Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 981 พูดจบก็ตายเสียเถิด
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 981 พูดจบก็ตายเสียเถิด
ที่ทำให้หลินสวินไม่อาจอดทนได้คือ ตั้งแต่เริ่มจนจบเด็กสาวนามว่าเผยเหวินผู้นี้เต็มไปด้วยท่าทางไม่เห็นหัวใคร
คนทั่วไปต่างดูออกได้ว่าเสี่ยวเหอตามตนมา แต่เผยเหวินผู้นี้กลับดูหมิ่นและโจมตีเสี่ยวเหอต่อหน้าตน เช่นนี้ใครจะทนได้
“แม่นางผู้นี้ ขอให้ออกจากหอประสานฟ้า ที่นี่ไม่ใช่ที่ผู้มีฐานะเช่นเจ้าจะเข้ามาได้” ข้ารับใช้เหล่านั้นเดินมา มองเสี่ยวเหอด้วยสีหน้าเย็นชา
หากเสี่ยวเหอกล้าขัดขืน พวกเขาก็จะลงมือทันที
บรรยากาศเหมือนนิ่งงัน เสี่ยวเหอโกรธจนดวงตารูปผลซิ่งเบิกขึ้นด้วยความโกรธ ใบหน้างามแดงก่ำ มือเท้าสั่นระริก นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้
“แน่นอน” เผยเหวินยิ้มละไมเอ่ยปาก “ถ้าตอนนี้เจ้าคุกเข่าขอร้องข้า ไม่แน่ว่าเรื่องก่อนหน้านี้ข้าก็จะไม่ถือสาเอาความกับเจ้าอีก”
“เจ้าฝันไปเถอะ!” เสี่ยวเหอโกรธจนตะโกนเสียงดัง
“ไล่นางออกไป!” เผยเหวินสีหน้าเหี้ยมเกรียม สั่งการทันใด
“พอแล้ว!” หลินสวินส่งเสียง หว่างคิ้วปรากฏแววเย็นเยียบ พลังไร้รูปอย่างหนึ่งก็แผ่ขยายออกมาพร้อมกัน
เผยเหวินหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ยิ้มหยัน “คุณชายผู้นี้ ที่นี่เป็นถึงหอประสานฟ้า นี่เจ้าคิดจะก่อเรื่องที่นี่หรือ ถ้ารู้กาละเทศะก็อยู่เฉยๆ จะดีที่สุด เพื่อเลี่ยงไม่ให้ชักนำภัยมาถึงตัว!”
เมื่อพูดจบมุมปากนางก็ปรากฏแววหยิ่งผยอง
แม้พลานุภาพที่หลินสวินแผ่ออกมาจะทำให้นางตกใจ แต่นางมั่นใจว่าอาศัยชื่อหอประสานฟ้านี้ก็สามารถทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าวู่วาม!
ทว่าคราวนี้นางเดาผิดเสียแล้ว ที่ก่อนหน้านี้หลินสวินอดกลั้นไว้ก็เพียงแค่ไม่ต้องการสร้างปัญหา แต่ตอนนี้เขาได้แสดงท่าทีของตัวเองออกมาอย่างชัดเจน อีกฝ่ายกลับยังไม่รู้ดีชั่วดังเดิม นี่ก็ถือว่ารนหาที่ตายเองแล้ว
ในตอนที่เผยเหวินเพิ่งพูดจบ หลินสวินก็ตวัดฝ่ามือขึ้นตบใส่ใบหน้างามที่เจือแววหยิ่งผยองดูแคลนนั้นของเผยเหวิน
เผียะ!
เสียงตบหน้าดังก้อง ไม่มีความทะนุถนอมหยกงามแม้สักนิด
เผยเหวินกรีดร้องออกมา ตัวนางถูกตบจนกระเด็นออกไป ล้มลงดังตุ้บออกไปสิบกว่าจั้ง นางผมเผ้ายุ่งเหยิง กระอักเลือดออกทางปากและจมูก ใบหน้าครึ่งหนึ่งบวมแดงขึ้นมาแล้ว ท่าทางน่าสลดนัก
ข้ารับใช้ที่อยู่ใกล้ๆ ต่างตื่นตระหนกหน้าถอดสียิ่ง ทันใดนั้นก็ก้าวออกมาตะโกนว่า “หยุดนะ! เจ้ารู้ไหมว่าที่นี่ที่ไหน ถึงได้กล้ากำเริบเสิบสานที่นี่!?”
“ไสหัวไป!”
สายตาหลินสวินราวสายฟ้า ส่งเสียงตะคอกราวอสนีบาตออกมาโดยไม่หันมามองสักนิด สะท้านสะเทือนจนเกิดเสียงวิ้งขึ้นในหัวข้ารับใช้เหล่านั้น พากันล้มลงกับพื้นระเนระนาด ร้องโหยหวนไม่ว่างเว้น
บางคนยิ่งมีเลือดออกมาจากทวารทั้งเจ็ดจนแล้วสลบไป
ในที่นั้นพลันโกลาหลวุ่นวายไปหมด
ผู้ฝึกปราณบางคนที่กำลังซื้อขายอยู่ไกลออกไปเห็นดังนี้ลอบตระหนกอย่างอดไม่ได้
ภูมิหลังของหอประสานฟ้าแห่งนี้กล้าแข็งถึงที่สุด เป็นที่รู้กันว่าเป็นร้านค้าอันดับหนึ่งของเมืองเพลิงมรกต ที่ผ่านมาใครกล้าก่อเรื่องที่นี่กัน
“เจ้า เจ้า… เจ้าถึงกับกล้าตบข้าหรือ เจ้าตายแน่! วันนี้ไม่ว่าพวกเจ้าคนไหนก็อย่าคิดจะรอดชีวิตออกจากที่นี่เลย!” ไกลออกไปเผยเหวินร้องเสียงแหลม สีหน้าขุ่นเคืองน้ำเสียงเคียดแค้น
ไม่พูดไม่ได้ว่าพื้นเพของหอประสานฟ้ากล้าแข็งอย่างแท้จริง เพียงพริบตาเท่านั้นก็มีผู้คุ้มกันฝึกปราณที่มีความสามารถและทรงพลังกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา
“คุณหนูเผย เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ” ผู้คุ้มกันซึ่งเป็นหัวหน้าเอ่ยปากเสียงขรึม
“ตาบอดหรือไง ไม่เห็นหรือว่ามีคนก่อเรื่อง ไป! ไปจับพวกมันมาให้ข้าทั้งหมด อย่าให้พวกมันหนีไปได้สักคนเด็ดขาด!”
เผยเหวินหวีดร้องตีโพยตีพายแทบจะคลุ้มคลั่งแล้ว
“ขอรับ!”
ผู้คุ้มกันเหล่านั้นจับจ้องไปที่หลินสวินกับเสี่ยวเหอ สีหน้าเย็นชาโหดเหี้ยม
“สหาย เจ้าจะยอมให้จับโดยดีหรือจะให้พวกเราลงมือ ที่นี่คือหอประสานฟ้า ต่อให้เจ้ามีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติ แต่วันนี้เจ้าก่อเรื่องที่นี่ก็ไม่อาจหนีพ้น”
หัวหน้าผู้คุ้มกันเอ่ยปากเยียบเย็น เขามองปราดเดียวก็ดูพลังปราณของหลินสวินออก ดังนั้นจึงไม่ได้ลงมือทันที
“ก่อเรื่องหรือ” ดวงตาดำของหลินสวินยิ่งเย็นชา “ตอนนี้ข้าไม่มีแก่ใจมาพูดจาเรื่อยเปื่อยกับพวกเจ้า ไม่อยากตายก็หลีกไป!”
เขาพูดพลางย่างเท้าออกไปหนึ่งก้าว ทันใดนั้นก็มาอยู่ตรงหน้าเผยเหวินผู้นั้น ลงมือว่องไวราวสายฟ้า คว้าคอของฝ่ายตรงข้ามไว้ในมือเหมือนยกไก่ตัวจ้อยขึ้นมา
รวดเร็วเกินไปแล้ว เร็วจนทำให้ผู้คุ้มกันเหล่านั้นไม่ทันได้โต้ตอบ เพียงรู้สึกว่าภาพตรงหน้าพร่ามัว จากนั้นเผยเหวินก็ถูกอีกฝ่ายคุมตัวแล้ว!
เฮือก!
ลูกค่าที่มุงดูอยู่ไกลออกไปสูดหายใจเย็น รับรู้ได้ว่าหลินสวินดูเหมือนอ่อนวัย แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นคนร้ายกาจคนหนึ่ง ไม่กลัวการข่มขู่จากหอประทานฟ้าเลย!
เจ้าหมอนี่เป็นใครกัน
กล้ามากจริงๆ!
เผยเหวินถูกจับกุม ตอนแรกก็งุนงง จากนั้นถึงตกใจระคนโกรธ ดิ้นรนอย่างรุนแรงพลางตะโกนว่า “ถ้าฆ่าข้าแล้วเจ้าก็อย่าคิดจะรอดเลย!”
เผียะ!
หลินสวินตวัดมือตบออกไป ทำให้อีกฝ่ายกระเด็นออกไปทั้งอย่างนั้น ภาพตรงหน้าดำมืดแทบจะสลบไป
ตอนนี้ท่าทางนางน่าสังเวชนัก น้ำมูกน้ำตาไหลเป็นทาง แก้มบวมแดงเป็นหัวหมู ยังจะมีท่าทางหยิ่งทระนงหลงตัวเองหลงเหลือเสียที่ไหน
“เข้าไป!”
ในขณะเดียวกันผู้คุ้มกันเหล่านั้นก็โกรธเต็มทีแล้ว คิดว่าหลินสวินไม่รู้ดีชั่ว กล้าก่อเรื่องที่หอประสานฟ้าเช่นนี้ ช่างเหิมเกริมถึงขั้นรนหาที่ตาย
ผู้คุ้มกันเหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือของหอประสานฟ้า ผ่านมาแล้วร้อยศึก ผู้ที่เป็นหัวหน้ายังเป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติที่มีประสบการณ์ยาวนานคนหนึ่ง
ต่อหน้ากำลังคนชั้นนี้ เกรงว่าผู้ฝึกปราณทั่วไปคนไหนก็คงจะหวั่นกลัวอยู่บ้าง
น่าเสียดาย หลินสวินไม่ใช่ผู้ฝึกปราณทั่วไป
ก่อนหน้านี้มีบุคคลระดับผู้กล้าตายด้วยน้ำมือเขาไม่รู้เท่าไร ไม่นานมานี้ก็เพิ่งสังหารอสูรเฒ่าแรดดำที่มีพลังปราณระดับราชันไป
ในสถานการณ์เช่นนี้เขาจะกลัวหอประสานฟ้าแห่งหนึ่งหรือ
ผู้คุ้มกันที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้อาจจะขู่ขวัญผู้ฝึกปราณทั่วไปได้อย่างยิ่งยวด แต่ในสายตาของหลินสวิน ก็เป็นเพียงแค่คนไร้ฝีมือไม่สมชื่อกลุ่มหนึ่ง!
“ให้โอกาสพวกเจ้า พวกเจ้ากลับไม่รู้คุณค่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ทำได้เพียงเรียกค่าชดเชยแล้ว!”
เสียงเฉยชาและเย็นเยียบเพิ่งดังขึ้น เงาร่างหลินสวินก็หายไปจากที่เดิมแล้ว
ปึง!
พริบตาต่อมาหัวหน้าผู้คุ้มกันที่มีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติซึ่งเพิ่งกระโจนออกไป ร่างกายก็เหมือนถูกสายฟ้าฟาด ทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้นอย่างจังเสียงดังตุ้บ หัวเข่าแหลกแตก
ลูกค้าที่อยู่ไกลออกไปตกตะลึง ทำใจเชื่อได้ยาก นี่จะเรียบง่ายตรงไปตรงมาเกินไปแล้วกระมัง
ปึงๆๆ!
และตอนนี้เงาร่างหลินสวินไหววูบ ทุกที่ที่เขาผ่าน ผู้คุ้มกันที่ในสายตาของคนนอกเรียกว่าเป็นยอดฝีมือเหล่านั้น ตอนนี้กระทั่งจะดิ้นรนยังไม่ทัน ก็ถูกกำราบไปทีละคน ล้มคะมำระเนระนาดไปทั่ว
ในชั่วขณะเดียวเสียงร้องโหยหวนโอดครวญก็ดังขึ้นไม่ขาด สะท้อนก้องในห้องโถงใหญ่ของหอประสานฟ้าแห่งนี้ พาให้ทุกคนขนพองสยองเกล้า
ส่วนลูกค้าที่อยู่ไกลออกไปเหล่านั้นล้วนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นนานแล้ว
ตั้งแต่หลินสวินลงมือกระทั่งจบลงในตอนนี้ รวมแล้วเพิ่งผ่านไปไม่กี่อึดใจ ผู้คุ้มกันที่อยู่ในหอประสานฟ้าเหล่านั้นก็ถูกกำราบราวพายุหอบเอาเศษปุยเมฆออกไป!
ภาพนี้มีแรงกระทบมากมายเกินไปแล้ว ทำให้ทุกคนแทบไม่ได้สติกลับมา
และเมื่อมองดูหลินสวินอีกครั้ง ท่าทางผ่อนคลายเหมือนเพิ่งทำเรื่องเล็กๆ สบายๆ ถึงที่สุดเรื่องหนึ่ง ส่งผลให้ลูกค้าเหล่านั้นจิตใจปั่นป่วนขึ้นอีกระลอกหนึ่ง
ตาดำของหลินสวินกวาดมองรอบทิศ น้ำเสียงเยียบเย็น “กลั่นแกล้งแม่นางน้อยที่อยู่ข้างกายข้า กลับมาหาว่าข้าก่อเรื่อง ช่างบ้าอำนาจเสียจริง ก็ได้ เช่นนั้นวันนี้ข้าก็จะก่อเรื่องแล้ว ถ้าวันนี้ทำให้ข้าพอใจไม่ได้ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะทำลายที่นี่หรอก!”
พริบตานั้นบรรยากาศในหอประสานฟ้าก็เงียบสงัด แทบจะทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก
ทำลายหอประสานฟ้าหรือ
ไม่ว่าจะเป็นเผยเหวินกับผู้คุ้มกันเหล่านั้น หรือพวกลูกค้าที่สังเกตการณ์อยู่ต่างหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
และไม่อาจคาดคิดได้จริงๆ ว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปากของเด็กหนุ่มระดับกระบวนแปรจุติผู้หนึ่ง!
เพราะเขาไม่รู้เลยไม่กลัวหรือ
หรือเพราะเขามีความมั่นใจกล้าทำเช่นนี้อยู่แล้ว
“หึ! ข้าล่ะอยากเห็นว่าเป็นไอ้สวะจากที่ใดกัน ถึงได้กล้าก่อเรื่องที่หอประสานฟ้าของข้า” ก็ในตอนนี้เองเสียงเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้น
พร้อมกับเสียงนี้ ชายหนุ่มชุดแดงที่มีชายชราสองคนล้อมเป็นดาวล้อมเดือนก็เดินเข้ามา
“นายน้อยช่วยด้วย! ช่วยเผยเสี่ยวเหวินด้วย!” เมื่อเห็นชายหนุ่มชุดแดง เผยเหวินที่หน้าบวมแดงราวหัวหมูก็ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน ร้องตะโกนเสียงเศร้าขึ้นมา
ในขณะเดียวกันสีหน้าของลูกค้าที่อยู่ไกลออกไปบางคนก็เปลี่ยนสี จำฐานะของผู้มาได้
ชายชราสองคนนั้นต่างหนวดเคราเผ้าผมขาวโพลน สีหน้าเย็นชาและสงบนิ่ง เป็นผู้อาวุโสระดับกึ่งราชันสองคนในหอประสานมายา คนหนึ่งมีนามว่าเว่ยเทียนสิง อีกคนหนึ่งมีนามว่าอู๋หยวนชู มีเกียรติศักดิ์ยิ่งใหญ่ถึงที่สุดในเมืองเพลิงมรกต
พร้อมกับการมาถึงของพวกเขา เพียงกวาดสายตามองครั้งเดียว เสียงอึกทึกเซ็งแซ่ทั้งหมดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยสมบูรณ์ ผู้คุ้มกันและข้ารับใช้เหล่านั้นต่างแสดงสีหน้าเคารพยำเกรง เงียบเชียบราวจิ้งหรีดเหมันต์
ส่วนชายหนุ่มชุดแดงที่เป็นผู้นำคนนั้น ก็คือบุตรชายคนโตของเจ้าของหลังม่านหอประสานฟ้า!
เขามีนามว่าเกาอวิ๋นคุน รูปร่างสูงโปร่ง ดวงตาเย็นชามีรังสีเฉียบคมไหวเคลื่อน ทุกอิริยาบถเจือไปด้วยความวางโตจองหองสูงส่ง
ในเมืองเพลิงมรกตเกาอวิ๋นคุนเป็นถึงคนรุ่นเยาว์ผู้ถือดีที่มีชื่อเสียงถึงที่สุด เย่อหยิ่งเอาแต่ใจและเผด็จการ ทั้งจิตใจคับแคบ ใจคอโหดเหี้ยมฝีมือร้ายกาจ ทำให้ผู้ฝึกปราณไม่น้อยเมื่อพูดถึงล้วนหน้าถอดสี
“นายน้อย!” เผยเหวินประหนึ่งพบเจอดาวช่วยชีวิต ร้องไห้โฮฟุบหมอบเบื้องหน้าเท้าของเกาอวิ๋นคุน ท่าทางอดสูน่าสงสารยิ่ง ไหนเลยยังจะมีความจองหองแบบเมื่อครู่
“ใครทำร้ายเจ้าจนเป็นแบบนี้” เกาอวิ๋นคุนนิ่วหน้า เผยเหวินผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ใบหน้าบวมแดง น้ำมูกน้ำตาไหลเป็นทาง ท่าทางเช่นนั้นทำเอาแทบจะดูไม่ได้
“เป็นเขา! เจ้าคนนี้ไม่เพียงทำร้ายร่างกาย ยังโวยวายจะทำลายหอประสานฟ้าของพวกเราด้วย สมควรสับเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น ป่นกระดูกให้เป็นจุณ!” เผยเหวินถลึงจ้องหลินสวินที่อยู่ห่างไปอย่างเคียดแค้น กัดฟันเข่นเขี้ยวเอ่ยปาก
“เฮอะ ช่างรนหาที่ตายจริงๆ!” เว่ยเทียนสิงผู้อาวุโสหอประสานฟ้าหัวเราะหยัน “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด กล้าก่อเรื่องที่นี่ก็ต้องตาย!”
“วาจานี้ของผู้อาวุโสถูกต้องแล้ว ข้าถูกลบหลู่เป็นเรื่องเล็ก แต่หากทำให้หอประสานฟ้าเสื่อมเสียชื่อเสียง นั่นเป็นเรื่องใหญ่ร้ายแรงหาใดเทียบ หากไม่ทำโทษพวกเขา ภายหน้าหอประสานฟ้าของพวกเราจะยังยืนหยัดอยู่ในเมืองเพลิงมรกตได้อย่างไร”
สายตาเผยเหวินเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ชี้ไปที่เสี่ยวเหอ “ยังมีนางคนนี้ ก็มีโทษสมควรตายเช่นกัน คราวนี้เป็นนางที่พาเจ้าหมอนั่นมาก่อเรื่อง ต้องลงโทษอย่างรุนแรง!”
เสี่ยวเหอไม่ขุ่นเคืองอีกแล้ว นางรู้ว่าสถานการณ์ตรงหน้าสร้างความยุ่งยากให้หลินสวินไม่ได้เลย เพียงแต่ในใจนางก็ยังคงรู้สึกผิด คิดว่าเป็นเพราะตน ถึงดึงให้หลินสวินเข้ามาข้องเกี่ยวกับคราวเคราะห์ครั้งนี้ไปด้วย
“ได้ นางเด็กนี่ก็ให้เจ้าจัดการ” อู๋หยวนชูผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งพยักหน้าอย่างเย็นชา
ลูกค้าที่อยู่ไกลออกไปต่างสะท้านใจ สัมผัสได้ว่าเด็กหนุ่มและแม่นางน้อยคู่นั้นเจอปัญหาใหญ่แล้ว วันนี้คงออกไปไม่ได้แล้วเป็นแน่
และก็เป็นตอนนี้เองที่หลินสวินซึ่งมองดูทุกอย่างนี้เอ่ยปากว่า “พูดจบแล้วหรือ พูดจบก็ตายเสียเถิด”
วาจาง่ายๆ และเรียบเฉย ทั้งไม่มีความหวั่นไหว แต่เมื่อพูดคำนี้ออกไป กลับทำให้ผู้คนทั้งหอประสานฟ้าจิตใจสั่นระรัวโดยไม่รู้ตัว
——