Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก - ตอนที่ 29
#ลิซาร์ดแมน (lizardman) หนึ่งในอมนุษย์ที่มีรูปร่างเป็นสัตว์เลื้อยคลาน มีความเชื่อกระจายอยู่ทั่วโลก โดยจะมีลักษณะใกล้เคียงกับสัตว์ชนิดใดขึ้นอยู่กับในท้องที่นั้น เช่น ชิงหลง เทพมังกรทีมีใบหน้าเป็นมนุษย์ของจีน, กัปปะ ปีศาจที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ผสมกับตะพาบของญี่ปุ่น, ลาเมีย หญิงสาวที่มีครึ่งท่อนล่างเป็นงูของกรีกโบราณ, โซเบ็ค เทพแห่งแม่น้ำไนล์ที่มีหัวเป็นจระเข้ของอียิปต์
ส่วนลิซาร์ดแมนในนิยายนี้จะมีรูปร่างเป็นมนุษย์ที่มีผิวหนัง เกล็ด หาง กรงเล็บ เขี้ยว นัยน์ตา ลิ้น เหมือนสัตว์เลื้อยคลาน
“วันนี้ไม่ต้องฝึกอะไรแล้วรีบไปนอนซะ”
เมื่อการประชุมกับแวนเดลเสร็จสิ้น อินกองก็กลับมาทานมื้อเย็นที่กระโจมของเขา และในระหว่างนั้นเองคารัคก็พูดขึ้น เนื่องจากตลอดสามคืนที่ผ่านมา อินกองใช้เวลายามกลางคืนฝึกวิชาของเขาเสียส่วนใหญ่
เขามีการรบรออยู่ในวันรุ่งขึ้น นี่จึงไม่ใช่เวลาที่จะมาฝึกอะไรทั้งนั้น
อินกองพยักหน้าเข้าใจความหมายของเจ้าออร์ค
“รู้แล้ว รู้แล้วน่า! นายเป็นแม่ผมรึไงเนี่ย?”
“ก็ทำนองนั้น?”
คารัคตอบมาอย่างเป็นธรรมชาติ และพอเขามาลองนึกแล้ว มันก็ดูไม่ต่างกันเท่าไร
‘อย่างที่หวังได้จากคารัค นี่มันอัจฉริยะของออร์คชัดๆ’
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะมันเป็นห่วงอินกอง
เขาชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว
“งั้นวันนี้ผมจะฝึกแค่รอบเดียว”
ในหนึ่งรอบประกอบไปด้วย การฝึกกระบวนท่าพื้นฐานของไอศวรรย์สัตว์อสูรสามครั้ง เคลื่อนลมปราณ 30 ครั้ง ใช้เทเลคิเนซิสเคลื่อนสิ่งของ 50 ครั้ง ฝึกร่ายเวทมนตร์ 10 ครั้ง และก็แน่นอนว่าคารัครู้เพียงว่าเขากำลังฝึกลมปราณกับวิชาดาบธรรมดา
มันทำสีหน้าจริงจังขึ้นมาแต่ก็ยอมแพ้ในที่สุด
“ถ้าแค่รอบเดียวก็คงไม่มีปัญหาอะไร”
“ครับผม รู้แล้วครับ”
คารัคออกจากกระโจม แล้วอินกองก็เริ่มฝึกลมปราณของเขา
‘ยิ่งว่าก็ยิ่งยุ พอทักมาแบบนี้เรายิ่งอยากฝึกหนักกว่าเดิม นี่ถ้าเราขยันอ่านหนังสือแบบนี้ เราคงสอบเข้ามหาวิทยาลัยกรุงโซลสบายๆไปแล้ว?’
อันที่จริง ที่เขาฝึกอย่างหนักก็เพราะเขารู้สึกเหมือนถูกไฟลน แม้ทุกอย่างจะผ่านไปอย่างราบรื่น แต่เขาก็เกือบตามมาแล้วถึงสองครั้ง และอาจจะมีอันตรายยิ่งกว่านี้ในอนาคต
เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เขารู้สึกสนุกไปกับการฝึกพวกนี้
ด้วยผลของกายาชาตรี ทำให้ทักษะของเขาเพิ่มระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่าร่างไอศวรรย์สัตว์อสูรของเขาประณีตขึ้น ลมปราณควบคุมได้ง่ายขึ้น และพลังจิตก็ทรงพลังขึ้น ผลลัพท์ทั้งหมดยิ่งกระตุ้นแรงบันดาลใจ
‘เก่งขึ้นอีก เราจะต้องเก่งขึ้นไปเรื่อยๆ วะ ฮะ ฮะ ฮ่า!’
ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อเอาชนะแซเฟียร์ แต่อินกองต้องการพลังมากขึ้นราวกับติดสารเสพติด
มันเป็นโลกที่เขาสามารถแข็งแกร่งจนสู้กับกองทัพได้ด้วยตัวคนเดียว ไม่มีอะไรบ่งบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นอินกองจึงตั้งเป้าเอาไว้อย่างนั้น
ในครั้งแรกที่เขานึกภาพแซเฟียร์ปลุกลมปราณขึ้นมา เขาได้แต่หวาดกลัว เขามองไม่เห็นหนทางที่จะเอาชนะได้สักนิด
แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป เขาเริ่มมองเห็นแสงสว่างรำไรที่ปลายทาง และเขามั่นใจว่าเขาสามารถไปถึงได้
สักวันเขาจะไปถึงตรงจุดนั้นและคว้ามันเอาไว้ในกำมือ!
‘โอย ฟุ้งซ่านอีกแล้ว ฝึก ฝึก’
อินกองรวมสมาธิกลับมา แล้วเริ่มร่ายรำกระบวนท่าพื้นฐานของไอศวรรย์สัตว์อสูร
แซเฟียร์ไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้ ประเด็นหลักคือการศึกของเขาในวันรุ่งขึ้น
&
สตรีผมขาวพร้อมมงกุฏทองของนาง กำลังคุยกับสตรีอีกนางที่มีเส้นผมราวกับเปลวเพลิง
ทั้งคู่กำลังพูดคุยอย่างเป็นกันเอง
อินกองจ้องไปยังเงาทั้งคู่ ก่อนที่ภาพนั้นจะชัดขึ้นจนเขาสามารถเห็นเครื่องแต่งกายของทั้งสอง
ชุดของสตรีสีขาวคล้ายชุดคลุมของเหล่านักบุญ มันมีลักษณะเช่นเดียวกับชุดของบาทหลวงที่เขาเคยเห็นตามอินเตอร์เน็ต
ชุดของสตรีสีแดงเป็นเกราะศึกสีแดงเข้ม ทับซ้อนเกราะหนังสีแดงที่อยู่ข้างในอีกชั้น
อาณัติ และ รณการ
สตรีทั้งสองจดจ้องมาที่อินกองในทันทีที่สองคำนี้ผุดขึ้นมา
“องค์ชาย! ตื่นได้แล้ว! ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าให้รีบนอน นี่แกตื่นทั้งคืนอีกแล้วใช่ไหม?”
เสียงคำรามของคารัคทะลุทะลวงแก้วหูของเขา อินกองหลุดออกจากภวังค์ แล้วรีบลืมตาขึ้น
“เอ่อ เปล่า ผมแค่… เดี๋ยวสิ นี่ยังไม่ทันจะสายเลย!”
เขาชำเลืองมองไปยังนาฬิกาที่แสดงเวลา 5:00 am แต่ว่าคารัคจัดการดึงผ้าห่มไปเก็บเป็นที่เรียบร้อย
“เลิกพูดมากแล้วลุกขึ้นซะ พวกเราจะออกเดินทางกันหลังจากทานมื้อเช้า”
ดูเหมือนมันจะรอคอยช่วงเวลานี้มาก ยิ่งไปกว่านั้น มันพูดคุยกับเจ้าชายได้อย่างหยาบคาย ทั้งที่มันเป็นเพียงแค่ออร์ค
‘ก็นะ คารัคมันก็แบบนี้แหละ’
อินกองลุกจากเตียงแล้วล้างตัว ถึงอากาศเย็นยามเช้ากับน้ำที่หนาวเหน็บจะทำให้เขาหายสะลึมสะลือ แต่ภาพในหัวของเขายังคงชัดเจน
‘ใครกันนะ? ผู้หญิงสีแดงคนนั้น?’
เขารู้สึกถึงความเหมือนที่แตกต่างของสตรีทั้งสองนาง ทั้งคู่งดงามเกินกว่าที่จะมีตัวตนอยู่จริง
แต่ในขณะที่เขารู้สึกคุ้นเคยและเป็นมิตรกับสตรีในชุดขาว เขากลับรู้สึกถึงความอาฆาตเคียดแค้นจากสตรีในชุดแดง
แต่เพราะอะไร? ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทั้งคู่เป็นอย่างไรกันแน่?
“องค์ชาย ได้เวลาไปแล้ว เพราะองค์ชายเด็กสุด เราจึงไม่ควรไปสายกว่าคนอื่น”
เสียงของเจ้าออร์คลอยขึ้นมาขัดความคิดของเขาอีกครั้ง อินกองสูดหายใจตั้งสติก่อนที่จะเดินออกจากกระโจม สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการสัประยุทธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
หลังจากทั้งหมดร่วมรับประทานอาหารที่กระโจมของแวนเดลเสร็จสิ้น ก็เริ่มหารือเป็นครั้งสุดท้าย
ถึงการจัดกระบวนทัพ และการวางตำแหน่งของหน่วยทหารจะดูซับซ้อน แต่การจัดการนั้นง่ายมาก
กระบวนทัพจัดเป็นรูปตัว T เพื่อเพิ่มความสามารถในการปะทะซึ่งหน้า
#ไม่รู้จะแปลยังไงดี ลองค้นกระบวนทัพของทหารไทยจากอากู๋ก็ไม่มีรูปขบวนแบบนี้
ทัพของแวนเดลจะอยู่ตรงกลาง มีคริสต์กับเคทลินนำทัพไลแคนโทรปด้านขวา เฟลิซีคุมเหล่าเอลฟ์รัตติกาลอยู่แนวหลัง
อินกองและเหล่าทหารออร์คประจำอยู่ด้านซ้าย
#####xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx#####
#####ออร์ค—เผ่า—สาย—ฟ้า—ชาด#####
#####ออร์ค—-ยาคุซัน-เผ่าสายฟ้าชาด#####
###########################
######อินกอง#แวนเดล#คริสต์&เคท######
###########เฟลิซี#############
เมื่อพวกเขาเคลื่อนขบวนได้สักระยะหนึ่ง ก็เริ่มเห็นเงาของพวกเผ่าสายฟ้าชาดเลือนลางอยู่ข้างหน้า ดูเหมือนพวกมันจะคาดเดาได้และจัดกระบวนทัพเตรียมพร้อมรอไว้แล้ว
อินกองรู้สึกราวกับเวลาได้ผ่านไปหลายชั่วโมง พอเขารวบรวมสติกลับมาได้ เบื้องหน้าก็เป็นสนามรบที่มีทหารร่วมหมื่น
“แกประหม่าสินะ?”
ขณะที่เขามองดูระลอกสีเขียวตรงหน้าที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสียงของคารัคก็ดังแทรกขึ้นมา แม้อินกองจะขี่อยู่บนหมาป่ายักษ์ที่มีขนาดใหญ่เท้าม้า แต่คารัคก็สูงจนใบหน้าทั้งคู่อยู่ระดับเดียวกัน
“แล้วนายละ?”
“แน่นอน ข้าก็ประหม่าเช่นกัน”
คารัคหัวเราะออกมา เสียงที่คุ้นเคยทำให้เขาใจเย็นลงมาได้ แต่เขาก็ไม่อาจหัวเราะกับเหตุการณ์ข้างหน้าได้เหมือนมัน
ศึกนี้ต่างไปจากการบุกฐานทัพเผ่าสายฟ้าชาดที่เป็นการบุกจูโจม หากเทียบจากในสงครามสามก๊ก เวลาทหารนับแสนเข้าห้ำหั่นกัน ท้ายที่สุดจะเหลือผู้รอดชีวิตแค่เพียงไม่กี่พัน พอคิดว่าทหารทั้งหมดจะรอดสักเท่าไร มันก็ทำให้เขาหายใจติดขัด
“เกาะติดข้าไว้”
“แน่นอน”
ในที่สุดอินกองก็สามารถยิ้มออกมาได้ เขามองไปข้างหน้า เสียงแตรศึกดังขึ้นอย่างกึกก้องจากทัพของแวนเดล
“บุก!”
“บุก!”
ทหารทุกหน่วยออกวิ่งไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียง มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากทางเผ่าสายฟ้าชาดเช่นกัน
เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นไปตามคาดจนถึงจุดนี้ จากนี้ก็เหลือเพียงการประจันบานของทั้งสองกองทัพ
จนกระทั้งมีบางสิ่งเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น
“ก๊าซซซซซ!”
“แปร๋นนนนนนน!”
#เสียงมันสปอยล์ แต่จะใช้เสียงแบบอื่น ก็คิดไม่ออก
เสียงร้องอันดุร้ายดังขึ้นมาจากหลังทัพของเผ่าสายฟ้าชาด ฝุ่นมหาศาลตลบไปทั่วผืนดินที่เริ่มสั่นสะเทือน เวทมนตร์หลากหลายถูกปลดปล่อยไปทั่วท้องฟ้า
บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!
ศรเวทนานาชนิดพุ่งลงมาโจมตีราวกับฝนอุกกาบาต หลุมมากมายก่อตัวขึ้นแสดงให้เห็นถึงพลังทำลาย เปลวไฟแผ่ขยายไปทั่ว เศษน้ำแข็งพุ่งกระจายราวห่ากระสุนปืน ละอองพิษเข้ากัดกร่อนทุกสิ่งที่สัมผัส
สัตว์อสูรขนาดใหญ่เคลื่อนที่มาบดบังกองทัพ พร้อมกับศรเวทนานาชนิดก่อตัวขึ้นรอบตัวมัน เสียงร้องมากมายดังอื้ออึงจากเหล่าทหารที่รอดตายจากเหตุสังหารหมู่มาได้
“สว็อมพ์แมมม็อธ?”
สัตว์อสูรขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ในบึง รูปร่างของมันมีลักษณะราวกับแมมม็อธ หากแต่มันมีร่างกายที่ยาวถึง 20 เมตร การสู้กับมันจึงค่อนข้างเป็นปัญหา
นอกจากขนาดอันมหึมาที่ใช้บดขยี้ศัตรูของมันแล้ว ศรเวทหลากชนิดที่ยิงผ่านพลังเวทอันมหาศาลของมัน สามารถสร้างความเสียหายได้ยิ่งกว่าเครื่องจักรสงคราม
‘เป็นไปได้ไงวะ?’
สว็อมพ์แมมม็อธเป็นสัตว์อสูรที่มีจิตใจกล้าแข็งมาก ยากที่จะควบคุมมันได้
“บุกเข้าสู้ระยะประชิด อย่าปล่อยให้ไอ้นั่นยิงศรเวทได้!”
มีเสียงตะโกนสั่งขึ้นมา ถ้าลองคิดตามแล้วก็ดูมีเหตุผลอยู่ หากต่อสู้กันระยะประชิด การเล็งจู่โจมด้วยศรเวทก็จะทำได้ยากขึ้น เพราะต้องระวังฝ่ายตนเอง
แต่คำถามก็คือ พวกออร์คกับสว็อมพ์แมมม็อธจะสนใจเรื่องทำนองนั้นหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น เสียงคำรามของพวกสว็อมพ์แมมม็อธยังทำลายขวัญกำลังใจของศัตรูอีกด้วย
ไม่มีเวลาพอให้คิดอะไรมากมายในสถานการณ์นี้ ศรเวทยังคงกระหน่ำยิงสร้างความเสียหายให้กองทัพของเขาอย่างต่อเนื่อง หมาป่าพาหนะของอินกองและเหล่าออร์ครอบข้างเริ่มแสดงอาการตื่นกลัวออกมา
“องค์ชาย! กระโดดลงมาซะ!”
เสียงตะโกนของคารัคทำให้อินกองตัดสินใจกระโดดในทันที หมาป่าตัวนั้นวิ่งสะเปะสะปะไปทั่ว ก่อนจะพลาดท่าหายไปกับการระเบิดของเวทมนตร์
“ลุย!”
“ลุย!”
เสียงที่เหมือนกับการกรีดร้องดังขึ้นจากทางฝั่งของเผ่าสายฟ้าชาด เหล่าสว็อมพ์แมมม็อธยังคงเดินหน้าขยี้ศัตรูของพวกมันอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีบางสิ่งวิ่งบุกนำหน้าพวกออร์คเข้ามา พวกมันมีหัวที่เหมือนกับกิ้งก่า
“ลิซาร์ดแมน!”
สัตว์อสูรแห่งหนองน้ำ
อินกองเข้าใจในที่สุด การที่พวกเผ่าสายฟ้าชาดมารวมตัวกันที่นี่ มันมีเหตุผลแฝงอยู่ นั่นก็เพราะพวกมันสามารถครอบงำจิตใจเหล่าสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ในบึงได้ พวกมันเก็บซ่อนพลังนี้ไว้เป็นไพ่ตาย เพื่อใช้ต่อสู้กับทหารของวังจอมมารอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
“องค์ชาย! หลบข้างหลังข้าไว้!”
คารัคตะโกนบอกอินกอง
และแล้ว การต่อสู้อันเลวร้าย ก็ได้เริ่มขึ้น