Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก - ตอนที่ 110
ริชาร์ดมองผ่านทิวทัศน์ริมหน้าต่างออกไปยังสถานที่ซึ่งห่างออกไป
เขาผู้เป็นหนึ่งในห้าแม่ทัพองครักษ์กำลังพักอยู่ห้องส่วนตัวในเขตวังจอมมาร ภายในห้องถูกออกแบบให้มีแสงเพียงริบหรี่เท่านั้น
แสงแดดจากภายนอกส่องผ่านให้เห็นเอกสารหลากหลายที่ถูกจัดอยู่บนโต๊ะทำงานเป็นหมวดหมู่
ตราประทับตระกูลหลักของเผ่ามังกรถูกใช้ในการประทับเอกสารด้วยมืออันหยาบกร้าน แม้มือนี้จะเป็นหนึ่งในลักษณะจำเพาะของเผ่ามังกร แต่มือของริชาร์ดก็มีลักษณะใหญ่โตและหยาบกระด้านกว่าเผ่ามังกรทั่วไป เส้นผมสีน้ำตาลออกเหลืองลักษณะราวกับขนสิงโต ตัดด้วยเขาสีขาวทั้งสองงอกจากบริเวณขมับทั้งสองข้าง
ถัดจากริชาร์ดไปเล็กน้อยมีชายหนุ่มเผ่ามังกรยืนอยู่ หนุ่มน้อยเฮนรี่ ทหารไฟแรงของเผ่ามังกรที่มีแววอนาคตอันสดใส
เฮนรี่กำลังรายงานผลลัพท์บางอย่างที่ริชาร์ดคาดการณ์ล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว
“รู้ใช่ไหมว่าต้องทำอย่างไร?”
ริชาร์ดเอ่ยถามนายทหารเฮนรี่ที่ยืนรายงาน เฮนรี่ลังเลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าตอบ
แทนที่จะต่อว่า ริชาร์ดกลับหัวเราะให้กับท่าทางของเด็กหนุ่ม
นั่นเพราะคำสั่งที่ริชาร์ดได้มอบหมายให้กับเฮนรี่ก็คือ
‘จู่โจมเจ้าชายฉัตรระหว่างการเดินทางสู่เอเวียง’
แน่นอนว่าผู้ที่ลงมือทำงานสกปรกเช่นนี้ต้องไม่มีความเกี่ยวข้องกับทางวังหลวงหรือเผ่ามังกร เป็นเพียงอดีตทหารตกอับ โจร หรือพวกทหารรับจ้างเท่านั้น
จุดประสงค์ของริชาร์ดมิใช่การลอบสังหารแต่อย่างใด เขาเพียงต้องการศึกษาความสามารถของเจ้าชายลำดับที่เก้า
บทบาทโดดเด่นที่แสดงออกมาดั่งม้ามืด ริชาร์ดมีข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าชายผู้นี้น้อยมาก
บุคลิกภาพ กระบวนท่าการต่อสู้ ความถนัดทางอาวุธ…
สิ่งเหล่านี้คือข้อมูลที่ริชาร์ดต้องการ การลอบสังหารเจ้าชายไม่ได้อยู่ในแผนการแต่อย่างใด
นั่นเพราะจอมมารเผ่าสุร จอมมารมิตรมีความประสงค์มิให้เกิดเภทภัยแก่เหล่าทายาท ริชาร์ดไม่คิดทำอะไรที่ขัดกับความต้องการนั้น
ถึงกระนั้นริชาร์ดก็หลุดปากกล่าวบางอย่างออกมา
“จอมมารเคยกล่าวไว้ว่า ‘ผู้แข็งแกร่งที่สุดจึงคู่ควรกับบัลลังค์’ และนั่นเป็นความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับไม่ต้องการให้ทายาทต่อสู้แย่งชิงกัน มันค่อนข้างที่จะขัดๆกันอยู่ ว่าไหม?”
แม้คำพูดจะหลุดออกมาด้วยน้ำเสียงธรรมดา แต่เฮนรี่กลับรู้สึกราวกับมีเสียงร้องคำรามแฝงอยู่ด้วย
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจะได้การยอมรับเป็นจอมมาร
ทว่ากลับมิให้มีการต่อสู้กันระหว่างผู้แข่งขัน
การกระทำที่ช่างขัดแย้งกับคำพูด หากไร้การปะทะจะคัดเลือกผู้ที่เก่งกาจที่สุดได้อย่างไร?
การแบ่งฝักฝ่ายอาจมีอยู่บ้าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็มีเพียงสอดแนมและสงครามข้อมูลเท่านั้น
เจ้าหญิงลำดับที่สี่ผู้สืบสายเลือดจากราชินีองค์ที่สองทาเทียน่า เจ้าหญิงเผ่าแมร์ผู้คุ้นเคยกับการหลอกลวง กลับกลอก ตลบตะแลง และความรุนแรงทั้งหลาย นางกลับดื่มน้ำชาที่รับมาจากเจ้าชายไบคาลอย่างไร้ข้อกังขา สถานที่จัดงานเลี้ยงน้ำชาของเจ้าชายไบคาลไม่ใช่ที่ซ่อนเร้นอย่างไร นี่จึงเป็นเรื่องที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
ทั้งสองที่เรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งอันฉกาจ เจ้าชายรินน้ำชาอย่างร่าเริง เจ้าหญิงที่รับมาดื่มโดยมิเกรงกลัวการวางยา
ทั้งสองรู้จักกันกว่ายี่สิบปี โดยไร้สงสัยเคลือบแคลงกันใดใด
จะฟูมฟักผู้ที่แข็งแกร่งในสภาพแวดล้อมเยี่ยงนี้ขึ้นได้จริงหรือ? เมื่อเหล่าผู้แข่งขันกลับเล่นตุ๊กตากันในบ้านอันแสนสุขที่เรียกว่าวังจอมมาร บททดสอบและภารกิจที่มอบหมายจะมีประโยชน์อันใด?
ริชาร์ดหัวเราะขึ้นอีกครั้ง
“สีหน้าทหารราวกับต้องการจะพูดบางอย่าง ข้าอนุญาต”
แม้จะเป็นเด็กหนุ่มเผ่ามังกร แต่เขาก็ภักดีต่อจอมมารอย่างแรงกล้า เมื่อได้รับคำอนุญาตเฮนรี่จึงเดินเข้าใกล้ริชาร์ด
เฮนรี่มีเส้นผมดำขลับและเขาสีน้ำเงินแก่ ต่างไปจากริชาร์ด
“เมื่อตอนที่ถูกขับไล่ออกจากกรมทหาร ความสามารถเขาเป็นเพียงนายกองเท่านั้น แต่ในตอนนี้ ความสามารถเขาเทียบเคียงพลตรี”
“ข้ารู้ว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก นั่นทำให้เราสามารถใช้เขาในการวัดความสามารถเจ้าชายฉัตรได้”
“ท่านลุ… ท่านแม่ทัพ หากเกิดเหตุไม่คาดคิดทำให้เจ้าชายเสียชีวิตขึ้นมา… ”
“เจ้าหญิงลำดับ 6 และ 8 ก็คอยประกบอยู่ด้วย เรื่องเสียชีวิตมองข้ามไปได้เลย แต่หากเกิดผิดพลาดมีผู้เสียชีวิตขึ้นมา… นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของเรา ยิ่งตอนนี้มีการจู่โจมจากข้าศึกทั่วสารทิศ อาจจะเป็นฝีมือของศัตรูก็เป็นได้”
ริชาร์ดพูดขึ้นขัดเฮนรี่ด้วยสายตาอันร้ายกาจ เขาตบไหล่ทหารหนุ่มเล็กน้อย
“กลัวอะไร ทหาร? เรื่องแบบนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน หากนั่นคือเป้าหมาย ข้าคงเลือกใช้ผู้ที่มีความสามารถมากกว่านี้”
สิ่งนี้ทำให้เฮนรี่โล่งใจขึ้นได้ชั่วครู่เท่านั้น นั่นเพราะความจริงที่อดีตทหารความสามารถระดับพลตรีดักโจมตีเจ้าชายฉัตรยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ริชาร์ดยังคงกล่าวต่ออย่างไม่แยแส
“บางทีอาจจะมีบาดเจ็บบ้างจนล้มเลิกภารกิจ หรือไม่ก็อาจจะเริ่มระแวงขึ้นบ้าง”
แผนการของเขาก็คือคอยเพาะบ่มเมล็ดพันธุ์ข้อกังขาขึ้นทีละน้อยจนเติบใหญ่ เพื่อเปลี่ยนแปลงบทบาทและสถานะของเหล่าทายาท
“วันรุ่งขึ้นพวกเราจะเคลื่อนทัพกลับปราการทางเหนือ ไปเตรียมตัวได้”
สิ้นคำริชาร์ด เฮนรี่ก็ทำความเคารพก่อนออกจากห้องไป ริชาร์ดมองแผ่นหลังของทหารหนุ่มก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้แล้วระเบิดหัวเราะออกมา
“เจ้าชายกำมะลอ”
ชื่อที่ใช้เรียกขานในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา บัดนี้เจ้าชายที่ว่ากลับสร้างขั้วอำนาจใหม่ขึ้น
แล้วยังมีความสัมพันธ์กับปราชญ์ดาบที่ยากจะหยั่งถึงอีก
‘เดาไม่ออกเลยจริงๆ’
เจ้าชายฉัตรจะรู้ไหมนะว่าการจู่โจมเป็นแผนการที่มีผู้จัดฉากขึ้น?
ถึงจะรู้ แต่ก็ไม่มีทางรู้ถึงตัวตนเบื้องหลังอย่างแน่นอน
แม้อดีตทหารที่ว่าจะเป็นเผ่ามังกร แต่บัดนี้ก็กลายเป็นโจรร้ายที่คุกคามก่อเหตุรุนแรงในเขตเอเวียงอยู่เรื่อยไป
นี่น่าจะพอให้เกิดความระแวงขึ้นบาง ถึงจะเพียงเล็กน้อยแต่นั่นก็เพียงพอแล้ว
บางทีผลลัพท์อาจจะผิดคาด เจ้าชายฉัตรอาจไม่รู้ถึงแผนการและไม่เกิดการสงสัยอะไร แต่นั่นไม่เป็นปัญหาเพราะอย่างน้อยนี่จะทำให้ความสามารถของเจ้าชายเป็นที่กระจ่างขึ้นบ้าง
‘ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแผนของเราจะเริ่มที่เจ้าชายฉัตร’
ริชาร์ดหยุดประทับตราเอกสารพลางหันหน้ามองนอกหน้าต่างไปยังทิศทางสู่เอเวียง
&
“ต้องมีเรื่องตลอดสินะ”
คารัคกล่าวขึ้นพลางเตรียมตัวต่อสู้ แน่นอนว่ากลุ่มที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาเป็นศัตรูอย่างมิต้องสงสัย สิ่งที่พวกเขาทำได้มีเพียงพยายามหลบหนีหรือเตรียมตัวเข้าปะทะ ซึ่งข้อแรกเรียกว่าไม่สมเหตุสมผล
อินกองหรี่ตามองศัตรูที่กำลังพุ่งเข้ามา
“นายพูดถูก นี่เป็นเพราะผมเอง”
“หืม? แกหมายความว่าไง?”
อินกองหัวเราะตอบคำถามคารัค นั่นเพราะเขาเห็นใบหน้าอันคุ้นเคยจากหนึ่งในกลุ่มศัตรูที่กำลังมุ่งเข้ามา
“ฝีมือริชาร์ดแหงๆ”
เสียงพึมพำดังขึ้น และเป็นเสียงที่ค่อนข้างมั่นใจ
นี่เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่อินกองคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ในเกมบทกวีแห่งผู้กล้า แซเฟียร์ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเหล่าทายาทเริ่มแตกขาด ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเหล่าทายาทต่างหวาดระแวง ความคิดของทายาทแต่ละตนเริ่มไปในทิศทางของ ‘ฆ่าหรือถูกฆ่า’
หนึ่งในแผนการเหล่านั้นคือ การซุ่มโจมตีที่แดนเอเวียง ที่เรียกว่าซุ่มโจมตีมิใช่ลอบสังหารเพราะจุดประสงค์คือการเพาะบ่มเมล็ดพันธ์ุแห่งความขัดแย้ง
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการนี่ก็คือริชาร์ด
ทายาทเป้าหมายของแผนการนี่อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละครั้งของการเล่นเกม แต่สิ่งที่เหมือนเดิมทุกครั้งคือผู้ที่วางแผนและผู้ที่ลงมือจู่โจม
“หมาบ้าแจ็ค”
เสียงของผู้นำทางดังขึ้นเห็นด้วยกับอินกอง
“ช ใช่แล้ว นั่นคือหมาบ้าแจ็ค!”
ความกลัว สับสน ระแวง สามารถเห็นได้บนสีหน้าอย่างชัดเจน
ถึงแม้หมาบ้าแจ็คจะเป็นที่รู้จักดีในเขตเอเวียง แต่ขอบเขตกิจกรรมของเขาก็อยู่ห่างไปจากบริเวณที่คณะของอินกองอยู่ในขณะนี้ เรียกว่านี่เป็นครั้งแรกที่แจ็คก่อเหตุขึ้นที่บริเวณนี้ของเอเวียง แต่ถึงกระนั้นทหารผู้นำทางก็สามารถบอกได้ว่าเป็นแจ็คจากลักษณะท่าทาง
“ฉัตร?”
แม้ศัตรูจะบุกเข้ามาจากด้านหน้า แต่ก็เป็นการลอบโจมตี นั่นทำให้เฟลิซีสงสัยว่าฉัตรรู้จักศัตรูตนนี้ได้อย่างไร
“กูเตรียมพร้อมมาแล้วไอ้แจ็ค”
“หา?”
เฟลิซีอึ้งไปกับคำตอบที่ไม่คาดคิดชั่วครู่ แต่การต่อสู้กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า นางจึงเลือกที่จะปล่อยผ่านข้อสงสัยไป
เสียงกรีนวินด์ดังขึ้นเตือนอีกครั้ง
‘นายท่าน ไม่เพียงแต่ด้านหน้า พวกศัตรูยังมี… ’
“ประมาณ 40? แถมทั้งหมดเป็นทหารม้าใช่ไหม?”
‘ใช่แล้ว นายท่านรู้ได้ยังไง?’
“ทุกอย่างเหมือนเดิมเป๊ะ”
หมาบ้าแจ็คเรียกได้ว่าสมชื่อหมาบ้า
ถึงอินกองจะไม่เคยโดนลอบโจมตีระหว่างการเล่นเป็นแซเฟียร์ แต่ริชาร์ดเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนของเขา นั่นทำให้เขารู้จักหมาบ้าตนนี้เป็นอย่างดี
เมื่อเทียบระดับพลตรีแล้ว หมาบ้าแจ็คไม่ถือว่าโดดเด่นอะไร
หากไม่นับแก่นบริวาร เคทลินคงไม่อาจชนะคู่ต่อสู้รายนี้ได้ หากนับรวบพลังจากแก่นบริวารก็ยังอาจทำได้เพียงสูสี
‘แต่ถ้าไม่ใช่แค่เคทละ?’
“ฉัตร”
“ครับ?”
อินกองหันมองไปยังต้นตอของเสียง เคทลินที่กำลังเตรียมตัวเข้าปะทะบนสัตว์ภาหนะจ้องมองมาที่เขา
“เธอกำลังคิดอะไรอยู่?”
หรือว่าสัญชาตญาณของนางอาจสัมผัสถึงบางสิ่ง?
อินกองไม่ตอบคำถาม เขากลับแสยะยิ้มพลางหันกลับไปมองศัตรูที่กำลังปรี่เข้ามา นั่นทำให้เคทลินหรี่ตามอง
จากประสบการณ์ต่อสู้ที่ผ่านมาทำให้คณะของอินกองคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้เป็นอย่างดี มีเพียงทหารนำทางเท่านั้นที่กำลังลุกลน
“องค์ชาย แกจะเอายังไง?”
คารัคหันมาถาม อินกองเตรียมพสุธากัมปนาทกับไวท์อีเกิ้ลเข้าสภาพพร้อมรบ การปรับแต่งของอมิตาภาทำให้เสียงคำรามจากปลอกแขนฟังดูฮึกเหิมกว่าทุกที แม้กระทั้งเกล็ดสีดำทมิฬก็เปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับกำลังคุกรุ่น
นี่เป็นเหตุการณ์ลอบโจมตี แต่ก็ใช่ว่าจะต้องตั้งรับเสมอไป อินกองตั้งใจจะทำลายแผนการของริชาร์ดอย่างราบคาบ
เขาผิวปากอย่างยินดี พร้อมไอพลังแห่งอาณัติที่แผ่ขยายออกจากตัว
&
แจ็คถูกปลดระวางจากกองทัพมาร่วมสิบปี
แต่นั่นไม่ทำให้สายเลือดนักรบเผ่ามังกรในตัวจืดจางลง
หนึ่งในห้าแม่ทัพองครักษ์ ผู้อาวุโสของเผ่ามังกรได้มอบคำสั่งงานสกปรกให้กับแจ็ค ลอบจู่โจมเจ้าชายลำดับที่เก้าฉัตร อิกษณา พร้อมสืบข้อมูลมาให้ได้มากที่สุด
แม้ในคำสั่งจะห้ามมิให้แจ็คสังหารเป้าหมาย แต่นั่นไม่เป็นปัญหา คำสั่งห้ามมีให้สังหารแต่เขาสามารถลงมืออย่างอื่นได้
นอกจากเจ้าชายลำดับที่เก้าแล้ว ยังมีเจ้าหญิงลำดับที่หกและแปดติดตามมาด้วย การแตะต้องเจ้าหญิงทั้งสองอาจก่อให้เกิดการตอบโต้จากทั้งเผ่าเอลฟ์รัตติกาลและเผ่าไลแคนโทรป แต่นั่นมิใช่ปัญหาของเขา ฉายาหมาบ้ามิใช่จะได้มาโดยง่ายหรอกนะ?
‘หลังจากงานนี้ คงต้องหนีออกจากเขตโลกมารละวะ’
ระบบความคิดแจ็คเรียบง่าย สู้กับเจ้าชายลำดับที่เก้า เก็บรวบรวมข้อมูลโดนห้ามฆ่าเป้าหมาย นอกเหนือจากนั้นจะทำอะไรก็ได้
สัตว์ภาหนะของกลุ่มแจ็คคือสุนัขล่าเนื้อ ซึ่งสมาชิกทั้งหมดได้รับการฝึกฝนจากแจ็คด้วยตนเอง หากยังสังกัดกับกองทัพ เขามั่นใจว่าหน่วยของเขาเรียกว่าเป็นหัวกะทิได้เลยทีเดียว
สมาชิกทั้งหมดมีราวสี่สิบตน นั่นทำให้เจ้าหญิงเผ่าไลแคนโทรปมิใช่ปัญหาแต่อย่างใด
‘อยากจะลิ้มลองเจ้าหญิงที่ว่าสวยนักมานานแล้ว’
แจ็คลืมเรื่องการต่อสู้กับเจ้าชายลำดับที่เก้าเป็นที่เรียบร้อย ในหัวของเขามีแต่เจ้าหญิงเคทลิน
ทันใดนั้นเอง…
เจ้าชายเป้าหมายกลับกระโดดลงจากเดรโก้ภาหนะ พุ่งตรงมายังกลุ่มของแจ็ค
แจ็คหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
‘บางทีหมาบ้าอาจไม่ได้มีแค่ตัวเดียวซะแล้ว’
เป็นความคิดเพียงชั่วครู่เท่านั้น สัญชาตญาณในตัวแจ็คกรีดร้องออกมา เขารีบเค้นลมปราณด้วยกระบวนท่าสืบทอดของเผ่ามังกร ดาบและขวานประจำตัวถูกชักออกมาอย่างไม่รีรอ ทั้งหมดด้วยเหตุผลอันเรียบง่าย
‘เร็วชิบหาย!’
ราวกับระยะห่างระหว่างแจ็คกับเจ้าชายลำดับที่เก้าไม่มีผลอะไร เจ้าชายฉัตรใช้กำลังฝ่ากองทหารของแจ็คเข้ามาซึ่งหน้า
โล่สองโล่บินตีซัดเหล่าทหารตกจากสุนัขภาหนะ ทิ้งประกายแสงสีเขียวไว้ตามเส้นทาง ทั้งหมดเกิดขึ้นด้วยเวลาไม่นาน ราวกับเหล่าทหารเปิดทางให้เจ้าชายฉัตรเข้ามาต่อสู้ตัวต่อตัวกับแจ็ค
ในชั่วอึดใจเดียว แจ็คกับเจ้าชายฉัตรก็เผชิญหน้ากัน
บรึ้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมลมปราณสีขาวที่พวยพุ่งออกมา แจ็ครีบใช้อาวุธในมือขวาปัดป้องการโจมตีตรงหน้า เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่กำลังแผ่ซ่านไปทั่วแขน มันมากจนเขาเกือบจะทำดาบหลุดมือ
สายฟ้าฟาดลงมาตรงหน้าแจ็ค แม้เขาเบี่ยงตัวหลบการโจมตีต่อเนื่องได้ด้วยสัญชาตญาณการต่อสู้อย่างหวุดหวิด แต่สุนัขภาหนะของเขาโดนสายฟ้าผ่าเข้าอย่างจังที่ส่วนหัวจนกระอักเลือดตายคาที่
เมื่อดาบยากเกินกว่าจะใช้การได้ต่อ แจ็ครีบกระโดดถอยหลังออกก่อนสัตว์ขี่ของเขาจะเสียหลักล้มลงพลางซัดดาบใส่ศัตรูตรงหน้า นั่นช่วยหยุดการรุกของเจ้าชายได้ ทว่าการโจมตีต่อเนื่องยังไม่หมด โล่ทั้งสองที่คอยซัดกองทหารของแจ็คพุ่งตรงมาประกบซ้ายขวา แจ็คหมุนตัวใช้ขวานในมือซ้ายจามเข้าใส่หนึ่งในโล่ที่พุ่งเข้ามาแล้วเหวี่ยงมันเข้าใส่อีกหนึ่งโล่
เคล้ง!
โล่ทั้งสองกระทบกันอย่างรุนแรงก่อนจะตกกองลงบนพื้น แม้แจ็คจะปัดเป่าการจู่โจมอันรวดเร็วได้แต่ก็เสียอาวุธทั้งสองไปในการป้องกัน เขารีบปรับสมดุลร่างกายไม่ให้ล้มลงจากการกระทำโลดโผน พลางเดินชีพจรปรับลมปราณ
ทว่าเจ้าชายตรงหน้าไม่ปล่อยให้แจ็คทำสำเร็จได้โดยง่าย เจ้าชายฉัตรพุ่งปรี่เข้าหาแจ็คอีกครั้ง
เห็นดังนั้นแจ็คเปลี่ยนกระบวนท่าใช้ลมปราณดึงอาวุธของหนึ่งในทหารที่หมดสติ เขาคว้ารับหอกที่ลอยเข้ามาพลางแทงควงสว่านเข้าใส่คู่ต่อสู้ แน่นอนว่าการใช้ลมปราณของแจ็คเรียกได้ว่าเก่งกาจ ทว่าเขาไม่คาดคิดว่าคู่ต่อสู้ของเขาก็เป็นผู้ใช้ลมปราณเช่นกัน ในการประมืออันรวดเร็วที่ผ่านมานี้แจ็คทำได้เพียงตั้งรับ
สวบ!
สัมผัสจากมือซ้ายของแจ็คบ่งบอกได้ว่าการโจมตีเข้าเป้า หอกในมือของแจ็คแทงทะลุร่างเจ้าชายฉัตร
‘ได้ไงวะ?’
แม้แต่ตัวแจ็คเองก็ไม่คาดคิดว่าการโจมตีนี้จะสำเร็จ ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือประสบการณ์อันโชกโชนของเขาบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่ความบังเอิญ นี่คือการที่ศัตรูจงใจรับการโจมตีของเขา
‘เพราะอะไรกัน?’
ด้วยเหตุอันใดเจ้าชายลำดับที่เก้าจึงยิ้มออกมาอย่างปลื้มปิติท่านกลางความเจ็บปวด หรือเขาจะชื่นชอบมัน?
จะด้วยสาเหตุอะไรก็ไม่สำคัญ แจ็คใช้ลมปราณดึงเอาดาบที่เขาซัดไปกลับมา แต่ในครั้งนี้เขาไม่สามารถคว้ารับดาบเอาไว้ได้ นั่นก็เพราะว่า
“ขอบคุณมาก”
แจ็คไม่มั่นใจว่าเขาได้รับข้อความนี้จากคำพูดหรือแววตา
เจ้าชายลำดับที่เก้าหัวเราะพลางหวดหมัดออกมา บางสิ่งที่เรืองแสงสีขาวปนเขียวพุ่งออกจากหมัด
ทันทีที่สิ่งนั้นกระทบและระเบิดที่อกของแจ็ค มันทำให้แจ็คตกตะลึงจนลืมความเจ็บปวดจากบาดแผล
นั่นเพราะแจ็ครับรู้ได้…
การโจมตีของเจ้าชายฉัตรเจือปนไปด้วยพลังลมปราณมังกร
#เมื่อพระเอก OP เราจึงควรมองจากมุมตัวร้ายบ้าง
#ข้อความจากคนแต่ง ที่คนแปลเป็นคนกล่าว (ฮาาาาาา?)