก็กระเด็นขึ้นไปในอากาศ ไม่ทันได้โต้ตอบใดๆ
พลังเช่นนั้น เฉียบคมเกินไปแล้ว!
ขนาดพลังจิตของชายชรายังถูกฟันไปในเวลาเดียวกัน ถูกทำลายล้างในชั่วพริบตานั้น เพราะพลังลายมรรคที่ปกคลุมดาบหักน่าหวาดกลัวและไร้เทียมทานยิ่ง ราวกับไม่มีสิ่งใดที่ไม่อาจทำลายได้
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วยิ่งนัก ใครก็คิดไม่ถึงว่าเพียงดาบเดียวเท่านั้นจะถึงกับมีพลานุภาพสะเทือนฟ้าดิน ข่มขวัญผีสางเช่นนี้ได้!
อย่างไรเรียกแข็งแกร่งเกินต้านทาน
ก็เช่นนี้อย่างไรเล่า
ขนาดราชันกึ่งระดับยังยากสกัดกั้น ได้แต่กล้ำกลืนความแค้นที่ตั้งรับไม่ทันภายใต้คมดาบนี้!