Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก - ตอนที่ 22
ในฐานที่มั่นของพวกออร์คเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
เปลวเพลิงและเขม่าควันคละคลุ้งไปทั่วบริเวาณ เสียงกรีดร้องโหยหวน เสียงตะโกนคำราม เสียงร้องไห้สิ้นหวัง สารพัดเสียงดังระงมรวมกัน ราวกับเป็นบทเพลงประสานเสียงอันหดหู่ให้กับสงคราม
แค่หยุดยืนพัก ก็เพียงพอจะทำให้รู้สึกสับสนไปกับสถานการณ์รอบข้าง อินกองไม่สามารถให้สิ่งนั้นเกิดกับทหารของเขาได้ เขามองไปที่แผนที่ย่อก่อนจะสั่งการ
“บุกไปทางซ้าย แล้วเผาเสบียงของพวกมันซะ!”
การบุกโจมตีจากด้านหน้าของแวนเดลทำให้เหลือทหารคุ้มกันในฐานทัพไม่มากนัก ยิ่งด้วยที่คริสต์บุกเข้ามาก่อความวุ่นวายก่อน จึงแทบไม่มีทหารเหลือมาสนใจเขา
ถึงจะไม่ถูกทิ้งร้าง แต่ก็ใกล้เคียงทีเดียว!
“โอ้วววว!”
“ฆ่า!”
พวกออร์คเผ่าสายฟ้าชาดล้มตายเป็นจำนวนมาก กลิ่นคาวเลือดกระจายไปทั่วอาณาบริเวณ ราวกับหลุดออกมาจากภาพยนต์สยองขวัญ
คารัคถือขวานไว้ในมือข้างหนึ่ง และโล่ในมืออีกข้าง นำเหล่าออร์คทะลวงเข้าไป ทุกสิ่งที่ขวางทางล้วนถูกทำลายหมดสิ้น
อินกองไม่ได้ตามบุกเข้าไปเคียงข้างคารัค เขาทำหน้าที่คอยสนับสนุนจากด้านหลัง
[วิชามีดบิน ขั้น1]
มันเป็นทักษะที่เขาพยายามเรียนรู้เมื่อวานเพื่อศึกนี้โดยเฉพาะ
เพียงผิวเผินก็เป็นแค่การปามีด แต่เขาก็สามารถใช้มันฆ่าออร์คที่ไม่ทันระวังตัวได้ ทำให้เขาได้รับค่าประสบการณ์อยู่บ้าง แม้การโจมตีส่วนใหญ่จะมาจากคารัคก็ตาม
‘หรือว่าเราจะฝึกใช้ธนูดี?’
ในสถานการณ์แบบนี้ อาวุธระยะกลางประเภทอื่นอย่างธนูหรือหน้าไม้ มีประโยชน์มากกว่ามีด
“คารัค! ฝ่าไปทางด้านซ้าย อีกนิดเดียวเราก็จะเจอคลังเสบียงแล้ว!”
“โอ้วว!”
เสียงตอบรับของคารัคแฝงไปด้วยอะดรีนาลีนที่อัดฉีดไปทั่วร่าง อินกองเตรียมมีดในมือของเขาแล้วหันสำรวจรอบตัว แต่นั่นไม่ใช่เพราะเขาเป็นห่วงเคทลิน
‘แบบนี้ก็ มิชชั่นแอคคอม… เฮ้ยเดี๋ยวสิ! เฟลิซี!’
#มาจาก Mission Accomplished ภารกิจเสร็จสมบูรณ์
#แกลืมพี่สาวเฟลิซีตลอดเลยได้ไง! (ノಠ益ಠ)ノ彡┻━┻
พออินกองนึกขึ้นมาได้ ก็รีบตรวจสอบในแผนที่ย่อของเขา
‘ถ้าเธอถูกขัง เธออาจจะถูกเขม่ารมควันตายไปแล้ว?’
ไฟสงครามลุกลามไปทั่วทุกพื้นที่ ถ้านางถูกขังอยู่ในบริเวณที่อากาศระบายได้ไม่ดี เป็นไปได้สูงว่านางจะสำลักควันตาย
‘ไอ้คริสต์มันไม่รู้ตำแหน่งของนางจริงหรอวะ?’
ผู้ที่บุกเข้าจุดไฟก่อความวุ่นวายแต่แรกก็คือคริสต์ อินกองกับคารัคตามเข้ามาสบทบในภายหลัง
“ค้นหาเฟลิซี!”
“ฮ่ะ? แกจะบ้าหรือเปล่า?”
คารัคตอบกลับมาอย่างตื่นตระหนก อินกองมองไปรอบตัวก็พบเต้นท์ถูกแผดเผา และเศษซากต่างๆกระจัดกระจายไปทั่ว
“พยายามเข้าเถอะน่า!”
ถ้าพวกศัตรูรู้มูลค่าของเฟลิซี พวกมันก็น่าจะช่วยนางออกไปด้วย
‘ใช่แล้ว นี่ยังไม่ใช่เวลาให้ด่วนตัดใจ!’
อินกองผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาไม่สามารถช่วยอะไรไปได้มากกว่านี้ เขาเพ่งความสนใจไปที่แผนที่ย่อขณะที่วิ่งค้นหาไปพร้อมกับคารัค นางถือว่าไม่ใช่ทั้งมิตรและศัตรู ฉะนั้นในแผนที่ย่อน่าจะมีจุดสีม่วง หรือสีน้ำเงินบ่งบอกตำแหน่งของนาง
แม้แต่คริสต์กับเคทลินยังถือเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง นั่นทำให้บางที เขาอาจจะสามารถผูกมิตรกับทั้งเฟลิซีและซิลวานได้
‘ใช่แล้ว มันไม่มีอะไรอย่างศัตรูถาวร!’
แต่แน่นอนว่าแซเฟียร์ถือเป็นข้อยกเว้น!
“องค์ชาย! นั่นคลังเสบียง!”
คารัคตะโกนขึ้น เหล่าทหารออร์คที่ติดตามขว้างขวดแก้วออกไป ขวดเหล่านั้นระเบิดเป็นเปลวไฟลุกโชติช่วงปกคลุมโกดังตรงหน้าในพริบตา
“คุ ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ขอให้สนุกนะ!”
คารัคหัวเราะในสีหน้าเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับตัวร้าย อินกองไม่สนใจ เท่านี้ภารกิจหลักของเขาก็เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงหาวี่แววของเฟลิซีเท่านั้น
‘แล้ว… จะเริ่มหานางจากทิศ… ’
“ทางนี้! ใครก็ได้ช่วยที!”
เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังแทรกขึ้นมาก่อนที่เขาจะคิดเสร็จ เป็นเสียงของผู้หญิงที่ฟังได้ชัดแม้จะมีเสียงของเหล่าออร์คดังอยู่โดยทั่ว
อินกองและคารัควิ่งหาที่มาของเสียง ข้างหน้าเป็นกระท่อมไม้ที่กำลังถูกเปลวเพลิงโหมกระหน่ำพังทลาย ภายในมีร่างของออร์คหมดสตินอนอยู่ และที่เสาค้ำก็มีร่างของสตรีเผ่าเอลฟ์รัตติกาลถูกล่ามติดเอาไว้
“เฟลิซี?”
เฟลิซีมีใบหน้าคมสัน ประดับด้วยผมสีเงินและนัยน์ตาสีแดง ชุดที่นางใส่อยู่ก็แทบไม่ต่างกับชุดชั้นใน
#A wild พี่สาวเฟลิซี appeared!
เฟลิซีกระพริบตาอย่างประหลาดใจจากเสียงเรียกของอินกอง
“เธอ ไม่ใช่ว่าเธอคือฉัตร?”
#ไม่ค่อยชอบพวกสวยเริ่ดเชิดหยิ่งเท่าไร เลยนึกคำพูดในสถานการณ์ต่างๆไม่ออก อาจจะไม่เห็นถึงบุคลิกเท่าไรนะครับ
อินกองถามกลับไปเพิ่มโดยไม่ตอบอะไร
“แล้วออร์คพวกนี้หมดสติได้ยังไง?”
“แน่นอนว่าเป็นฝีมือของฉัน! ฉันพยายามจะหลบหนีในความวุ่นวายนี่ แต่… เรื่องนั้นช่างมันไปก่อน! ช่วยฉันออกไปเดี๋ยวนี้! ไอ้โซ่บ้านี้มันทำให้ฉันใช้เวทมนตร์ไม่ถนัด!”
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่นางก็เกือบจะหลบหนีได้ด้วยตนเอง
‘อย่างที่หวังได้จากลูกสาวจอมมารละนะ’
อินกองส่งสายตาบอกคารัคขณะที่เขาพยายามปลดโซ่ตรวนให้เฟลิซี คารัคยิงพลุสัญญาณขึ้นไป แสงสีเขียวจากพลุตัดกับรัศมีสีส้มออกแดงของเปลวเพลิงแผ่กระจายไปทั่ว ราวกับผลงานศิลปะยามค่ำคืน
“นั่นคือสัญญาณว่าผมเจอตัวนูนะแล้ว! พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ!”
อินกองกวักมือบอกให้เฟลิซีรีบหนีออกมา แต่นางกลับยืนนิ่งไม่ขยับด้วยสีหน้างุนงง
“สัญญาณนั่น หรือว่าจะส่งบอกคริสต์กับเคทลิน?”
“ครับ! ทั้งคู่ก็กระจายกันตามหานูนะเหมือนกัน!”
ถึงแม้อันที่จริง คริสต์จะไม่สนใจว่าเฟลิซีจะอยู่หรือตาย
‘นี่เป็นโอกาสเก็บแต้มละนะ ถ้าเราทำให้เฟลิซีมาเข้าร่วมกับเราได้ ซิลวานก็จะตามมาด้วย!’
ยิ่งไปกว่านั้น เคทลินก็เป็นห่วงนางจริงๆ
อินกองยังคงกวักมือเรียก แต่นางก็ยังคงไม่ขยับเขยื่อน
“คริสต์กับเคทลิน… พยายามจะช่วยฉัน?”
‘มันน่าแปลกใจขนาดนั้นเลย? ดูเหมือนความสัมพันธ์ของพวกนี้จะหนักกว่าที่คิดแฮะ’
แต่มันก็แค่ผิวเผิน มีอีกหลายอย่างที่อาจจะต่างไปจากที่เขารับรู้
‘ช่างมัน รีบหนีออกไปก่อนดีกว่า!’
มันไม่ใช่เวลาที่จะคิดเรื่องเหล่านี้ พวกเขาต้องรีบออกจากที่นี่
“องค์ชาย! พวกเวรนั่นกำลังวิ่งมา!”
คารัคตะโกนบอกอินกอง เขารีบชำเลืองมองแผนที่ย่อก็พบจุดสีแดงมากมายกำลังเคลื่อนที่เข้าใกล้
‘ไม่แปลกใจเลยซักนิด ก็เราเพึ่งจะเผาโกดังเสบียงมันไปตะกี้’
บางทีพวกศัตรูอาจจะเดาจุดประสงค์ของอินกองได้ตั้งแต่แรก แต่คลังเสบียงก็กำลังวอดวาย ฉะนั้นก็ถือได้ว่าเขาทำงานที่รับมอบหมายสำเร็จ
“รีบไปกันได้แล้วครับ นูนะ!”
“ข เข้าใจแล้วน่า! แต่เรียกว่านูนะนี่มัน… ”
เฟลิซีเริ่มหลบหนีออกมาในที่สุด
“อย่าปล่อยให้มันรอดไปได้!”
“ขยี้พวกมันซะ!”
พวกออร์คเผ่าสายฟ้าชาดทยอยมาล้อมพวกเขาไว้ ลูกธนูลอยจู่โจมเข้ามาจากทุกทิศทาง เสียงการปะทะของโลหะเริ่มดังขึ้นโดยรอบ
“เคียก! หลบหลังข้าเอาไว้!”
คารัคยกโล่ขึ้นป้องกันหัวของมัน แล้วใช้ร่างกายอันใหญ่โตบดบังอินกองไว้ อิงกองรีบใช้มือดึงเฟลิซีเข้ามาหาเขา
“ว้าย?”
“โอ้วววว!”
“ฆ่า!”
“ทำลายมันให้หมด!”
เสียงคำรามของเหล่าออร์คดังขึ้นกลบเสียงอุทานของเฟลิซี คารัคใช้โล่ปัดป้องลูกธนูที่พุ่งมาที่มันอย่างชำนาญ แล้วตะโกนบอกอินกอง
“องค์ชาย! หลบข้างหลังข้าเอาไว้!”
มันเป็นสถานการณ์ที่เขาไม่สามารถเพ่งสมาธิไปดูแผนที่ย่อได้ เขาจึงหันไปถามเฟลิซีอย่างระมัดระวัง
“เฟลิซีนูนะ พอจะมีเวทมนตร์อะไรช่วยได้ไหมครับ?”
ทั้งซิลวานและเฟลิซีต่างก็เป็นจอมเวทที่เชี่ยวชาญ เฟลิซีที่ตั้งสติกลับมาได้พยักหน้ารับ
“เดี๋ยวนะ งั้นก็… ฉัตร! ระวังข้างหลัง!”
“เอ๋?”
อินกองหันกลับมาก็พบออร์คฝั่งศัตรูวิ่งเข้ามาหาเขา และตรงหน้าก็มีศรเพลิงอยู่ห่างออกไปไม่ถึงเมตร
‘เวทมนตร์?’
ไม่มีเวลาพอจะให้คิดอะไรซับซ้อน อินกองเคลื่อนตัวตามสัญชาตญาณ เขาขยับตัวเข้ากอดป้องกันเฟลิซีเอาไว้
‘บ้าที่สุด! นี่ไม่ใช่เคทลินนะ!’
#ไซส์มันผิดไปใช่ม้าาา (≖ ͜ʖ≖)
แต่มันก็สายไปแล้วที่เขาจะเสียใจ ความร้อนแผ่กระจายไปทั่วแผ่นหลังของเขา ความรู้สึกจากผิวหนังที่ไหม้ผุพองมันเจ็บปวดเกินจะบรรยาย
“ฉัตร!”
เสียงร้องอย่างพะวงดังออกมาจากเฟลิซี แต่อินกองกับรู้สึกยินดีกับความเจ็บปวดที่เขาได้รับ ใช่แล้ว
#ถูกต้องแล้ว พระเอกของเราเป็นสาย M นะครัชชชช
[คุณได้เรียนรู้ วิชาควบคุมธรรมชาติ ขั้น1]
[คุณได้เรียนรู้ ไฟร์แอร์โรว์ ขั้น1]
เวทมนตร์!
อินกองร้องอย่างโอดครวญ เขาปล่อยเฟลิซีก่อนจะหันหลังกลับ แล้วตะโกนออกมา
“ไฟร์ แอร์โรว์!”
ศรเพลิงที่สร้างจากเวทมนตร์!
สะเก็ดไฟปริมาณมากก่อตัวขึ้นรอบมือของอินกอง มันเข้ารวมตัวกันเป็นศรธนูพุ่งเข้าโจมตีศัตรู