Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 880
ตอนที่ 880
เซี่ยอวี้ถังไม่ใส่ใจสายตาผิดแปลกโดยรอบ และไม่หวาดกลัวนัยน์ตาเยียบเย็นเจือไอสังหารนั่นของหลินสวิน
เขามาอยู่ตรงกลางถอนใจพลางกล่าว “หลินสวิน ถึงแม้เจ้าคิดจะตัดขาดความสัมพันธ์กับข้า ทว่าเจ้าไร้เมตตาได้แต่ข้าไม่อาจไร้คุณธรรม ถึงอย่างไรพวกเราก็มาจากที่เดียวกัน แน่นอนว่าไม่มีทางเพิกเฉยดูเจ้าดึงดันทำตามใจ ล่วงเกินผู้ที่ไม่ควรล่วงเกิน”
เหล่าผู้กล้าไม่น้อยในที่นั้นถึงตระหนักได้ว่า ที่แท้เซี่ยอวี้ถังนี่ก็มาจากโลกชั้นล่างเหมือนหลินสวิน
“หลินสวิน เจ้าน่ะถอยหลังสักก้าว ขอโทษคุณชายอวี่และแม่นางจี้เถอะ คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ข้ามีหรือจะไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเจ้า”
เซี่ยอวี้ถังท่าทางเคร่งขรึมจริงจังเหมือนทำเพื่อหลินสวิน
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้ในใจหลินสวินเอือมระอาและรังเกียจกว่าเดิม ชัดเจนว่าที่เจ้านี่กระโดดออกมาเวลานี้ต้องไม่มีเจตนาดีอะไรแน่
ทว่าเขาสงสัยนัก ตนไม่เคยล่วงเกินหมอนี่มาก่อน ทำไมเจ้านี่ถึงดันทุรังจะหาเรื่องตนครั้งแล้วครั้งเล่า
และเพราะเหตุนี้ หลินสวินจึงสะกดข่มไอสังหารไม่ลงมือกับเซี่ยอวี้ถังทันที เขาอยากลองดูว่าเจ้าหมอนี่คิดจะเอาอย่างไรกันแน่
เบื้องลึกเบื้องหลังของเทพมารหลิน?
เหล่าผู้กล้าทั้งหมด ณ ที่นั้นต่างหูผึ่ง ความสนใจใคร่รู้ถูกกระตุ้นขึ้นมา
นับจากเทพมารหลินเด่นผงาดขึ้นมาแค่ชั่วเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น ทั้งก่อความสั่นสะเทือนในแดนฐิติประจิมจนใต้หล้าจับตามอง ผงาดขึ้นมาเป็นบุคคลแห่งยุคซึ่งทุกคนต่างรู้จัก
เขาผงาดเร็วเกินไป ประดุจดาวหางขวางนภา มีคนเคยสงสัยว่าเขาแอบอ้างไม่สมชื่อเสียง แต่สุดท้ายกลับพิสูจน์แล้วว่าเขามีคุณสมบัติเพียงพอให้ลำพองจริง แบกรับคำว่า ‘ผู้กล้าแห่งยุค’ สี่คำนี้ได้แน่นอน
แต่สำหรับที่มาเบื้องลึกเบื้องหลังของเขา จนบัดนี้กลับเหมือนปริศนา ไม่มีคนสามารถให้คำตอบได้แน่ชัด
นี่ชวนให้ใคร่รู้เป็นธรรมดา
เด็กหนุ่มซึ่งมาจากโลกชั้นล่างคนหนึ่ง ก่อนหน้าไร้ชื่อเสียงไม่มีใครรู้จัก แต่กลับสามารถผงาดกร้าวในแดนฐิติประจิมอันเป็นสถานที่ที่ผู้กล้าปรากฏตัวต่อเนื่อง ใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งปีก็ชื่อเสียงเลื่องลือทั่วแดนฐิติประจิม กลายเป็นบุคคลแห่งยุคที่มหาชนจับตามอง เดิมสิ่งนี้ก็เห็นได้ว่าน่าเหลือเชื่อราวปาฏิหาริย์นัก
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาทุกคน เซี่ยอวี้ถังได้ใจยิ่งกว่าเดิม แต่บนหน้าเขายังรักษาสีหน้าเคร่งขรึมดังเก่า
สายตาเขามองยังหลินสวินพลางกล่าว “ปีนั้น เจ้าเป็นแค่เด็กหนุ่มบ้านนอกที่มาจากชนบทห่างไกลคนหนึ่ง คุณสมบัติผิวเผินธรรมดา แม้แต่ฆ่าสัตว์ป่ายังลำบาก หากตอนนั้นข้าไม่ยื่นมือช่วยเหลือ เกรงว่าเจ้าคงไม่รอดถึงป่านนี้”
นัยน์ตาทุกคนต่างหดรัดเล็กน้อย
ปีนั้นเจ้าหมอนี่ยังมีบุญคุณช่วยชีวิตเทพมารหลิน?
ทุกคนเหลือบสายตามองหลินสวินอย่างอดไม่อยู่ แต่กลับเห็นฝ่ายหลังสีหน้าเฉยชาไม่ตระหนกวิตก มองคลื่นความรู้สึกใดๆ ไม่ออก
“เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่” หลินสวินถาม
“เจ้ายังไม่เข้าใจหรือ” เซี่ยอวี้ถังขมวดคิ้ว “เจ้าคิดจริงหรือว่าได้รับวาสนาใหญ่จาก ‘แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์’ หนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาลแล้ว จะทำให้เจ้าอาละวาดเหิมเกริมได้โดยไม่สนกฎเกณฑ์หลักสวรรค์?”
พูดถึงตรงนี้ เขาพลันตบหน้าผากฉาดหนึ่งพลางกล่าว “อ้อ จริงสิ ไม่เพียงเท่านี้ สิ่งที่เจ้าพึ่งพามากที่สุดอาจเป็นสมบัติอริยะชิ้นนั้นที่ได้มาจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์กระมัง แต่เจ้าอย่าลืมว่านี่คือดินแดนรกร้างโบราณ ยอดฝีมือปรากฏตัวต่อเนื่อง ผู้แข็งแกร่งดั่งพงพนา แม้เจ้าครองศุภโชคยึดกุมสมบัติอริยะ แต่หากไม่รู้จักสำรวมจะนำมาซึ่งภัยร้ายถึงตัว!”
วาจานี้กล่าวอย่างกึกก้องทรงพลังสะท้านปฐพี
ทว่าสีหน้าผู้แข็งแกร่งตรงนั้นต่างเปลี่ยนไปแล้ว สายตาที่มองหลินสวินเจือความผิดแปลก
แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์!
หนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล ลึกลับและไม่อาจระบุอย่างที่สุด ซุ่มซ่อนสมบัติปริศนาโบราณซึ่งเพียงพอทำให้อริยะต่างบ้าคลั่งเพราะมัน
แต่เทพมารหลินคนนี้เคยเข้าสู่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มาก่อน!
อีกทั้งจากคำพูดเซี่ยอวี้ถัง เทพมารหลินไม่ใช่แค่เคยเข้าสู่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ยังได้รับวาสนาใหญ่ ได้สมบัติอริยะชิ้นหนึ่งด้วย!
ชั่วพริบตาผู้แข็งแกร่งทั้งหมดต่างนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับเทพมารหลินเมื่อหลายวันก่อน ที่กล่าวว่าสาเหตุที่เขาสามารถเปลี่ยนฐานะจากเด็กหนุ่มบ้านนอกตัวเล็กจ้อยในโลกชั้นล่าง มาผงาดกร้าวในแดนฐิติประจิม ก็เพราะเขาเคยได้รับวาสนาใหญ่ ซ้ำในมือยังยึดครองสมบัติอริยะเอาไว้
หรือข่าวลือจะเป็นเรื่องจริง
ทุกคนในที่นั้นเงียบสนิท เหล่าผู้กล้าตรงนั้นความคิดแตกต่างกันไป ในสมองหมุนวนความคิดนานัปการ
แม้แต่บุคคลแห่งยุคอย่างอวี่หลิงคง จี้ซิงเหยา มู่เจี้ยนถิง เหลยเชียนจวิน ขณะนี้ในใจต่างผิดแปลกอยู่บ้าง สายตาที่มองหลินสวินก็ไม่เหมือนเดิม
เร่าร้อน!
ชั่วพริบตา หลินสวินก็รู้สึกถึงความเร่าร้อนแผดเผาจากสายตาเหล่าผู้กล้าไม่น้อยที่มองมายังตน คล้ายจับจ้องขุมสมบัติไร้เทียมทานแห่งหนึ่ง
และตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเซี่ยอวี้ถังจึงกระโดดออกมาในเวลานี้ นี่หมายเสี้ยมเหล่าผู้กล้าให้หันปลายหอกมาทางตนเพียงคนเดียว!
‘เจ้าหมอนี่เจตนาชั่วช้า!’ ห่างออกไป ไป๋หลิงซีสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศอย่างชัดเจน สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ คั่งแค้นเกินต้าน
เซี่ยอวี้ถังนี่เจตนาเป็นแน่!
ดูเหมือนพูดจาทรงเกียรติผ่าเผย แท้จริงแอบซ่อนแผนชั่ว คิดให้เหล่าผู้กล้ามองหลินสวินเป็นเหยื่อ!
“พูดจบแล้วหรือ” นัยน์ตาดำของหลินสวินนัยน์ตาลุ่มลึกดุจหุบเหว แสงเย็นเยียบพุ่งวาบในดวงตา นับจากนี้เขาไม่อาจอภัยให้เซี่ยอวี้ถังอีกแล้ว
“ทำไม เจ้ายังคิดดื้อดึงไม่ยอมรับ? ข้าเตือนเจ้าด้วยหวังดี หรือยังไม่อาจทำให้เจ้าสำนึกผิดคิดกลับตัวแม้กระผีก” เซี่ยอวี้ถังไม่สบอารมณ์ แต่แท้จริงภายในใจหลงระเริงอย่างยิ่ง
จุดประสงค์ของเขาบรรลุแล้ว สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าจากนี้ ไม่ว่าหลินสวินมุ่งหน้าไปที่ไหน ล้วนต้องมีความวุ่นวายนับไม่ถ้วนติดตามไป
“เจ้ามันนับเป็นตัวอะไรถึงกล้ามาเห่าหอนต่อหน้าข้า”
ตึง! หลินสวินย่างก้าวออกไป พลานุภาพยิ่งใหญ่ปะทุแผ่จากร่างเขา ชวนรู้สึกใจสั่นราวเจินหลงบรรพกาลตัวหนึ่งตื่นขึ้น
“เจ้า… หรือยังคิดลงมือชั่วร้าย” สีหน้าเซี่ยอวี้ถังเผยความลนลานวูบหนึ่ง แม้เขาริษยาหลินสวินหาใดเปรียบ แต่ยังไม่กล้าถึงขั้นประลองฝีมือกับหลินสวินจริงๆ
เพียะ!
เงาร่างหลินสวินวูบไหว ไม่ทันเห็นเขาเคลื่อนไหว ใบหน้าเซี่ยอวี้ถังก็ถูกฝ่ามือหนึ่งตวัดใส่
“อ๊าก…” เขาส่งเสียงโหยหวน แม้เขาเองก็เป็นผู้กล้า แต่มีหรือจะเป็นคู่ต่อกรของหลินสวิน หลบหลีกไม่รอดโดยสิ้นเชิง
พริบตานั้นทั้งตัวเขาปลิวกระเด็น โหนกแก้มและขากรรไกรล่างแตกหักทันที เลือดกบจมูกปาก ฟันร่วงหลุด
ทุกคนในที่นั้นสะท้านขวัญ เทพมารหลินถูกยั่วโทสะโดยสมบูรณ์ หรือหมายความว่าคำพูดของเซี่ยอวี้ถังเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริง เชื่อถือได้
“คนอย่างเจ้ามันเสแสร้งไร้ยางอาย คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าออกมาเวลานี้เพราะคิดทำอะไร ควรบอกว่าเจ้าร้ายกาจต่ำทราม หรือควรพูดว่ารนหาที่ตายดี”
หลินสวินก้าวมาเบื้องหน้า ซัดฝ่ามือตบเซี่ยอวี้ถังลอยกระเด็นอีกครา เบื้องหน้าพลันสับสนวิงเวียน หูทั้งสองก้องเสียงดังหึ่งๆ จนแทบหมดสติ
“หลินสวิน!” เซี่ยอวี้ถังโกรธจนหน้าเขียว ดิ้นรนหมายหยัดกาย
“หุบปาก!” หลินสวินย่ำเท้าลงบนอก เหยียบกระดูกหน้าอกเขาจนแตก ก้มศีรษะมองเขาจากเบื้องสูงพลางกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าทนเจ้ามานานมากแล้ว คิดจริงหรือว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้า”
เซี่ยอวี้ถังหน้าตาบิดเบี้ยว เส้นเลือดดำบวมปริ ความได้ใจก่อนหน้าเลือนหาย เขาไม่เคยคิดว่าจะเจอความอัปยศขนาดนี้ ถูกหลินสวินกำราบและเหยียบย่ำต่อหน้าผู้กล้าทั้งหมด
“เจ้า…” เซี่ยอวี้ถังดวงตาอาฆาต หมายจะพูดบางอย่าง
“หุบปากซะ!” หลินสวินออกแรงที่เท้า เสียงกร๊อบๆ ดังสนั่น หน้าอกของฝ่ายหลังกระดูกหักยุบตัวลงมาแล้ว
เซี่ยอวี้ถังเจ็บจนหวีดร้องลั่น แทบลมจับหมดสติ
“บัญชีเก่าก่อนหน้าข้ายังไม่ได้คิดกับเจ้า เจ้ายังไม่ยอมเลิกรา คิดว่าใช้แผนการเช่นนี้จะสามารถอาศัยดาบคนอื่นมาเอาชีวิตข้าหรือ”
หลินสวินสีหน้าเย็นชา นัยน์ตาดำฉายแววเยียบเย็นชวนประหวั่น “บอกเจ้าเลยว่าทุกอย่างล้วนเปล่าประโยชน์ ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก ข้าจะให้เจ้าเห็นกับตาว่าข้าเด่นผงาดในดินแดนรกร้างโบราณนี้อย่างไร ชิงชัยเหนือมหามรรคทีละก้าวอย่างไร และเจ้า จะต้องเป็นแค่หนอนน่าสงสารตัวหนึ่งที่ได้แต่อยู่ใต้เงาข้าชั่วชีวิต!”
คำพูดเฉยชาราบเรียบ เซี่ยอวี้ถังเวลานี้เสมือนโคลนตมกองหนึ่ง แม้แต่วาจายังกล่าวไม่ออก สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและอาฆาต
ตอนนี้เขาเพิ่งค้นพบอย่างน่าหวาดผวา ว่าหลินสวินเปลี่ยนเป็นน่ากลัวกว่าที่เขาจินตนานานแล้ว แข็งแกร่งถึงขั้นทำให้เขาไม่อาจดิ้นรนและขัดขืน!
เหล่าผู้กล้าทั้งหมดที่อยู่ละแวกใกล้เคียงเห็นทุกอย่างนี้กับตา ในใจต่างตกตะลึงไม่หยุด
เซี่ยอวี้ถังนั่นสามารถเข้าสู่การทดสอบด่านที่สาม เดิมก็ต้องเป็นผู้กล้าคนหนึ่ง แต่ต่อหน้าเทพมารหลินกลับเทียบแม้แต่ไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาไม่ได้ ถูกกำราบลงโดยสิ้นเชิง!
ส่วนบุคคลแห่งยุคบางส่วนเห็นดังนี้ ปฏิกิริยาตอบสนองกลับแตกต่างไป พวกเขาสงสัยว่าสิ่งที่เซี่ยอวี้ถังพูดเมื่อครู่คงเป็นจริง ไม่เช่นนั้นไยเทพมารหลินต้องตอบสนองรุนแรงเช่นนี้
เพียงชั่วขณะสายตาที่พวกเขามองหลินสวินล้วนเปลี่ยนไป กลายเป็นซับซ้อนขึ้นมา
หลินสวินหาได้สนใจสิ่งเหล่านี้ เขาไม่อาจไม่เดือดดาล เขาและเซี่ยอวี้ถังมาจากที่เดียวกัน แต่กลับคาดไม่ถึงว่าคนที่ชิงกระโดดออกมาขุดฝังเขาก่อนจะเป็นเจ้าหมอนี่ อีกทั้งอีกฝ่ายยังไม่ได้ทำเช่นนี้เพียงครั้งเดียว
“หลินสวิน นี่เจ้าหมายความว่าอะไร ศิษย์น้องเซี่ยปรารถนาดีเกลี้ยกล่อมเจ้า เจ้าไม่รับน้ำใจก็ช่างเถอะ ยังทำป่าเถื่อนทำร้ายคน ออกจะเกินไปหน่อยหรือไม่”
จั๋วขวงหลันในชุดสีฟ้าก้าวออกมา เขาคือหนึ่งในห้าศิษย์สืบทอดแท้จริงของสำนักกระบี่โผผิน เป็นบุคคลแห่งยุคผู้หนึ่ง เห็นเซี่ยอวี้ถังถูกกำราบยับเยิน เขาย่อมไม่อาจนิ่งดูดาย
ถึงอย่างไรเซี่ยอวี้ถังก็เป็นผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินของพวกเขา!
“เจ้าไม่พอใจ?”
หลินสวินปรายตากวาดมองเย็นชา ตั้งแต่มาถึงริมทะเลปรวนแปรนี่เขาก็ถูกยั่วยุอย่างต่อเนื่อง เห็นว่าเขาหลินสวินเป็นมะพลับนิ่มที่ใครต่างก็บีบกำได้หรืออย่างไร
จั๋วขวงหลันขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเรียบทันที “เจ้าน่าจะรู้จุดจบของการทำเช่นนี้ดี”
หลินสวินยิ้มเยาะ คร้านจะใส่ใจการข่มขู่ในวาจาจั๋วขวงหลัน เงาร่างเขาเหยียดตรง นัยน์ตาเยียบเย็นดุจอสนีกวาดมองทุกคนในที่นั้น กล่าวอย่างราบเรียบ “ใครไม่พอใจ ตอนนี้ล้วนสามารถก้าวออกมา วันนี้ข้าหลินสวินพร้อมสู้ด้วยถึงที่สุด!”
ประโยคเดียวเปี่ยมความอหังการ ทำผู้แข็งแกร่งตรงนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย นี่เทพมารหลินเป็นบ้าไปแล้วหรือ แต่ท่าทางเขาตอนนี้ก็บ้าคลั่งเกินไปแล้วจริงๆ!
บุคคลแห่งยุค ณ ที่นั้นมีมากมาย เขาคนเดียวสามารถรับมือได้หรือ
“คิกๆ ทุกคนดูสิ เทพมารหลินนี่คิดเป็นศัตรูกับพวกเราทุกคนล่ะ” ชิงเหลียนเอ๋อร์ส่งเสียงหัวเราะเยาะ วาจาอ่อนหวานแต่ซ่อนเข็มแหลม
“ฮึ ข้าว่าเขารนหาที่ตาย”
“หลินสวิน เมื่อครู่เจ้าล่วงเกินแม่นางจี้และคุณชายอวี่ ทั้งกระทำการป่าเถื่อนทำร้ายคนและท้าทายพวกเรา คิดจริงๆ หรือว่าเจ้าสามารถทำอะไรได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวฟ้าดิน”
พวกซาหลิวฉาน จงหลีอู๋จี้ อู่ต้วนหยาพากันเอ่ยปาก พวกเขามีปมกับหลินสวินอยู่ก่อนแล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่พลาดโอกาสซ้ำเติมเช่นนี้
ชั่วขณะเดียว ปลายหอกมากมายมุ่งตรงมาทางหลินสวินคนเดียว ทำให้ผู้แข็งแกร่งทั้งหมด ณ ที่นั้นต่างใจสะท้านไม่หยุด
บุคคลแห่งยุคมากขนาดนี้เอ่ยปาก เทพมารหลินเจอปัญหาใหญ่แล้ว!