Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก - ตอนที่ 8
ถึงประตูศิลาจะใหญ่และทนทานขนาดไหน ขึ้นชื่อว่าประตู ก็หมายความว่ามันถูกออกแบบมาให้เปิดปิดได้ คารัคใช้พลังกล้ามเนื้อของมันเหวี่ยงค้อนพังประตูเข้าไป
เบื้องหลังประตูเป็นถ้ำขนาดใหญ่ ด้วยความมืดทำให้บอกได้ยากถึงระยะทางและความลึก
“ถ้ำนี้ น่าจะสร้างโดยพวกดวอฟ”
คารัคพูดขึ้นหลังจากเหล่ตามองรอบๆ
“นี่มีเผ่าดวอฟในโลกมารด้วยหรือ?”
เหมือนที่ออร์คเป็นเอกลักษณ์ของโลกแฟนตาซี บทกวีแห่งผู้กล้าก็มีดวอฟอยู่ด้วย
ดวอฟเป็นเผ่าที่มีลักษณะแคระแกรน มีไหล่ที่หนา และหนวดที่ยาว เป็นพวกที่แข็งแกร่ง แม่นยำ และทนทานไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใดก็ตาม
เขามีโอกาสพบกับดวอฟมากมายในตอนที่เล่นเป็นล็อคค์
ทว่าตอนที่เขาเล่นเป็นแซเฟียร์ เขากลับไม่เคยพบดวอฟแม้แต่ตนเดียว
คารัคยืนงงเมื่อได้ยินสิ่งที่อินกองถาม แต่สาเหตุที่มันงงดูจะเป็นอย่างอื่นมากกว่าคำถาม
“ทำไม?”
“เปล่า ก็แค่ แกลืมกระทั้งชื่อตัวเอง แต่จำพวกดวอฟได้…”
อินกองจ้องคารัคทำให้มันหัวเราะออกมากลบเกลื่อน
“ก็ได้ยินว่าพวกนั้นอาศัยอยู่แถวนี้เมื่อนานมาแล้ว ยังไงซะเทือกเขาจิชก้าก็อยู่ใกล้เขตแดนโลกมนุษย์”
“พวกนั้นอพยพกันออกไปหมดแล้วหรือ?”
“ได้ยินมาว่าอย่างนั้นนะ แต่เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งร้อยกว่าปีแล้ว คนที่รู้จริงก็ไม่เหลือละ”
ฟังดูมีเหตุผล อินกองพยักหน้าให้คารัคเล่าต่อ
“ข้าคิดว่าถ้ำนี่น่าจะสร้างโดยพวกดวอฟก็เพราะลวดลายที่ประตู ข้าไม่คิดหรอกว่าออร์คจะพิถีพิถันกับเรื่องแบบนี้ หรือองค์ชายคิดว่ายังไง?”
ถ้ำนี่ตั้งอยู่ตอนใต้ของเทือกเขาจิชก้า ต้องใช้อุปกรณ์อย่างดีและขุดอย่างเป็นระเบียบ ไม่ใช่งานที่ใช้แค่แรงงานทั่วไปแล้วจะสามารถทำได้
“งั้น เริ่มสำรวจกันเถอะ”
ดูจากลักษณะปิดตายของประตู พวกเผ่าสายฟ้าชาดไม่น่าจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของที่นี้ เขาจึงคิดว่าไม่น่าจะมีพวกออร์คอาศัยอยู่ภายใน
‘ถ้านี้เป็นถ้ำของพวกดวอฟ ก็น่าจะพอหลงเหลืออาวุธอยู่บ้าง จริงไหม?’
อาวุธของพวกดวอฟมีคุณภาพสูงมาก ทำให้มันมีราคาแพงและเป็นที่ต้องการของทุกคน
ในบทกวีแห่งผู้กล้าได้แบ่งระดับของอาวุธเอาไว้ห้าระดับ ทั่วไป ดี หายาก โดดเด่น และตำนาน ยิ่งระดับสูงขึ้น ราคาก็เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10 เท่า
‘อาวุธพวกนี้ เรียกว่าเป็นปัจจัยหลักในการชนะศึกได้เลย!’
ถ้าเขามีอาวุธดวอฟอยู่ในมือ แม้แต่ฉัตรก็สามารถฆ่าคนได้
‘ยิ่งระดับสูงเท่าไรก็ยิ่งดีละนะ!’
อินกองเริ่มตั้งความหวังขึ้นมา
พวกเขาเดินเข้ามาได้ไกลพอสมควร
‘แฮ่ก แฮ่ก กว่าจะเจอ’
เขาเจอห้องลับที่น่าจะเป็นคลังอาวุธ
แต่ทว่าอินกองก็ต้องฝันสลาย
[เลเวลของคุณไม่เพียงพอ]
[พละกำลังของคุณไม่เพียงพอ]
[พลังเวทของคุณไม่เพียงพอ]
ทุกครั้งที่เขาลองหยิบอาวุธขึ้นมา ก็จะมีเสียงข้อความเหล่านี้ดังขึ้นในหัว
อาวุธพวกนี้หนักเกินไปสำหรับฉัตร บางชื้นก็ต้องการพลังเวทเพื่อใช้ในการควบคุม
จริงอยู่ถ้าแค่หยิบมาใช้แค่เหวี่ยงก็ไม่มีปัญหา แต่นั่นก็ไม่ใช่การดึงเอาความสามารถที่แท้จริงของอาวุธเหล่านี้ออกมา อาวุธที่ใช้ผิดวิธีก็เป็นเหมือนดาบสองคมที่ก่อให้เกิดโทษกับผู้ใช้
อินกองเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่โหดร้าย แต่พอเขาคิดดู มันก็ไม่น่าแปลกใจ
ม้าเซ็กเชาว์จะริอาจกับพยัคฆ์ขาวได้ยังไง? นอกจากกษัตริย์อาเธอร์แล้วมีใครดึงดาบคาลิเบิร์นออกมาได้บ้าง? ศัสตราที่แก่กล้าย่อมเลือกผู้กล้าที่คู่ควร
‘อย่างน้อยก็ขอลองอะไรบางอย่าง’
อินกองหยิบอาวุธดวอฟขึ้นมาหนึ่งชิ้น แล้วลองนำมันเก็บเข้าช่องเก็บของได้อย่างไม่มีปัญหา
อินกองเริ่มนำอาวุธทั้งหลายเก็บเข้าช่องเก็บของ คารัคที่มองดูอยู่แสดงอาการประหลาดใจสุดๆ
“องค์…ชาย…?”
อินกองแสยะยิ้ม เป็นธรรมดาที่จะตกใจ
อาวุธทั้งหลายอันตรธานหายไปเมื่ออยู่ในมือเขา
“ขนไปให้หมด แล้วเดี๋ยวค่อยคิดว่าใครจะใช้… ไม่สิคารัค เลือกอาวุธที่ชอบมาตอนนี้เลยหนึ่งชิ้น แล้วที่เหลือผมจะแจกให้ทุกคนที่มีความชอบ”
ถ้ามีศัตรูปรากฎ คนที่จะเป็นแกนหลักก็คือคารัค ฉะนั้นมันต้องมีอาวุธดีๆติดตัวสักชิ้น
แน่นอนว่านี่เป็นการเลือกปฎิบัติ
‘หรือว่าเราจะเก็บให้หมดเลยตอนนี้ดี?’
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่พระเอกจะได้ของมากกว่าคนอื่นเป็นพิเศษ ทว่าฉัตรเป็นถึงเจ้าชายที่ยังไร้อิทธิพล การกระทำบางอย่างอาจจะส่งผลเสียให้กับเขาได้มากกว่าผลดี
คารัคเลือกอาวุธมาชิ้นหนึ่ง แล้วหันไปมองอินกอง ที่ยังคงเสกให้อาวุธหายไปเรื่อยๆ
“องค์ชายเป็นจอมเวทจริงๆสินะ?”
“เป็นเจ้าชายทั้งที ก็ควรมีคาถาติดตัวบ้าง”
เขาเป็นเจ้าชายแห่งโลกมารไม่ใช่จอมเวท เขาต้องทำให้ฉัตรเก่งขึ้น
อินกองทยอยเก็บอาวุธในคลังเข้าช่องเก็บของเรื่อยๆจนเกลี้ยง
‘ส่วนพวกนี้เป็นอุปกรณ์ทั่วไป’
เขาแขวนมีดไว้ที่เข็มขัด สวมเสื้อเกราะโซ่เหล็ก และพยายามที่จะใส่หมวกเหล็ก แต่ก็ต้องถอดใจ
“องค์ชาย เราสำรวจต่อไปเรื่อยๆเลยไหม?”
คารัคถามพร้อมขวานขนาดใหญ่อันทรงพลังในมือ ใบหน้าของมันแสดงความปลื้มปิติและตื่นเต้นออกมา ทางเดินที่โอ่อ่าดูเล็กลงไปทันตาเมื่อมีออร์ค 31 ตนยืนอยู่
“ภารกิจของพวกเราคือลาดตระเวน เพราะงั้น สำรวจต่อไป”
อาจจะมีสมบัติเหลืออยู่อีกมาก
อินกองตรวจดูแผนที่ย่อแล้วเดินนำขบวน
หลังจากเวลาผ่านไปราวชั่วโมง พวกเขาก็พบห้องอีกมาก แต่ส่วนใหญ่จะมีเพียงความว่างเปล่า
อินกองเกาคางเบาๆพลางชำเลืองมองแผนที่ย่อ
‘นี่มันออกจะยาวไปหน่อยไหม? แบบนี้เราได้เดินทะลุภูเขากันพอดี’
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การเดินทะลุภูเขาแต่เป็นทางออก ถ้าตำแหน่งมันไม่ดี เขาอาจจะไปโผล่กลางเผ่าสายฟ้าชาดได้
‘แต่แบบนั้นอาจจะดีก็ได้?’
ถ้าพวกเขาสามารถจู่โจมได้อย่างกระทันหัน ผลลัพธ์อาจจะออกมาดีกว่าที่คิด
แน่นอนว่าอินกองไม่คิดจะนำเหล่าออร์คโผล่ไปบุกกลางค่ายศัตรู เขาเพียงแค่อยากรู้ตำแหน่งที่ตั้งของทางออกเท่านั้น
‘แต่ก็นะ เราอยากเรียนเวทมตร์สุดๆ’
การเรียนรู้ทักษะต่างๆดูง่ายเมื่อดูจากการที่เขาเรียน วิชาดาบ กับ การอ่านแผนที่ ปัญหาอยู่ที่ว่าเขาจะหาใครมาสอน
‘ต้องหาจอมเวทซักคน’
เขาเป็นถึงเจ้าชาย แต่ไม่มีใครรอบตัวที่ใช้เวทมนตร์ได้
‘คริสต์กับเคทลินจะใช้เวทมนตร์ได้หรือเปล่านะ? แต่ถึงไม่ได้ พวกนั้นก็น่าจะพอมีนักเวทส่วนตัวอยู่บ้าง จะลองขอเรียนดูเอาดีไหมนะ?’
ถ้าเขาไปขอเรียนเวทมนตร์จากแซเฟียร์ น่าจะได้เป็นดาบเสียบท้องกลับมาแทน แต่คริสต์กับเคทลินดูต่างออกไป ไม่แน่บางทีพวกนั้นอาจจะยอมสอนเขาก็เป็นได้
‘ถ้าเลือกได้ก็ขอเป็นเคทลินละนะ’
ใบหน้าของเธอยังลอยโผล่มาให้หัวเขาเป็นระยะ
ในขณะที่เขาอยู่ในภวังค์ ก็เหลือบไปเห็นประตูศิลาขนาดใหญ่อยู่สุดทางที่มืดมิดผ่านทางแผนที่ย่อ
“ทางออก”
พออินกองพูดจบ คารัคก็หยุดเตรียมอาวุธในมือให้พร้อม พวกออร์คที่เหลือก็ทำตาม
เหมือนกับทางเข้า ประตูทางออกก็น่าจะถูกปิดตายไว้เหมือนกัน เขาควรจะพังมันหรือว่าเดินกลับดี?
ในระหว่างที่อินกองกำลังกอดอกใช้ความคิดนั่นเอง
มีเสียงดังลั่นลอยมา พร้อมกับแสงสว่างจากประตูทางออก
“เร็วเข้า! ก่อนที่นังนั่นจะตามทัน!”
“ใจเย็น ไคชิน ข้ารู้จักทางลับนี้ดี ถึงแม้จะไม่เคยใช้มันจริงๆก็เถอะ นังนั่นไม่มีทางหาเราเจอแน่นอน”
ในขณะอินกองกับคารัคมองหน้าเพื่อตกลงกัน มีเสียงดังขึ้นแล้วประตูก็พังลง ทำให้แสงจากภายนอกสาดส่องเข้ามา
เนื่องจากอยู่ที่มืดกันจนสายตาเริ่มชิน แสงสว่างที่โผล่มาอย่างกระทันหันทำให้ทั้งหมดแสบตา
ออร์คโผล่มาที่ประตูทางออก
ไคชิน สมาชิกระดับสูงของเผ่าสายฟ้าชาด
จากข้างหลังพวกนี้…
นังนั่นที่พูดถึงกำลังไล่ตามมา
‘เคทลิน!’
อย่างที่อินกองคาดคิด ถ้ำนี้ทะลุมาถึงอีกฟากของภูเขา ซึ่งเป็นที่อยู่ของเผ่าสายฟ้าชาด และในขณะนี้กำลังโดนจู่โจมจากคริสต์และเคทลิน
ง่ายๆก็คือ พวกออร์คตรงหน้านี้คือเหล่าทหารหนีทัพ
ออร์คทั้งสองฝ่ายต่างแปลกใจกันเล็กน้อย ก่อนที่คารัคจะเตรียมอาวุธในมือให้มั่นคง
อินกองหันไปดูปริมาณศัตรูจากแผนที่ย่อ
“องค์ชาย! ถอยไปก่อน!”
สิ้นเสียงตะโกนคารัค อินกองรู้สึกถึงบางอย่างบริเวณอกของเขา
“แอ่ก!”
“องค์ชาย!”
ออร์คตนหนึ่งเล็งคทาหมาป่ามาทางอินกองพร้อมกับร่ายคาถาบางอย่าง อินกองล้มลงไปกองกับพื้นในขณะที่คารัคเริ่มบุกเพื่อเอาคืน
“เฮียกกก, คากกกกก!”
#เสียงคำรามศึกของเผ่าออร์ค บอกตรงๆว่าอ่านไม่ออก มั่วเอา
อินกองก้าวถอยในขณะที่ล้มลงกับพื้น ดีที่เขาใส่เกราะโซ่อยู่ ไม่งั้นคงตายไปแล้ว
#ไหนบอกพลังพระเอก โดนก่อนเลยได้ไง
‘เวทมนตร์?! ไม่สิ พลังจิต?’
เขาไม่ทันได้ยินคาถาอะไรทั้งนั้น นั่นทำให้มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นพลังจิต
แต่ว่านี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องแบบนี้ เขาได้ยินเสียงตะโกนต่อสู้กันไปมา
‘ลุกขึ้น กูต้องลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!’
อินกองลุกขึ้นแล้วรีบดูแผนที่ย่อเพื่อเช็คสถานการณ์
แต่อินกองก็สมาธิแตกเพราะเสียงผู้หญิงที่ดังขึ้นในหัว
[คุณได้เรียนรู้ เทเลคิเนซิส ขั้น1]
“ฮ่ะ?”
เทเลคิเนซิส
อินกองก้มมองที่อกของเขา