Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 852 ศึกโกลาหลไร้เทียมทาน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 852 ศึกโกลาหลไร้เทียมทาน
ตอนที่ 852 ศึกโกลาหลไร้เทียมทาน
หลินสวินยืนอยู่กลางอากาศมองเหยียดหยันลงมาเบื้องล่าง จะให้พวกของชิงเหลียนเอ๋อร์เข้ามารนหาที่ตายพร้อมกัน!
ภาพนี้สะท้านใจเกินไปแล้ว
“น่าขัน เจ้าคงอยากตายแล้วจริงๆ สินะ!” ซาหลิวฉานเดือดดาลอย่างสิ้นเชิง
เขาคิดจะลงมือแต่แรกแล้ว ใครจะคิดว่ากลับถูกคนตระกูลจงหลีและชิงเหลียนเอ๋อร์ก่อกวน แย่งชิงกันจนถึงตอนนี้ ทำให้เขาโมโหจนสุดจะทนตั้งนานแล้ว
และยิ่งเห็นหลินสวินคนที่ถูกเขามองเป็นเหยื่อกล้าท้าทายในเวลานี้ นี่ทำให้เขาระงับอารมณ์ไม่อยู่แล้ว
“ตายซะ!”
เขาพลันเปิดโจมตีอย่างแข็งกร้าวโดยไม่สนอะไรอีก ร่างกายอันองอาจห้าวหาญเปล่งแสงเลือดเจิดจ้า โจมตีเข้าไปหมัดหนึ่งโดยตรง
โครม!
ห้วงอากาศระเบิดคำราม แสงเลือดทะลวงฟ้า หมัดนี้ดุร้ายอย่างที่สุด
ผู้ฝึกปราณหลายคนถอยร่น ไม่กล้ายืนอยู่ในบริเวณนั้น หากบุคคลชั้นยอดระดับซาหลิวฉานโกรธขึ้นมา ผลลัพธ์นั้นไม่อาจคาดคิด
หลินสวินก้าวย่างในอากาศ ปล่อยหมัดหนึ่งออกไปปะทะเช่นกัน
ทันใดนั้นทั้งสองเข้าปะทะกันราวกับภูเขาไฟระเบิด แสงศักดิ์สิทธิ์เรืองรองม้วนอากาศ
ผู้คนตกตะลึง ในการประลองครั้งนี้ซาหลิวฉานที่เปิดการโจมตีอย่างเหี้ยมหาญกลับไม่เคยได้เปรียบ สู้กับเทพมารหลินได้เพียงตีเสมอเท่านั้น
“ถือว่าพอมีฝีมือ ฆ่าเจ้าไป ก็ไม่ทำให้ทุกคนคิดว่าข้ารังแกคนที่อ่อนแอกว่า!” ซาหลิวฉานสีหน้าเย็นชา แสงสีทองอร่ามไปทั่วร่างกาย เลือดลมพลุ่งพล่าน มีความอาจหาญที่ไม่มีใครสู้ได้
“พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย วันนี้ฆ่าเจ้าแล้ว จะได้ลิ้มรสเนื้อฉลามสมุทรว่าอร่อยกว่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬหรือไม่” หลินสวินพูดสบายๆ
ตู้ม!
ซาหลิวฉานพุ่งเข้ามา แรงหมัดยิ่งใหญ่สั่นสะเทือนอากาศรอบๆ พลังอันน่าหวั่นหวาดแผ่กระจาย ราวกับฟ้าคำรามกำลังสั่นไหว อานุภาพสะท้านขวัญ
ในชั่วพริบตาเดียวทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ว่องไวจนถึงขีดสุด ทำให้ทุกคนถึงกับตาลาย
กลางอากาศนั่นแสงประกายคำราม พลังพวยพุ่ง สว่างไสวแต่น่าหวาดหวั่น ราวกับเทพสององค์กำลังประจัญบาน ดึงดูดความสนใจของผู้คนทั้งที่นั้น
ต้องยอมรับว่าซาหลิวฉานแข็งแกร่งมาก มากกว่าเหล่าผู้กล้าที่หลินสวินเคยเจอ
ครู่เดียวเท่านั้น พวกเขาก็ได้ปะทะกันหลายสิบครั้งแล้ว ภายใต้แรงหมัดที่คำรามก้องฟ้า ราวกับคลื่นพายุที่ปั่นป่วน แผ่ละอองแสงศักดิ์สิทธิ์อันแสบตา
ครืนโครม!
อากาศราวกับถูกตีจนระเบิด ปรากฏการณ์ประหลาดอันน่าสะพรึงกลัวมาเยือน ความแข็งแกร่งในพลังหมัดของซาหลิวฉานทลายภูผาผ่าสมุทรอย่างแน่นอน เรียกได้ว่าชั้นยอด
แต่เมื่อเทียบกันแล้ว หลินสวินดูแข็งแกร่งยิ่งกว่า ไม่หลบเลยสักนิด สำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์เข้าปะทะอย่างแข็งกร้าว
“สวรรค์! เทพมารหลินไม่ต่างอะไรกับที่ร่ำลือกันเลย สามารถเผชิญหน้ากับบุคคลแห่งยุคอย่างซาหลิวฉานได้!” ผู้ฝึกปราณทุกคนต่างตกใจ
แม้แต่เหล่าผู้กล้าต่างก็นัยน์ตาหดรัด ในใจไม่สามารถสงบได้นัก หรือคำเล่าลือจะเป็นความจริง
เด็กหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่างอันแห้งแล้ง แข็งแกร่งขนาดนี้เลยจริงๆ หรือ
โครม!
บนท้องฟ้า หลินสวินนิ่งครึมและแข็งกร้าว ก้าวย่างกลางอากาศพุ่งสังหารเข้ามา มีความองอาจราวกับสามารถกลืนกินสรรพทิศ
เขาหลอมรวมเคล็ดวิชาเก้าหมัดเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แล้ว ทุกการเคลื่อนไหวพลังหมัดราวกับสามารถสะเทือนสวรรค์ น่ากลัวอย่างที่สุด
ซาหลิวฉานแข็งแกร่งมากจริงๆ พลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีมาแต่กำเนิดของเผ่าฉลามสมุทรทำให้เขามีพลังต่อสู้ชั้นยอดในบรรดาคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน สามารถข้ามระดับไปปะทะกับระดับราชันกึ่งระดับได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เสียงปังดังขึ้นคราหนึ่ง ตอนที่หมัดของหลินสวินคำราม แผ่แสงศักดิ์สิทธิ์สีใสอันเรืองรอง แฝงพลังเสียงธรรมโจมตีเข้ามา กลับสะเทือนจนแขนของเขาชาวาบ
นี่ทำให้เขาตะลึง พลังของเจ้าหมอนี่ยิ่งใหญ่น่าประหลาดเกินไป แข็งแกร่งและน่ากลัว!
แม้ซาหลิวฉานจะหยิ่งผยองและอวดดี แต่กลับไม่ได้มองข้ามและดูถูกหลินสวิน
เขาเคยเห็นภาพที่หลินสวินต่อสู้กับหญิงสาวสวมหน้ากากลึกลับนั่น รู้ว่าข่าวลือเกี่ยวกับคนผู้นี้ แม้จะเกินจริงไปบ้าง แต่ถึงอย่างไรก็มีพลังที่แข็งแกร่งถึงขีดสุดอยู่
นี่ก็คือเหตุผลที่เขาอยากกำราบหลินสวิน มีเพียงการยืนอยู่เหนือคู่แข่งที่แข็งแกร่งเช่นนี้ จึงจะสามารถส่งเสริมชื่อเสียงของเขาได้
ถ้าคู่ต่อสู้อ่อนแอเกินไป กลับมีแต่จะทำให้ทุกคนหัวเราะเยาะว่าเขากล้าแค่รังแกคนที่อ่อนแอกว่าเท่านั้น
แต่ตอนนี้พอประชันกับหลินสวินจริงๆ เขายังคงรู้สึกเหนือความคาดหมายไปเล็กน้อย
“น่าสนใจ!”
สายตาของซาหลิวฉานเผยประกายดุร้าย อานุภาพทั่วร่างกายยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขามีความคิดจะสังหารแล้ว
แต่หลินสวินในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าตอนที่สู้กับหญิงสาวสวมหน้ากากลึกลับนั่นไม่ใช่แค่หนึ่งเท่า ได้ก้าวสู่มกุฎมรรคาแห่งระดับกระบวนแปรจุติแล้ว วิชายุทธ์หลอมรวมกับเจตจำนงแห่งมรรค ทำให้พลังต่อสู้ของเขาเปลี่ยนไปอย่างพลิกฟ้าพลิกดินตั้งนานแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่กำราบลิ่นไท่เจินราชันกึ่งระดับแห่งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียวได้อย่างง่ายดาย เป็นข้อพิสูจน์ได้ดีที่สุด
ในสถานการณ์เช่นนี้เขาจะกลัวซาหลิวฉานได้อย่างไร
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในบรรดาระดับกระบวนแปรจุติ หลินสวินไม่มีคู่ต่อสู้ที่ต้องกลัวมาตั้งนานแล้ว!
จู่ๆ ในที่นั้นก็มีเสียงตำหนิดังขึ้น “เหยื่อที่ข้าชิงเหลียนเอ๋อร์หมายปอง จะยอมให้ใครมาตัดหน้าได้อย่างไร”
พร้อมๆ กับเสียงนั่น จู่ๆ อากาศก็สั่นสะเทือนราวกับฟ้าคำราม เงาร่างอันงดงามสายหนึ่งพุ่งออกมาโจมตีหลินสวิน ดุร้ายอย่างที่สุด ไอสังหารคับฟ้า
ครืนโครม
ท้องฟ้าสั่นสะเทือน อากาศบริเวณรอบๆ ระเบิดออก การโจมตีนี้น่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับรุ้งเทพนอกโลกมาเยือน
หลินสวินแค่นเสียงเย็น ในปากเปล่งเสียงคลุมเครือ เผยอานุภาพเสียงคำรามผูเหลาออกมา คลื่นเสียงสีทองแผ่ซ่านกะทันหัน สลายการโจมตีนี้จนแหลกละเอียด
เฮือก!
ผู้ฝึกปราณในที่นั้นสูดหายใจด้วยความตกใจ มองดูอย่างตกตะลึง เห็นชิงเหลียนเอ๋อร์ปรากฏตัวกลางอากาศแล้ว รูปลักษณ์โดดเด่นในชุดสีเขียว ผิวขาวผุดผ่อง ใบหน้างดงามเย็นชาและเย่อหยิ่ง
นางเข้ามาแทรกแซงอย่างแข็งกร้าว ทำลายจังหวะการต่อสู้ของหลินสวินและซาหลิวฉานในทันที และทำให้ทุกคนฮือฮา หรือนี่จะเกิดศึกกลางเมืองขึ้นหรือนี่
“แย่แล้ว!”
ไป๋หลิงซีหัวใจกระตุกวูบ ดวงตาคู่ใสปรากฏความจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นซาหลิวฉานหรือชิงเหลียนเอ๋อร์ ล้วนต้องการสังหารหลินสวินเพื่อความพึงพอใจ ท่ามกลางการกดดันของทั้งสองที่เรียกได้ว่าเป็นผู้กล้าพลิกฟ้า สถานการณ์ของหลินสวินไม่สู้ดีแล้ว!
“สมควรตาย! เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร” สีหน้าของไป่เฟิงหลิวและเยวี่ยเจี้ยนหมิงเองก็เปลี่ยนไป
เพียงแต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคนคือ หลินสวินไม่เพียงไม่กลัว แต่ยังหลุดขำออกมา “เจ้าตัวต่ำทรามแห่งเผ่าหงส์เขียว เจ้ามาได้จังหวะพอดี พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันเถอะ ข้าจะได้ไม่ต้องไปฆ่าทีละคน!”
ตอนที่พูดเขาก็ก้าวเท้าออกมาก้าวหนึ่ง เสียงครืนโครมดังขึ้น อานุภาพยิ่งทวีความแข็งแกร่ง ชือน้ำแข็งสีขาวหิมะตัวหนึ่งแหงนหน้าทะยานฟ้า พุ่งเข้าใส่ชิงเหลียนเอ๋อร์
ส่วนตัวเขาได้สำแดงอานุภาพของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ ซัดไปทางซาหลิวฉานอีกครั้ง
ตัวคนเดียวจะสู้กับผู้กล้าไร้เทียมทานสองคนในเวลาเดียวกัน!
ตอนที่เห็นภาพนี้ผู้คนทั่วบริเวณนั้นต่างฮือฮา เบิกตาโพลง รู้สึกว่าเลือดทั่วร่างกำลังเดือดพล่าน อานุภาพของเทพมารหลินทำให้พวกเขาโห่ร้องยกใหญ่
ส่วนเหล่าผู้กล้าต่างขมวดคิ้ว แค่เล่นงานเทพมารหลินคนเดียว กลับใช้บุคคลแห่งยุคถึงสองคน เช่นนี้ชนะไปก็ไม่มีเกียรติ
“ชิงเหลียนเอ๋อร์! นี่เจ้าจงใจจะขัดแย้งกับข้าหรือ”
ซาหลิวฉานโกรธจนตะคอกเสียงดังลั่น เขาไม่อยากร่วมมือกับคนอื่นเล่นงานหลินสวินหรอกนะ เขายอมเสียหน้าไม่ได้
ในเวลาเดียวกัน ในใจเขาก็ชิงชังอย่างมาก ตอนนี้หลินสวินกลับจะสู้กับพวกเขาทั้งสองเพียงลำพัง นี่เป็นการดูถูกเขาซาหลิวฉานอย่างไม่ต้องสงสัย!
โครม!
ตอนที่ซาหลิวฉานพูด รอบกายระเบิดแสงสีเลือด สำแดงวิชาลับ น่าหวั่นหวาดอย่างที่สุด หลังจากสลายการโจมตีของหลินสวินได้ กลับพุ่งเข้าไปสังหารชิงเหลียนเอ๋อร์
“ถอยไปซะ!”
เขาตะโกนราวกับฟ้าร้อง แรงหมัดทะลวงฟ้า ท่าทางราวกับจะกำราบสิบทิศ มีความองอาจไร้เทียมทานที่กวาดล้างทั่วทิศ
“ซาหลิวฉาน เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าหรือ จะบอกให้นะ เทพมารหลินต้องตายในมือข้าแน่ ใครกล้าขวาง คนผู้นั้นก็จะเป็นศัตรูของข้า!”
ดวงตาคู่ใสของชิงเหลียนเอ๋อร์เยียบเย็น ความดุร้ายทั่วร่างทะลวงฟ้า มือเรียวยาวพลันโบกกวาด แสงศักดิ์สิทธิ์แหลมคมสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้น ล้อมรอบด้วยพลังเจตจำนงแห่งมรรคเข้าปะทะกับซาหลิวฉาน
ตูมโครม!
ชั่วขณะเดียวการต่อสู้กลางอากาศกลับสับสนวุ่นวายขึ้นมา
หลินสวินหมายจะเผชิญหน้าหนึ่งต่อสอง แต่ชิงเหลียนเอ๋อร์กับซาหลิวฉานไม่ยอม ทั้งสองต่างตั้งใจเข้าไปสังหารหลินสวินคนเดียว และไม่ยอมเปลี่ยนท่าทีด้วย
พลันเห็นว่าบนอากาศหลินสวินต่อสู้อย่างดุเดือด บางครั้งสู้กับซาหลิวฉาน บางคราวสู้กับชิงเหลียนเอ๋อร์ โดยไม่กลัวอะไรเลย
ชิงเหลียนเอ๋อร์และซาหลิวฉานก็เช่นกัน ตอนที่พวกเขาจะเล่นงานหลินสวิน มักถูกอีกฝ่ายก่อกวนจนไม่อาจไม่สู้กันเอง
ทั้งสามคนต่อสู้กันเช่นนี้ กลับกลายเป็นศึกโกลาหลไร้เทียมทานที่หาดูได้ยาก!
เหล่าผู้ฝึกปราณในที่นั้นต่างอึ้งจนอ้าปากค้าง พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า การต่อสู้พลิกฟ้าครั้งนี้จะกลายเป็นเช่นนี้เสียได้
ทว่าการต่อสู้ในรูปแบบนี้กลับทำให้ทุกคนได้เปิดหูเปิดตา เรียกได้ว่าหาดูได้ยากอย่างที่สุด
ในอดีตที่ผ่านมา น้อยมากที่จะเกิดการต่อสู้ที่แปลกประหลาดเช่นนี้!
ส่วนเหล่าผู้กล้าที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ตะลึงเช่นกัน รู้สึกประหลาดใจและเหนือความคาดหมาย แต่ไม่นานพวกเขาก็เพ่งสมาธิไปที่การต่อสู้
สถานการณ์การต่อสู้ในตอนนี้ ไม่ว่าจะกับเทพมารหลินหรือซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ ล้วนกลายเป็นสถานการณ์ที่สกัดกั้นและเข่นฆ่ากันเองอยู่รางๆ โดยทั่วไปเรียกได้ว่าเสมอกันแล้ว
หากจะนับจริงๆ เทพมารหลินเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะอีกสองคนต่างคิดแต่จะฆ่าเขา นี่ทำให้เขาโดนโจมตีอย่างน่ากลัวที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย
ตรงกันข้าม ชิงเหลียนเอ๋อร์และซาหลิวฉานแม้จะขัดขวางกันเอง ไม่มีใครยอมให้อีกฝ่ายสังหารเทพมารหลินก่อนได้ แต่ถึงอย่างไรความขัดแย้งระหว่างทั้งสองก็ยังไม่ถึงขั้นจะฆ่ากันจริงๆ
นี่ก็หมายความว่า แม้พวกเขาจะต่อสู้กัน ก็ไม่สามารถลงมือรุนแรงได้
‘ไม่ว่าอย่างไรหลินสวินก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ สองคนนั้นรังแกกันเกินไปแล้ว!’ ไป๋หลิงซีขมวดคิ้วแน่น ในใจกรุ่นโกรธอย่างมาก รู้สึกเดือดดาลแทนหลินสวิน
และมีผู้ฝึกปราณหลายคนตระหนักถึงจุดนี้ เห็นถึงความไม่ยุติธรรมในสถานการณ์ของหลินสวิน แต่นอกจากลอบถอนหายใจในใจ กลับไม่กล้าพูดอะไรมาก
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าหงส์เขียวหรือเผ่าฉลามสมุทร ล้วนไม่ใช่คนที่พวกเขาจะล่วงเกินได้ แม้พวกเขารู้สึกเสียดายแทนหลินสวิน ก็ทำได้เพียงเห็นใจในใจเท่านั้น
ครืนโครม!
กลางอากาศ หลินสวินต่อสู้อย่างสับสนวุ่นวายกับบุคคลแห่งยุคสองคน สำแดงการต่อสู้อันเป็นประวัติกาล
สิ่งที่ทำให้ทุกคนลอบตะลึงคือ หากแม้จะเป็นเช่นนี้ เทพมารหลินกลับไม่เคยเผยสัญญาณว่าจะพ่ายแพ้ ถึงขั้นไม่เคยถูกกำราบ ดูแข็งแกร่งและน่ากลัวอย่างที่สุด!
สีหน้าของชิงเหลียนเอ๋อร์ยิ่งเยียบเย็นกว่าเดิม นัยน์ตาคู่ใสฉายไอสังหาร
ซาหลิวฉานโกรธจนหน้าเขียว เพลิงโทสะพลุ่งพล่าน
ทั้งสองตระหนักได้ว่า ต่อสู้กันแบบนี้ต่อไปมีแต่จะทำให้ผู้คนหาว่าพวกเขารังแกหลินสวิน แม้สุดท้ายจะชนะ ก็ไม่ใช่ชัยชนะที่น่าภูมิใจ
นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่พวกเขาต้องการ!
แต่ไม่นานสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่กล้าคิดมากอีก เพราะหลินสวินในตอนนี้ จู่ๆ พลังต่อสู้ก็พุ่งสูงขึ้น อานุภาพที่เผยออกมาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น นี่ทำให้พวกเขาทั้งสองต่างรู้สึกถึงความกดดันอย่างพร้อมเพรียงกัน!
เป็นไปได้อย่างไร
ในใจทั้งสองต่างตะลึง