Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 871 โจรกินโจร
ตอนที่ 871 โจรกินโจร
เวลาสี่วันผ่านไปในชั่วพริบตา
ลมหิมะตลบอบอวล เหนือพื้นที่มีชั้นน้ำแข็งหนาแน่นธารหินหนืดสีแดงเพลิงสายหนึ่งไหลคดเคี้ยว กระแสหินหนืดแสบตาพลุ่งพล่าน ส่งเสียงคำรามราวฟ้าร้อง
โครม!
นกกระเรียนยักษ์ปีกเพลิงตัวหนึ่งกรงเล็บคมราวดาบ แผ่รังสีเพลิงน่าหวาดหวั่นออกมา ฉีกห้วงอากาศออกเป็นรอยแยกตรงแน่วเส้นแล้วเส้นเล่า
พลังของมันน่ากริ่งเกรงนัก เหมือนสามารถประชันกับเหล่าผู้กล้าระดับกระบวนแปรจุติได้
เพียงแต่คราวนี้มันโชคร้ายมาพบกับหลินสวินเข้า
พรึ่บ!
เพียงครู่เดียวหลินสวินก็สำแดงวิชามรรคธารดาราหลอมเพลิง ชั่วพริบตาก็เหมือนมีธารดาราที่ลุกโหมแผ่กระจายทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน กระเรียนปีกเพลิงตัวนั้นหลบไม่ทันถูกกลบอยู่ภายในนั้น ตายคาที่
ซ่า! ร่างของมันแปรสภาพเป็นละอองแสงสีแดงเพลิงลอยละล่อง ในขณะเดียวกันก็มีแหล่งผลึกเจตะเปล่งประกายราวเพชรเพลิงชิ้นหนึ่งตกลงมา
หลินสวินยื่นมือไปรับแล้วเก็บเข้าไปในแหวนเก็บของ
จากนั้นเขาก็ไม่หยุดพัก แต่เดินหน้าต่อไปตามธารหินหนืดสายนี้ ชุดสีขาวพระจันทร์ปลิวไสวกลางลมหิมะดับพึบพับ สง่างามโดดเด่น
……
ในช่วงเวลาสี่วันนี้ หลินสวินเดินไปมาทั่วดินแดนลับหิมะน้ำแข็งแห่งนี้ แม้ตลอดทางจะพบอันตรายไม่น้อย แต่ก็ถูกเขาคลี่คลายไปได้อย่างปลอดภัย
‘เก็บแหล่งผลึกเจตะได้สามสิบเก้าชิ้นแล้ว ขอเพียงหลอมพวกมันก็น่าจะสามารถเลื่อนขั้นพลังปราณเป็นระดับกระบวนแปรจุติขั้นกลางได้’
หลินสวินเดินหน้าไปพลางครุ่นคิด
‘น่าเสียดาย นอกจากเขาน้ำแข็งปทุมเพลิงลูกนั้น ก็หาที่ที่มีโอสถวิญญาณเจตะขึ้นอีกไม่เจอ…’
ในช่วงหลายวันนี้หลินสวินหาโอสถวิญญาณเจตะอยู่เสมอ แต่ตลอดทางกลับไม่ได้เลยสักชิ้น
เดิมทีเขายังคิดจะกลับไปเขาน้ำแข็งปทุมเพลิงลูกนั้นใหม่อีกครั้ง แต่เมื่อวานซืนก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น ทำให้เขาน้ำแข็งปทุมเพลิงลูกนั้นหายเข้ากลีบเมฆ
ตามที่ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งซึ่งบังเอิญเจอระหว่างทางแพร่งพราย ตั้งแต่หลินสวินเด็ดดอกบัวเพลิงเก้ากลีบมาได้แล้วจากไป เขาน้ำแข็งปทุมเพลิงลูกนั้นก็ไม่มีดอกบัวเพลิงเก้ากลีบดอกที่สองปรากฏขึ้นอีก
นี่ทำให้หลินสวินรับรู้ได้ว่า วาสนาที่ว่าก็มีจำนวนจำกัด ร่อยหรอหาใดเทียบ และไม่ใช่ใครจะได้รับง่ายๆ
วิ้ง!
ไกลออกไป จู่ๆ คลื่นอากาศดังแสบแก้วหูระลอกหนึ่งก็กระจายออกมาดึงดูดความสนใจของหลินสวิน
เขาเข้าไปใกล้ ก็เห็นเข้าพอดีว่ามีหนุ่มสาวสี่คนส่งเสียงคำรามดาลเดือดไม่พอใจ ถูกเคลื่อนย้ายพาตัวไป ชั่วพริบตาก็หายลับไปจากสายตา
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกคัดออกแล้ว
ส่วนสิ่งที่กำราบพวกเขากลับเป็นค้างคาวที่แปรสภาพมาจากหิมะน้ำแข็งฝูงหนึ่ง แต่ละตัวขนาดเท่าหินโม่ นัยน์ตาแดงฉาน เขี้ยวขาวราวหิมะ มีพลังเทียบได้กับมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติ
ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ พวกมันปรากฏตัวเป็นฝูง คำรามก้องฟ้าดิน กระจัดกระจายทั่วทุกที่ ดุร้ายหาใดเทียบ
แม้แต่หลินสวินก็ไม่อยากยุ่งกับพวกมัน มีมากเกินไปแล้ว ฆ่าอย่างไรก็ไม่หมด
‘มีผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งถูกคัดออกแล้ว…’
หลินสวินไม่ได้ทอดถอนใจอะไร หลังจากหลบค้างคาวหิมะน้ำแข็งฝูงนั้น เขาก็เดินไปตามธารหินหนืดสายนั้นต่อ
ในช่วงเวลาสี่วันนี้ เขาได้เห็นเหตุการณ์มากมาย มีคนถูกคัดออกจากบททดสอบตลอดเวลา เห็นจนชาชินมานานแล้ว
ทว่าอัตราการคัดออกที่น่าตื่นตระหนกเช่นนี้ ก็ยังทำให้หลินสวินใจหายอยู่ดี
นี่เพิ่งเป็นบททดสอบด่านแรกของเทศกาลโคมกถามรรคเท่านั้น ก็มีเหล่าผู้กล้าที่มาจากทั่วสารทิศของแดนฐิติประจิมมากมายขนาดนี้ถูกคัดออก แค่คิดก็รู้ว่า หากคิดจะผ่านบททดสอบทุกด่านอย่างราบรื่น และไปถึงหน้าต้นโคมสำริดมรรคโบราณในที่สุด ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน!
หืม?
ท่ามกลางลมหิมะ จู่ๆ หลินสวินก็หยุดเดิน เหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
แต่ไม่นานนักเขาก็เดินหน้าต่อด้วยสีหน้าไม่หวั่นไหว
โครม!
ทว่าเพียงชั่วอึดใจ บนผืนน้ำแข็งที่ห่างจากเขาไปสิบกว่าจั้งพลันระเบิดกระจุย มีรังสีเย็นเยียบแสบตาสายหนึ่งพุ่งออกมา แทงตรงมาที่หลินสวินราวสายฟ้าแลบ
“ฆ่า!”
แทบจะในเวลาเดียวกัน ทิศอื่นที่อยู่ใกล้กันก็เกิดเรื่องทำนองเดียวกัน การจู่โจมน่าหวาดหวั่นสายแล้วสายเล่าปล่อยรัศมีเทพช่วงโชติออกมาล้อมโจมตีหลินสวินจากทิศต่างๆ
รวดเร็วเกินไปแล้ว!
ทุกอย่างนี้สิ้นสุดลงในชั่วพริบตา เห็นได้ชัดว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ไตร่ตรองไว้นานแล้วครั้งหนึ่ง
หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่น เผชิญการล้อมโจมตีที่โผล่มาโดยกะทันหันเช่นนี้ เกรงว่าคงไม่ทันได้ตอบโต้
แต่หลินสวินเหมือนคาดการณ์ทุกอย่างนี้ไว้ก่อนแล้ว ก่อนที่การสังหารจะเกิดขึ้น เขาก็ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง เงาร่างหายลับไปจากที่เดิมทันที
โครม!
การจู่โจมทั้งมวลล้มเหลว จุดที่หลินสวินยืนอยู่เดิมถูกระเบิดเป็นโกรกธารมหึมาขนาดราวพันจั้ง เศษน้ำแข็งปลิวว่อน ฟ้าดินสั่นไหวเพราะการโจมตีนี้
“หืม? แล้วเจ้าเด็กนั่นล่ะ”
“เวรเอ๊ย เหยื่อหายไปแล้ว”
“ออกจะชอบกลนะ ทุกคนระวังตัว!”
เสียงฉงนดังขึ้นแถวนั้น เงาร่างหนุ่มสาวแต่ละคนปรากฏขึ้นกลางลมหิมะ ทอดตามองไปโดยรอบกลับหาร่องรอยใดของเป้าหมายไม่พบ
“ปาหี่ฆ่าคนปล้นสมบัติอีกแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะให้โอกาสพวกเจ้าครั้งหนึ่ง ทิ้งสมบัติที่เก็บสะสมไว้กับตัวพวกเจ้า ข้าก็จะปล่อยผ่านไป”
กลางฟ้าดินไพศาล เสียงของหลินสวินดังขึ้น แม้วาจาจะเรียบเฉยแต่กลับประหนึ่งอสนีบาต ทำให้หนุ่มสาวเหล่านั้นล้วนตัวแข็งทื่อหน้าเปลี่ยนสี
สวบๆๆ!
พวกเขาไม่ลังเลแต่อย่างใด เลือกหลบหนีไปตามทิศต่างๆ ตามจิตใต้สำนึก
“ดูท่า คงทำได้แค่ส่งพวกเจ้าออกจากการทดสอบเสียแล้ว”
เสียงทอดถอนใจดังขึ้นท่ามกลางฟ้าดิน
ฟึ่บ!
ชายหนุ่มที่กำลังหลบหนีคนหนึ่งไม่ทันได้โต้ตอบ ก็ถูกรัศมีเทพเปลวเพลิงสายหนึ่งปกคลุมไปทั้งร่าง ได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ไม่นะ…!”
เขาตะโกนอย่างตกใจระคนเดือดดาล แต่สายไปแล้ว รอยฝ่ามือหนึ่งปรากฏขึ้น กดกำราบตัวเขาลงไปกับพื้นอย่างรุนแรง กระดูกแตกหัก กระอักเลือดทางจมูกและปาก
อีกด้านหนึ่งหญิงสาวงดงามผู้หนึ่งเห็นภาพนี้เข้าพอดี อกสั่นขวัญแขวนจนหัวชาหนึบ อ้าปากกำลังจะร้องเสียงแหลม แต่จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บปวดยิ่งที่คอ ภาพตรงหน้ามืดดับไป ล้มลงดังปึงกับพื้น
ภาพทำนองนี้เกิดขึ้นในที่ต่างๆ กัน
ผู้แข็งแกร่งบางคนหนีไปไกลลิบ แต่สุดท้ายก็ยังถูกตามทันแล้วเล่นงานจนมึนงงตกลงไปกับพื้น จากนั้นก็ถูกหลินสวินหิ้วกลับไป
ผู้แข็งแกร่งบางคนอ้อนวอนขอชีวิต แต่ยังคงถูกเขาทำร้ายจนสลบเหมือด
สุดท้ายมีคนเป็นสลบไปทั้งสิ้นเจ็ดคน ถูกหลินสวินจับตัวไปวางกองไว้ด้วยกัน
“ไม่ช่วงชิงวาสนาดีๆ แต่มาลอบโจมตีเพื่อชิงสมบัติจากคนอื่น จิตใจของคนอย่างพวกเจ้าชั่วร้ายเสียจริง”
หลินสวินเอ่ยพึมพำ
แม้จะพูดเช่นนี้แต่เขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเชื่องช้า มือเท้าเริ่มกวาดทรัพย์หลังศึกอย่างว่องไว เชี่ยวชาญคุ้นเคยอย่างยิ่ง
ผู้ชายถูกถอดชุดจนเหลือแต่กางเกงชั้นในตัวเดียว นอนกระจัดกระจายบนพื้นที่ปกคลุมด้วยหิมะน้ำแข็งด้วยร่างเปลือยเปล่า
ส่วนผู้หญิงดีกว่าหน่อย ยังมีเสื้อผ้าคลุมกายชั้นหนึ่ง เพียงแต่สภาพของพวกนางก็ไม่ต่างกัน ไม่มีใครโชคดีเล็ดรอดไปได้
เพียงครู่เดียว หลินสวินก็เก็บรวบรวมแหล่งผลึกเจตะได้เก้าก้อน รวมถึงยาลูกกลอนและโอสถวิญญาณหายากบางชนิด
ไม่อาจไม่พูดถึง ชายหญิงเหล่านี้สมกับเป็นเหล่าผู้กล้าจากสำนักเก่าแก่ต่างๆ ภูมิหลังครอบครัวเรียกได้ว่าร่ำรวย
ไม่เพียงมีแกนวิญญาณจำนวนมาก ยังมีสมบัติและของล้ำค่านานาชนิด กระทั่งยังมีคัมภีร์และวิชายุทธ์หลายอย่าง
แต่หลินสวินไม่ได้เก็บของเหล่านี้ไป เอาไปเพียงแหล่งผลึกเจตะ สมุนไพรชั้นดีและลูกกลอนวิญญาณเท่านั้น ของอื่นๆ ล้วนทิ้งไว้ให้พวกเขา
ช่วยไม่ได้ เจ้าพวกนี้ต่างเป็นผู้สืบทอดสำนักเก่าแก่ ไม่แน่ว่าตอนนี้ผู้อาวุโสในสำนักของพวกเขาก็รออยู่นอกเขาพยับคราม หลินสวินก็ไม่คิดจะทำอะไรรุนแรงมากนัก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กลายเป็น ‘ศัตรูของทุกคน’ จากสำนักใหญ่ต่างๆ ในแดนฐิติประจิม
เมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จสิ้น เขาก็ทิ้งม้วนอักษรหยกม้วนหนึ่งไว้ที่เดิม จากนั้นก็ย่างเท้าจากไป
ช่วงสี่วันนี้เขาได้ประสบกับการ ‘ลอบจู่โจม’ เหมือนเมื่อกี้หลายครั้ง แต่ล้วนถูกเขาเล่นงานกลับเป็น ‘โจรกินโจร’
ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่เจ้าพวกนั้นมีตาหามีแววไม่ มาชิงสมบัติของใครไม่ชิง ดันจะมาชิงของเทพมารหลิน นี่ก็ช่างแกว่งเท้าหาเสี้ยนเสียจริง
……
เฮือก!
และไม่นานหลังหลินสวินจากไป ในที่ไกลลิบก็มีเสียงสูดหายใจเยียบเย็นดังขึ้น ชายอ้วนคนหนึ่งในชุดนักพรต ผมเกล้าเป็นมวย หัวเหลี่ยมหูโต ท่าทางน่าเกรงขามวิ่งอุตลุดออกมาจากชั้นน้ำแข็ง
เพียงแต่ตอนนี้เนื้ออิ่มเอิบบนแก้มเขากลับกระตุกอย่างแรง ปากก็พึมพำว่า “พุทโธ่พุทถัง เจ้าเด็กนี่ก็โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ดูปราดเดียวก็รู้ว่าใช้วิธีโจรกินโจรเป็นประจำ ฝีมือปล้นทรัพย์เช่นนี้จะประชันกับข้าได้แล้ว…”
ยามพูดจาเขาถือแส้หางม้าสีขาวโพลน แขนเสื้อใหญ่ปลิวไสว เยื้องย่างมาถึงหน้ากองหนุ่มสาวที่ถูกหลินสวินเล่นงานจนสลบเหมือดกลุ่มนั้น
“โอ้ๆ ไม่เลวนี่ ยังเหลือสมบัติไม่น้อย เจ้าเด็กนี่เจ้าเล่ห์จริง เห็นได้ชัดว่ากังวลว่าจะถูกคนใหญ่คนโตกับขุมอำนาจใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังเจ้าพวกนี้เอาคืน”
นักพรตอ้วนเดาะลิ้นอย่างประหลาดใจ เขายื่นมือไปหยิบม้วนอักษรหยกที่หลินสวินทิ้งไว้บนพื้น สังเกตเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าพลันประหลาดนัก
ด้านบนเพียงเขียนไว้ประโยคเดียว ‘ครั้งนี้ก็ถือเสียว่าเป็นการลงโทษพวกเจ้าครั้งหนึ่ง หากกล้าคิดมาเล่นงานข้าซาหลิวฉาน ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!’
ซาหลิวฉานหรือ
นายท่านซาบ้านเจ้าสิ!
นี่เป็นการป้ายความผิดให้ซาหลิวฉานนะ!
นักพรตอ้วนลอบสบถในใจ เจ้าเด็กนั่นชั่วร้ายไปแล้ว ไม่เพียงเก่งเรื่องโจรกินโจร เห็นได้ชัดว่ายังเชี่ยวชาญเรื่องใส่ร้ายป้ายสีด้วย!
จากนั้นดวงตาของเขาก็กลิ้งกลอก หัวเราะขึ้นกะทันหันว่า “เหอะๆ ข้าเหมือนจะทายได้แล้วว่าเจ้าเป็นใคร ชิชะ เพียงแต่ใครจะไปคิดว่าเทพมารหลินที่กล้าหาญเกินคน เหิมเกริมไม่หวั่นกลัวก็เล่นสกปรกแบบนี้เป็นด้วย”
“น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ รอข้ามีโอกาสก็จะเล่นกับเจ้าสักหน่อย ให้เจ้าได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นปรมาจารย์มหาโจร แน่นอนว่าที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ ดูว่าจะมีสมบัติอริยะซ่อนอยู่กับตัวหรือไม่กันแน่…”
นักพรตอ้วนรู้สึกคันไม้คันมือทันใด
……
ห่างออกไปนอกร้อยลี้ จู่ๆ หลินสวินก็นิ่วหน้า หันหน้าไปมองข้างหลังครั้งหนึ่ง เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนพลาดอะไรบางอย่างไป
สุดท้ายเขาก็ส่ายหัว ไม่สนใจอีกแล้วเดินหน้าต่อไป
สายัณห์มาเยือน
ไม่นานนักรัตติกาลก็มาถึง หลินสวินเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วก็เห็นว่าเหนือเวิ้งฟ้าพลันปรากฏวังน้ำวนใหญ่ยักษ์รูปกระบวยคว่ำวงหนึ่ง ส่งเสียงคำรนสะท้านแสบแก้วหู
ในขณะเดียวกัน แรงดูดน่าหวาดหวั่นที่ไม่อาจต้านทานได้ก็ผุดขึ้น ทำให้เขาไม่อาจดิ้นรนได้ ถูกดูดม้วนเข้าไปในส่วนลึกของวังน้ำวนนั้น
‘บททดสอบด่านแรกจบลงเสียที…’ หลินสวินตระหนักรู้ในใจ
ในขณะเดียวกัน วังน้ำวงบนเวิ้งฟ้าแบบเดียวกันนี้ ก็พากันปรากฏขึ้นในที่ต่างๆ ของแดนลี้ลับมหาปัญจธาตุผันแปร นำพาผู้แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าที่เข้าร่วมถกมรรคไปด้วย
ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ไม่เพียงไม่ตื่นตระหนก กลับล้วนโล่งอก จิตใจที่ขมวดเกร็งก็ผ่อนคลายลง
พวกเขารู้ว่าเมื่อบททดสอบด่านแรกจบลง พวกเขาก็มีคุณสมบัติได้เข้าทดสอบด่านที่สองแล้ว!
ส่วนผู้แข็งแกร่งที่ไม่มีวาสนาได้เข้าทดสอบด่านที่สอง ก่อนหน้านี้ก็ถูกคัดออกไปก่อนแล้ว…