Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 827 การตามสังหารที่ฝูงชนจับจ้อง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 827 การตามสังหารที่ฝูงชนจับจ้อง
ตอนที่ 827 การตามสังหารที่ฝูงชนจับจ้อง
เวลานี้หญิงชราชุดเขียวก็สีหน้าพิกลยิ่งนัก
นางจำเทพมารหลินผู้นั้นได้เช่นกัน เป็นเด็กหนุ่มคนที่เคยประลองกับคุณหนูที่ลานประลองยุทธ์หมอกสนในนครเตโช
เพียงแต่นางกลับคิดไม่ถึงว่าเพิ่งผ่านไปไม่ถึงสองเดือน ชื่อเสียงของเด็กหนุ่มคนนี้ก็กระจายมาถึงเมืองฉางอันแล้ว!
เมืองฉางอันเชียวนะ นี่เป็นถึงนครศักดิ์สิทธิ์แห่งการฝึกปราณของแดนฐิติประจิม ถูกผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนในหลายพันเขตแคว้นในแดนฐิติประจิมจับตามอง!
‘ดังคาด มัจฉาทองย่อมไม่ใช่สัตว์ในบึง เมื่อเจอการเปลี่ยนแปลงย่อมกลายเป็นมังกร!’ หญิงชราชุดเขียวถอนใจในใจ
ตอนนั้นยามเห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้สามารถต่อกรคุณหนูได้ นางก็รู้ว่าเด็กคนนี้จะต้องผงาดในโลกา ชื่อเสียงระบือไกลไปทั่วสี่สมุทร
ทว่า…
ความก้าวหน้านี้ออกจะรวดเร็วเกินไปแล้ว…
“เทพมารหลิน… เหอะๆ… เทพมารหลิน… เหอะๆ…” ข้างกันนั้น เด็กสาวชุดดำส่งเสียงหัวเราะเยียบเย็นเหมือนทั้งถากถาง เกลียดชังและไม่พอใจ แม้เป็นเสียงหัวเราะเยียบเย็น เสียงนั้นก็ไพเราะรื่นหูราวเสียงสวรรค์
สีหน้าของหญิงชราชุดเขียวยิ่งประหลาดขึ้นไปอีก
นางเข้าใจจิตใจของคุณหนูในตอนนี้ดี ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่ตอนนั้นเด็กนั่นออกจะบ้าบิ่นเกินไปบ้าง ล่วงเกินส่วนสงวนของคุณหนูในระหว่างการต่อสู้ ทำให้คุณหนู ‘ระลึกถึง’ เขาอย่างสมบูรณ์ จะเป็นโชคหรือเป็นเคราะห์ก็คาดเดาได้ยากเสียจริง
“คุณหนู เด็กนี่ยอดเยี่ยมนะเจ้าคะ ภายใต้การปิดล้อมของราชันกึ่งระดับห้าคน ยังสามารถฝ่าเส้นทางโลหิตออกไปได้ ช่างน่าเหลือเชื่อ” หญิงชราชุดเขียวเอ่ยปาก
“หึ ดูจากร่องรอยที่การต่อสู้นั้นทิ้งไว้ พิสูจน์ได้เพียงว่าเจ้าสารเลวนี่อาศัยสมบัติทรงพลังอย่างยิ่งยวดชิ้นหนึ่งเอาชนะ หากไม่เป็นเช่นนี้ ด้วยพลังที่แท้จริงของเขาไม่มีทางประมือกับราชันกึ่งระดับห้าคนได้เลย!”
เด็กสาวชุดดำร้องหึเบาๆ อย่างไม่เห็นด้วย
ผู้อื่นอาจจะมองอะไรไม่ออก แต่นางมีฐานะเป็นบุคคลชั้นยอดรุ่นเยาว์ ย่อมมองกุญแจสำคัญของการต่อสู้ครั้งนี้ออกในปราดเดียว
หญิงชราชุดเขียวพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “คุณหนูกล่าวได้ถูกต้องแล้ว จากสมบัติมรรคราชันที่ถูกทำลายบางส่วนซึ่งหลงเหลือในสนามรบนั้น ไม่ผิดแน่ ในมือเด็กนี่น่าจะมีสมบัติที่เทียบได้กับสมบัติระดับอริยะ มีเพียงเช่นนี้จึงจะสามารถสังหารราชันกึ่งระดับสี่คนได้”
นางหยุดไปครู่ค่อยกล่าวต่อ “ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งพิสูจน์ว่าพลังของเด็กนี่แข็งแกร่ง ไม่เพียงพลังปราณโดดเด่น แต่น่าจะเป็นเด็กหนุ่มที่มีโชควาสนายิ่งใหญ่ผู้หนึ่งด้วย”
เด็กสาวชุดดำดูไม่พอใจอยู่บ้าง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าคนสารเลวที่ต่ำช้าหาใดเทียบผู้หนึ่ง ควรค่าให้ยกยอปอปั้นขนาดนี้เชียวหรือ เทพมารหลินหรือ ข้าว่าชื่อเจ้าหลินไร้ยางอายสิถึงจะถูก!”
เมื่อนางพูดจบก็หันกายจากไป ราวกับถ้ามองดูอีกครั้งหนึ่งจะทำให้นางควบคุมความเดือดดาลในใจไม่อยู่
หญิงชราชุดเขียวจนใจไปครู่หนึ่ง เดิมทีนางคิดจะลองสลายความขุ่นข้องในใจของคุณหนู กระทั่งคิดหาโอกาสเชิญเด็กหนุ่มผู้นั้นเข้าสำนักที่พวกนางอยู่
อย่างไรเสียเด็กหนุ่มเช่นนี้ก็ต้องเป็นต้นกล้าชั้นเลิศที่สำนักเก่าแก่ใหญ่โตแย่งกันชักชวนแน่ แต่ดูจากตอนนี้ เรื่องนี้เห็นชัดว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว
ทันใดนั้นหญิงชราชุดเขียวก็ใคร่ครวญแล้วกล่าวว่า “คุณหนู ในข่าวบอกว่าเด็กคนนี้กำลังถูกสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันสองคนจากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬตามสังหารอยู่ ท่านว่า…”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับข้าเล่า เขาตายไปได้ยิ่งดี!” เด็กสาวชุดดำไม่หันหน้ากลับมา ขึ้นเกี้ยวสมบัติสีเขียวคันนั้น
หญิงชราชุดเขียวทอดถอนใจ เสียดายเด็กหนุ่มที่เรียกได้ว่าชั้นยอดเช่นนี้…
“แต่เจ้าจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดก็ได้ ข้าอยากรู้ว่าเขาจะตายอย่างไรกันแน่!” ในเกี้ยวสมบัติมีเสียงเด็กสาวชุดดำแว่วมา
หญิงชราชุดเขียวชะงักไป อดเอ่ยถามไม่ได้ว่า “คุณหนู หากครั้งนี้เขาไม่ตาย ท่านจะไม่…”
“ไม่มีทาง!” เด็กสาวชุดดำเหมือนรู้ว่านางจะพูดอะไร จึงตัดบททันควัน “ต่อให้เขาโชคดีรอดชีวิตมาได้ ข้าก็จะไปกำราบเขาเอง!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หญิงชราชุดเขียวก็ยิ้มบางๆ นางรู้ว่าในส่วนลึกของจิตใจ คุณหนูไม่ต้องการให้เด็กหนุ่มคนนั้นถูกเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬฆ่าตาย
นี่ก็เพียงพอแล้ว
……
แคว้นเถาฮุน เมืองเมฆน้ำหมึก
“เด็กนี่ ให้มองเป็นศัตรูตัวฉกาจของเจ้ากับข้า!”
หน้าต้นข่าวสาร ลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าแห่งเผ่าอีกาเพลิงสีหน้าเคร่งครัด ดวงตาคู่นั้นวาวโรจน์น่าหวาดหวั่นหาใดเทียบ
“ไม่ผิด เขากับพวกเราเป็นคนจำพวกเดียวกัน ไม่เพียงพลังปราณล้ำเกินคนรุ่นเดียวกัน ในมือยังมีสมบัติลับที่สามารถสังหารราชันกึ่งระดับได้ ภายหลังหากเกิดความขัดแย้งขึ้น ย่อมต้องปฏิบัติอย่างศัตรูตัวฉกาจไปทั้งชีวิต!”
อีกด้านหนึ่งจั๋วขวงหลันดวงตาคมปลาบราวกระบี่ ทั้งร่างแผ่พลังดุดันออกมา
ตั้งแต่ตอนอยู่เมืองก่วมหิมะ พวกเขาก็เคยพบหลินสวิน และเคยเห็นว่าเขาสังหารผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอย่างไรกับตา
และในตอนนั้นหลินสวินก็ได้รับการยอมรับจากพวกเขา ถูกมองว่าเป็นคนจำพวกเดียวกัน เพียงแต่ในส่วนลึกของจิตใจ พวกเขาก็รู้ดีว่าแม้จะให้ความสำคัญกับหลินสวิน แต่ไม่ได้หวั่นกลัวเท่าไรนัก
แต่ตอนนี้ท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไปแล้ว เพราะพบว่าไม่ได้มีแต่พวกเขาที่มีอาวุธสังหารยิ่งใหญ่ซึ่งสามารถเย้ยฟ้าได้อยู่ในมือ เทพมารหลินคนนี้ก็มีด้วยเช่นกัน!
“ข้าสงสัยเสียจริง เจ้าคนที่มาจากโลกชั้นล่างผู้หนึ่ง เหตุใดถึงครอบครองพลังที่เกรียงไกรเช่นนี้ได้ ขอเพียงเขาไม่ตายในการตามสังหารครั้งนี้ สักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะลองสู้กับเขาดูสักตั้ง!”
ดวงตาลู่จิ่วเกอบังเกิดแสงเจิดจ้า ราวเปลวเพลิงช่วงโชติกำลังลุกโหม
เมื่อได้ยินว่าพวกเขากำลังสนทนากันเรื่องเทพมารหลิน เซี่ยอวี้ถังซึ่งยืนอยู่อีกด้านหนึ่งกลับรู้สึกสับสนขึ้นในใจ เต็มไปด้วยความเคียดแค้น เดือดดาลและไม่สบายใจ
เขาก็มาจากโลกชั้นล่างเช่นกัน อีกทั้งยังถือกำเนิดในขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง แต่ตอนนี้ถ้าว่ากันด้วยอานุภาพและกิตติศัพท์ กลับยังเทียบหลินสวินไม่ได้ นี่ทำให้เขาไม่อาจยอมรับได้!
“ไปเถอะ ห่างจากภูเขาพยับครามไม่ไกลแล้ว อย่างมากที่สุดครึ่งเดือนพวกเราก็ไปถึงที่นั่น ข้าล่ะอยากเห็นว่าครั้งนี้จะมีบุคคลระดับอัจฉริยะ ผู้กล้า บุตรเทพ และธิดาเทพปรากฏตัวมากมายเพียงไหน”
ลู่จิ่วเกอกล่าว
“พี่ลู่ ท่านว่าครั้งนี้เทพมารหลินจะประสบเคราะห์ตายไปหรือไม่”
จั๋วขวงหลันเอ่ยถาม พวกเขาหันกายเดินทางห่างออกไป
“นอกเสียจากมีบุคคลเทียมฟ้ามาช่วยเหลือ หาไม่แล้วเขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ราชันสองคนร่วมกันลงมือ ต่อให้เขาครอบครองสมบัติอริยะที่แท้จริงก็ไม่อาจพลิกสถานการณ์เลวร้ายได้”
ลู่จิ่วเกอเอ่ย
จั๋วขวงหลันถอนหายใจเบาๆ “เป็นเช่นนี้แล้ว เกรงว่าเจ้าเด็กนี่จะไม่มีวาสนาได้เข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคเสียแล้ว ออกจะน่าเสียดายไปบ้าง…”
ในความคิดของเขา หลินสวินมาจากโลกชั้นล่าง ในดินแดนรกร้างโบราณถือเป็นคน ‘หัวเดียวกระเทียมลีบ’ ไร้ที่พึ่งพิง ไม่น่ามีใครช่วยเขาเลย
อย่างไรเสียผู้ที่ตามสังหารเขาก็เป็นถึงเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ต่อให้สำนักเก่าแก่ช่วยเหลือเขา ก็ต้องกังวลถึงความเสี่ยงที่จะขัดแย้งกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ!
และเมื่อได้ยินการสนทนานี้ เซี่ยอวี้ถังก็ใจชื้นขึ้นมาไม่น้อยอย่างไม่มีสาเหตุ ถึงขั้นออกจะรู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นด้วย
นี่ทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย รับรู้ได้ว่า ‘มารในใจ’ ที่หลินสวินนำมาให้ตนยิ่งลึกล้ำลงไปอีก!
……..
วันนี้ไม่เพียงพวกฟางหลินหาน เยวี่ยเจี้ยนหมิง เด็กสาวชุดดำ ลู่จิ่วเกอ จั๋วขวงหลันและเซี่ยอวี้ถังที่ติดตามข่าวนี้ของหลินสวิน
ในเขตแคว้นหลายพัน นครนับหมื่นทั่วทั้งแดนฐิติประจิม ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนก็ได้ล่วงรู้ทุกอย่างนี้
เทพมารหลิน!
เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ผงาดขึ้นในแคว้นวิญญาณอัคนี เป็นที่จับจ้องของทั้งแดนฐิติประจิมโดยสมบูรณ์ ขุมอำนาจและผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนล้วนรับรู้ว่า ในหมู่คนรุ่นเยาว์มีบุคคลที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทานเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งแล้ว!
แน่นอนว่าเมื่อมีเสียงตื่นตระหนก ฮือฮาและตกตะลึง ก็ต้องมีเสียงดูถูกและไม่ยอมรับ
“เทพมารหลินอะไรกัน นี่มันเด็กหนุ่มบ้าระห่ำไม่รู้ดีชั่วคนหนึ่งเท่านั้น ยังกล้าเหิมเกริมบอกว่าจะสังหารสุนัขมายาทมิฬทั่วหล้าให้สิ้น ตอนนี้เป็นอย่างไร ยั่วให้ราชันสองคนตามฆ่า!”
“นี่เรียกว่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬใช่เผ่าที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งจะล่วงเกินได้หรือ รนหาที่ตายจริงๆ”
“รอดูเถิด ผ่านไปไม่นานก็จะมีข่าวการตายของเทพมารหลิน! นี่ก็คือค่าชดเชยความจองหอง”
โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งที่มาจากเผ่าสุนัขมายาทมิฬบางคนยิ่งเอ่ยวาจาบ้าระห่ำว่า “กล้าลบหลู่คนเผ่าข้า ต้องถูกสังหารเหมือนหลินสวินผู้นี้! มีใครไม่พอใจก็ลุกขึ้นมา!”
คำเดียวก็เกิดคลื่นสะเทือนนับพันชั้น ผู้ฝึกปราณที่ปกป้องหลินสวินหลายคนล้วนเดือดดาล หมาดำเหล่านี้จองหองไปแล้ว นี่กำลังคุกคามผู้คนทั่วใต้หล้าหรือ
อีกทั้งตอนนี้หลินสวินก็ยังไม่ตาย!
ทั้งยังมีผู้ฝึกปราณมากมายเป็นกังวลแทนหลินสวิน คิดว่าเขาถูกราชันเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬตามสังหาร เกรงว่าจะไม่มีหวังรอดชีวิตอีก
พูดได้ว่าความเป็นความตายของหลินสวินในตอนนี้ ดึงดูดความสนใจของทั้งแดนฐิติประจิมแล้ว ส่งผลต่อจิตใจของผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไร
และในตอนนี้ไป่เฟิงหลิวซึ่งเป็นผู้ปล่อยข่าวหลินสวินคนแรกก็ลุกขึ้นมา แล้วเผยแพร่ข่าวระดับทองคำข่าวหนึ่งอีกครั้ง “เผ่าข้าจะติดตามข่าวคราวความเป็นความตายของเทพมารหลินอย่างเต็มที่ อีกทั้งจะประกาศโดยทันที!”
ไป่เฟิงหลิวลำพองใจนัก ในฐานะสายสืบของเผ่าวาทวาโย ได้เห็นข่าวหนึ่งของตนก่อให้เกิดคลื่นลมใหญ่โตเช่นนี้ไปทั้งแดนฐิติประจิม นี่ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจและทะนงตนอย่างไม่เคยมีมาก่อน
อีกทั้งเป็นเพราะเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับหลินสวิน เขาจึงได้รับความโปรดปรานและการตกรางวัลจากคนใหญ่คนโตในเผ่านับไม่ถ้วน ตำแหน่งในเผ่าก็เลื่อนสูงราวน้ำขึ้น ดึงดูดความสนใจจากผู้คน เนื้อหอมหาใครเทียบได้
‘ในยุคบรรพกาล เผ่าข้ามีผู้อาวุโสผู้หนึ่งได้รับฉายาว่า ‘ราชันแห่งข่าวสาร’ ชื่อเสียงกึกก้องนิจนิรันดร์ และในกาลปัจจุบัน ข้าไป่เฟิงหลิวก็จะใช้สิ่งนี้เป็นเป้าหมาย ช่วงชิงขึ้นสู่บัลลังก์สมบัติของราชันแห่งข่าวสารในเร็ววัน!’
ไป่เฟิงหลิวภาคภูมิใจในความสำเร็จของตน ลำพองใจมากล้น
……
ยามโลกภายนอกเกิดคลื่นลมโหมสะเทือนเลือนลั่น หลินสวินซึ่งถูกผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนติดตามข่าวคราวกลับหนีตายหัวซุกหัวซุน
ยามสายัณห์ อาทิตย์อัสดงราวโลหิต
ในหมู่เขาไพศาล ยานสำเภาลำหนึ่งหายวับไปอย่างรวดเร็วราวแสงฉายกลางนภากาศ รวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ
ด้านหลังของยานมีเงาดำพลานุภาพน่าหวาดหวั่นสองเงากำลังไล่ตาม พวกเขากระโจนออกไปก้าวหนึ่งก็ไปไกลถึงพันจั้ง ประดุจเคลื่อนที่ในห้วงอากาศ รวดเร็วถึงที่สุดเช่นกัน
โครม!
กระทั่งเงาร่างของพวกเขาหายไป ฟ้าดินบริเวณนั้นถึงเกิดเสียงระเบิดจนหูแทบดับขึ้นระลอกหนึ่ง
ก็เห็นว่าเกิดรอยแยกทั้งยาวและแคบรอยหนึ่งกลางห้วงอากาศ คลื่นเสียงกระจายออก สะเทือนภูผาธารา สิงสาราสัตว์ที่จำศีลอยู่ภายในนั้นล้วนตื่นตระหนกระคนคับข้อง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แค่คิดก็รู้ว่าความเร็วที่พวกเขาไล่ตามกันรวดเร็วปานไหน!
พรวด!
ภายในยานขนส่งอวกาศ หลินสวินพลันกระอักเลือด สีหน้าออกจะซีดเผือด
เขาสบถอย่างขุ่นเคืองอยู่บ้าง ไม่ได้อ้อยอิ่งต่อไปแต่อย่างใด นำอมฤตแกนสุวรรณออกมาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและเสริมกำลังทันที