Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก - ตอนที่ 115
การต่อสู้ห้ำหั่นกับเหล่าชนเถื่อนเกิดขึ้นในปี 515 ตามเวลาในเกมบทกวีแห่งผู้กล้า
เหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าไลแคนโทรปเกิดขึ้นในปี 516 เมื่อเทียบระหว่างช่วงเวลาทั้งสองแล้ว เคทลินในปี 515 อ่อนแอกว่ามากนัก นั่นเพราะนางยังเป็นเพียงเด็กสาวที่อ่อนต่อโลก
เทียบเคียงกับเพราโตสที่อยู่ต่อหน้าอินกอง เขาได้จบหลักสูตรความโหดร้ายของโลกมานานแล้ว หากพิจารณาอย่างคร่าวเพราโตสแข็งแกร่งเทียบเท่าหมาบ้าแจ็คเลยทีเดียว หรือก็คือเพราโตสมีความสามารถในระดับพลตรี สิ่งที่แตกต่างก็คือความดุดันและบ้าคลั่งที่มีมากกว่าแจ็ค และรวมถึงความอำมหิต
‘จุดเด่นของพวกบาบาเรี่ยนก็… วิชากายแกร่ง!’
วิชากายแกร่ง ทักษะที่เน้นการเสริมแกร่งให้กับร่างกายทั้งร่าง ข่าวร้ายสำหรับอินกองก็คือเขาไม่สามารถเรียนรู้ทักษะนี้ได้ นั่นเพราะทักษะนี้มีข้อจำกัดเฉพาะสายเลือดของเหล่าชนเถื่อน ลักษณะเดียวกับไอพลังมังกรของเผ่ามังกร
ร่างกายของเพราโตสเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ท่อนบนที่พองตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนเสื้อกั๊กฉีกขาด ผิวหนังสีเทาสะท้อนแสงที่ปกคลุมมัดกล้ามเนื้อ สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เหนือกว่าการเสริมแกร่งร่างกายทั่วไป ราวกับผิวหนังที่ห่อหุ้มร่างกายแปรสภาพเป็นเหล็กกล้า
เพราโตสในความทรงจำของอินกองจะพกอาวุธคู่กาย ตัวเขาที่มือเปล่าตอนนี้ทำให้อินกองประมาท และความประมาทย่อมเปิดช่องว่าง
ตึง!
บริเวณที่เพราโตสเคยยืนอยู่แตกกระจาย ‘เคย’ เพราะเพราโตสได้หายไปจากสายตาของอินกองเสียแล้ว
เพราโตสพุ่งเข้าโจมตีอย่างรวดเร็วและรุนแรงราวกับรถไฟตกราง อินกองรีบใช้เคล็ดวายุอ่านทิศทางการโจมตีแล้วเคลื่อนตัวหลบ
#นายต้องใช้ร่างกายหยุดรถไฟแบบ spiderman เซ่
#เคล็ดประกาศิตจิตสุร: วายุ -> เคล็ดวายุ
เคล้ง! บรึ้ม!
กำปั้นของชนเถื่อนอัดกระแทกจุดที่อินกองยืนอยู่เมื่อครู่ พื้นแตกกระจายพร้อมด้วยเศษหินและฝุ่นควันลอยตลบไปทั่ว
อินกองจ้องมองแผ่นหลังของเพราโตสและกำปั้นที่กระแทกพื้น เขาใช้เคล็ดวายุอีกครั้งพร้อมเดินลมปราณไปยังพสุธากัมปนาท
ไอพลังที่แผ่รายล้อมจากทั้งพสุธากัมปนาท ไวท์อีเกิ้ล และแบล็คอีเกิ้ลบอกเพราโตสว่าศัตรูของเขาหลบการโจมตีได้ เพราโตสหันชำเลืองมองไปยังต้นตอของไอพลังเหล่านี้
อินกองพุ่งโจมตีเพราโตสด้วยพสุธากัมปนาทและโล่อีเกิ้ลทั้งสอง
อินกองรับรู้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากครั้งที่สู้กับหมาบ้าแจ็ค ความไม่ลงรอยระหว่างตัวเขากับพสุธากัมปนาทมลายหายไปหมดสิ้น ไอพลังที่คุกรุ่นก็แตกต่างอย่างชัดเจน พสุธากัมปนาสูดรับลมปราณของอินกองราวกับหายใจ การส่งผ่านลมปราณทำได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างชัดเจน
การปรับแต่งของอมิตาภาบนโล่ชีวาตม์ดูเป็นเพียงแค่เปลือกนอก เสริมโล่แฝด เสริมความทนทาน กระทั้งเสริมความสามารถพิเศษเพิ่มเติม
แต่กรณีของพสุธากัมปนาทต่างออกไป ราวกับมันถูกหลอมสร้างขึ้นใหม่ให้เป็นของอินกอง ราวกับถุงมือปลุกเสกนี้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ราวกับว่ามิใช่ของวิเศษแห่งพญามังกรเอนคิดูอีกต่อไป
ระหว่างอินกองกำลังตื้นตันกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่แผ่ซ่าน เพราโตสอ่านทิศทางจู่โจมของโล่บินทั้งสองพลางหวดหมัดจู่โจมไปยังหนึ่งโล่ อินกองฉวยโอกาสนี้เงื้อหมัดเตรียมจู่โจม
เว้นเสียว่าลางสังหรณ์ของอินกองกลับบอกอีกอย่าง อินกองที่เชื่อในลางสังหรณ์ของตนรีบใช้ทักษะชั่วพริบตา
ทักษะชั่วพริบตาเป็นการเคลื่อนย้ายระยะทางในเวลาอันสั้นสมชื่อ การทำงานของมันต่างไปจากค่ายกลเคลื่อนมิติด้วยข้อจำกัดบางอย่าง นั่นคือต้องไม่มีสิ่งกีดขวางระหว่างผู้ใช้กับจุดเป้าหมาย กับการจำกัดการใช้เพียงสามครั้งในเวลาหนึ่งวัน
ควันสีน้ำเงินฟุ้งขึ้นบริเวณที่อินกองเคยอยู่พร้อมกับกำปั้นของชนเถื่อนกระแทกตรงจุดนั้น เพราโตสแสร้งเผยช่องโหว่เพื่อหลอกล่อแต่ศัตรูกลับรู้ทัน เขารีบมองสำรวจก่อนจะพบอินกองที่อยู่ห่างออกไปราวสิบเมตร
ระยะทางเพียงสิบเมตรไม่เป็นปัญหาสำหรับรถไฟความเร็วสูงอย่างเพราโตสแต่อย่างใด เขากระโจนหาเป้าหมายอีกครั้ง
ทันทีที่อินกองรับรู้ว่าเพราโตสพบตัว เขาก็รีบวิ่งไปยังจุดแรกที่เพราโตสกระโจนโจมตีฝากรอยแตกไว้ที่พื้น
“ไอ้สวะ! มาสู้กับข้าสิวะ!”
เพราโตสสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
อินกองเมินเฉยต่อคำท้าทายนั้น ยิ่งเพราโตสหัวเสียเท่าไรยิ่งเป็นผลดีกับตัวเขา อินกองใช้เวลาที่ได้มาไม่กี่วินาทีเค้นลมปราณใส่พสุธากัมปนาทมากขึ้นเรื่อยเรื่อย
ศัตรูมีแผนการบางอย่างอยู่ เพราโตสรู้ดีจากการสังเกตลมปราณที่อัดแน่นอยู่ในกำปั้นข้างขวา ลมปราณที่สามารถระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
เพราโตสแผดเสียงคำรามร้องกึกก้อง เสียงคำรามที่แฝงไปด้วยลมปราณของชนเถื่อนสามารถข่มขวัญศัตรูให้หยุดนิ่งได้ชั่วขณะ
หากทว่าอินกองทนทานต่อแรงกดดันจากจอมมารได้ แรงกดดันจากเพราโตสจึงไม่มากพอที่จะทำให้เขาเสียขวัญ เขารีบดำเนินแผนการที่เขาวางไว้
#เพราโตส used คำรามกึกก้อง… But it failed!
เพราโตสที่พุ่งกระโจนเข้าหาอินกองหลังจากที่ร้องตะโกนชะงักเล็กน้อย เขาเห็นว่าศัตรูตรงหน้าไม่มีท่าทีเสียขวัญแต่อย่างใด สัญชาตญาณชนเถื่อนในตัวร้องดังขึ้น
ที่อินกองต้องทำคือการขัดขวางมิให้เพราโตสได้หมวกมังกรทองแห่งราชาไป เขาไม่จำเป็นต้องต่อกรกับชนเถื่อนตนนี้ ซึ่งตอนนี้ก็ถือว่าภารกิจสำเร็จ เขาก้มลงมองพื้นตรงรอยกำปั้นของเพราโตสแล้วง้างหมัดขึ้น!
‘มหาวินาศ!’
กำปั้นของอินกองประทับลงบนรอยกำปั้นของเพราโตส เรียกใช้ทักษะพลังแฝงของพสุธากัมปนาท ลมปราณที่บีบอัดอยู่ภายในถุงมือระเบิดออก รอยแตกแผ่กระจายไปทั่วพื้นเวทีประมูล พื้นเวทีเริ่มถล่มลงโดยมีอินกองเป็นจุดศูนย์กลางราวกับโดมิโน่ที่กำลังล้ม
เพราโตสที่ตั้งท่าเตรียมป้องกันได้แต่อ้าปากค้าง เขาไม่คาดคิดว่าไพ่ตายของศัตรูจะเป็นการพลีชีพ
ครืนนนนนน!
อินกองจดจำสภาพแวดล้อมที่ย่อยยับจากทักษะนี้ในการต่อสู้ที่ป่าแมงมุมได้ดี ในครั้งนี้เขาใช้มันเข้ากับพื้นเวทีอย่างจัง แม้จะเป็นพื้นหิน กระเบื้อง คอนกรีต ที่หนาหลายเมตร แต่พื้นเวทีก็ไม่สามารถทนต่อพลังทำลายนี้ได้
สถานที่จัดงานประมูลของเมืองทาก้าเรียกได้ว่าอยู่กลางแจ้ง และภายใต้ลานประมูลก็เป็นโถงใต้ดินที่ลึกลงไปถึงยี่สิบเมตร
#ขอโทษนะครับ โถงใต้ดิน 20 เมตรนี่ มันทำขึ้นเพื่ออะไรครับ? สะสมยอดเจดีย์ หรือว่าเทพีเสรีภาพอะไรแบบนี้หรอครับ?
อินกองที่รู้ถึงโครงสร้างลานประมูลไม่มีความคิดที่จะปะทะกับเพราโตสตั้งแต่แรก จุดประสงค์ของเขาคือนาตาช่าและของวิเศษอะไรก็ตามที่เพราโตสต้องการ
อินกองใช้ทักษะทรงตัวกลางอากาศเพื่อลอยตัว ก่อนจะบินไปขึ้นขี่ไวท์อีเกิ้ล สาเหตุก็เพราะภาพกรีนวินด์ร้องโอดครวญเกี่ยวกับบทบาทของนางลอยขึ้นมาในหัว
อินกองมองชำเลืองลงด้านล่าง พื้นเวทีถล่มลงมาบดบังทำให้เขาไม่เห็นสภาพของเพราโตส
ถือว่าผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ
ความเป็นไปได้ที่เพราโตสจะตายจากสถานการณ์นี้มีเพียงน้อยนิดแต่ก็ช่วยถ่วงเวลาได้ กว่าเขาจะปีนกลับขึ้นมาบนพื้นดินย่อมใช้เวลาพอสมควร ซึ่งวัลคาโน่ก็น่าจะมารอต้อนรับเรียบร้อย
อินกองหยุดคิดถึงเพราโตสแล้วบินไปยังทิศทางที่คารัคพานาตาช่าหนี ด้วยความช่วยเหลือจากแผนที่ย่อทำให้เขาพบตัวทั้งสองในเวลาไม่นาน
‘องค์ชาย!’
คารัคโบ้ยปากขณะหลบอยู่ใต้เงากำแพง เจ้าออร์คใช้มือข้างหนึ่งอุ้มซัคคุบัสสาวไว้บนไหล่ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ปิดปากมิให้นางส่งเสียง
‘โจรเรียกค่าไถ่ชัดๆ’
อาจจะผิดต่อคารัคอยู่บ้าง แต่ไม่มีคำใดสามารถใช้บรรยายสิ่งที่อินกองเห็นตรงหน้าได้ชัดเจนไปกว่านี้ อินกองกระโดดลงจากไวท์อีเกิ้ลเดินเข้าหาคารัค
#ไม่ต้องมีคำบรรยายใดใด สักคำให้ลึกซึ้ง~
“มีเสียงดังต่อสู้อยู่ทั่วทุกที่ ข้าเลยพยายามซ่อนตัว”
อินกองพยักหน้า คารัคในตอนนี้ไร้ซึ่งอาวุธและยังแบกนาตาช่าไว้ด้วย หลีกเลี่ยงการต่อสู้จึงเป็นคำตอบที่ถูกต้อง
“แล้วพี่เบิ้มนั่นเป็นไงบ้าง? ข้าเหมือนได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น”
“ตามมาไม่ได้หรอก มั่นใจได้เลย”
อินกองตอบเจ้าออร์คแล้วมองไปยังนาตาช่า มือเจ้าออร์คทำให้เขาเห็นเพียงสีหน้าของนาง ดูเหมือนนางจะยอมจำนนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เป็นนาตาช่าตัวจริงไม่ผิดเพี้ยน นาตาช่าผู้ที่ได้ชื่อว่า‘องครักษ์น้ำแข็ง’ในหมู่องครักษ์ของแซเฟียร์ แววตาของนางจดจ้องมาที่อินกอง
อาจดูเยือกเย็นแต่ก็แฝงไปด้วยความสับสนและหวาดระแวง อินกองเดินเข้าใกล้นางแล้วส่งคำทักทายผ่านเวทมนตร์เช่นเดียวกับที่เขาทักทายแวนเดล
‘ราฟีเซเรีย’
แววตาของนาตาช่าเบิกโพลงขึ้นในทันที นางพยายามดิ้นทั้งที่โดนคารัคควบคุมตัวอยู่
‘ชื่อนั้น รู้จักชื่อนั้นได้ยังไง?’
ไนท์แมร์เรียกได้ว่าเป็นเผ่าที่ขึ้นชื่อเรื่องราคะ จริงอยู่ที่การดำรงชีวิตของพวกเขาบ่งบอกไปในลักษณะนั้น แต่พวกเขาจะมีรักจริงเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
รักจริงเพียงหนึ่งที่เมื่อพานพบจะไม่มีวันพรากจาก เผ่าไนท์แมร์ทุกตนต่างจะมีนามที่แท้จริงของตนเอง นามที่จะบอกให้รับรู้แต่เพียงรักจริงของตนเท่านั้น
‘แต่ว่าแซเฟียร์ก็ใช้ทางลัดอีกแบบ’
ทาสเผ่าแมร์จะถูกบังคับให้บอกนามของตนหรือถูกสังหาร นามของเผ่าแมร์เปรียบเสมือนเวทมนตร์สะกดคุมขัง เผ่าแมร์จะไม่สามารถขัดขืนเจตนาของผู้ที่ขานนามตนได้
‘ราฟีเซเรีย’
นาตาช่าตกอยู่ในภวังค์ ความสุขุมเยือกเย็นทั้งหมดหายไปจากใบหน้าของนาง
อินกองส่งสายตาให้คารัคปล่อยตัวนาตาช่า เขากุมมือของนางไว้แล้วกล่าวกับนาง
“ช่วยตามมาก่อนนะ เดี๋ยวจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ภายหลัง”
นาตาช่ากรอกตาเลิ่กลั่กก่อนจะพยักหน้าในที่สุด
“เข้าใจแล้ว ตอนนี้สุดวิสัยก็ช่วยไม่ได้แต่ฉันจะรอฟังคำอธิบายทีหลัง”
“ขอบคุณครับ”
ความเป็นไปได้ที่นางจะขัดขืนและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยมีน้อยมาก แต่อินกองถอนหายใจอย่างโล่งอก
‘ยังไงเราก็น่าจะมีของที่นาตาช่าตามหาอยู่ด้วย’
อีกหนึ่งปัจจัยที่อินกองเลือกทำลายพื้นเวทีก็คือเพื่อรวบรวมของวิเศษ เมื่อวัลคาโน่มาเห็นสภาพสถานที่จัดงาน เขาก็จะคิดว่าสิ่งของทั้งหมดถูกทำลายสูญหายจากการถล่มของพื้นลาน
#สถานที่เกิดเหตุถูกทำลาย ไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยาน ตำรวจก็ไม่สามารถจับได้ (´,,•ω•,,)♡
ตัววัลคาโน่ก็มิใช่สุจริตชนสักเท่าไร นั่นทำให้อินกองไม่รู้สึกผิดบาปแม้แต่น้อย
ยิ่งกว่านั้นหากปล่อยทิ้งไว้ ของวิเศษเหล่านี้ก็ไม่พ้นถูกทำลายจากการต่อสู้อยู่ดี สู้อินกองรวบรวมมาใช้เองให้เกิดประโยชน์จะดีเสียกว่า
‘เราไม่ได้ทำอะไรผิด… ใช่แล้ว เราแค่นำสิ่งของมาใช้ประโยชน์ให้เต็มที่… ’
อินกองกระแอมลบล้างความละอายใจที่หลงเหลือเล็กน้อยให้หมดสิ้น เขายังมิได้ตรวจตราดูว่าของวิเศษที่เขายักยอกมามีอะไรบ้าง ทว่าในขณะนี้ยังมิใช้เวลาอันควร
อินกองนำขวานและโล่คู่กายคารัคออกจากช่องเก็บของส่งให้เจ้าออร์ค
ขวานและโล่ขนาดใหญ่ถูกเสกขึ้นมาจากอากาศธาตุ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นาตาช่าตกตะลึงอีกครั้ง นางเอื้อมมือไปจับมีดที่เอวของนางเพื่อป้องกันตัว อย่างไรเสียนางก็เป็นทั้งโจรและมือสังหาร
“เดี๋ยวผมจะนำทางเอง นาตาช่าตามผมมา ส่วนคารัค นายคอยระวังหลังให้ด้วย”
“เข้าใจแล้ว ระวังตัวด้วยละองค์ชาย”
คารัคยิ้มออกมาพร้อมถอยไปด้านหลัง นาตาช่าตาโตขึ้นอีกครั้ง
“อ องค์ชาย?”
นัยน์ตาของนาตาช่าแสดงให้เห็นถึงความตื่้นตันใจอย่างล้นเหลือ
‘จะว่าไปแล้ว นาตาช่าชื่นชอบพวกเทพนิยายนี่หว่า?’
เมื่อเทียบกับนาตาช่าในความทรงจำของอินกองแล้ว นาตาช่าในตอนนี้ให้ความรู้สึกช่างฝันมากเสียกว่าหลังจากที่นางกลายเป็นทาส
“เรื่องนั้นก็ขออธิบายทีหลังเหมือนกันครับ”
อินกองอมยิ้มตอบแล้วเริ่มวิ่งนำทาง
#ไหนบอกจะไม่มี commentคนแปล แล้วไง???
#ขอโทษครับ พอดีมันอดไม่ได้ (ノ◕ヮ◕)ノ*:・゚✧