Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 900 ต้นไม้เทพราวนรก ศุภโชคเปื้อนเลือด
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 900 ต้นไม้เทพราวนรก ศุภโชคเปื้อนเลือด
ตอนที่ 900 ต้นไม้เทพราวนรก ศุภโชคเปื้อนเลือด
วิญญาณดำประทานมาร!
สมบัติโบราณที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษตระกูลจงหลีชิ้นหนึ่ง อานุภาพน่ากลัว เทียบเท่ายอดศาสตรามรรคราชัน
โดยทั่วไป สมบัติระดับนี้ล้วนอยู่ในมือของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชัน
แต่เห็นได้ชัดว่า เพื่อให้จงหลีอู๋จี้ช่วงชิงศุภโชคในเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ได้ ตระกูลจงหลีเองก็ลงทุนลงแรง ให้สมบัตินี้ไว้กับจงหลีอู๋จี้เพื่อเป็นอาวุธสังหารและใช้ป้องกันตัว!
“ไป!”
พลันเห็นจงหลีอู๋จี้สะบัดแขนเสื้อเก็บวิญญาณดำประทานมาร จากนั้นกวาดมองหลินสวินด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนจะพาพวกซาหลิวฉานเคลื่อนตัวไปยังด้านบนของต้นไม้เทพ
“หลินสวินอย่าตามเลย”
เยวี่ยเจี้ยนหมิงพุ่งเข้ามาขวาง “พวกเขาร่วมมือกันแล้ว ปะทะกับพวกเขาตอนนี้มีแต่เสียกับเสีย”
“อืม ข้าเพียงอยากหยั่งเชิงไพ่ใบสุดท้ายของพวกเขา” หลินสวินยิ้มพูด เขาไม่คิดจะตามไปอยู่แล้ว
และรู้ว่าเวลานี้ไม่เหมาะกับการเข่นฆ่า ศุภโชคยังไม่ปรากฏก็ลงมืออย่างเต็มเหนี่ยว จะนำพาเรื่องไม่คาดฝันที่ไม่จำเป็นเข้ามา
ทว่าหลังจากหยั่งเชิงในครั้งนี้กลับทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่า ในมือของพวกจงหลีอู๋จี้ครอบครองไม้ตายที่แข็งแกร่งดังคาด
อย่างวิญญาณดำประทานมารเมื่อครู่นี้ก็เป็นยอดศาสตรามรรคราชันที่แข็งแกร่งอย่างมากชิ้นหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะหลินสวินฝึกพลังจิตวิญญาณจนมาถึงระดับดอกเทพรวมยอด สัมผัสถึงถึงไอสังหารได้ก่อน กลัวว่าคงถูกลอบโจมตีจนบาดเจ็บไปแล้ว
จงหลีอู๋จี้เป็นเช่นนี้ แค่คิดก็รู้ว่าในมือของชิงเหลียนเอ๋อร์และซาหลิวฉานก็ต้องมีไม้เด็ดเช่นนี้ด้วย
“ไป พวกเราเคลื่อนไหวด้วยกัน” หลินสวินตัดสินใจขึ้นไปบนยอดต้นไม้เทพนั่นด้วย
เหนือความคาดหมาย เยวี่ยเจี้ยนหมิงกลับปฏิเสธ “หากไม่มีเจ้าคอยช่วย ด้วยความสามารถของข้าคงถูกคัดออกไปตั้งแต่การทดสอบถกมรรคแล้ว ข้าพอใจมากแล้ว ไม่คิดจะช่วงชิงศุภโชคครั้งนี้อีก”
คำพูดของเขาราบเรียบ แต่กลับแฝงความเด็ดเดี่ยว
นี่ทำให้หลินสวินสะท้านใจ ศุภโชคบนต้นโคมสำริดมรรคโบราณเพียงพอจะทำให้ผู้ฝึกปราณทุกคนละโมบ ช่วงชิงมันอย่างบ้าคลั่ง
แต่เยวี่ยเจี้ยนหมิงกลับเลือกที่จะหยุดในสถานการณ์เช่นนี้ นี่ย่อมต้องใช้ความแน่วแน่และเด็ดเดี่ยวอันใหญ่หลวงอย่างไม่ต้องสงสัย!
เจตจำนงที่แน่วแน่เช่นนี้ถือว่าหายากมาก หลินสวินเองยังอดนับถือไม่ได้ สามารถคาดการณ์ได้ว่า บางทีคนอย่างเยวี่ยเจี้ยนหมิงที่ตอนนี้แม้แต่ผู้กล้าชั้นยอดยังสู้ไม่ได้ แต่ด้วยจิตใจและจิตวิญญาณเช่นนี้ สักวันจะต้องสามารถผงาดขึ้นมาได้
สุดท้ายหลินสวินจึงเคลื่อนไหวเพียงลำพัง เยวี่ยเจี้ยนหมิงเลือกที่จะอยู่ใต้ต้นไม้โบราณ เมื่อเทียบกันแล้วที่นี่ก็คือเขตปลอดภัย จะไม่เกิดอันตรายที่ไม่คาดฝันอะไร
ตอนนี้เหล่าผู้กล้าต่างขึ้นไปช่วงชิงศุภโชคบนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ย่อมไม่มีทางแบ่งความสนใจ มาเสียเวลากับการเล่นงานเยวี่ยเจี้ยนหมิง
……
ปัง!
ทันทีที่ก้าวขึ้นลำต้นของต้นโคมสำริดมรรคโบราณซึ่งหนาใหญ่อย่างที่สุดนั้น สายฟ้าหนาแน่นราวกับลมพายุก็ผ่าสังหารลงมา
หลินสวินไม่เลือกปะทะหรือสลายมัน ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งจนร่างกายวูบไหว หลบเลี่ยงการโจมตีอันหนักหน่วงนั่น พุ่งขึ้นด้านบน
เขาก้าวอย่างผ่อนคลาย เงาร่างเลือนราง
ต้นไม้เทพเสียดฟ้า ลำต้นหนาใหญ่อย่างที่สุด แต่ละกิ่งก้านราวกับทอดยาวไปถึงส่วนลึกที่สุดของห้วงอากาศ เดินอยู่บนนั้นราวกับได้เข้าไปอยู่ในเขาวงกต
เพียงครู่เดียวเท่านั้นหลินสวินก็จำต้องชะงักฝีเท้า ด้วยตรงหน้าเกิดการต่อสู้ขึ้น
ตูม!
ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งแปลงเป็นงูเหลือมยักษ์สีม่วง ยาวสิบกว่าจั้ง รอบตัวมีแสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงพลุ่งพล่าน กระโดดตัวขึ้นมาพุ่งสังหารไปอีกฟาก
ตรงนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังจะเข้าใกล้ดอกตูมสำริดดอกหนึ่ง เมื่อถูกลอบโจมตีเช่นนี้ เขาพลันตะโกนออกมากะทันหัน ปีกคู่หนึ่งที่เจิดจ้าราวกับหิมะผุดออกจากหลัง แหลมคมราวกับดาบ ทั้งสองต่อสู้กันขึ้นมา
ตูมโครม!
ที่ตรงนั้นไอสังหารกู่ก้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน แสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่อง
ลำตัวของงูเหลือมยักษ์สีม่วงราวกับสร้างจากทองเซียน แข็งแกร่งอย่างที่สุด ถูกปีกของชายหนุ่มฟันเข้าไปก็ส่งเสียงเสียดหู สะเก็ตไฟสาดกระเซ็น
นี่คือศึกใหญ่แห่งการช่วงชิงศุภโชค น่าเวทนาอย่างที่สุด ไม่นานก็รู้แพ้ชนะ ชายหนุ่มบาดเจ็บสาหัส ปีกเกือบหัก ขนปีกเปื้อนเลือด สูญเสียลำตัวข้างหนึ่ง หนีกระเจิงห่างไป
งูเหลือมยักษ์สีม่วงนั่นเคลื่อนไหวร่างกาย แปลงเป็นหญิงสาววัยแรกแย้ม ก้าวเข้าไปอยู่ตรงหน้าดอกตูมสำริดดอกนั้น ก่อนกวาดสายตามองรอบๆ อย่างระมัดระวัง
เห็นได้ชัดว่าศุภโชคในดอกตูมสำริดดอกนี้เข้าตานาง หลังจากโจมตีชายหนุ่มจนยับเยิน ก็ยึดครองพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นเขตต้องห้าม
ตอนที่เห็นหลินสวิน สาวน้อยหรี่ตา เผยความระแวงอย่างชัดเจน
หลินสวินไม่สนใจ เดินหน้าต่อไป
จนกระทั่งเงาร่างของหลินสวินหายไป สาวน้อยคนนั้นจึงถอนหายใจยาว ก่อนจะเผยสีหน้าราวกับกำลังเย้ยหยันตัวเอง ก็จริง บุคคลแห่งยุคอย่างเทพมารหลิน จะมาแย่งศุภโชคกับตนได้อย่างไร…
ตูม!
หลินสวินเดินหน้าไปได้ไม่นานก็มีการต่อสู้ปะทุขึ้นอีกครั้ง ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งเรียกยันต์สายฟ้าสายหนึ่งออกมา ปลดปล่อยสายฟ้าสีแดงโจมตีมาทางหลี่ชิงฮวน
หลี่ชิงฮวนกวาดมือ ไอหยินหยางสองสายปรากฏขึ้น แปรเปลี่ยนเป็นหินโม่สีขาวดำกดทับลงมา ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด
สิ่งที่ทำให้หลินสวินแปลกใจคือ ผู้แข็งแกร่งคนนี้หน้าไม่คุ้น แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นบุคคลแห่งยุคคนหนึ่ง สามารถต่อสู้กับหลี่ชิงฮวนอย่างสูสี
สวบ!
เพียงแต่ตอนที่หลี่ชิงฮวนสังเกตเห็นหลินสวินที่อยู่ห่างไป สีหน้าพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย หยุดการต่อสู้อันดุเดือดแล้วเอี้ยวตัวจากไป หายลับไร้ร่องรอย
ผู้แข็งแกร่งที่ถือยันต์สายฟ้าอึ้งงัน พอเห็นหลินสวินก็ตอบสนองทันที สีหน้าแฝงความระแวงอันแรงกล้า
‘เจ้าหมอนี่ถือว่าวิ่งไวดี’
หลินสวินไม่ได้สนใจ เหลือบมองบริเวณที่หลี่ชิงฮวนจากไปปราดหนึ่งก็เดินหน้าต่อ
ระหว่างทางเขาเจอดอกตูมสำริดดอกแล้วดอกเหล่า แต่ก็ถูกคนแย่งกันแทบทั้งหมด เป็นเหตุให้เกิดการเข่นฆ่าอันน่าอนาถ
“รนหาที่ตาย!” ทันใดนั้นในระยะไกลมีเสียงตะโกนดังขึ้น มู่เจี้ยนถิงผู้สืบทอดอารามพรางมรกตเองก็เจอคู่ต่อสู้
นั่นคือผู้แข็งแกร่งเผ่าสลาตัน เงาร่างราวกับลม ว่องไวราวกับวิญญาณ ถือกระบองสีเลือดคู่หนึ่งหมุนตัวลงมา ทำให้อากาศทรุดทลาย
เขาเคลื่อนไหวอย่างฉับไว ส่วนกระบองในมือก็เห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติโบราณคู่หนึ่ง พลังสังหารสะท้านขวัญ พัดกระพือแสงเลือดแสบตา
มู่เจี้ยนถิงรูปร่างสูงตระหง่าน ชุดคลุมโบกสะบัดไปตามสายลม การต่อสู้ดำเนินอยู่นานโดยไม่หยุด ทำให้เขาโกรธอย่างเห็นได้ชัด ไม่ออมมืออีกต่อไป เรียกกระบี่โบราณลายสนด้ามหนึ่งออกมา
ชิ้ง!
ประกายกระบี่สายหนึ่งปรากฏขึ้น ยิ่งใหญ่เรืองรอง สว่างไสวอย่างที่สุด
เห็นได้ชัดว่านี่คือยอดศาสตรามรรคราชันชิ้นหนึ่ง ตอนนี้กลับถูกมู่เจี้ยนถิงเรียกออกมาอย่างไม่มีเก็บงำ เพราะไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไปแล้ว
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นพลันได้ยินเสียงพรูดดังขึ้น เลือดสดๆ สาดพุ่ง ศีรษะของผู้แข็งแกร่งเผ่าสลาตันคนนี้ถูกตัด ร่างไร้ศีรษะร่วงหล่นลง
ผู้กล้าชั้นยอดคนหนึ่งกลับถูกสังหารง่ายๆ เช่นนี้!
“อ๊าก…”
เพียงแต่หลินสวินยังไม่ทันได้คิดมาก อีกด้านพลันมีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่ศักยภาพเรียกได้ว่าอยู่ในชั้นหนึ่งถูกสังหาร ร่างกายระเบิดออก เลือดเนื้อปลิวว่อน ตายอย่างอนาถมาก
คู่ต่อสู้ของเขาคือเหลยเชียนจวินแห่งเผ่ามหาอสนี ร่างกายพันด้วยแสงสายฟ้าระยิบระยับราวกับโซ่สายแล้วสายเล่า สว่างไสวแสบตา ขับให้เขาราวกับเป็นเทพสายฟ้า ท่าทางองอาจกำยำ อานุภาพน่ากลัว
เมื่อครู่นี้เขาเพียงออกสองหมัดก็สังหารคู่ต่อสู้อย่างง่ายดาย แสดงพลังต่อสู้ที่น่าทึ่งอย่างยิ่งออกมา
นี่ก็คือศึกนองเลือดของการช่วงชิงศุภโชค โหดร้ายคาวเลือด แม้เป็นผู้กล้าแห่งเผ่าหนึ่ง ก็อาจจะจบสิ้นที่นี่
และนี่แค่เท่าที่หลินสวินเจอเท่านั้น บริเวณอื่นๆ ของต้นโคมสำริดมรรคโบราณต้นนี้ก็มีการเข่นฆ่าดำเนินอยู่อีกไม่รู้เท่าไหร่
ศุภโชคยังไม่ปรากฏก็จริง แต่ดอกตูมแต่ละดอกบนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จะต้องเบ่งบานในไม่ช้า เพื่อให้ช่วงชิงวาสนาได้ทันที ความขัดแย้งและการเข่นฆ่าเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
นี่ทำให้หลินสวินอดระแวงไม่ได้ และระมัดระวังขึ้นไม่น้อย
ระหว่างทางจิตรับรู้ของเขารับสัมผัสอย่างต่อเนื่อง และค้นพบความมหัศจรรย์บางส่วน
ดอกตูมสำริดแต่ละดอก บ้างราวกับมีชีวิต ปลดปล่อยแสงมรรคที่ราวกับภาพมายา คล้ายจะเบ่งดอกออกผลได้ตลอดเวลา
บางดอกกลับตรงกันข้าม นิ่งสนิทไม่ขยับ ไร้ซึ่งคลื่นแห่งชีวิต
ที่เหล่าผู้กล้าแย่งชิงกัน ก็คือดอกตูมสำริดประเภทที่หนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาล้วนรู้ดีว่า หากศุภโชคจะมาเยือน จะต้องปรากฏในดอกตูมสำริดที่มีกลิ่นอายแห่งชีวิตก่อนเป็นอันดับแรก
พูดง่ายๆ ก็คือ ความแข็งแกร่งและอ่อนแอของกลิ่นอายชีวิตบนดอกตูมสำริด ก็คือการกำหนดความเล็กใหญ่ของศุภโชค!
……
ศึกใหญ่กำลังปะทุในบริเวณที่แตกต่างกันบนต้นโคมสำริดมรรคโบราณ เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดและคาวเลือดอยู่ทุกแห่งหน
ต้นไม้เทพที่เดิมศักดิ์สิทธิ์และเคร่งขรึม ตอนนี้ราวกับแปรเปลี่ยนเป็นแดนชำระบาป
และในการแย่งชิงนั้น แต่ละคนล้วนเป็นผู้กล้าชั้นยอดที่โดดเด่น!
หากไม่ใช่เพราะต้นไม้ต้นนี้อัศจรรย์ มีพลังต้องห้ามที่ไม่อาจคาดเดาปกคลุม เพียงแค่คลื่นทำลายล้างที่เกิดจากศึกวุ่นวายเช่นนี้ก็เพียงพอจะทลายใต้หล้าฝั่งหนึ่ง ก่อให้เกิดพิบัติภัยที่ไม่สามารถจินตนาการได้แล้ว
หลินสวินไม่ได้มีส่วนร่วมในการเข่นฆ่าเหล่านั้น เป้าหมายของเขาคือยอดต้นไม้เทพ
หืม?
จู่ๆ หลินสวินก็ชะงักเท้า เหลือบมองดอกตูมสำริดดอกหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ดอกตูมสำริดนี้ยังนิ่งสงบ ไร้คลื่นแห่งชีวิตอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจ ราวกับตื่นจากการหลับใหล แสงศักดิ์สิทธิ์แสบตาพรั่งพรู บริสุทธิ์ยากจับต้อง
จากแนวโน้มการตื่นเช่นนี้ อีกไม่นานก็สามารถเบ่งบานแล้ว!
หลินสวินหวั่นไหวขึ้นมาทันที
ฮูม!
แต่ตอนนี้เองมีคนพุ่งสังหารเข้ามา ลงมือกับหลินสวิน เป็นชายชุดคลุมทองคนหนึ่ง ในมือเพียงกระตุกดึง ภาพมวนหนึ่งพลันกางออก
ในม้วนภาพสุริยันทลายจันทราลับฟ้า ภูเขาถล่มทลาย เป็นลักษณ์ที่น่าสะพรึง
นี่เป็นสมบัติลับที่น่ากลัวชิ้นหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังเป็นอาวุธไม้ตายของตระกูลหนึ่ง!
เห็นได้ชัดว่าชายชุดคลุมทองคนนี้ก็รู้ความแข็งแกร่งของหลินสวิน จึงไม่ได้ดูถูก ทันทีที่ลงมือก็เรียกอาวุธเด็ดออกมาโดยพลัน
ฉัวะ!
หลินสวินไม่ลังเล เพราะสมบัติลับที่คู่ต่อสู้สำแดงแข็งแกร่งเกินไป เขาเองก็ไม่เก็บงำอีกเช่นกัน ดาบหักพุ่งออกมาทันใด
ดาบหักเป็นศาสตราจิต ใช้วิชาจิตขับเคลื่อนในการสำแดง อานุภาพเรียกได้ว่าพลิกฟ้าอย่างแน่นอน
และตอนนี้หลินสวินเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงแล้ว พลังจิตวิญญาณของเขาเข้าสู่ระดับดอกเทพรวมยอดแล้ว ยามควบคุมดาบหักจึงยิ่งคล่องแคล่ว อานุภาพก็แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก
พลันเห็นดาบหักสว่างไสวราวกับแสงสีขาวประกายมายา เสียงฉัวะดังขึ้น ราวกับกรรไกรอันแหลมคมตัดม้วนภาพที่ปกคลุมเข้ามา
“เจ้า…”
ชายชุดคลุมทองสั่นเทิ้มไปทั้งกาย แทบจะไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง ที่เขากล้าจู่โจมหลินสวินอย่างไม่เกรงกลัวก็เพราะม้วนภาพในมือ นี่เป็นสมบัติลับบรรพกาลชิ้นหนึ่ง อานุภาพเกิดคาดเดา ประทับกลิ่นอายมรรคราชัน น่ากลัวอย่างหาที่สุดไม่ได้
แต่ตอนนี้เพิ่งจะปะทะกันเท่านั้นก็ถูกทำลาย!
นี่ทำให้ชายชุดคลุมทองตระหนักได้ในทันทีว่า ดาบหักที่หลินสวินครอบครอง แข็งแกร่งกว่าสมบัติลับในมือเขามาก!