Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก - ตอนที่ 116
ยังมีชนเถื่อนอีกมากกระจายตัวอยู่ทั่วเมืองทาก้า แม้เสียงถล่มของเวทีลานประมูลจะดึงความสนใจจากพวกเขาเหล่านี้ แต่เหล่าชนเถื่อนก็เชื่อมั่นและรอคอยคำสั่งเพิ่มเติมจากเพราโตส
‘แต่นั่นก็ สบม!’
ความช่วยเหลือจากโล่บินทั้งสองช่วยให้อินกองสามารถเคลื่อนที่เข้าหาศัตรูได้ง่ายดาย
ส่วนหนึ่งก็มาจากการปรับแต่งพสุธากัมปนาทของอมิตาภาส่งผลเหนือความคาดหมาย ทั้งที่อินกองเพิ่งใช้ทักษะไม้ตายอย่างมหาวินาศไป ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงเหลือลมปราณอยู่ราวครึ่งหนึ่ง ต่างไปจากยามต่อสู้กับภูติที่คลุ้มคลั่งที่เขาแทบจะหมดสติหลังใช้ทักษะไม้ตายอย่างขอบเขตสัมบูรณ์
นักรบชนเถื่อนที่มาเยือนเมืองทาก้าในครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นระดับหัวกะทิ แน่นอนว่าพวกเขาเหล่านี้ย่อมสามารถใช้วิชากายแกร่งได้ การหยุดศัตรูหรือหลีกเลี่ยงการปะทะย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
เมื่อต้องการเพียงผลลัพท์ วิชาอิเนียเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมาก ทว่าวิชาจากเคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพเน้นไปที่การใช้ลมปราณ การใช้วิชาอิเนียทุกครั้งที่เขาพบชนเถื่อนย่อมสร้างภาระเกินกว่าร่างกายจะรับไหว
“อั่ก!”
อินกองใช้เพียงเคล็ดภูผากระแทกชนเถื่อนให้ออกจากเส้นทาง เขาตรวจดูจำนวนศัตรูที่หลงเหลือผ่านทางแผนที่ย่อ สถานการณ์นี้ทำให้เขาอยากคิดค้นเคล็ดวิชาใหม่ที่ให้ผลลัพท์คล้ายคลึงกับวิชาอิเนีย พลังทำลายไม่จำเป็นต้องสูงมาก ขอเพียงสามารถขัดขวางศัตรูและลดภาระที่เกิดขึ้นกับร่างกาย
#การเล่น moba โดยมี ss/ulti เป็น cc อันเดียวมักยากใช่ป่าวววว
‘นายท่าน!’
โล่ไวท์อีเกิ้ลและแบล็คอีเกิ้ลกระแทกใส่กลางอกชนเถื่อนอย่างจังจนหมดสติ กรีนวินด์ปรากฏกายเนื้อขึ้นหลังจากศัตรูคนสุดท้ายในระยะแผนที่ย่อของอินกองหมดไป
“ทำดีมาก! กรีนวินด์!”
อินกองเอ่ยปากชมเชยกรีนวินด์ที่ทำท่าทางอวดอ้างสรรพคุณ คารัคทำหน้าที่นำร่างหมดสติของศัตรูไปซ่อนไว้ตามจุดที่มองเห็นได้ยาก
“อาจยังมีศัตรูหลงเหลืออยู่อีกมาก อย่าเพิ่งดีใจกันไป!”
“รับทราบ!”
คารัคขานตอบ นาตาช่าผงกหัวรับรู้ การที่นาตาช่าอยู่ตรงหน้าทำให้อินกองอดยิ้มมิได้ นาตาช่าผู้เป็นหนึ่งในสามขุนพลที่เขาโปรดปราน
‘แวนเดล’
นี่ทำให้อินกองนึกถึงบรรดาขุนพลที่เหลือ ตอนนี้เรียกว่าเขาได้ตัวนาตาช่ามาแล้วเป้าหมายต่อไปก็คือแวนเดล ภาพที่เขาจับมือกับบลัดโอเกอร์ผุดขึ้นมา อีกไม่นานพวกเขาคงได้พบกันอีกครั้ง
อินกองเรียกโล่บินทั้งสองกลับมา เขาหยุดมองสำรวจสภาพการณ์ในลานประมูลผ่านแผนที่ย่ออีกครั้ง เรียกว่าโชคดีที่ดูเหมือนสถานการณ์ภายในค่อนข้างปลอดภัยกว่าที่เขาคาดไว้
“เคทลิน”
แน่นอนว่าเป็นผลงานของเคทลิน ศัตรูในครั้งนี้คือเหล่าชนเถื่อนที่สามารถใช้วิชากายแกร่ง ร่างของเคทลินจึงมิได้ชโลมไปด้วยเลือดเช่นที่ผ่านมา ถึงกระนั้นนางก็สามารถจัดการศัตรูไปได้มากมาย
เคทลินต่อสู้ด้วยมือเปล่าและในทางทฤษฎีก็มีเพียงคารัคกับเดเลียเท่านั้นที่ต้องการอาวุธ เคทลินกับเซร่าใช้ร่างกาย เฟลิซีท่องคาถา กัมมะใช้ความว่องไวกับมนต์ภูติที่นางเรียนรู้ ยิ่งกว่านั้นยังมีดรูอิดอย่างดาฟเน่คอยร่ายพรฟื้นฟูอีก
เหล่าผู้ก่อการร้ายตามภาพยนตร์บู๊ส่วนใหญ่จะจับตัวประกันต่อรอง ทว่าสิ่งนั้นไม่อยู่ในความคิดของเหล่าชนเถื่อนแต่น้อย
เรียกได้ว่าฝ่ายอินกองกุมความได้เปรียบของสถานการณ์
ผลลัพท์นี้มิได้เกิดขึ้นเพียงเพราะคณะของอินกองเพียงฝ่ายเดียว เหล่าชนเถื่อนบางส่วนแยกไปตามหาเพราโตส เหล่าผู้ร่วมประมูลล้วนเป็นบุคคลทรงอิทธิพลพร้อมด้วยองครักษ์ประจำตัว จริงอยู่ที่มีความสูญเสียยามเกิดการจลาจล แต่ส่วนใหญ่เกิดกับพนักงานของสถานที่จัดงาน ทำให้กำลังรบของเหล่าองครักษ์ยังคงครบถ้วน
เมื่อเข้าใจภาพรวมอย่างคร่าว อินกองวิ่งเข้าไปรวมกลุ่มกับคณะของเขาโดยมีโล่อีเกิ้ลทั้งสองคอยเฝ้าระวัง
“ฉัตร!”
ทั้งที่เคทลินยังอยู่ระหว่างการต่อสู้ แต่การตอบสนองระหว่างแก่นจันทรากับแก่นบริวารทำให้นางรับรู้ได้ตนแรก
ท่าทางไม่เกรงกลัวของนางทำให้อินกองหัวเราะเล็กน้อย
“ฉัตร! นี่มันเกิดบ้าอะไรกันขึ้นมาเนี่ย? ฉันได้ยินเสียงดังสนั่นไปรอบด้านเลย! เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ปลอดภัยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรนะ?”
เฟลิซีพุ่งปรี่เข้าหาอินกองพร้อมด้วยคำถามมากมาย นางมองสำรวจอินกองตั้งแต่หัวจรดเท้าหลายครั้งระหว่างที่ซักถาม
“ผมปลอดภัยดีครับ มีต่อสู้กับเพราโตสที่เป็นน้องชายราชาบาบาเรี่ยนนิดหน่อย ส่วนเสียงนั่นดังขึ้นตอนที่พื้นเวทีถล่ม ผมหลบออกมาได้แต่เพราโตสร่วงลงไป”
อินกองตอบคำถามและก็ได้รับคำถามเพิ่มเติมกลับมาจากเฟลิซีที่กำลังร้อนรน
“น้องชายราชาบาบาเรี่ยน? เธอไปรู้เรื่องพรรค์นั้นได้ยัง… ช่างเรื่องนั้นไว้ก่อน… ไม่… มันไม่สำคัญอะไรตอนนี้”
เฟลิซีพยายามตั้งสติ นางถอนหายใจพลางบ่นอุบอิบ‘มันเพราะฉัตรละนะ’
“อย่างที่เธอเห็น สถานการณ์เรียกว่าอยู่ในการควบคุมแล้ว ยังพอมีการปะทะอยู่เล็กน้อย”
เหล่าชนเถื่อนในงานประมูลล่าถอยกลับไปส่วนใหญ่ พวกที่ยังอยู่ต่างก็โดนเหล่าองครักษ์จากแขกร่วมงานไล่ต้อนจนมุม
“เป้าหมายของพวกบาบาเรี่ยนคือเมืองทาก้าหรอครับ?”
เฟลิซีพยักหน้ารับ
“ถูกต้องแล้ว ศัตรูบางส่วนคงแฝงตัวอยู่ในป้อมปราสาท พวกมันวางเพลิงดึงความสนใจไปตามจุดต่างๆ ถ้าน้องชายของราชาอยู่หลังเวทีอย่างที่เธอว่าจริง… บางทีเป้าหมายอาจจะเป็นของลงประมูล?”
เป็นไปได้ยากที่น้องชายของราชาจะเป็นเพียงเป้าหมายหลอก ภัยที่ร้ายแรงที่สุดโจมตีมาที่งานประมูล ทำให้ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าเป้าหมายต้องเป็นสิ่งของในงาน
‘พื้นเวทีถล่ม… คือบริเวณเก็บของเตรียมประมูลใช่ไหม? ได้อะไรมาบ้างละ?’
เฟลิซีใช้เวทมนตร์ส่งคำถามลับหาอินกอง แววตาของนางบ่งบอกว่านางคาดเดาคำตอบไว้เรียบร้อย
“เรื่องนั้น ไว้คุยกันที่อื่นดีกว่าครับ”
เฟลิซีผงกหัวอย่างมีเลศนัย
#คุณปู่สอนหลานได้ดีมาก เด็กๆคิดว่าคอรัปชั่นเป็นเรื่องปกติกันแล้วว (っ˘̩╭╮˘̩)っ
“ถ้างั้นพวกเราก็รอกันแถวนี้แหละ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับลานประมูลวัลคาโน่คงไม่อยู่เฉยแน่ พอพวกทหารออกมาที่นี่น่าจะปลอดภัยที่สุด”
เมืองทาก้าเปรียบเสมือนสวนหลังบ้านของวัลคาโน่ ยิ่งเมื่อสถานการณ์สามารถควบคุมได้แล้ว ไม่มีความจำเป็นให้คณะของอินกองต้องออกไปต่อสู้กับเหล่าชนเถื่อน
อินกองเห็นด้วยกับเฟลิซี ภาพรวมโดยคร่าวคือเหล่าชนเถื่อนบุกเข้ามาขโมยของในงานประมูล พวกเขาทำเพียง‘เหล่าทายาทต่อสู้ไล่ศัตรูให้ล่าถอย’และพยายามปกป้องผู้รอดชีวิต
‘ต่อให้เพราโตสปีนกลับขึ้นมา ยังไงซะแถวนี้ก็ปลอดภัยที่สุด’
ทหารของวัลคาโน่จะต้องมารักษาความปลอดภัยสถานที่เกิดเหตุแน่นอน ยิ่งกว่านั้นคณะของเขาก็อยู่กันครบ หากต่อสู้กับเพราโตสอีกครั้ง ฝ่ายที่ต้องระวังชีวิตของตนย่อมเป็นฝั่งชนเถื่อน
หลังจากเฟลิซีกับอินกองหารือกันเสร็จ เดเลียก็ถามขึ้น
“ซัคคุบัสผู้ติดตามใต้ฝ่าพระบาทตนนั้นเป็นใครหรือเพคะ?”
#ยัยนั่นคือคู่แข่งคนใหม่ใช่มั้ยคะ?
นางชี้ไปทางนาตาช่าที่ยืนอยู่ระหว่างอินกองกับคารัค อินกองนำตัวนาตาช่าขึ้นมา
“นาตาช่า นางจะมาร่วมเดินทางกับพวกเราต่อจากนี้สักพัก”
“ซัคคุบัส?”
เฟลิซีถามอย่างสงสัย นาตาช่ายิ้มถอนสายบัวพร้อมกล่าวแนะนำตัว
“ขอพระราชทานกราบทูลทราบ ข้าพระพุทธเจ้ามีนามว่านาตาช่าพระพุทธเจ้าข้า”
ระหว่างที่นาตาช่าฟังการสนทนา นางรับรู้ได้ว่าเฟลิซีคือหนึ่งในทายาทจอมมาร เฟลิซีมองสำรวจซัคคุบัสตรงหน้าก่อนจะกล่าวแนะนำตัว
“เราคือเจ้าหญิงลำดับที่หกเฟลิซี ดูมเบลด ทางนั้นคือเจ้าหญิงลำดับที่แปดเคทลิน มูนไลท์ผู้เป็นน้องสาวของเรา”
นาตาช่าหันไปทางเคทลินแล้วก้มหัวรับรู้
เฟลิซีจ้องมองทุกการกระทำของนาตาช่าก่อนชำเลืองหันไปทางอินกองอีกครั้ง
“เรื่องนี้… ก็คุยกันที่หลังสินะ?”
“ใช่ครับ ทีหลังครับ”
อินกองต้องการจะอธิบายข้อสงสัยให้กับนาตาช่าเสียก่อน ทว่าบรรยากาศในตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไร
อินกองยิ้มแหยตอบเฟลิซี นางหัวเราะเล็กน้อยพลางแนะนำสมาชิกที่เหลือให้กับนาตาช่า แล้วเคทลินก็ดึงชายเสื้ออินกอง
“นี่ ฉัตร”
“ครับ?”
“เอ่อ… เธอพอจะมีชุดคลุมหรืออะไรทำนองนั้นบ้างมั้ย?”
“ชุดคลุม? ทำไมหรือครับ?”
อินกองมองเคทลินที่กำลังอายหน้าแดงและเข้าใจในเวลาต่อมา
มือของเคทลินกำลังกุมชุดราตรีที่ขาดเป็นรูหลายจุด ก่อนหน้านี้นางกำลังต่อสู้จึงเป็นเรื่องคับขัน ทว่าในตอนนี้ที่การต่อสู้ยุติลงทำให้นางรู้สึกเขินอาย อินกองรีบนำชุดคลุมที่อยู่ในช่องเก็บของส่งให้นาง
“ขอบใจมาก”
เคทลินรีบนำชุดที่อินกองยื่นให้มามัดคลุมกระโปรงพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ไม่เป็นไรครับ”
อินกองลูบหัวเคทลินอย่างเคยชินจากการที่ลูบหัวกรีนวินด์ ทำให้เคทลินหัวเราะขบขันออกมา
มีเสียงเอะอะดังขึ้นจากทางเข้างานประมูล คณะของอินกองหันไปก็พบกับทหารของวัลคาโน่
&
หน่วยทหารที่เข้ามาในโถงประมูลสวมชุดสีแดงบ่งบอกว่ามิใช่ทหารทั่วไป พวกเขาอธิบายเหตุการณ์ให้กับบรรดาแขกที่หลบภัยโดยมีใจความอย่างคร่าว
“พวกบาบาเรี่ยนบุกเมืองทาก้าแต่ตอนนี้พวกเราคุมสถานการณ์ไว้เรียบร้อย ทางเราขออภัยอย่างยิ่งที่พวกท่านบรรดาแขกผู้มีเกียรติต้องเผชิญกับเรื่องอันตรายเช่นนี้ ขอพวกท่านมั่นใจได้ว่าทางเราจะจัดการชดเชยให้อย่างแน่นอน ในขณะนี้พวกเรากำลังกวาดต้อนพวกบาบาเรี่ยนที่ยังหลงเหลือ ขอความกรุณาทุกท่านช่วยหลบอยู่ในโถงประมูลแห่งนี้ชั่วคราว”
ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่งานประมูล ทำให้บรรดาแขกไม่เสียขวัญสักเท่าไร
คำกล่าวขอโทษและการชดเชยค่าเสียหายทำให้เหล่าผู้เข้าร่วมระงับความโกรธไว้ได้ แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมาจากการยำเกรงเหล่าทหารในชุดสีแดง
ประจวบพอดีกับทหารที่แยกย้ายสำรวจสถานที่เกิดเหตุกลับมารายงานข้อมูลหัวหน้าหน่วย เป็นการกระซิบรายงานทำให้อินกองไม่ได้ยินรายละเอียดแต่เขาก็พอคาดเดาเนื้อหาได้
ทหารนายนั้นกลับมาจากหลังเวที เนื้อหาย่อมเกี่ยวข้องกับสิ่งของเตรียมประมูลสูญหาย
เฟลิซีสะกิดอินกองเตือนสติให้เขาไม่แสดงอาการออกมา
ในเวลาต่อมาก็มีทหารอีกตนพยายามจะเข้ามาในงาน เป็นทหารที่นำทางให้กับคณะของอินกอง
เฟลิซีกล่าวอธิบายบางอย่างกับหัวหน้าหน่วยชุดแดง แล้วทหารนำทางก็ถูกนำตัวมาหาคณะของอินกอง
ท่าทางของทหารนายนี้บ่งบอกว่าเขารีบเร่งฝีเท้ามาเพื่อแจ้งข่าวบางอย่าง
“ใต้ฝ่าพระบาท มีเรื่องกระทันหันพระพุทธเจ้าข้า”
“เรื่องอะไร?”
อินกองกับเคทลินรู้สึกถึงความผิดแปลก รีบซักถามนายทหาร
“พวกบาบาเรี่ยนข้ามเขตแดนเข้ามา โดยมีราชาของพวกมันนำทัพมาด้วยตนเองพระพุทธเจ้าข้า!”
ราชาชนเถื่อนเคราโตส… นำทัพรุกล้ำข้ามเขตแดน!
เนื้อข่าวที่เหนือความคาดหมายทำให้เฟลิซีกลืนน้ำลาย อินกองจับไหล่ทั้งสองของนายทหารพลางซักข้อมูลเพิ่ม
“พลเอกแวนเดลละ? ท่านแม่ทัพอยู่ที่ไหน?”
“ท่านแม่ทัพ… เขารวมกำลังพลเข้าสะกัดกั้นการโจมตี ในตอนนี้เอเวียงกำลังส่งสัญญาณขอกำลังเสริมพระพุทธเจ้าข้า”
เหตุการณ์บุกโจมตีโดยราชาชนเถื่อนผุดขึ้นในหัวของอินกอง เขาเข้าใจในที่สุดว่าทำไมเพราโตสจึงกล้าบุกเข้ามาขโมยอย่างบ้าบิ่น
ทั้งหมดเป็นการโจมตีประสาน เอเวียงกับหัวเมืองทาก้าถูกบุกโจมตีในเวลาพร้อมกัน เพื่อที่จะครอบครองหมวกมังกรทองแห่งราชา
“ฉัตร”
เฟลิซีจ้องมาที่อินกองอย่างลนลาน นี่ยิ่งทำให้อินกองมั่นใจได้มากขึ้น
ราชาเคราโตสทรงพลังยิ่งกว่าแซเฟียร์ในปี 515 หรือก็คือเขาแข็งแกร่งเหนือกว่าแวนเดล
นี่ไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะมาหมกตัวอยู่ในหัวเมืองทาก้าอีกต่อไป
จบบทที่ 18 – งานประมูล เริ่มบทที่ 19 – เปลี่ยน