Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 944 หมัดที่ไม่อาจขวางกั้น
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 944 หมัดที่ไม่อาจขวางกั้น
เรือสีเลือดเรียวยาว ขนาดประมาณร้อยจั้งพาดขวางอยู่ไกลๆ
บนเรือกลุ่มผู้ฝึกปราณที่กลิ่นอายเข่นฆ่าพลุ่งพล่านสีหน้าเรียบเฉย ต่างทอดสายตามองมา
ผู้เป็นหัวหน้าคือราชันกึ่งระดับถึงหกคน ล้วนอยู่ในชุดคลุมสีดำ แม้จะยืนอยู่เงียบๆ อานุภาพที่แผ่กระจายออกจากทั่วร่างกายกลับยิ่งใหญ่คับฟ้า สะท้านขวัญยิ่ง
พวกของโค่วซิง หน้าเขียวและจงอางแดงสีหน้าจริงจัง ในใจกระวนกระวาย
สำหรับอันตรายในแม่น้ำพรมแดน พวกเขาอาจจะสามารถคลี่คลายได้ด้วยประสบการณ์อันหลากหลายของตน แต่กับกองทัพที่แข็งแกร่งนี้ กลับทำให้พวกเขาหมดหนทาง รู้สึกสิ้นหวัง
ไม่มีเหตุผลอื่น นอกจากศักยภาพต่างกันมากเกินไป!
กองกำลังนี้เพิ่งพุ่งเข้ามาก็ขวางทางพวกเขาเอาไว้ ไม่ต้องถามก็รู้ว่าจะต้องมาเพราะแม่นางเยวี่ยอย่างแน่นอน
“ตัวยุ่งยากมาแล้ว”
แม่นางเยวี่ยนับว่าสงบนิ่งมาก ถอนหายใจเหมือนจนปัญญาเบาๆ คราหนึ่ง
นางหันสายตาไปมองหลินสวินที่อยู่ข้างๆ “ดูสิ นั่นลูกศิษย์ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรอ้าวไหล ตาเฒ่าหกคนนั้นเป็นราชครูผู้คุมอำนาจของลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ แต่ละคนเข่นฆ่าอย่างไร้ปรานี เคยสังหารมาแล้วกว่าหมื่นชีวิต เรียกว่าเป็นเพชฌฆาตแห่งลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เกินไป”
หลินสวินขานรับว่าอืม เขากำลังพินิจอีกฝ่าย
ราชันกึ่งระดับหกคน มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติสิบแปดคน พลังระดับนี้เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่มากจริงๆ เพียงพอที่จะทำให้ผู้แข็งแกร่งที่ต่ำกว่าระดับราชันรู้สึกสิ้นหวัง
แต่ไม่รวมหลินสวิน
เขาเพียงรู้สึกแปลกใจไม่น้อย บนตัวของลูกศิษย์ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นราชันกึ่งระดับหรือระดับกระบวนแปรจุติ ล้วนแฝงกลิ่นอายมืดมนและน่าสะพรึงกลัวอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก
“แม่นางเยวี่ย พวกเราพบกันอีกแล้ว เพียงแค่เจ้าส่ง ‘หินแหล่งกำเนิดมรรคเพลิงศักดิ์สิทธิ์’ มา บางทีเราอาจจะเมตตา ให้เจ้าตายโดยไม่ต้องทรมาน”
บนเรือสีเลือดที่อยู่ห่างไป ชายชราใบหน้าแดงฝาด สีหน้าอึมครึมเย็นเยียบพูดเสียงเรียบ “เจ้าอย่าคิดว่าจะโชคดีอีก ครั้งนี้ไม่มีใครช่วยเจ้าได้ทั้งนั้น”
หินแหล่งกำเนิดมรรคเพลิงศักดิ์สิทธิ์!
หลินสวินอึ้ง จากนั้นเสียงของแม่นางเยวี่ยก็ดังขึ้นข้างหู “นี่คือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ภายในรวบรวม ‘แรงปรารถนา’ ที่พวกเขาดูดมาจากสิ่งมีชีวิตวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีส่วนช่วยสำคัญต่อการหลอมบูชายอดศาสตรามรรคมารบางประเภทของพวกเขา”
ในเวลาเดียวกัน แม่นางเยวี่ยยิ้มมองไปทางเรือสีเลือดที่อยู่ห่างไปพร้อมกับพูดว่า “หินแหล่งกำเนิดมรรคเพลิงศักดิ์สิทธิ์นั้นทำลายฟ้า ขัดต่อศีลธรรม อันตรายต่อสรรพชีวิต เป็นบ่อเกิดความชั่วร้าย ไม่ควรมีบนโลก ข้ากำลังธำรงคุณธรรม พวกเจ้ากลับจะฆ่าข้า นี่ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด”
“อย่าคิดเถียง!” ราชันกึ่งระดับคนหนึ่งตะเบ็งเสียง เสียงราวกับฟ้าร้องก้องไปทั่วฟ้าดิน
“หยุดพูดไร้สาระ ผู้หญิงคนนี้ดื้อดึงไม่ยอมรับผิด ฆ่าเสียก็สิ้นเรื่อง ยังมีพรรคพวกของนาง ในเมื่อร่วมมือกันทำชั่ว ก็ฆ่าทิ้งซะ!” ราชันกึ่งระดับคนอื่นพูดเสียงเย็น
“ก็ดี” ชายชราที่เป็นผู้นำพยักหน้า สีหน้าเย็นชา
ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาไม่เคยสนใจใครนอกจากแม่นางเยวี่ย
เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าจะเป็นหลินสวินหรือพวกโค่วซิงต่างถูกพวกเขามองข้าม ไม่เห็นอยู่ในสายตา
ท่าทีเย่อหยิ่งและเย็นชานี้ทำให้พวกโค่วซิงขุ่นเคืองและรู้สึกหดหู่อย่างที่สุด แม้แต่พวกเขาเองยังต้องยอมรับว่า อีกฝ่ายมีต้นทุนพอที่จะมองข้ามพวกเขา
หลินสวินเองก็ขมวดคิ้ว ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์นี่หยิ่งผยองจริงๆ พอมาสองสามคำก็คิดจะฆ่าพวกเขาให้หมดแล้ว เห็นได้ชัดว่าเมื่อก่อนทำเรื่องจำพวกเอาชีวิตคนมามากเกินไป
โครม!
แต่ไม่ว่าหลินสวินจะคิดอย่างไร อีกฝ่ายก็ลงมือแล้ว ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำที่มีพลังปราณระดับกึ่งราชันเคลื่อนไหวผ่านห้วงอากาศเข้ามา เมื่อยื่นมือออกมา มือใหญ่สีดำสายหนึ่งสยบสังหารลงมา ปกคลุมฟ้าดิน เสียงธรรมกู่ก้อง เข้าครอบคลุมยานสำเภาที่พวกหลินสวินอยู่
เขาดูเรียบเฉยและเย็นชามาก ท่าทางสูงศักดิ์ราวกับผู้ครองอำนาจที่ควบคุมความเป็นความตาย
พวกของโค่วซิงแทบพังทลายแล้ว แม้พวกเขาอยากหนีและดิ้นรน แต่เมื่อเจอกับแรงกดดันของราชันกึ่งระดับคนหนึ่ง กลับทำให้พวกเขาไม่สามารถมีความคิดต้านทานใดๆ ได้จริงๆ
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ไม่ใช่คนในระดับเดียวกันเลยสักนิด ราวกับมดตะนอยกำลังเผชิญกับการจู่โจมของมังกรบนฟ้า
แม้แต่แม่นางเยวี่ยยามนี้ก็อดตื่นตระหนกไม่ได้ นางเองก็คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะเคลื่อนกำลังราชันกึ่งระดับถึงหกคน!
ต่อให้นางจะคาดหวังในตัวหลินสวิน แต่ตอนนี้ความมั่นใจก็อดสั่นคลอนไม่ได้ หว่างคิ้วเผยความกังวลที่ยากจะสังเกตเห็น
ตอนแรกหลินสวินยังใคร่ครวญว่า จะใช้วิธีที่ละมุนละม่อมคลี่คลายการขวางกั้นเส้นทางที่มาอย่างกะทันหันนี้
ถึงอย่างไรเขากับลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีความแค้นต่อกัน เพียงแค่ช่วยแม่นางเยวี่ยเท่านั้น ไม่ถึงขั้นต้องล้ำเส้นเกินไป
แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว!
ตั้งแต่อีกฝ่ายปรากฏตัวก็มองข้ามพวกเขา ทำเหมือนพวกเขาไม่มีตัวตนก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับจะลงมือฆ่าพวกเขาให้หมด ท่าทีที่เย็นชาเมินเฉย ชี้ต้นตายชี้ปลายเป็นเช่นนั้น จะให้หลินสวินทนได้อย่างไร
ไม่มีความแค้นต่อกันยังลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ แค่คิดก็รู้ว่าอีกฝ่ายเผด็จการแค่ไหน!
พูดแล้วเหมือนช้า แต่ความจริงว่องไวนัก ชั่วขณะที่อีกฝ่ายโจมตี หลินสวินก็ลงมือแล้วเช่นกัน เท้าก้าวย่างชือน้ำแข็ง ร่างกายพุ่งทะลวงขึ้น สะบัดหมัดหนึ่งออกไป
“หืม?”
ชายวัยกลางคนชุดคลุมดำเหมือนประหลาดใจ ในสถานการณ์เช่นนี้กลับมีเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะขั้นสมบูรณ์คนหนึ่งกล้าก้าวออกมา ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ
จากนั้นเขาก็เข้าใจทันที สีหน้าเรียบเฉยเผยความเหยียดหยาม สังเกตได้ว่ากลิ่นอายของหลินสวินขยับจากระดับหยั่งสัจจะไปสู่ระดับกระบวนแปรจุติในพริบตา
ที่แท้ก็จงใจปกปิดความสามารถ…
ทว่า นี่ก็คือความมั่นใจที่ทำให้เขากล้าก้าวออกมาสู้กับตนหรือ
อ่อนหัดเกินไปแล้ว!
ชายวัยกลางคนสีหน้าเรียบเฉย เหมือนเห็นแมลงเม่าตัวหนึ่งพุ่งเข้ากองไฟ ไม่มีความสงสารและไม่มีความเห็นใจ ถึงขั้นที่ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้
ในฐานะราชันกึ่งระดับ เขามีพลังที่สามารถดูถูกผู้ฝึกปราณ ‘ทั้งห้าระดับใหญ่’ ได้ตั้งนานแล้ว หลายปีมานี้ฆ่าผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติมาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ จะสนใจการโต้ตอบเช่นนี้ได้อย่างไร
บนเรือสีเลือดที่อยู่ห่างออกไป สีหน้าของบรรดาราชครูและลูกศิษย์ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์เองก็เรียบเฉย การดิ้นรนและตอบโต้ พวกเขาเจอมามากแล้ว นี่อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่ผู้ฝึกปราณทุกคนสามารถทำได้ก่อนตาย เห็นจนชินไปตั้งนานแล้ว
“นี่…” พวกของโค่วซิงอึ้งกันเป็นแถบ คิดไม่ถึงเลยว่าในสถานการณ์เช่นนี้ คุณชายหลินซย่าคนนี้กลับดึงดัน ยอมตายแต่ไม่ยอมนั่งงอมืองอเท้ารอความตาย
โครม!
ฝ่ามือของชายวัยกลางคนตบลงมา มืดฟ้ามัวดิน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด
ตูม!
ในเวลาเดียวกัน หมัดของหลินสวินก็ได้สะบัดออกมา เรียบง่าย ธรรมดา ไม่แฝงกลิ่นอายใดๆ แม้แต่เสี้ยวเดียว
จากนั้น ภาพที่ทุกคนคิดไม่ถึงก็เกิดขึ้น…
พลังหมัดของหลินสวิน ทรงพลังดุจทำลายหญ้าแห้งไม้ผุ โจมตีประทับฝ่ามือสีดำที่ปกคลุมเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดินจนแตกสลายอย่างง่ายดาย!
ตู้ม!
เสียงกึกก้องระเบิดแตกดังสะเทือน พลังฝ่ามือแปรเป็นละอองแสงสาดกระจายทั่วฟ้า เสียงดังสะเทือนฟ้าดิน
“ไม่ถูกต้อง!” บนเรือรบสีเลือดที่อยู่ห่างไป ทุกคนต่างหรี่ตาโดยพร้อมเพรียง
“นี่…” พวกโค่วซิงอึ้งจนพูดไม่ออก นั่นเป็นการโจมตีของราชันกึ่งระดับเชียวนะ ถูกสลายง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ
‘ช่างสมกับเป็นเทพมารหลินที่ก่อกวนคลื่นลมในแดนฐิติประจิม!’ แม่นางเยวี่ยแอบชื่นชมในใจ
ชายวัยกลางคนนั่นนัยน์ตาหดรัดโดยพลัน เพิ่งตระหนักได้ว่า ความรุนแรงของหมัดนี้แตกต่างจากที่เขาคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ทว่าถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงราชันกึ่งระดับ แม้นเผชิญอันตรายก็ไม่ลนลาน ยังคงสงบนิ่งและเย็นชา เรื่องเหนือความคาดหมายเล็กๆ นี้ไม่สามารถทำให้เขาเสียการควบคุมได้สักนิด
ตูม!
แรงหมัดนั่นระเบิดแสงประกายออกมา และกำลังบดขยี้อากาศคำรามเข้ามา
“สามารถสลายการโจมตีของข้าได้ถือว่าไม่เลว ข้าจะมอบความตายที่มีเกียรติแก่เจ้า” ชายวัยกลางคนพูดเสียงเย็น
สีหน้ายังคงสูงส่ง เย่อหยิ่งและทะนงตัว ราวกับกำลังทำทาน
ในขณะที่พูดเขาก็เป็นฝ่ายเคลื่อนมาเบื้องหน้า กดฝ่ามือลงมา ห้วงอากาศพังทลายลงกะทันหัน ฟ้าดินครวญคร่ำ แรงหมัดอันน่ากลัวพวยพุ่งออกมา
อานุภาพราวกับมังกรยักษ์ออกจากเหว ก่อกวนจักรวาล!
นี่ก็คืออานุภาพของราชันกึ่งระดับ แม้ไม่ใช่ราชันที่แท้จริง แต่อยู่เหนือ ‘ระดับใหญ่ทั้งห้า’ มีอานุภาพที่สามารถดูถูกทุกระดับได้
เพียงแต่…
ชั่วขณะที่พลังฝ่ามือของเขาปะทะแสงหมัดของหลินสวิน ชายวัยกลางคนจึงตระหนักได้ว่า ตนผิดไปแล้ว!
สีหน้าที่เดิมเฉยเมยและเย่อหยิ่งของเขาหายไป ถูกความตกใจเข้ามาแทนที่ราวกับยากจะเชื่อ หว่างคิ้วแฝงความลนลานที่ยากจะสังเกตเห็นเสี้ยวหนึ่ง
แต่เขาทำอะไรไม่ทันอีกแล้ว…
ครืนโครม!
หมัดอันน่าพรั่นพรึงราวกับภูเขาทลายคลื่นสมุทรโหมกระหน่ำ แฝงพลังยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานและไม่อาจทำลายได้ โจมตีพลังฝ่ามือของเขาจนยับเยินทันที
จากนั้น ภายใต้สายตาที่ยากจะเชื่อของเขา หมัดนั้นกระแทกบนตัวเขาอย่างแรง
โครม!
ในช่วงเวลาสำคัญนี้ เขาได้โคจรพลังทั้งหมดของราชันกึ่งระดับไปป้องกัน แต่ก็ยังคงรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว กระดูกหน้าอกหักโดยพลัน ส่งเสียงกร๊อบๆ ดังลั่น
จากนั้นเขาก็ถูกกระแทกจนปลิวออกไปทั้งตัว ราวกับว่าวที่สายป่านขาด ในระหว่างนี้เลือดพุ่งออกจากจมูกปากของเขา ใบหน้าบิดเบี้ยว หน้าอกยุบลง แผ่นหลังคดงอเหมือนกุ้งยักษ์ที่ถูกต้มจนสุกอย่างไรอย่างนั้น
“อ๊าก…” สุดท้ายชายวัยกลางคนก็กลั้นเสียงร้องที่ดังก้องไปทั่วฟ้าไม่ได้
ทั้งหมดนี้เล่าแล้วเหมือนช้า ความจริงนั้นจบลงในชั่วแสงฟ้าผ่าเดียว ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินเพียงออกหมัดเดียวเท่านั้น เริ่มจากทำลายประทับฝ่ามือจนสลายก่อน จากนั้นโจมตีพลังฝ่ามืออย่างง่ายดาย สุดท้ายกระแทกลงบนตัวของชายวัยกลางคน
ทรงพลังและไม่สามารถขวางกั้นได้ตลอดทาง!
ทั่วบริเวณล้วนเงียบเชียบ
ไม่ว่าจะเป็นคนจากลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์บนเรือรบสีเลือดหรือพวกของโค่วซิง ยามนี้แต่ละคนต่างเบิกตาโพลงราวกับโดนฟ้าผ่า ท่าทางตะลึงงันเหมือนไม่เชื่อสายตาของตน
ไวเกินไปแล้ว!
และเหนือความคาดหมายเกินไปแล้ว!
เด็กหนุ่มที่ถูกมองว่าเป็นแมลงเม่าวิ่งเข้ากองไฟ กลับโจมตีราชันกึ่งระดับคนหนึ่งจนปลิวออกไปในหมัดเดียว แสดงอานุภาพที่ไร้เทียมทานออกมา!
มีเพียงแม่นางเยวี่ยเท่านั้นที่รู้ดีว่าชายวัยกลางคนนั่นรนหาที่ตาย ด้วยการมองหลินสวินเป็นมดตัวน้อยที่คิดเขย่าต้นไม้ใหญ่
กลับไม่รู้ว่าหลินสวินไม่ใช่มดตัวน้อย หากแต่เป็นเทพมารหลินที่อานุภาพดุร้ายสะเทือนแดนฐิติประจิม!
หากชายวัยกลางคนลงมืออย่างจริงจังเสียหน่อย อาจจะไม่พ่ายแพ้ไวขนาดนี้ แต่เขากลับอวดดีและประมาทขนาดนั้น นี่ไม่เรียกว่ารนหาที่ตายแล้วจะเรียกว่าอะไร
แน่นอนว่าเหตุผลหลักคือชายวัยกลางคนประมาทเกินไป แต่ในขณะเดียวกัน ก็เพราะพลังต่อสู้ของหลินสวินพลิกฟ้าเกินไปด้วยเช่นกัน เหนือกว่าคนในรุ่นเดียวกัน ตั้งแต่ยามเพิ่งเข้ามาในดินแดนรกร้างโบราณ ก็สามารถกำราบลิ่นไท่เจินแห่งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียวได้แล้ว นั่นเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งราชันคนหนึ่งเช่นกัน
และตอนนี้ พลังต่อสู้ของหลินสวินไม่สามารถนำไปเทียบกับตอนนั้นได้แล้ว
…………….