Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 869 เย้าแหย่
ตอนที่ 869 เย้าแหย่
ยามนี้พวกซาหลิวฉาน อู่ต้วนหยาล้วนตื่นเต้นเหมือนพรานที่คว้าโอกาสไว้อยู่หมัด มีความลำพองใจที่จะจับเหยื่อล่าสัตว์ได้
โครม!
ทันทีที่พวกเขาลงมือก็ใช้พลังทั้งหมด แม้ไม่พบตำแหน่งที่ดอกบัวเพลิงปรากฏ ทว่าพวกเขาล้วนเลือกไปขวางหลินสวินโดยไม่ได้นัดหมาย
เพราะมีเพียงทำเช่นนี้เท่านั้น ถึงทำให้พวกเขามีโอกาสช่วงชิงเช่นกัน จะไม่ให้หลินสวินตัดหน้าไปได้ก่อนยามที่ดอกบัวเพลิงปรากฏขึ้นมา
เพียงแต่เหนือความคาดหมายของพวกเขา ตอนนี้หลินสวินกลับถอยกลับไปที่เดิมที่เคยยืนอยู่ ไม่ก้าวไปข้างหน้าอีก
นี่…
เหล่าบุคคลโดดเด่นแห่งยุคล้วนผงะ ต้องฝืนยั้งมือไว้
และก็ในตอนนี้เอง หลินสวินแสร้งทำเป็นตกตะลึง นิ่วหน้าแล้วกล่าวว่า “นี่พวกเจ้าทำอะไรกัน ข้าแค่นั่งจนเมื่อยแล้ว จึงลุกขึ้นมาออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย หรือพวกเจ้ายังคิดจะลงมือกับข้า”
ทุกคนล้วนสีหน้าไม่น่าดู โดยเฉพาะซาหลิวฉาน ห้ามใจไม่อยู่ตะคอกออกมาว่า “หลินสวิน นี่หมายความว่าอะไรกัน”
หลินสวินฉีกยิ้มแล้วเอ่ยว่า “หมายความว่าอะไรเล่า ก็แหย่พวกเจ้าเล่นไง”
“เจ้า…” ทุกคนโมโหจนแทบกระอักเลือด จะคิดได้อย่างไรว่าเขาจะถือโอกาสนี้เย้าแหย่พวกเขา
“แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะเล่นด้วยเช่นนี้ ทำให้ข้าประหลาดใจนัก” หลินสวินยิ้มแฉ่ง
ยามพูดจา เงาร่างก็หายวับเคลื่อนไปอีกฝั่งหนึ่ง
“ทุกคนระวังตัว เจ้าหมอนี่ตั้งใจยุแหย่ รีบขวางมันไว้!” อู่ต้วนหยาคำรามเสียงดัง
ไม่ต้องให้เขาเตือนสักนิด เมื่อเห็นหลินสวินเคลื่อนไหวอีกครั้งหนึ่ง เหล่าผู้โดดเด่นแห่งยุคที่อยู่ตรงนั้นก็พุ่งเข้าไปอีกโดยไม่ลังเล
พวกเขายิ้มเหี้ยมในใจ เจ้าเด็กนี่ถึงกับกล้าเล่นลูกไม้ใต้จมูกพวกเขา ช่างน่าขันนัก!
เพียงแต่ ที่ทำให้พวกเขางงงวยก็คือ หลินสวินถอยกลับไปที่เดิมอีกครั้งหนึ่ง มองอย่างหยอกเย้าที่พวกเขา ทั้งไม่ได้พูดอะไร
แต่สายตาและการแสดงออกเสียดสีเช่นนั้น กลับทำให้พวกซาหลิวฉานและอู่ต้วนหยาโกรธจนหน้าแทบเขียวคล้ำแล้ว
แม่งถูกแหย่อีกแล้ว!
เจ้าเด็กนี่ช่างเลวนัก มีคนอย่างเขาที่ไหนกัน
ขนาดหลี่ชิงฮวนที่อ่อนน้อมเป็นมิตรมาตลอด เวลานี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เอ่ยทอดถอนใจเบาๆ ว่า “พี่หลิน เจ้าทำเช่นนี้ ออกจะเด็กน้อยไปแล้ว เหมือนกับเด็กน้อยกำลังก่อเรื่อง หากข่าวกระจายออกไปเกรงว่าจะเสื่อมเสียชื่อเสียงของเจ้า”
หลินสวินพูดพลางยิ้มว่า “ข้าก็อยากถามพวกเจ้าเหมือนกันว่าคนมากมายขนาดนี้มาเพ่งเล็งข้าคนเดียว ไม่รู้สึกขายหน้าหรือ”
“หลินสวิน เจ้าไม่กลัวพวกเราร่วมกันลงมือกับเจ้า แล้วขับเจ้าออกจากการแข่งขันโดยสมบูรณ์หรือ” อู่ต้วนหยาพูดทั้งที่ไอสังหารพลุ่งพล่าน
“เหอะๆ เจ้าจะลองดูก็ได้”
หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย
ทุกคนต่างสีหน้าอึมครึม พวกเขาไม่ต้องการถูกหลินสวินจูงจมูกแหย่เล่นอีกแล้ว เช่นนั้นน่าขายหน้านัก
แต่ข้อเสนอของอู่ต้วนหยากลับทำให้พวกเขาใคร่ครวญ
หากสามารถจัดการเทพมารหลินได้ตอนนี้ เช่นนั้นก็เท่ากับว่ากำจัดคู่แข่งที่รับมือได้ยากที่สุดผู้หนึ่งออกไปอย่างไม่ต้องสงสัย
สวบ!
เพียงแต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะตัดสินใจได้ หลินสวินก็เคลื่อนไหวอีกครั้งแล้ว
ยังจะเล่นอีกหรือ
ทุกคนโกรธจนควันออกหู เจ้าหมอนี่มองพวกเขาเป็นเด็กสามขวบ และจะเล่นเรื่องเด็กน้อยเช่นนี้ไปกับเขาหรือไร
“แย่ล่ะ รีบลงมือ!”
แต่ตอนนี้หลี่ชิงฮวนกลับนัยน์ตาหดรัด ตะคอกเสียงดัง
ทุกคนนิ่งอึ้งไป ก็เห็นว่าคราวนี้หลินสวินไม่ได้ถอยกลับไปเหมือนคราวก่อน เงาร่างโฉบออกไปสิบจั้งตรงๆ ราวสายฟ้า
สมควรตาย! ถูกหลอกแล้ว!
พวกเขาตอบสนองโดยพลัน
โครม!
ไม่มีลังเลแต่อย่างใด ร่วมกันออกโจมตี ล้วนพุ่งไปทางทิศที่หลินสวินเคลื่อนออกไปเต็มกำลัง หมายจะไปขัดขวางเขา
น่าเสียดาย ตอนนี้ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว ก็เห็นว่าเงาร่างของหลินสวินวูบไหวแผ่วเบา เมื่อปรากฏกายขึ้นอีกครั้งก็ชิงดอกบัวเพลิงไว้ในมือได้แล้วดอกหนึ่ง
ที่น่าอัศจรรย์ที่สุดก็คือ ดอกบัวเพลิงนี้มีเก้ากลีบ ไอแสงราวพิรุณ รังสีเทพแผ่พุ่ง งดงามแจ่มจรัสราวดวงตะวันลุกโชนดวงหนึ่ง นั่นเป็นโอสถวิญญาณเจตะเลิศล้ำดอกหนึ่ง!
“วางลงนะ!”
ทันใดนั้นพวกซาหลิวฉาน อู่ต้วนหยาก็ดวงตาวาวโรจน์แล้ว แค้นจนแทบเสียสติ ก่อนหน้านี้ที่ถูกเย้าแหย่ก็ทำให้พวกเขาอัดอั้นใจอยู่ก่อนแล้ว
ตอนนี้ยังโต้ตอบช้าไปก้าวหนึ่ง ถูกหลินสวินชิงดอกบัวเพลิงเก้ากลีบไปก่อน นี่ทำให้พวกเขาโมโหจนแทบระเบิด
ตูม!
ไม่ต้องปรึกษากันสักนิดพวกเขาก็โจมตีเต็มกำลัง สำแดงวิชาลับ รัศมีเทพน่าหวาดหวั่นพุ่งไปจู่โจมหลินสวินราวกระแสน้ำมืดฟ้ามัวดิน
ภาพนั้นเรียกได้ว่าน่าตื่นตะลึงในโลกา
อย่างไรเสียก็เป็นการโจมตีแฝงด้วยโทสะของผู้กล้าชั้นยอดแห่งยุคสิบกว่าคน ทั้งยังร่วมมือกันพุ่งเป้าไปที่คนคนเดียว น่าตระหนกจนผู้กล้าที่อยู่ในบริเวณอื่นของภูเขาน้ำแข็งหน้าเปลี่ยนสี สูดหายใจหนาวเยือกไม่หยุด
เพียงแต่หลินสวินพุ่งลงมาด้านล่างของภูเขาตั้งแต่ชิงดอกบัวเพลิงได้ก่อนแล้ว ทำให้การโจมตีน่าพรั่นพรึงนี้สูญเปล่า
โครม!
อานุภาพของการโจมตีนี้น่าหวาดหวั่นนัก แม้จะไม่สำเร็จ แต่กลับสะเทือนจนเขาน้ำแข็งสั่นไหว ฟ้าดินโงนเงน
“คิดจะหนีหรือ ไม่ทีทางหรอก!”
อู่ต้วนหยาโมโหจนใกล้จะคลุ้มคลั่งแล้ว พุ่งไปไล่กวดหลินสวิน
ไม่นานนักเขาก็ตามมาถึงด้านล่างของภูเขา เมื่อเห็นว่าหลินสวินหยุดเท้า เขาก็อดยิ้มเยียบเย็นเหี้ยมเกรียมไม่ได้ “ทำไมไม่หนีแล้วล่ะ”
หลินสวินหันกายมา แล้วยิ้มสดใสพลางพูดว่า “ทำไมไม่หนีน่ะหรือ รับมือเจ้าคนเดียว ต้องหนีด้วยหรือ”
อู่ต้วนหยาผงะไป ทันใดนั้นก็รับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง ทั้งร่างแข็งทื่อ สายตากวาดมองไปรอบทิศอย่างยากเย็น ตอนนี้ถึงได้พบว่ามีเพียงตนคนเดียวที่ตามมาจริงๆ…
ในบริเวณใกล้เคียง สายตาของผู้แข็งแกร่งมากมายต่างมองมาทางตน ล้วนมีสีหน้าเวทนาไม่มากก็น้อย
อู่ต้วนหยาจิตใจสั่นไหว สับสนไปหมดแล้ว ไฟโทสะเต็มอกหายวับไป ถูกความอัดอั้นและตระหนกตกใจอย่างบอกไม่ถูกเข้าแทนที่
เขาจะคิดได้อย่างไรว่าเจ้าพวกนั้นจะไร้คุณธรรมเช่นนี้ ไม่ตามมากับเขาเสียได้!
เมื่อคิดว่าตนต้องเผชิญหน้ากับเทพมารหลินโดยลำพัง ตัวเขาก็ย่ำแย่เสียแล้ว สีหน้าผสมปนเป
“กลับไปเถอะ คราวหน้าอย่าใจร้อนเช่นนี้อีกล่ะ” หลินสวินเตือนเขาด้วยความหวังดี
อู่ต้วนหยาสีหน้าอึมครึมไม่ว่างเว้น ในใจทั้งโกรธทั้งอาย ท่ามกลางสายตาจับจ้องของฝูงชนกลับตกอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดและคับข้องใจเช่นนี้ เขาแค้นจนอยากจะสู้ให้ตายไปข้างหนึ่งโดยไม่สนใจสิ่งใด
กลับเห็นว่าหลินสวินยิ้มให้แล้วหันกายจากไป ไม่สนใจเขาอีก
อู่ต้วนหยาแข็งทื่ออยู่เช่นนั้น จะตามก็ไม่เหมาะ จะถอยก็ไม่ควร หากบนพื้นดินมีรอยแยก เกรงว่าเขาคงมุดลงไปนานแล้ว
ช่วยไม่ได้ ช่างน่าขายหน้าเสียจริง!
แต่เมื่อเห็นหลินสวินจากไป ไม่คิดจะช่วงชิงวาสนาต่ออีก เหล่าบุคคลโดดเด่นแห่งยุคทั้งหมดที่อยู่ใกล้ยอดเขาล้วนลอบถอนหายใจโล่งอก ความรู้สึกนั้นเหมือนส่งเทพแห่งโรคระบาดจากไปไม่มีผิด
และเมื่อคิดว่าพวกเขามีหลายคนเช่นนี้ แต่สุดท้ายก็ทำอะไรเทพมารหลินไม่ได้ กลับถูกเขาเย้าแหย่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขาก็อับอายขายหน้าอยู่บ้าง ในใจคับข้องนัก
ไอ้เวรเทพมารหลิน ไม่ช้าก็เร็วจะให้เจ้าเห็นดีกัน!
นี่เป็นเสียงในใจที่เป็นหนึ่งเดียวกันของพวกซาหลิวฉาน
แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งที่กระจายอยู่ในบริเวณอื่นของภูเขาน้ำแข็งแล้ว ภาพทุกภาพที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ทำให้พวกเขามองดูอย่างตกตะลึงอ้าปากค้าง ถึงกับเคารพบูชาหลินสวินอยู่บ้างแล้ว
เขาตัวคนเดียวช่วงชิงวาสนาอย่างต่อเนื่องท่ามกลางเหล่าผู้กล้าแห่งยุค สุดท้ายก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แล้วจากไปอย่างภาคภูมิ ความสง่างามเช่นนี้สมกับฉายาเทพมารหลินนั้นของเขาจริงๆ!
‘เด็กคนนี้ ยังเป็นคนที่รับมือยากถึงที่สุดจริงๆ…’
บนยอดเขา หลี่ชิงฮวนสีหน้าคร่ำเคร่งอย่างยากพบเห็น
ก่อนหน้านี้เขาเพียงรู้ว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินน่าหวาดหวั่นถึงที่สุด เรียกได้ว่าเป็นผู้โดดเด่นแห่งยุคในรุ่นเดียวกัน แต่ในใจก็ไม่ได้หวั่นกลัวเท่าไร
แต่เมื่อได้เห็นภาพทุกอย่างตรงหน้า กลับทำให้เขารับรู้ได้ว่าหลินสวินเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างยิ่งยวด!
ไม่เพียงแค่พลังต่อสู้แข็งกล้า ทั้งยังมีสติปัญญาช่างวางแผน กล้าหาญเกินคน หลังจากชิงวาสนาไปได้ก็จากไปอย่างแน่วแน่ไม่ลังเลเลยสักนิด แค่เพียงจุดนี้ก็ทำให้หลี่ชิงฮวนต้องมองดูใหม่แล้ว
เพราะเขารู้ว่าหากหลินสวินยังชักช้าอยู่ที่นี่เหมือนเดิม จะต้องสร้างความเดือดดาลให้ทุกคน ทำให้เจ้าตัวไม่เพียงไม่อาจช่วงชิงวาสนาไปได้ กลับจะกลายเป็นเป้าที่ทุกคนเพ่งเล็ง พบกับการเอาคืนของทุกคน!
เห็นได้ชัดว่าหลินสวินก็รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นถึงได้เลือกจากไปอย่างแน่วแน่เช่นนี้
นี่ก็ทำให้หลี่ชิงฮวนกลัวเข้าจริงๆ
ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่น หากมีพลังอย่างเทพมารหลิน เกรงว่าจะไม่อาจควบคุมความปรารถนาภายในใจได้ และเลือกจะอยู่ช่วงชิงวาสนาต่อไป
แต่เห็นได้ชัดว่าเทพมารหลินต่างจากผู้อื่น
‘หวังว่าในการช่วงชิงครั้งสุดท้ายจะไม่ต้องเจอเจ้าหมอนี่แล้ว…’ หลี่ชิงฮวนพึมพำในใจ
…….
“ที่คราวนี้ได้รับวาสนาก็หนีไม่พ้นการชี้แนะจากเจ้า นี่ให้เจ้า” ยามหลินสวินจากมา ก็เรียกเนี่ยอี้อันที่รั้งอยู่แถบตีนเขามาโดยตลอด จากนั้นมอบดอกบัวเพลิงดอกหนึ่งให้
เนี่ยอี้อันตื่นตระหนกยิ่ง ออกจะประหลาดใจ ไม่คิดเลยว่าหลินสวินจะให้วาสนานี้แก่ตน
ก่อนหน้านี้เขารั้งอยู่ที่ตีนเขา ชิงดอกบัวเพลิงไม่ได้สักดอกเดียว เดิมทีในใจก็ห่อเหี่ยว แต่การกระทำของหลินสวินในตอนนี้ทำให้เขาซาบซึ้งอย่างยิ่ง
“รับไปเถอะ ข้าเป็นคนที่เมื่อมีคุณก็ต้องทดแทน มีแค้นก็ต้องชำระ ความเข้าใจผิดก่อนหน้านี้สลายไปนานแล้ว เจ้าอย่าได้เอามาใส่ใจอีก”
“ขอบคุณมาก!” เนี่ยอันอี้สูดหายใจลึก กล่าวขอบคุณอย่างหนักแน่นจริงจัง
หากพูดว่าก่อนหน้านี้ใจเขายังมีความแค้นเคืองหลินสวินอยู่บ้าง เช่นนั้นตอนนี้ก็มลายไปจนหมดสิ้นแล้ว กระทั่งออกจะนับถือน้ำใจและความกล้าหาญของหลินสวิน
หลินสวินยิ้มให้แล้วบอกลาเนี่ยอี้อัน จากนั้นก็หันกายจากไป
เขาต้องหาที่ปลอดภัยสักที่ แล้วหลอมดอกบัวเพลิงที่เหลือในมือให้หมด เพื่อดูว่าภายในนั้นเก็บซ่อนมรดกวิชามรรคลี้ลับปานไหนกันแน่
เพียงแต่เพิ่งแยกกันไม่นาน หลินสวินก็นิ่วหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จึงหันกลับไปยังทางเดิมอีกครั้ง
……
“คิดไม่ถึงจริงๆ…”
เนี่ยอี้อันสีหน้างงงวยอยู่บ้าง กระทั่งตอนนี้เขายังไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่าหลินสวินจะมอบดอกบัวเพลิงเจ็ดกลีบดอกหนึ่งให้ตนง่ายๆ เช่นนี้
นี่เป็นถึงโอสถวิญญาณเจตะชั้นเลิศ วิชามรรคที่ซ่อนอยู่ภายในย่อมไม่ธรรมดา!
“เจ้าคนแซ่เนี่ย ทิ้งดอกบัวเพลิงของเจ้าไว้ พวกข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!” ฉับพลันผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งก็พุ่งออกมาล้อมเนี่ยอี้อันจากที่ต่างๆ สีหน้าเหี้ยมเกรียม
เนี่ยอี้อันหน้าเปลี่ยนสียิ่ง รีบร้อนเก็บดอกบัวเพลิง จากนั้นก็เอ่ยเสียงดุดันว่า “ทำไม พวกเจ้าจะปล้นข้าในช่วงชุลมุนงั้นหรือ”
“เลิกพูดพล่อยๆ ซะที เจ้าเป็นถึงผู้สืบทอดของสำนักผสานคราม แต่กลับไปร่วมมือชิงวาสนากับเทพมารหลิน ช่างทำให้สำนักของพวกเจ้าขายหน้านัก ให้เวลาเจ้าสามชั่วลมหายใจ ถ้าไม่ส่งมาก็อย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ล้วนเป็นผู้กล้าในฝ่ายหนึ่ง มีทั้งหญิงทั้งชาย วาจาท่าทางแข็งกระด้างนัก
ก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่ใกล้ตีนเขามาโดยตลอด ได้เห็นภาพเนี่ยอี้อันกับหลินสวินจับคู่มาด้วยกัน จากนั้นก็จากไปพร้อมกันกับตา
ดังนั้นเมื่อตอนนี้เห็นว่าทั้งสองแยกกันแล้ว พวกเขาก็นั่งไม่ติดทันที หมายจะช่วงชิงวาสนา
นั่นเป็นถึงดอกบัวเพลิงเจ็ดกลีบดอกหนึ่งเชียวนะ!
ยั่วยวนใจพวกเขานัก สามารถทำให้พวกเขาเข้าช่วงชิงโดยไม่สนใจสิ่งใด
ฉับพลันนั้นในใจเนี่ยอี้อันก็หนาวสะท้าน คิดไม่ถึงเลยว่าเพิ่งได้วาสนาชิ้นหนึ่งโดยไม่คาดฝันมา ชั่วพริบตาก็อาจจะถูกชิงไปแล้ว!