Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก - ตอนที่ 102
#มีเรื่องแจ้งตอนท้าย
วังจอมมารตั้งอยู่ ณ ใจกลางของโลกมาร
นอกเหนือไปจากตำแหน่งที่ตั้งทางยุทธศาสตร์แล้ว สถานที่นี้ยังเป็นศูนย์รวมของขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมจากทั่วทุกทิศ หลากสิ่งที่หาพบได้ยากต่างถูกรวบรวมไว้ที่นี่
หนึ่งในบรรดาสิ่งหายากก็คือสนามบิน
อู่ยานเล็กใหญ่เรียงราย ลานจอด ลู่วิ่ง สถานีรองรับผู้โดยสารและเหล่าผู้ต้อนรับ
ถึงกระนั้นการที่ประชากรจำนวนมากมารวมตัวกันที่สนามบินก็ถือเป็นเรื่องแปลก
ลูกของเหล่านางกำนัลที่ยังไม่สังกัดฝักฝ่าย
ขุนนางวังหลวงพร้อมบริวารของตน
เหล่าบริวารที่มารอต้อนรับเจ้านาย
แม้บุคคลเหล่านี้จะมารวมตัวกันด้วยหลากเหตุผล แต่พวกเขาเหล่านี้ต่างก็รอต้อนรับผู้มาเยือนกลุ่มเดียวกัน
มีนิ้วชี้ไปยังบางสิ่งกลางอากาศ เป็นสัญญาณให้ที่เหลือจับจ้องไปยังจุดนั้น ตามมาด้วยเสียงพูดคุยอื้ออึง
เรือใบลอยมาในอากาศด้วยใบเรือสีดำ
เรือเหาะอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าชายลำดับที่ห้า เจ้าชายซิลวาน ดูมเบลด
เพลิงมังกรทมิฬได้เดินทางมาถึงวังหลวงแล้ว
&
คริสต์และเฟลิซีสบตากันโดยมิได้นัดหมาย ก่อนทั้งสองจะจัดแถวสมาชิกคณะเดินทาง
หลังจากเรือลงจอดและลูกเรือทอดท่าเตรียมบันไดทุกอย่างเรียบร้อย เจ้าชายฉัตรเป็นผู้แรกที่ก้าวเท้าลงมา
หลังจากเจ้าชายฉัตรก็ตามมาด้วยออร์คคารัค คริสต์กับเฟลิซีต่างยืนตำแหน่งประกบคู่ซ้ายขวาทั้งสอง เคทลินกับซิลวานยืนประกบคู่คริสต์กับเฟลิซีอีกที ก่อนจะตามมาด้วยเหล่าทหารองครักษ์ที่เหลือ เป็นรูปกระบวนที่มีเจ้าชายฉัตรเป็นศูนย์กลาง
รูปกระบวนที่สื่อความหมายอันเป็นนัยยะ
บุคคลที่อยู่ตรงกลาง… คือผู้นำ
ทายาททั้งห้าของจอมมารไม่เพียงแค่มารวมตัวกัน แต่ยังมีการกระทำอันมีเป้าหมายร่วมกัน
เจ้าชายลำดับที่ห้า เจ้าหญิงลำดับที่หก เจ้าชายลำดับที่เจ็ด เจ้าหญิงลำดับที่แปด…
สี่บุคคลผู้เป็นตัวแทนอำนาจของเผ่าเอลฟ์รัตติกาลและเผ่าไลแคนโทรป
ทำไมพวกเขาเหล่านี้จึงมารวมตัวกัน? ใครกันคือผู้ที่รวบรวมบุคคลกลุ่มนี้?
คำตอบสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
ชายผู้เดินนำขบวน
เจ้าชายฉัตร อิกษณา
เจ้าชายผู้สำเร็จภารกิจปราบกบฏเผ่าสายฟ้าชาดร่วมกับเจ้าชายลำดับที่เจ็ดและเจ้าหญิงลำดับที่แปด
เขาได้ช่วยเหลือเจ้าหญิงลำดับที่หกระหว่างภารกิจ และนางก็ตอบแทนด้วยการช่วยเหลือเขาในกาลต่อมา
ปริศนาทั้งหมด ไขกระจ่างแล้ว
บ้างรู้สึกยินดี บ้างรู้สึกไม่ปลอดภัย
แต่ทั้งนี้ ทั้งหมดต่างรับรู้ได้โดยพร้อมเพรียง
ขั้วอำนาจใหม่ถือกำเนิดขึ้นในวังจอมมารแล้ว
เจ้าชายที่อายุน้อยที่สุด เจ้าชายกำมะลอฉัตร อิกษณา เป็นผู้นำของขั้วอำนาจใหม่ที่กล่าวถึง
&
อินกองฝืนยิ้มระหว่างเดินลงจากเรือเหาะท่ามกลางสายตาที่จับจ้อง ลำพังสีหน้าและแววตาไม่อาจบอกอะไรได้มาก แต่เขาก็รับรู้ได้
“เจ๋งโคตร”
ไม่มีใครเลยในครั้งแรก ในครั้งที่สองก็มีเพียงเหล่าบ่าวของเฟลิซี
ครั้งที่สาม…
อินกองกลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจทั้งหมด และในครั้งนี้ยังมีผู้รอต้อนรับเขาอีกด้วย
ฟลอร่าพร้อมบ่าวรับใช้อีกสองตนก้าวออกมาต้อนรับเขาด้วยสีหน้าอันไร้ความรู้สึกอย่างเช่นเคย อินกองถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ดีมาก”
“แกดีใจเรื่องอะไร?”
“ดีใจที่ฟลอร่ายังเหมือนเดิม”
คารัคจ้องมองอินกองอย่างงงงวย แต่อินกองก็ยิ้มโดยไม่สนใจมัน
เพียงแค่กัมมะ เซร่า เดเลีย ซีพีร่า และดาฟเน่ก็เกินพอแล้ว อินกองไม่ต้องการเห็นสายตาเยี่ยงนั้นเพิ่มจากฟลอร่า
หลังจากก้าวเท้าลงสู่ผืนดินในที่สุด อินกองก็ได้ยินเสียงซิลวานดังขึ้นจากด้านหลัง
“เผ่ามังกรสินะ ถึงจะพยายามหลบซ่อนก็ไม่อาจเร็ดรอดจากเราผู้นี้ไปไ… ”
“กลิ่นนี้มัน พวกไนท์แมร์ แถมมากันหมดเลย หึหึ ชอบใจมั้ยละ?”
คริสต์พูดแทรกซิลวาน
ต่างไปจากน้ำเสียงโอ้อวดของซิลวาน เสียงของคริสต์เสมือนนักล่าที่พบเหยื่อติดกับดัก
ไม่มีเผ่ามังกรกับเผ่าไนท์แมร์ในคณะของอินกอง หรือก็คือพวกนี้ต่างออกมาเพื่อสอดส่องสอดแนม
แสดงให้เห็นว่าทั้งสองเผ่าต่างยอมรับอินกอง
และไม่อาจมองข้ามเจ้าชายตนนี้ได้อีกต่อไป
“ข้าพระพุทธเจ้าเป็นตัวแทนน้อมรับเสด็จใต้ฝ่าพระบาทเพคะ”
ฟลอร่าก้มคำนับอินกอง ตามมาด้วยบ่าวบริวารจากฝั่งของคริสต์และเฟลิซี
มีทั้งใบหน้าที่อินกองคุ้นเคยจากการเยือนในครั้งที่สอง และใบหน้าที่แปลกใหม่
อินกองออกคำสั่งให้ขนของกลับยังคฤหาสน์ สัมภาระส่วนตัวของอินกองอยู่ในช่องเก็บของ แต่สัมภาระอันมากมายของอมิตาภาเป็นอีกกรณี
ดาฟเน่ที่ยังกอดอมิตาภาอยู่เดินไปพร้อมกับฟลอร่า อมิตาภาตัดสินใจยอมทำตัวราวกับเป็นแรคคูนสัตว์เลี้ยง เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้น
เฟลิซีและคริสต์ทิ้งสัมภาระให้เหล่าบริวารจัดการพลางเดินร่วมไปกับอินกอง
เมื่อรวมเหล่าองครักษ์ที่เดินตามด้วยแล้ว คณะบุคคลราวยี่สิบออกเดินไปยังคฤหาสน์ของอินกอง
‘กลับบ้านอย่างภาคภูมิ’
ลูกของนางกำนัลหลายตนต่างพยายามเข้ามาพูดคุยกับอินกอง ในบรรดากลุ่มนี้มีซิลาสและเซลีนที่อินกองต้องการทาบทามรวมอยู่ด้วย
อินกองไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปทาบทามบุคลากรที่ต้องการทีละหนึ่ง เมื่อทำตัวเป็นที่โดดเด่น บุคลากรที่ว่าจะมารวมตัวเอง
เป้าหมายแรกระหว่างกลับคฤหาสน์ของอินกองคือกระทรวงเกียรติยศ
เหล่าฝูงชนที่มุงเดินตามส่วนหนึ่งหลีกหนีเมื่อเห็นสถานที่นี้
เมื่อเข้ามาด้านใน แขกทั้งห้ารวมถึงเหล่าผู้ติดตามทำให้ห้องรับรองของอิซเบลดูเล็กลงทันตา
นางส่งรอยยิ้มอันชื่นชมและสับสนในเวลาเดียวกัน
“องค์ชายเก้ามีเรื่องให้ข้าประหลาดใจได้ตลอดเวลาเลย”
ร่างกายลาเมียท่อนล่างของนางเลื่อยไปตามพื้นอย่างอารมณ์ดี
“อิซเบล เราก็อยู่นี่เช่นกัน”
คริสต์พูดขัดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น หากเป็นสถานการณ์ทั่วไปนี่คงเป็นเรื่องที่ดูน่าอาย แต่ด้วยความสนิทสนมของอิซเบลกับบรรดาทายาทจอมมาร นางหัวเราะให้คริสต์อย่างคุ้นเคย
“ค่า ค่า รู้แล้วค่า ไม่ได้เจอองค์ชายเจ็ดที่กระทรวงนานพอควรเลย”
คำขานรับอย่างเป็นกันเองทำให้คริสต์พึงพอใจมาก
“เราผู้นี้ก็… ”
“เห็นแล้วค่ะองค์ชายห้า องค์หญิงหกกับองค์หญิงแปดก็เหมือนกัน อิซเบลแห่งกระทรวงเกียรติขอน้อมรับ… เพคะ?”
‘ยังกับแม่นมยังไงยังงั้นเลย’
ความจริงก็คืออิซเบลอยู่มาก่อนเหล่าทายาทของจอมมารมิตรจะถือกำเนิดเสียอีก นั่นทำให้นางรู้จักกับทายาททุกตน แม้แต่แซเฟียร์ก็เป็นมิตรกับนาง ไบคาลและอนาสทาเซียก็ไม่ต่างไป
อาจจะเป็นการวางตัวกับเหล่าทายาทหรือด้วยมิตรภาพที่นางมีกับจอมมาร อิซเบลเลือกที่จะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
นางวางตัวเป็นกลางและต้อนรับผู้มาเยือนทั้งหมดในฐานะตัวแทนของกระทรวงเกียรติยศ
“แล้วในวันนี้องค์ชายเก้ามีอะไรให้รับใช้คะ?”
“เราอยากติดตั้งสิ่งปลูกสร้างเพิ่มในคฤหาสน์”
&
“ไอ้คนลวงโลกฮะ ใครเค้าเรียกที่แบบนี้ว่าโรงหลอมกันฮะ!”
อมิตาภาใช้หางทุบพื้นตีโพยตีพาย
ซึ่งที่อมิตาภากล่าวก็ถูกต้อง อินกองเพิ่งจะติดตั้งโรงหลอม นั่นทำให้สถานที่แห่งนี้เรียกได้ว่าว่างเปล่า
“ก็กำลังจะเป็นโรงหลอมไง เรียกว่าเป็นโรงหลอมส่วนตัวเลย อมิตาภาจะจัดตกแต่งยังไงก็ได้ตามใจชอบ ถ้าอยากจะติดตั้งอะไรเพิ่มก็บอกมาได้ทุกเมื่อ”
คำพูดอันเป็นมิตรของอินกองทำให้อมิตาภาใช้มือทั้งสองข้างปิดหน้าปิดตา
“อึก คำพูดนั่นทำให้อมิตาภารู้สึกเหมือนจะถูกขังไว้ที่นี่ตลอดชีวิตเลยฮะ”
ไม่ว่าอมิตาภาจะมีฝีมือสูงส่งเพียงไร การสร้างอุปกรณ์หลายชิ้นย่อมต้องใช้เวลาพอสมควร
ระหว่างที่อมิตาภากำลังรันทดกับอนาคตที่ดูเลวร้าย ดาฟเน่ก็ยื่นบางสิ่งให้
“อมิตาภา รับปลอกคอนี่ไปสิ สัตว์เลี้ยงทุกตัวในเขตวังหลวงต้องสวมปลอกคอนะ ฉะนั้นอย่าลืมทำตัวให้เหมือนเข้าไว้”
‘อมิตาภา ภา ภา ภา ปลอกคอ คอ คอ คอ สัตว์เลี้ยง เลี้ยง เลี้ยง เลี้ยง’
ปลอกคอที่ว่าไม่ต่างไปจากปลอกคอที่ใช้สวมสุนัข อมิตาภาเงยหน้าขึ้นมองดาฟเน่หลังจากอึ้งกับเสียงที่ดังสะท้อนก้องอยู่ในหู
“คงไม่ใช่ว่า… กำลังสนุกอยู่ใช่มั้ยฮะ?”
“เหหห ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”
ดาฟเน่หัวเราะคิกคัก และนั่นทำให้อมิตาภายอมจำนน
‘ดีนะที่เรามีดาฟเน่’
อินกองสามารถฝากเรื่องอมิตาภาให้ดาฟเน่เป็นผู้จัดการได้อย่างง่ายดาย เขานำวัตถุดิบทั้งหมดออกจากช่องเก็บของวางกองไว้ที่มุมหนึ่งของโรงหลอม ก่อนจะแยกไปหาสมาชิกที่เหลือ
“เหล่าองครักษ์ละครับ?”
“หืม? พวกนั้นแยกไปพักผ่อนส่วนตัวนะ ถึงจะเป็นทหารคนสนิทก็ควรจะได้เวลาส่วนตัวไม่ใช่รึ?”
ภาพคารัครายล้อมด้วยสาวงามในทุ่งลาเวนเดอร์ผุดขึ้นมาในหัวของอินกอง จากคำตอบของเฟลิซี
อินกองรู้สึกหงุดหงิดจนเคทลินถามอย่างเป็นห่วง
“ฉัตร?”
“ไม่มีอะไรครับ”
อินกองลบภาพจำลองออกไปแล้วนั่งร่วมวงสนทนา
เฟลิซีจ้องมองอินกองพลางหัวเราะราวกับรับรู้ว่าเขาคิดอะไร
“เอาเป็นว่าจะมีการประชุมสภาในอีกสองวัน นอกจากพวกเราแล้ว ไบคาลออราเบียวนิ แซเฟียร์ออราเบียวนิ วิคเตอร์ออราเบียวนิ อนาสทาเซียออนนี่ก็เข้าร่วมด้วย… หรือก็คือเป็นการรวมทายาททั้งหมดเลยทีเดียว”
แม้แต่ในเกมบทกวีแห่งผู้กล้าก็ไม่มีเหตุการณ์ที่ทายาททั้งหมดมารวมตัวกัน เหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าไลแคนโทรปก็ขาดเคทลินกับคริสต์ เหตุการณ์ที่เหลือก็ขาดฉัตรที่ไปหลบซ่อนตัว
ซิลวานสงวนท่าทีเอาไว้ ในขณะที่เคทลินมีท่าทางดีใจปนวิตกกังวล นั่นเพราะนางต้องการจะผูกมิตรกับพี่น้องตนอื่น
คริสต์กุมมือเคทลินแล้วพูดปลอบนาง
“อย่าห่วงไปเลย อย่าที่ท่านแม่บอกไว้ว่าวาระการประชุมครั้งนี้ยังไม่แน่ชัดนัก”
“วาระการประชุม?”
เฟลิซีถามแทรกขึ้น
“ใช่แล้ว เราได้ยินผ่านๆมาว่าวาระการประชุมยังไม่แน่ชัดว่ามีเรื่องลงความเห็นอะไรบ้าง”
บางทีอาจจะเช่นเดียวกับเหตุการณ์ก่อกบฏของเผ่าสายฟ้าชาด
แต่ด้วยที่มติเรื่องราวยังไม่เป็นที่แน่ชัด คริสต์จึงมองว่าไม่ใช่เรื่องที่สำคัญเท่าไรนัก
“แล้วก็… ”
“แล้วก็?”
“มันน่าสนุกใช่มั้ยละ จะเกิดอะไรขึ้นในการประชุมรอบนี้กันแน่นะ? เรารู้สึกพลาดมากที่ไม่ได้ร่วมการประชุมครั้งที่สองของฉัตร”
คริสต์หวังให้เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้น เรื่องที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมทั้งหมดตกตะลึง
ในทางกลับกันเฟลิซีกุมอกของนางพลางพูดออกมา
“ใจฉันรับไม่ค่อยไหวนะ ขอให้ครั้งนี้ผ่านไปอย่างเรียบง่ายนะฉัตร ได้มั้ย?”
สายตาของซิลวานและเคทลินก็จ้องมาทางนี้เช่นกัน อินกองได้แต่ยิ้มรับอย่างกล้ำกลืน
สองวันถัดมา วันที่การประชุมสภาถูกจัดขึ้นอีกครั้ง
คณะของอินกองถูกจัดให้พักอยู่ในห้องรับรอง ไบคาลและเซเฟียร์รอเข้าร่วมประชุมโดยไม่พักผ่อน ทางด้านวิคเตอร์กับอนาสทาเซียต่างก็พักอยู่อีกห้อง ทำให้บรรยากาศในห้องรับรองนี้ค่อนข้างผ่อนคลาย ยกเว้นซิลวาน
“เอ่อ ถึงจะบอกว่าสามครั้งแล้วก็เถอะ ข้าก็ยังไม่คุ้นกับไอ้ชุดนี่อยู่ดี”
คารัคพูดพลางจัดตำแหน่งเนคไทของมัน ร่างกายกำยำของนักรบทำให้มันดูดีในชุดสูทเป็นอย่างมาก
อินกองหันมองสมาชิกแต่ละตน เฟลิซีในชุดราตรีสีแดงรัดรูป ซิลวานในชุดสูทสีดำประดับด้วยด้ายทอง ถึงเขาจะไม่อาจใส่ชุดประจำของเขาได้ แต่เขายังคงสวมผ้าปิดตาของเขาเอาไว้
เคทลินสวมชุดราตรีสีน้ำเงินเช่นคราวก่อน
แต่ผู้ที่โดดเด่นที่สุดคือคริสต์ แม้จะมีร่างกายกำยำเช่นเดียวกับคารัค แต่ความรู้สึกที่เขาแผ่ออกมาเปรียบเสมือนหมาป่าในชุดแกะ
อินกองใส่ชุดสูทขาวตัวเดิมเช่นเดียวกับในสองครั้งก่อน นั่นทำให้เฟลิซีไม่พอใจที่เขาใส่ชุดตัวเดิมเข้าร่วมประชุมถึงสามครั้งติดกัน
“เอาเป็นว่าขอให้การประชุมครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดีทีเถิด”
เฟลิซีกุมมือสวดภาวนา คริสต์ก็เช่นกันแต่ในทางตรงข้าม
แล้วประตูห้องรับรองก็ถูกเปิดออก
&
ทันทีที่ประตูเปิด อินกองก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ
ที่ประชุมอยู่ในความเงียบสงบ แต่ถึงกระนั้นความสับสนก็สามารถรับรู้ได้ท่ามกลางความเงียบสงัดนี้
‘ทำไมกัน?’
อินกองกวาดสายตามองไปด้านหน้า ไบคาล แซเฟียร์ วิคเตอร์ อนาสทาเชีย ต่างคุกเข่าอยู่ต่อหน้าจอมมาร
แต่พวกเขาไม่ใช่สาเหตุ หรือก็คือแม้แต่บุคคลทั้งสี่ต่างก็อยู่ในภาวะสับสนเช่นกัน
‘อะไรกันแน่?’
อินกองชำเลืองกวาดสายตามากขึ้น แล้วเสียงตกตะลึงของซิลวานจากด้านหลังก็ดังลอดเข้ามา เฟลิซี เคทลิน และแม้แต่คริสต์ที่คาดหวังสิ่งพิเศษก็อดตกตะลึงมิได้
นั่นเพราะที่จุดสูงสุดของที่ประชุมนี้
นอกจากจอมมารมิตรแล้วยังมีอีกหนึ่งบุคคลอยู่ข้างกาย
ปราชญ์ดาบอิชย์
ผู้อาวุโสเผ่าสุรที่ไม่เคยเข้าร่วมการประชุมแม้แต่ครั้งเดียว ผู้ที่มีฝีดาบเป็นหนึ่งในโลกมาร
สายตาของผู้อาวุโสท่านนี้มาหยุดอยู่ที่อินกอง แล้วคำพูดของผู้อาวุโสท่านนี้ก็ทำลายความเงียบลง
“ผ่านไปเดือนหนึ่งแล้วสินะ พัฒนาขึ้นบ้างไหมเจ้าชายเก้า?”
คำทักทายอันเรียบง่าย
แต่เป็นคำที่ไม่ง่ายในสถานการณ์ของอินกองตอนนี้เสียเลย
สายตาจำนวนมากพุ่งเป้ามาสู่อินกองพร้อมกับเสียงกลืนน้ำลาย
#เนื่องจากเว็บต้นฉบับของนิยายเรื่องนี้มีเรื่องประกาศเกี่ยวกับเว็บที่เอานิยายไปแปล (munpia vs wuxia) ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปแน่ชัดกับเจ้าของผลงานที่เป็นผู้แต่งจริงๆเพราะเว็บมุมเปียเป็นแค่ตัวกลาง นิยายเรื่องนี่จึงอาจจะถูกหยุดแปลกลางทาง ทางเว็บวุยเซียก็เอานิยายเกาหลีทั้งหมดออก แล้วนำกลับเข้ามาทีละเรื่องที่คุยเรียบร้อยซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ถูกนำกลับมา (个_个) ตัวผู้แปลโลมาใย้ใหญ่นอนอุตุขี้อู้คนนี้ คาดว่าจะแปลดูลาดเลาไปเรื่อยๆ เมื่อถึงเหตุที่ต้องหายไปอย่างเลี่ยงไม่ได้จึงแจ้งขออภัยมาก่อนครับ ถ้าไม่มีอะไรเกิดคงแปลจนจบเพราะเป็นเรื่องแรกที่หัดแปล ถ้าเกิดก็อาจจะหนีไปแปลนิยายยุ่นแทน เพราะเท่าที่ดูทางเว็บ syosetu กับเจ้าของผลงานฝั่งยุ่นจะเคยคุยตกลงและประกาศอย่างเป็นทางการอนุญาตให้เอานิยายไปแปลได้
#ขออภัยในความไม่สะดวกของผู้อ่านและทางเว็บแมวด้วยครับ
#TheGreatDolphin โลมาตัวใย้ใหญ่