Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 964 หาดดาราขจร
“ได้” หลินสวินรับคำโดยไม่ลังเล
ซุ่นไป๋เสวียนชะงักงัน คล้ายคาดไม่ถึงว่าหลินสวินจะรับปากฉะฉานเช่นนี้ ไม่ช้าเขาเลิกคิ้วกล่าว “ในเมื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ สิ่งที่เทียบกันแน่นอนว่าคือพลังยุทธ์ ห้ามใช้อาวุธสังหารชั้นยอดอย่างสมบัติอริยะ”
“ตกลง” หลินสวินพยักหน้าอีกครั้ง
ซุ่นไป๋เสวียนถึงวางใจ แววตาดุจอสนี ทั่วร่างแผ่ประกายทองอร่าม จิตต่อสู้พลุ่งพล่าน “เช่นนั้นเจ้าต้องระวังแล้ว จงจำไว้ แม้ข้าจะไม่สังหารเจ้า แต่ไม่มีทางออมมือ!”
หลินสวินกล่าว “เหมือนครั้งก่อนที่ซย่าจื้อต่อสู้กับเจ้าน่ะหรือ”
ซุ่นไป๋เสวียนมุมปากกระตุกหนักหน่วง พลันบันดาลโทสะ นี่เป็นการฉีกหน้าเขาซึ่งหน้า!
“แน่นอน!”
เขาตวาดลั่นพุ่งทะยานรวดเร็ว ก้าวย่างบนห้วงอากาศ ผมยาวทั้งศีรษะเริงระบำ พลานุภาพดั่งเทพสงคราม ผงาดง้ำหยิ่งผยอง “มาสู้กัน!”
หลินสวินเผยรอยยิ้มเจิดจ้าวูบหนึ่ง “ดังเจ้าปรารถนา!”
ฟุ่บ!
ชายเสื้อเขาพลิ้วไหว ทั่วร่างแสงกระจ่างเอ่อท้นดุจแสงไหลวนทะลวงเมฆา นิ้วมือทำมุทรา แหวกอากาศโจมตีใส่ซุ่นไป๋เสวียน
ครืน!
ศึกใหญ่พลันอุบัติ
กลางอากาศ วายุอสนีโหมกระหน่ำ แสงศักดิ์สิทธิ์สะเทือนกึกก้อง สภาพการณ์รบน่าตื่นตะลึงยิ่ง
ครืน!
หลินสวินย่างก้าวสำแดงวิชาธารดาราหลอมเพลิง ก็เห็นทะเลอัคคีแผ่ขยาย โหมซัดเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน ภายในดวงดาราลุกโชนประดุจตะวันดวงแล้วดวงเล่าระเบิดออก ก่อเกิดพลังที่สามารถทลายฟ้ามลายดิน
แผ่กว้าง
มุทะลุ
ดุดัน
ประหนึ่งเทพกลางอัคนี!
ทุกคนตรงนั้นต่างไหวหวั่น โดยเฉพาะแม่นางเยวี่ยและลั่วเจียต่างสังเกตเห็นแจ่มแจ้ง ว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินแกร่งกว่าแต่ก่อนหลายเท่าตัวอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าซุ่นไป๋เสวียนก็ไม่แย่ ราชันมารจอมก่อกวนผู้นี้มีชาติกำเนิดจากตระกูลอริยะ แม้เย่อหยิ่งอวดดีหาใดเปรียบ แต่กลับมีทุนทรัพย์ให้ทะนงตน
ทั่วร่างเขาห้อมล้อมประกายเทพสีทอง เผยพลังหมัดเก่าแก่วิชาหนึ่ง จ่อเวหาฟาดพสุธา พลังหมัดดุจมังกรพิโรธทะยานฟ้า ป่าเถื่อนดุดันเหลือประมาณ
“สู้ได้ดี!”
หลินสวินยิ้มร่า ห้ำหั่นกับเขาด้วยท่าทีเบิกบานสุขสำราญ สะใจหาใดเปรียบ
เขากำลังกลุ้มที่หาคู่ต่อสู้มาฝึกพลังมหามรรคซึ่งเพิ่งแปรสภาพเมื่อครู่ไม่ได้ ซุ่นไป๋เสวียนก็บังเอิญรนหาที่ด้วยตนเอง ช่างตรงใจหลินสวิน
ก็เหมือนตอนนี้ เขาสังเกตได้อย่างฉับไวว่า หลังพลังมหามรรคธาตุไฟเลื่อนขั้น อานุภาพที่ธารดาราหลอมเพลิงสำแดงสามารถใช้คำว่าสะเทือนใต้หล้ามาบรรยายได้อย่างแท้จริง
โจมตีเพียงครั้ง ทะเลเพลิงแผ่คลุมนภากาศ ธารดาราแผดเผามอดไหม้ พลังทำลายล้างชวนประหวั่นนั่นล้วนสามารถหลอมละลายผืนฟ้าปฐพีแถบหนึ่งได้!
“ฮึ!” ซุ่นไป๋เสวียนแค่นเสียงเย็นชา แม้ความแข็งแกร่งของหลินสวินเกินคาดหมายอยู่บ้าง แต่หาได้ตื่นตระหนก ใช้วิชามรรคที่สืบทอดมาโต้กลับหนักหน่วง
ซ้ำเขายังดุดันกว่าหลินสวิน ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยหลบหลีก พลังหมัดแข็งแกร่งดุดันยิ่งยวด ระเบิดห้วงอากาศอลหม่านแตกเป็นเสี่ยง!
แต่ไม่ช้าเขาก็บันดาลโทสะ เพราะระหว่างต่อสู้ดุเดือด หลินสวินตวาดเขาอย่างค่อยไม่พอใจ!
“ออกแรงอีกหน่อย!”
นี่คือคำพูดฉบับหลินสวิน ซ้ำยังมุ่นคิ้วกล่าว
“เจ้าเด็กนี่ช่างกำเริบเสิบสาน!” ซุ่นไป๋เสวียนราชันมารจอมก่อกวนผู้อวดตน ปัจจุบันกลับถูกยั่วยุเช่นนี้จึงระเบิดทันที
เขาคำรามพิโรธ ทั่วร่างทอประกายทองเจิดจรัส โบกสะบัดทวนศึกโดยไม่ลังเล แหวกสังหารทั่วทิศ ดุดันประหนึ่งจอมราชันบรรพกาล
“นี่สิค่อยน่าสนุก” หลินสวินไม่ตระหนกกลับยินดี
“เจ้านี่มันกวนบาทา!” ซุ่นไป๋เสวียนกัดฟันกรอด ร่ายรำทวนซัดประกายทองเรือนหมื่นออกไป ห้วงอากาศต่างแตกละเอียดครืนครัน
เขาดุกร้าวนัก ครั้งนี้หมายส่งความอัปยศที่ซย่าจื้อมอบแก่เขาคืนหลินสวิน ให้อีกฝ่ายได้ลิ้มลองความเจ็บปวด ความสิ้นหวังและอัดอั้นจนไม่อยากอยู่ต่อเช่นนั้นดูบ้าง!
แต่ไม่นานนักหลินสวินก็กล่าวไม่พอใจอีก “ราชันมารจอมก่อกวนแห่งตระกูลซุ่นผู้องอาจ มีน้ำยาแค่นี้หรือ”
“เจ้า!” ซุ่นไป๋เสวียนโกรธจนคำรามกัดฟันเกือบแตก ทนไม่ไหวอีกต่อไป ลงมือใช้ไพ่ตายของตน
ครืน!
ในทวนสีทองนั้นของเขาแผ่คลื่นลายมรรคสีทองเป็นวงๆ ทำให้ห้วงอากาศใกล้เคียงทรุดตัวจมดิ่ง ปรากฏสัญญาณดับสลาย
นี่คือวิชาสืบทอดตระกูลซุ่น… เคล็ดวิชาวังวนคลื่นทอง! สามารถแหวกทะลวงเวิ้งฟ้า สังหารเทพผี ดุดันและเฉียบขาดอย่างยิ่ง
เห็นดังนี้อานุภาพทั่วร่างหลินสวินพลันแปรเปลี่ยน เงียบสงบดุจเหวลึก ทั่วร่างแผ่คลื่นผันผวนชวนประหวั่นราวกลืนฟ้ามลายดิน
นี่คือมรรคดับดารากลืนกินที่บรรลุระดับท่วงทำนองแห่งมรรค!
และตอนนี้ พลังระดับนี้ยังถูกหลินสวินผสานกับเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์และมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร ทำให้พลังต่อสู้ของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงในชั่วพริบตา
จู่โจมเพียงหมัดเดียว ห้วงอากาศใกล้เคียงราวถูกกลืนกินสิ้นเชิง ส่วนการโจมตีของซุ่นไป๋เสวียนก็ถูกทำลายราบคาบ หายลับจากไป!
แปลกประหลาดเกินไปแล้ว
ทุกคนต่างมองเห็น เคล็ดวิชาวังวนคลื่นทองนั่นของซุ่นไป๋เสวียนประดุจพญามังกรทองทะยานนภา มีอานุภาพทลายฟ้ามลายดิน
แต่ยังไม่ได้เข้าประชิดก็ถูกพลังหมัดของหลินสวินกลืนกิน สูญหายไร้ร่องรอย!
จากนั้นพลังหมัดหลินสวินปะทุพล่าน ราวปากขุมนรกแผ่กลืนสวรรค์ เสียงตูมดังสนั่น กลบซุ่นไป๋เสวียนทั้งตัวไว้ภายในพลังหมัด
ปึง!
ทว่าซุ่นไป๋เสวียนเองก็ไม่เสียชื่อ ทวนศึกระเบิดแสงประกายโชติช่วง ซัดพลังที่กำราบทั่วร่างตนจนพินาศ แม้ตระหนกทว่าก็รอดพ้นมาอย่างไร้อันตราย
แต่แค่สะบักสะบอมอยู่บ้าง อาภรณ์ขาดวิ่นไม่น้อย
นี่มันพลังอะไรกัน
ซุ่นไป๋เสวียนตระหนักถึงความร้ายกาจ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ขณะเดียวกันแม่นางเยวี่ยและลั่วเจียต่างสะท้านในใจ สังเกตเห็นความน่ากลัวของพลังมหามรรคที่หลินสวินสำแดง
“มรรคดั่งหุบเหวลึกล้ำยากหยั่งถึง ทั้งประดุจหลุมดำคลื่นดาราสามารถกลืนกินสรรพสิ่ง นี่คือมหามรรคอะไรกัน” ลั่วเจียตะลึงงัน ในดวงตากระจ่างเปี่ยมความประหลาดใจ
“ทำไมข้ารู้สึกคุ้นๆ อยู่บ้าง เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน…” แม่นางเยวี่ยพึมพำ คิ้วละเอียดขมวดมุ่น
นานพอควรนางถึงกล่าวออกมาโดยพลัน “ข้านึกออกแล้ว! เป็นผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งแห่งดินแดนรกร้างโบราณอวิ๋นชิ่งไป๋!”
น้ำเสียงเจือความหวั่นตระหนกเสี้ยวหนึ่ง เห็นได้ว่าเสียอาการนัก
“อวิ๋นชิ่งไป๋!” นัยน์ตาลั่วเจียหดรัดลงเช่นกัน
“วิถีกระบี่ของอวิ๋นชิ่งไป๋ดั่งหุบเหวราวขุมนรก มีพลังอำนาจไร้สิ้นสุดพิฆาตเทพผี กลืนกินผืนฟ้าปฐพี พลังสังหารสะเทือนใต้หล้า”
แม่นางเยวี่ยกล่าว “ลือกันว่าเขาครอบครองพลังมหามรรคที่ลึกลับหายากอย่างหนึ่ง พลังนี้สามารถดันตนเองขึ้นสู่สิบอันดับแรกของกระดานมรรคเทียมฟ้า!”
“เจ้าหมายความว่า หลินสวินก็ครอบครองพลังมหามรรคนี้เช่นกันหรือ” ลั่วเจียพลันนึกขึ้นได้ ไม่ใช่ว่านี่คือพลังมหามรรคที่หลินสวินหยั่งรู้ในป่าศิลาเขาพยับครามนั่นหรือ
ขณะนั้นยังถูกคนอื่นเห็นเป็นมหามรรควังน้ำวนธรรมดาๆ นำมาซึ่งเสียงหัวเราะเยาะไม่น้อย
แต่ดูท่าตอนนี้คงไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว!
“ไม่ ข้าแค่รู้สึกว่าออกจะคล้ายคลึง แต่มาจากรากฐานเดียวกันหรือไม่ ข้าเองก็ไม่อาจแน่ชัด” แม่นางเยวี่ยส่ายศีรษะ แม้กล่าวเช่นนี้แต่สีหน้านางกลับค่อนข้างสับสนอยู่บ้าง คล้ายตกตะลึง ทั้งประหนึ่งยากจะเชื่อ
…
กลางอากาศการต่อสู้ดุเดือด ซุ่นไป๋เสวียนถูกกำราบโดยสมบูรณ์จนโงหัวไม่ขึ้น
นี่ทำให้เขาทั้งตระหนกทั้งขุ่นเคือง เขาเองก็ก้าวสู่มกุฎ ซ้ำครองวิชาลับเลื่องชื่อนานัปการ พรสวรรค์ล้ำเลิศ เชื่อว่าในหมู่คนรุ่นเยาว์ปัจจุบัน มีเพียงปีศาจพลิกฟ้าหนึ่งหยิบมือในแดนเร้นอริยะเท่านั้นจึงจะสามารถนำภัยคุกคามมาสู่ตนได้
คนอื่นต่างไม่มีค่าพอให้เกรงกลัว!
แต่ใครเล่าจะคาดคิด หลายวันก่อนเขาเพิ่งถูกซย่าจื้อกำราบ ตอนนี้ยังมีแนวโน้มถูกหลินสวินคว่ำอีก!
นี่จะไม่ให้เขาตะลึงได้อย่างไร
“เจ้าไหวแน่หรือเปล่า รีบแสดงไพ่ตายเจ้าออกมาให้หมด” เบื้องหน้า หลินสวินแสดงความไม่พอใจ
นี่ทำให้ซุ่นไป๋เสวียนโกรธจนแทบกระอักเลือด กรำศึกถึงป่านนี้เขาใช้วิชาลับและไพ่ตายไปมาก แต่ทุกครั้งกลับถูกคลี่คลาย ยังจะมีไพ่ตายอะไรอีก!
นอกเสียจากใช้สมบัติอริยะ แต่หากทำเช่นนั้นก็เท่ากับตบหน้าตัวเอง เขาคงไม่มีหน้าทำเรื่องเช่นนี้
ตูม!
สุดท้ายซุ่นไป๋เสวียนถูกหลินสวินซัดพ่ายอย่างแกร่งกร้าว โลหิตกบจมูกปาก เขากลับทะนงตัวกัดฟันไม่ยอมแพ้ ยังคงต่อสู้กับหลินสวิน กร้าวแกร่งหาใดเปรียบ
แต่หลังถูกซัดพ่ายหลายครั้ง ในที่สุดก็ไม่มีหวังเอาคืนแล้ว ถูกหลินสวินกำราบจากกลางอากาศ ตะบันลงบนยานสำเภาดังครืน
กลางห้วงอากาศ หลินสวินยังไม่หายอยาก หมายสู้ต่อ แต่ถูกลั่วเจียขัดขวาง
“เลิกสู้ได้แล้ว แพ้ชนะล้วนเห็นชัดแล้ว หากสู้ต่อคงต้องเป็นแบ่งแยกความเป็นตายแทน” ลั่วเจียรู้สึกปวดขมับ
“ข้าไม่ยอม!” ซุ่นไป๋เสวียนสีหน้าคล้ำเขียว โกรธจนตะโกนลั่น
แต่เขากลับไม่เคลื่อนไหวใดๆ แค่กำลังระบายความอัดอั้นและเดือดดาลภายในใจ
“มีปณิธาน รู้ละอายกล้าแก้ไขคือผู้กล้า ข้าหวังว่าเจ้าจะมีความสามารถมาแลกเปลี่ยนความรู้กับข้าอีกครั้ง ข้ารับรองว่าพร้อมสู้ถึงที่สุด” หลินสวินยิ้มร่าเดินเข้ามา
“คุณชายท่านนี้ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเยี่ยงนี้ แต่ก่อนพวกเราล้วนเข้าใจผิดต้องขออภัยด้วย หวังว่าท่านผู้ใหญ่อย่าถือสาผู้น้อย” พวกโค่วซิงก็เดินเข้ามาใกล้ สีหน้าละอาย ทำการขอโทษซุ่นไป๋เสวียนอย่างจริงจัง
การต่อสู้ก่อนหน้าพวกเขาล้วนมองเห็น จึงพลันตระหนักว่าคนที่ถูกพวกเขามองว่าโง่เง่าตาไร้แววคือผู้แข็งแกร่งชั้นยอดคนหนึ่ง!
แต่เมื่อได้ยินคำขอโทษของพวกเขา ซุ่นไป๋เสวียนกลับโกรธจนสั่นไปทั้งตัว น่าแค้นนัก ช่างน่าแค้นจริง ตนพ่ายแพ้เช่นนี้ยังขอโทษทำซากอะไร มีประโยชน์หรือ
สุดท้ายซุ่นไป๋เสวียนข่มความอัปยศสุมอกจากไปพร้อมลั่วเจีย ก่อนจากไป เขากล่าวอย่างแข็งกร้าวเด็ดขาด ว่าเขาจะต้องมาต่อสู้กับหลินสวินล้างความอัปยศอีกครั้ง!
หลินสวินยินดีต่อท่าทีนี้ยิ่ง ทั้งกำชับเขาอย่างห่วงใย หลังกลับไปต้องเข้มงวดกับตัวเอง มุมานะฝึกฝน อย่าได้ผ่อนปรนเด็ดขาด
ซุ่นไป๋เสวียนเดิมคิดกล่าวขอบคุณ แต่พอวาจานี้มาจากปากหลินสวินก็โกรธจนจมูกแทบหลุด
นี่กำลังวางมาดโอ้อวดใช่ไหม
ท่าทางน่าคบดูเป็นมิตร เอาใจใส่ผู้พ่ายแพ้ ชัดแจ้งว่านี่คือการเหน็บแนมเปี่ยมอกุศล!
ลั่วเจียและซุ่นไป๋เสวียนจากไปพร้อมกัน พวกหลินสวินเองก็ไม่ล่าช้า มุ่งหน้าเดินทางต่อไปยังส่วนลึกของแม่น้ำพรมแดน
ตลอดทางแม้เกิดอันตรายบ่อยครั้ง แต่ไม่พบเคราะห์สังหารถึงชีวิต
เวลาล่วงเลย ผ่านไปเจ็ดวันโดยไม่รู้ตัว
เจ็ดวันมานี้ หลินสวินนอกจากฝึกฝนก็หยั่งรู้และศึกษาความอัศจรรย์ส่วนแรกของคัมภีร์มหาครรภ์จุติ เรียกได้ว่าใช้ชีวิตผ่านไปอย่างดี
สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกไม่เข้าใจคือ ผ่านมาตั้งหลายวัน ‘เสี่ยวอิ๋น’ ที่ถูกควบคุมอยู่ในห้วงนิมิตกลับไม่มีสัญญาณยอมรับผิดแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าดื้อรั้นยิ่ง
เสี่ยวอิ๋นก็คือหนอนกินเทพที่แปรสภาพเป็นตัวอ่อนหนอนราชันนั่น
หลังจากถูกหลินสวิน ‘หลอก’ มันก็โกรธจัด รู้สึกเสียศักดิ์ศรี ไม่ยอมสนใจหลินสวินเจ้าของผู้ใจดำร้ายกาจคนนี้อีก
สำหรับเรื่องนี้ หลินสวินเองก็ปวดหัวอยู่บ้าง เขากำลังใคร่ครวญว่าจะหาเวลาเปิดใจคุยกับเสี่ยวอิ๋นดีหรือไม่
เวลานี้เองนอกห้องโดยสารมีเสียงผ่อนคลายเริงร่าของโค่วซิง “ด้านหน้าคือ ‘หาดดาราขจร’ ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในแม่น้ำพรมแดน หลังผ่านที่นั่น ไม่เกินครึ่งวันก็ถึงแดนชัยบูรพา!”
……………………