Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 997 ชายกลางคนชุดดำ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 997 ชายกลางคนชุดดำ
แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เอาจริงแล้ว!
หลายวันต่อมาหลินสวินสังเกตเห็นจุดนี้ได้อย่างแจ่มแจ้ง
หลังข้ามทะเลทรายหลอมมรณาคือทุ่งหญ้ารกร้างที่มีหนองบึงกระจายตัว
หมอกควันชื้นแฉะปกคลุมฟ้าดิน
หลินสวินท่องทะยานอยู่ในนั้น
ยามนี้เขากลายร่างเป็นชายหนุ่มดุดันคนหนึ่ง สวมชุดนักพรตน้ำค้างดาราของผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์
เจ้าของร่างนี้นามซินชิว ผู้สืบทอดสายในของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ มีปราณระดับกระบวนแปรจุติ เชี่ยวชาญวิชาสะกดรอย
บทบาทที่เขาสวมครานี้น่าจะเป็น ‘หน่วยสอดแนม’ ก่อนหน้าไม่นานเคยเข้าประชิดหลินสวินอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง ทั้งวางแผนส่งสัญญาณเรียกพวกพ้องมาจับหลินสวินด้วยกัน
น่าเสียดาย เขาประเมินความแข็งแกร่งด้านพลังจิตวิญญาณของหลินสวินต่ำไป ถูกหลินสวินที่สังเกตเห็นนานแล้วชิงปลิดชีพก่อนก้าวหนึ่ง
จากนั้นหลินสวินชิงเสื้อผ้าและป้ายคำสั่งของเขา เดินป้อกรีดกรายจำแลงร่างเป็นคนผู้นี้
หลุมบึงเปี่ยมไอพิษร้ายแรง หมอกขมุกขมัวปกคลุมฟ้าดิน
หลินสวินมุ่งหน้าพลางใช้จิตรับรู้สัมผัสภายในเจดีย์สมบัติไร้อักษร
ธนูวิญญาณไร้แก่นสารแผ่คลื่นคลุมเครือซ่อนเร้นข่มลูกศรน้ำเงินเข้มดอกหนึ่ง ทำให้มันไม่อาจขยับ
หลินสวินอดพิศวงในใจไม่ได้ ศรน้ำเงินเข้มดอกนี้มาจากมือสิงอี่เทียน
ตอนนั้นขณะประลองกับสิงอี่เทียนบุคคลแห่งยุคเผ่าปีกอสนีที่ก้นทะเลสาบหาดดาราขจรนั่น ศรนี้เคยระเบิดแสนยานุภาพน่าสะพรึงในมือสิงอี่เทียน
หากไม่ใช่อาศัยพลังของธนูวิญญาณไร้แก่นสาร หลินสวินก็คงไม่อาจเก็บมันมาได้
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ศรน้ำเงินเข้มนี่ก็ถูกธนูวิญญาณไร้แก่นสารกำราบจนวันนี้ถึงไม่ดิ้นรนอีก เหมือนยอมจำนนแล้ว
เวลานี้เองหลินสวินจึงเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของศรนี้อย่างชัดเจนในที่สุด
มันยาวประมาณสองฉื่อ เล็กบางดั่งตะเกียบไผ่ สีน้ำเงินเข้มถ้วนทั่ว แวววาวโปร่งแสงดุจตีหลอมขึ้นมาจากหินหยกน้ำเงินบริสุทธิ์
ปลายศรดั่งจันทร์เสี้ยว บนนั้นสลักลายมรรคบิดเบี้ยวแปลกประหลาดแน่นขนัด ส่วนปลายควบรวมเป็นเจตจำนงฮึกเหิมทิ่มแทงคน
ที่ทำหลินสวินไหวหวั่นอย่างแท้จริงคือ ส่วนปลายลูกศรสลักอักษรบรรพกาลสองคำ แม้ตัวอักษรสึกกร่อนจนเลือนรางและพร่ามัวยิ่ง แต่กลับยังสามารถมองออกได้ว่า…
‘นิรันดร์!’
‘ที่แท้คือศรนี่!’
หลินสวินนึกออกทันใด ตอนที่อยู่ในสมรภูมิกระหายเลือดของจักรวรรดิจื่อเย่า ราชินีกระหายเลือดจ้าวซิงเย่เคยเอ่ยชื่อศรนี้
สมัยบรรพกาล เผ่าต้าอี้ครองศรเทพเก้าดอกที่ทำให้ใต้หล้าอกสั่นขวัญแขวน แบ่งออกเป็นนภาคราม ยมโลก อมฤตาลัย นิรันดร์ เขี้ยวลำนำ แสงโชค เสี้ยวปีก อธิจิต ไร้พ่าย!
ศรเทพแต่ละดอกต่างอัศจรรย์คนละแบบ ครองอานุภาพชวนประหวั่นเหนือจินตนาการ
อานุภาพของศรนภาครามหลินสวินรู้อยู่ก่อนแล้ว ปัจจุบันถูกเขาเก็บอยู่ในเจดีย์สมบัติไร้อักษร
แม้ศรนภาครามนี้เสียหายรุนแรง แต่กลับเคยประสานกับธนูวิญญาณไร้แก่นสาร และถูกจ้าวซิงเย่ใช้บุกสังหารสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันหลายคน
และตอนนี้ตามการวินิจฉัยของหลินสวิน ศรนิรันดร์นี้คงไม่ด้อยไปกว่าศรนภาครามแน่ ทั้งยังมีความอัศจรรย์อื่น พลานุภาพเกินคาดเดา
ถึงอย่างไรแม้แต่ธนูวิญญาณไร้แก่นสารยังต้องรอจนถึงวันนี้จึงจะกำราบศรนี่ลงได้ แค่คิดก็รู้ว่ามันไม่ธรรมดาระดับใด
‘แม่ทัพจ้าวซิงเย่เคยกล่าวว่าศรเทพทั้งเก้าของเผ่าต้าอี้คือยอดสมบัติไร้เทียมทาน เล่าลือกันว่าหากสามารถนำเก้าศรรวมเป็นหนึ่งจะค้นพบศุภโชคชั้นยอดที่เกี่ยวพันกับวิถีธนู ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ…’
หลังสังเกตศรนิรันดร์น้ำเงินเข้มที่ราวกับหล่อขึ้นจากหินหยกน้ำเงินเสร็จ ในใจหลินสวินเกิดความฮึกเหิม อยากใช้ธนูวิญญาณไร้แก่นสารลองศรนี่ว่ามีอานุภาพระดับใด
‘หืม?’
ทันใดนั้นหลินสวินก็หยุดความคิด เก็บจิตรับรู้ สังเกตเห็นว่ามีคนเข้ามาใกล้
“ซินชิว ยังไม่พบร่องรอยเป้าหมายหรือ คันฉ่องกักวิญญาณสองลักษณ์เผยว่าปัจจุบันเจ้าเด็กนี่อยู่ในหนองบึงแถบนี้”
ชายกลางคนชุดดำโฉบเข้ามา เงียบเชียบไร้สุ้มเสียงดั่งพญาวิหคถลาร่อน ไม่ก่อเสียงทลายอากาศแม้เพียงเสี้ยว
“ไม่มีขอรับ” หลินสวินผงะในใจวูบหนึ่ง
ชายกลางคนชุดดำนี่คือราชันกึ่งระดับผู้หนึ่ง กลิ่นอายซ่อนคม ดูเหมือนไม่มีพลานุภาพชวนตะลึงเท่าไหร่นัก แต่กลับทำให้หลินสวินสัมผัสถึงกลิ่นอายอันตรายเสี้ยวหนึ่ง
“เด็กนี่เจ้าเล่ห์ดั่งจิ้งจอก นับแต่เมืองเพลิงมรกต ศิษย์ของเราแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก็ล้มตายด้วยมือเด็กนี่ไม่ต่ำกว่าสิบกว่าคน ภายในนั้นยังมีศิษย์สืบทอดแท้จริงคนหนึ่ง ความเสียหายนี่ไม่น้อยเลย”
ชายกลางคนชุดดำมุ่นคิ้ว สองมือไพล่หลัง หยุดเท้าแผ่วเบาห่างจากหลินสวินสามจั้ง
สามจั้ง เป็นระยะที่ไม่สะดุดตา แต่กลับทำให้หลินสวินต้องข่มกลั้นการเคลื่อนไหว
เพราะเขารู้ดีว่าแม้จู่โจมกะทันหัน ระยะสามจั้งนี้ก็เพียงพอให้อีกฝ่ายตอบสนองทันควัน
ไม่จำเป็นต้องสงสัย นี่คือคู่ต่อสู้ที่ผ่านการกรำศึกมานาน ทรงพลังรอบคอบยิ่งคนหนึ่ง!
“ซินชิว เมื่อวานพี่ชายถามถึงเจ้า” จู่ๆ ชายกลางคนชุดดำเอ่ยปาก สายตามองหลินสวิน “เขายังห่วงความปลอดภัยเจ้า โน้มน้าวข้าให้ส่งเจ้ากลับไป”
หลินสวินชะงักงัน ในใจพลันผุดลางสังหรณ์ไม่ดี หรือตาแก่นี่กำลังหยั่งเชิงตน? ไม่เช่นนั้นเหตุใดถึงกล่าววาจาเช่นนี้ออกมาตอนนี้
ตูม!
เวลานี้เองชายกลางคนชุดดำพลันบุกจู่โจม
เร็วจนน่าเหลือเชื่อ เหมือนเตรียมพร้อมทุกเมื่อนานแล้ว ทั้งตัวราวแสงทมิฬสายหนึ่ง กรงเล็บหนึ่งปกคลุมลงมาที่ศีรษะหลินสวิน
เพราะเป็นการจู่โจมกะทันหันของราชันกึ่งระดับ ซ้ำมีระยะห่างแค่สามจั้ง เปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณอื่นคงไม่ทันได้ตอบสนอง
ทว่าสิ่งนี้ไม่ยากเกินมือหลินสวิน ก็เห็นเงาร่างเขาวูบไหวประหนึ่งชือน้ำแข็งเคลื่อนตัว หลบการโจมตีนี้โดยพลัน
“ฮึ! เป็นเจ้าดังคาด!” ชายชุดดำสีหน้าเยียบเย็น เงาร่างดุจภูตผี พลิกมือฟันผ่าไปทางหลินสวิน
ร่างกายเขาแผ่แสงทมิฬชวนประหวั่น นิ้วทั้งห้ารายล้อมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์แสบตา ดั่งกรงเล็บมังกรแหลมคมไร้เทียมทาน ฉีกกระชากแหวกอากาศ
เสียงปึงดังสนั่น หลินสวินซัดกลับหนักหน่วง แม้สลายการโจมตีได้แต่ยังทำเอาเลือดลมเขาตีกลับ
นี่ทำให้เขาอดประหลาดใจไม่ได้ ราชันกึ่งระดับที่ตายในมือเขามีนับไม่ถ้วน แต่เขาเพิ่งเคยเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้เป็นครั้งแรก
ไม่จำเป็นต้องสงสัย ความเป็นมาของชายกลางคนชุดดำนี่ต้องไม่ธรรมดา มีโอกาสสูงที่จะเป็นพวกร้ายกาจคนหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์!
ชายกลางคนชุดดำไม่ปล่อยโอกาสให้หลินสวินพักหายใจ พุ่งทะยานมาอีกครา ไอสังหารทั่วร่างปกคลุมฟ้าดิน ทลายชั้นเมฆทั่วสารทิศ
“ดรรชนีแกนสวรรค์ปราบมาร!”
เหนือศีรษะชายกลางคนชุดดำ เมฆทมิฬพลิกม้วนบดบังฟ้าคลุมตะวัน ท้องฟ้าทั้งแถบขณะนี้ต่างครึ้มลง พลังมหามรรคน่าหวาดกลัวอัดแน่นกลางฟ้าดิน ก่อเสียงครืนครั่นราวฟ้าคำราม
แค่ชั่วพริบตา นิ้วมือสีดำยาวประมาณร้อยจั้งอุบัติกลางห้วงอากาศประหนึ่งเสาค้ำฟ้า!
บนนิ้วมหึมานั่นประทับลายลึกลับนานัปการ แสงทมิฬแผ่คลุม ทันทีที่ก่อลักษณ์ก็ทำเอาห้วงอากาศพันจั้งทรุดตัวลง ส่งเสียงครวญคร่ำ
การโจมตีนี้น่าหวาดกลัวยิ่ง ประดุจนิ้วเทพมารโบราณกาลอุบัติขึ้นในปัจจุบัน แฝงการสังหารและความดุดันไร้สิ้นสุด
ร่างชายกลางคนชุดดำหยัดยืนอยู่ภายใน ทำให้พลานุภาพเขายิ่งใหญ่ดั่งทวยเทพ
‘พลังแก่นมรรค! วิชามรรคชั้นยอด! ไอ้แก่นี่ไม่ใช่ราชันกึ่งระดับธรรมดาดังคาด!’ หลินสวินนัยน์ตาหดรัด สัมผัสถึงแรงกดดันยากจะเอ่ย
ตูม!
เขาไม่กล้าเก็บงำศักยภาพอีก สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณพลุ่งพล่านโหมกระหน่ำดั่งเตาหลอม พริบตานั้นหมัดเรียบง่ายมหึมาหมัดหนึ่งออกทลายอากาศ
ฟ้าดินพลันสั่นสะเทือน ใต้หล้าเปลี่ยนสี ถูกพลังหมัดนี้สั่นคลอน แสงมรรคโชติช่วงเจิดจรัสควบรวมบนหมัด ทำให้มันมีพลังโหมซัดที่ทลายได้ทุกสิ่ง
เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ที่ประทับพลังแก่นมรรคธาตุน้ำ!
ทั้งสองปะทะกัน หนองบึงแถบนี้เหือดระเหยชั่วพริบตา ผืนดินแตกระแหงเกิดรอยแยกร้าวน่าตะลึงนับไม่ถ้วน
แสงมรรคและประกายศักดิ์สิทธิ์ชวนประหวั่นม้วนแผ่กระจาย เกิดเสียงครั่นครืนประหนึ่งอสนีเทพเก้าสวรรค์สะท้านโลกา เกิดปรากฏการณ์ราวทำลายล้างสรรพสิ่ง
การปะทะเช่นนี้หากเกิดในตัวเมืองคงชักนำหายนะที่ไม่อาจคาดเดาแน่!
ครืน…
ในการปะทะดุเดือด เงาร่างทั้งสองต่างกระเด็นออกไป
หลินสวินนัยน์ตาพลันหรี่ลง พลังของชายกลางคนชุดดำแข็งแกร่งเหนือความคาดหมาย เปลี่ยนเป็นราชันกึ่งระดับคนอื่นคงถูกสังหารไปง่ายๆ นานแล้ว
“ถึงกับสามารถต้านทานได้? สมเป็นเทพมารหลินที่ป่วนแดนฐิติประจิมจนวุ่นวายทุกหย่อมหญ้า ในหมู่ผู้กล้ารุ่นเยาว์ซึ่งก้าวสู่ขอบเขตมกุฎ เจ้าเองก็นับเป็นบุคคลชั้นหนึ่ง น่าเสียดายที่ครั้งนี้เจ้ามาเจอข้า!”
ชายกลางคนชุดดำสีหน้าเย็นชา ในดวงตาสาดส่องประกาย กลิ่นอายน่าพรั่นพรึงเหลือประมาณ
ตูม!
เขาบุกจู่โจมอีกครั้งโดยไม่ลังเล
แค่ชั่วพริบตาทั้งสองห้ำหั่นพัลวัน จากปฐพีสู่เบื้องฟ้า รบพุ่งทั่วสารทิศ ผลัดเปลี่ยนสมรภูมิไม่หยุด
ชายกลางคนชุดดำพลานุภาพดั่งทวยเทพ สำแดงยอดวิชามรรค สามารถเห็นนิ้วมหึมาขวางฟ้าสายแล้วสายเล่าอย่างชัดเจน บดอากาศแหลกละเอียด ฟ้าสะเทือนดินสะท้าน
นี่คือดรรชนีแกนสวรรค์ปราบมาร เมื่อกดนิ้วหนึ่งลงมา ก็ถล่มฟ้าทลายดินสรรพสิ่งขาดสะบั้น เป็นภาพที่ทำให้ผู้คนตกตะลึง
การต้านทานของหลินสวินก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน ทั่วร่างล้อมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สีเขียว เจิดจรัสดั่งสุริยันมรกต สำแดงวิชาแห่งตน ไม่มีสัญญาณถูกกำราบอันใด
ชิ้ง!
ขณะต่อสู้ชายกลางคนชุดดำเรียกกระบี่วิญญาณสีขาวเงินเล่มหนึ่งออกมา ฟาดผ่าต่อเนื่อง คดเคี้ยวดั่งอสนี
นี่คือยอดศาสตรามรรคราชันที่แท้จริงเล่มหนึ่ง พลานุภาพชวนประหวั่น พราวพร่างดั่งธารดารา ออกพิฆาตกลางฟ้าดิน
ฉัวะ… กระบี่เงินแหวกอากาศ ฉายแสงน่าอัศจรรย์ ว่องไวจนคาดไม่ถึง โฉบผ่านหลินสวินและเฉือนเส้นผมเข้าปอยหนึ่ง
จากนั้นภูเขาสูงพันจั้งลูกหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลถูกผ่าเป็นสองซีกอย่างแข็งกร้าว ทรุดตัวสนั่นหวั่นไหว
‘ทำไมไอ้แก่นี่ถึงแข็งแกร่งเช่นนี้’ หลินสวินอดหวาดหวั่นไม่ได้ เรียกดาบหักออกมาโดยไม่ลังเล
เคร้ง!
ดาบหักเจิดจ้าดุจหิมะเข้าประจัญกระบี่เงิน ระเบิดเสียงอึกทึกดับโสตประสาท ทำเอาห้วงอากาศฟ้าดินแตกทลาย
หลินสวินรู้ว่าคราวนี้เจอคู่ต่อสู้ที่แท้จริงแล้ว เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าราชันกึ่งระดับที่พลังต่อสู้เหนือธรรมดาคนหนึ่ง
ทั้งสองโรมรันทั่วทิศ ฟาดฟันจนพลิกฟ้าพลิกดิน ทุกหนแห่งที่พาดผ่านภูผาสูงพังทลาย แม่น้ำแห้งเหือด บนพื้นดินฝากรอยแยกตัดสลับหลายสาย
ระหว่างต่อสู้ชายกลางคนชุดดำตะลึงยิ่งกว่า ระดับของเขาเหนือกว่าอีกฝ่าย ทั้งยังอยู่ในระดับกึ่งราชัน กวาดสายตาทั่วแดนชัยบูรพาเรียกได้ว่ามีศัตรูเพียงบางตา
แต่ตอนนี้กลับทำได้แค่พอฟัดพอเหวี่ยงกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง นี่เห็นได้ว่าน่าเหลือเชื่อนัก!
ตูม!
การปะทะครั้งใหญ่อุบัติขึ้นอีกครา อานุภาพชายกลางคนชุดดำน่าสะพรึงยิ่งกว่าเดิม ชี้เวหาฟาดพสุธาบีบกดเวิ้งฟ้า ส่วนหลินสวินเองก็มีแสงสมบัติคลุมกาย ต้านทานรอบด้าน
คราวนี้ต่างจากที่ผ่านมา หลินสวินต้องเปลืองแรงเช่นนี้เป็นครั้งแรก แต่การต่อสู้ทำให้เขาโลหิตเดือดพล่าน เจตจำนงต่อสู้พวยพุ่งโหมกระหน่ำเช่นกัน
ฆ่า!
นัยเร้นลับโทสะหยาจื้อโคจรกู่ก้องในร่างหลินสวิน ทำให้อานุภาพของเขาพลันยกระดับขึ้นอีกยกใหญ่ พุ่งทะยานเดือดคลั่ง
และเบื้องหน้า ดาบหักที่คล้ายแสงเคลื่อนกวาดทะลวงอากาศรอบด้าน ตวัดวิถีโคจรน่าพิศวงเฉือนผ่าใต้นภาคราม
กระบวนเฉือนนภาสงัด!
ฟ้าดินคืนความสงบ หมื่นชีวิตสั่นระรัว กลิ่นอายว่างเปล่าเงียบเชียบดับสิ้นสรรพสิ่งแผ่กระจายฝังกลบทั่วบริเวณ
…………………..