Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 156 Mythical Figure
“รอก่อนสิอีฟ รีบวิ่งไปแบบนั้นเดี๋ยวก็หลงทางหรอก!”
ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่โมโกะและรีซาน่ากำลังรับมืออยู่กับหัวหน้าหมู่บ้านและหญิงสาวที่มีตำแหน่งเดรคอยู่นั้นเอง ทางด้านนากาที่วิ่งไล่หลังอีฟเข้าไปในส่วนลึกของป่าหวงห้ามเองก็ได้แต่พยายามร้องเรียกเด็กสาวในการดูแลของเขาที่กำลังวิ่งตรงเข้าไปในป่าทึบลึกขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นมา
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านอีฟก็กลับไม่มีท่าทีว่าจะชะลอฝีเท้าลงหรือว่าหันกลับมาให้ความสนใจในตัวนากาที่เธอมักจะเชื่อฟังอยู่เสมอเลยแม้แต่น้อยราวกับว่ามันมีอะไรในป่าลึกที่เธอให้ความสนใจจนเผลอลืมสิ่งต่างๆ รอบกายไป
และนั่นก็ทำให้นากาที่ถึงแม้ว่าจะวิ่งเต็มฝีเท้าแล้วแต่ก็ยังแทบจะตามหลังไวๆ ของเด็กสาวไม่ทันตัดสินใจที่จะยิงใบมีดติดโซ่จากถุงมือลาส เซอไวเวอร์ของเขาขึ้นไปปักอยู่กลางอากาศเพื่อใช้มันพุ่งร่นระยะเข้าไปคว้าตัวเด็กสาวเอาไว้
ปึ๊ก—
“ได้ตัวล่ะ!!”
“……!”
แต่ถึงแม้ว่านากาจะคว้าตัวอีฟเอาไว้ได้แล้วก็ตาม แต่ว่าเด็กสาวก็กลับไม่ได้หยุดอยู่นิ่งๆ แบบที่เธอมักจะทำเวลาแอบเล่นซนแล้วโดนนากาจับได้ตามปกติและเหวี่ยงแขนขาของเธออย่างแรงเพื่อที่จะสลัดให้หลุดจากการเกาะกุมของเขาจนทำให้นากาต้องรีบพูดขึ้นมา
“ใจเย็นๆ ก่อนสิอีฟ! เธออยากจะไปที่ไหนก็บอกพี่มาก่อนสิเดี๋ยวพี่จะพาไปเองจะได้ไม่หลงไง”
“………!”
คำพูดของนากานั้นได้ทำให้อีฟสงบลงไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะยื่นมือชี้ตรงไปเบื้องหน้าและกระตุกชายเสื้อของนากาเบาๆ ซึ่งเมื่อนากามองตรงไปตามที่อีฟชี้ เขาก็ได้พบเข้ากับถ้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าหน้าผาหินสูงชันอันน่าจะเป็นถ้ำที่รีซาน่าในวัยเด็กเคยได้มาพบนั่นเอง
“นี่มัน… ถ้ำที่รีซาน่าว่าเอาไว้สินะ”
“…….”
อีฟที่ได้ยินคำพูดของนากานั้นได้หันกลับมาพยักหน้าให้เขาและกระตุกชายเสื้อของเขาถี่ๆ ราวกับจะบอกว่าเธออยากจะเข้าไปข้างในนั้น และนั่นก็ทำให้นากาต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะว่าการเข้าไปในถ้ำปริศนานี่ในเวลาที่โมโกะและรีซาน่ากำลังเจอกับเรื่องอันตรายอยู่แบบนี้มันคงจะไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำสักเท่าไหร่
“เธออยากเข้าไปข้างในนั้นหรออีฟ? พี่ว่าตอนนี้ไม่น่าจะเหมาะสักเท่าไหร่นะเพราะว่าพวกพี่โมโกะเขา—”
“……!”
คำพูดของนากาที่พูดเป็นเชิงบอกว่าเขาคงจะพาเธอเข้าไปข้างในถ้ำในเวลานี้ไม่ได้นั้นได้ทำให้ริมฝีปากของอีฟที่มักจะยิ้มร่าเริงอยู่เสมอโค้งลงเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเริ่มดิ้นเพื่อสลัดตัวออกจากอ้อมแขนของนากาอีกครั้งหนึ่งจนทำให้นากาไม่มีทางเลือก เพราะดูท่าแล้วว่าถ้าเขาไม่ยอมพาเธอเข้าไปข้างใน เด็กสาวก็คงจะหาโอกาสวิ่งเข้าไปเองแน่ๆ
“ก็ได้ๆ! ถ้าเธออยากเข้าไปนักพี่จะพาเข้าไปก็ได้! แต่ว่าหลังจากที่เข้าไปแล้วห้ามเธอวิ่งออกไปคนเดียวแบบนี้อีกนะเข้าใจมั้ย?”
“……!”
คำพูดยืนยันของนากาที่ว่าเขาจะพาเธอเข้าไปหาอะไรก็ตามที่อยู่ข้างในถ้ำนั้นได้ทำให้อีฟหันกลับไปพยักหน้าถี่ๆ ให้กับเขา และนั่นก็ทำให้นากาได้แต่ถอนหายใจออกมาพลางนึกภาวนาให้โมโกะสามารถใช้ความเร็วของยูนิตเชสเชียร์พารีซาน่าหนีออกมาได้ทันถ้าหากเกิดอะไรขึ้นที่ทางฝั่งนั้น
“ให้ตายสิ… ถึงพี่อยากจะกลับไปช่วยพวกพี่โมโกะเขาไวๆ ก็เถอะ แต่ถ้าเกิดว่าถ้ำนี่มีความลับเกี่ยวกับเรื่องของเขตหวงห้ามหรือว่าเทพมังกรอะไรนั่นอยู่มันก็อาจจะมีเบาะแสของอารอนอยู่ก็ได้ล่ะมั้ง…”
“……..”
อีฟที่ยืนฟังคำบ่นของนากาอยู่นั้นได้พยักหน้าหงึกๆ ให้กับเขาเหมือนกับว่าเธอไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่ตนเองทำลงไปเลยแม้แต่น้อย และนั่นก็ทำให้นากาชักเริ่มที่จะสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วว่าเด็กสาวเบื้องหน้าคนนี้เข้าใจในสิ่งที่คนอื่นพูดจริงๆ หรือไม่ หรือว่าจริงๆ แล้วเธอแค่มีนิสัยชอบพยักหน้าเวลาได้ยินเสียงคนพูดอยู่ใกล้ๆ ตัวเพียงเท่านั้น
“เฮ้อ… ถ้างั้นก็รีบเข้าไปกันเถอะ แต่ถ้าเกิดว่าข้างในนั้นไม่มีอะไรอยู่ล่ะก็พวกเราต้องรีบกลับไปช่วยพวกพี่โมโกะกันนะเข้าใจมั้ย”
“~~~♪”
“ทีนี้ล่ะร่าเริงเชียวนะ… เฮ้อ… แต่ยังไงวันหลังก็อย่าวิ่งออกมาคนเดียวแบบนี้อีกนะ ถ้าเกิดอยากไปที่ไหนจริงๆ ก็มาสะกิดเรียกพี่ก่อนล่ะตกลงมั้ย?”
“…….!”
อีฟพยักหน้าถี่ๆ กลับไปให้นากาอีกครั้งหนึ่งก่อนที่พวกเขาจะเดินตรงเข้าไปภายในความมืดมิดของถ้ำเบื้องหน้า
ซึ่งเมื่อพวกเขาได้ก้าวเท้าเข้าไปภายใน พวกเขาก็ได้พบเข้ากับแท่งคริสตัลวิซธาตุหลักทั้งสี่สีที่ผุดงอกออกมาจากตามพื้นผนังถ้ำจนดูสวยงามราวกับศิลปะจากธรรมชาติ แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านนากาก็กลับไม่มีเวลาจะให้ความสนใจในความสวยงามเหล่านี้สักเท่าไหร่นัก ในขณะที่ทางด้านอีฟนั้นก็กลับดูเหมือนว่าจะให้ความสนใจในสิ่งที่อยู่ลึกเข้าไปภายในถ้ำเสียมากกว่าจนทำให้ทั้งสองคนไม่ได้ชะลอฝีเท้าลงเลยแม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากที่นากาเดินจูงมืออีฟผ่านแท่งคริสตัลคละสีที่เรืองแสงจางๆ เหล่านั้นไปได้สักพักหนึ่งเขาก็ต้องหยุดเท้าลงด้วยความประหลาดใจ เพราะว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของเขานั้นก็คือแท่งคริสตัลหลากสีแท่งใหญ่ขนาดกว่าหนึ่งคนโอบจำนวนมากมายที่ผุดขึ้นมาอัดแน่นอยู่ทั่วบริเวณ
“พวกนี้มัน… คริสตัลวิซแน่หรอ…”
“……?”
แต่ถึงแม้ว่านากาจะหยุดฝีเท้าของเขาลงด้วยความประหลาดใจก็ตาม ทางด้านอีฟก็กลับดูเหมือนว่าจะไม่ได้ให้ความสนใจในแท่งคริสตัลขนาดใหญ่พวกนี้เลยแม้แต่น้อยและกระตุกแขนเสื้อของนากาเป็นเชิงบอกว่าให้เขามุ่งหน้าเดินต่อไปจนทำให้นากาต้องหันไปพยักหน้าให้กับเธอและเริ่มต้นออกเดินอีกครั้งหนึ่ง
และหลังจากนั้นอีกเพียงแค่ชั่วครู่ นากาก็ต้องหยุดฝีเท้าลงอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเขาได้พบเข้ากับโถงถ้ำขนาดใหญ่ที่มีเสาคริสตัลขนาดใหญ่จำนวนมากงอกออกมาจากพื้นขึ้นไปจนถึงเพดานของถ้ำ อีกทั้งแท่งคริสตัลเหล่านั้นก็ยังส่องแสงสว่างจ้าตามสีสันของมันออกมาจนทำให้โถงถ้ำแห่งนี้สว่างไสวราวกับเป็นช่วงเวลากลางวัน
ซึ่งภาพที่เห็นนั้นก็ทำให้นากาอดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำออกมาเบาๆ ด้วยความประทับใจ
“ถ้าเกิดว่าเอริกะได้มาเห็นอะไรแบบนี้คงจะตกใจใหญ่เลยล่ะมั้งเนี่ย… แต่ว่านอกจากคริสตัลวิซพวกนี้แล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่นา…”
“…….!”
ทันทีที่อีฟได้ยินคำพูดของนากา เธอก็ได้ดึงมือของนากาให้เดินตามเธอไปยังบริเวณใกล้ๆ กับกึ่งกลางของโถงถ้ำก่อนที่เธอจะยื่นมือออกไปปัดป่ายในอากาศเบื้องหน้าที่ว่างเปล่าของเธอ
ครืนนนนนนน—-!
“เหวอ—!?”
แต่แล้วในขณะที่นากากำลังรู้สึกสงสัยอยู่กับการกระทำของอีฟอยู่นั้นเอง อยู่ๆ ถ้ำทั้งถ้ำก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีน้ำเสียงแก่ชราที่ฟังดูแล้วแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงของผู้ชายหรือผู้หญิงดังกระหึ่มขึ้นมาพร้อมๆ กับที่กลางอากาศเบื้องหน้าของอีฟได้ปรากฏนัยน์ตาสีเขียวขนาดใหญ่ที่ดูดุร้ายราวกับสัตว์ป่าขึ้นมากลางอากาศ
มองเห็นด้วยงั้นหรอ…เจ้าหนู?
“…….!”
เสียงแก่ชราที่ดังก้องขึ้นมาจากทุกทิศทางและนัยน์ตาสีเขียวที่มีรูม่านตาเป็นเส้นขีดแนวตั้งเหมือนกับสัตว์เลื้อยคลานนั้นไม่ได้ทำให้อีฟที่ถูกนากาดึงไปหลบอยู่ด้านหลังมีท่าทีตกใจอะไรเลยแม้แต่น้อยและชะโงกหน้าออกมาพยักหน้ากลับไปเป็นคำตอบให้กับเจ้าของนัยน์ตาที่ว่านั่นอย่างว่าง่าย
และเมื่อเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวได้รับการพยักหน้าเป็นคำตอบจากอีฟกลับไปแล้ว ภาพของโถงถ้ำที่เต็มไปด้วยคริสตัลวิซแห่งนี้ก็ได้ค่อยๆ บิดเบี้ยวไปมาอย่างผิดธรรมชาติก่อนที่รอบๆ นัยน์ตาสีเขียวดวงใหญ่นั้นจะค่อยๆ ปรากฏภาพของคริสตัลวิซสีชมพูอ่อนที่มีลักษณะเหมือนกับเกล็ดขนาดใหญ่ที่เรียงต่อกันจนกลายเป็นรูปร่างของใบหน้าของสัตว์เลี้อยคลานขนาดยักษ์ที่กำลังจ้องมองตรงมายังทั้งสองคน
ซึ่งภาพของสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่มีเกล็ดสีชมพูอ่อนปกคลุมร่างกายที่ปรากฏขึ้นมานั้นก็ได้ทำให้นากาหลุดเสียงร้องด้วยความตกใจออกมา เพราะว่าสิ่งมีชีวิตเบื้องหน้าของเขานั้นเคยปรากฏตัวอยู่ในหนังสือนิทานที่พรีมูล่าเคยมารบเร้าขอให้เขาอ่านให้เธอฟังอยู่บ่อยๆ นั่นเอง
“ม—มังกร—!?”
“ฮึ่ม… ก็มังกรน่ะสิ… พวกแกเข้ามาที่นี่ก็ต้องรู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง…”
สิ่งมีชีวิตที่ขนาดยักษ์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีชมพูอ่อนสะท้อนแสงเป็นประกายเหมือนกับคริสตัลวิซนั้นได้พ่นลมหายใจออกมาด้วยความรำคาญใจก่อนที่มันจะสยายปีกของมันออกในจังหวะที่มันลุกขึ้นจนทำให้เกิดสายลมกระโชกออกมาอย่างรุนแรง
ฟุ๊บ!!
“เหวอ—!?”
“เสียงดังจริง… คราวนี้มีธุระอะไรก็รีบๆ ว่ามา— เดี๋ยวสิ… พวกเจ้าไม่ใช่คนจากหมู่บ้านไม่ใช่หรือ…?”
“~~~♪”
เสียงแก่ชราของมังกรยักษ์สีชมพูอ่อนเบื้องหน้าที่ดูเหมือนจะสังเกตเห็นแล้วว่าพวกเขาไม่ใช่กลุ่มคนจากหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ด้านนอกนั้นได้ทำให้อีฟยกมือขึ้นไปโบกไปโบกมาเป็นการทักทายให้กับอีกฝ่ายด้วยท่าทีอารมณ์ดี และนั่นก็ทำให้มังกรยักษ์ที่เห็นท่าทางร่าเริงของเด็กสาวได้ลดหัวของมันลงมาเพื่อจ้องมองดูผู้มาเยือนทั้งสองคนใกล้ๆ ด้วยความสนอกสนใจ
ซึ่งส่วนหัวของมังกรขนาดใหญ่ที่ขยับเข้ามาใกล้นั้นก็ได้ทำให้อีฟยื่นมือออกไปหามันราวกับว่าอยากจะลองสัมผัสมันดูจนทำให้นากาต้องรีบคว้าตัวอีฟเอาไว้ก่อนในทันที
แต่ถึงอย่างนั้นก็นับว่าเป็นโชคดีของพวกเขาที่มังกรคริสตัลวิซเบื้องหน้าเหมือนจะให้ความสนใจในตัวของพวกเขาที่ไม่ใช่คนจากหมู่บ้านจนไม่ทันได้สังเกตการณ์กระทำของอีฟและเอ่ยปากพูดถามขึ้นมาเสียก่อน
“ถ้าเกิดว่าไม่ใช่คนจากหมู่บ้าน แล้วพวกเจ้ามีธุระอันใดถึงเข้ามาในสถานที่แห่งนี้กันซะล่ะ…?”
“อ…เอ่อ… พอดีว่าพวกผมหลงทางเข้ามาน่ะครับ!”
“ทำหน้าอย่างกับเห็นวิญญาณแบบนั้นนี่ไม่เคยเห็นมังกรมาก่อนหรืออย่างไรกัน…”
ท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ของนากาในขณะที่เขาพูดตอบมังกรยักษ์เบื้องหน้ากลับไปนั้นได้ทำให้มังกรยักษ์พ่นลมหายใจออกมาอีกครั้งหนึ่งด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ
ในขณะที่ทางด้านนากาที่ยังไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตเบื้องหน้าจะเป็นมิตรหรือว่าเป็นศัตรูกันแน่นั้นก็ได้เหลือบไปมองกำไลข้อมือสีขาวที่เขาสามารถเปลี่ยนมันให้กลายเป็นดาบเฟเบิ้ล ดรีมเมอร์ได้ทุกเมื่อด้วยความลังเลว่าจะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นดาบเพื่อเตรียมพร้อมก่อนดีหรือไม่
แต่ว่าก่อนที่นากาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ร่างขนาดยักษ์ของมังกรคริสตัลวิซเบื้องหน้าก็ได้สยายปีกออกอีกครั้งหนึ่งก่อนที่มันจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาพร้อมๆ ที่ร่างกายของมันได้เรืองแสงสว่างจ้าออกมา
“แต่จะว่าไปนี่มันก็ผ่านมาตั้งกี่ปีกันแล้วล่ะเนี่ย… แต่ก็เอาเถอะ เอาเป็นว่าถ้าเกิดพวกเจ้าไม่เคยเห็นมังกรมาก่อนแบบนี้ก็คงจะต้องแนะนำตัวกันก่อนสินะ…”
วิ๊ง~~~
ในขณะที่มังกรยักษ์เบื้องหน้ากำลังเอ่ยปากพูดขึ้นมาอยู่นั้นเอง ร่างกายของมันที่ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยแสงสว่างก็ได้ค่อยๆ ลดขนาดลงมาและเปลี่ยนรูปร่างจนมีลักษณะเหมือนกับมนุษย์ และเสียงของมันที่ในตอนแรกฟังดูแก่ชราก็กลับค่อยๆ ฟังดูไพเราะเสนาะหูขึ้นเรื่อยๆ จนฟังดูเหมือนกับเสียงของหญิงสาววัยรุ่นแทน
และหลังจากนั้นไม่นานนัก แสงสว่างที่หดลงมาเป็นรูปร่างของมนุษย์ก็ได้แตกกระจายออกเป็นละอองแสงเล็กๆ และปรากฏร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวผู้ที่มีเส้นผมสีชมพูและดวงตาสีเขียวสดใสที่มีคริสตัลวิซสีชมพูรูปร่างเหมือนกับเขามังกรที่กำลังส่องประกายระยิบระยับประดับอยู่บนศีรษะ
ซึ่งหญิงสาวที่เคยมีร่างกายเป็นมังกรเกล็ดคริสตัลขนาดยักษ์นั้นก็ได้ยกมือขึ้นบิดขี้เกียจแบบที่ดูแล้วเธอไม่ได้สนใจที่จะคิดปกปิดเรือนร่างอันอุดมสมบูรณ์ของตนเองเลยแม้แต่น้อยและเอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเกียจคร้านที่เข้ากับรูปลักษณ์ของเธอในตอนนี้ที่แค่มองดูก็รู้ได้ว่าเป็นคนขี้เกียจขี้เซาขนาดไหน
“ฮึ๊บ— ฮ่า~ เอาล่ะ ถ้ามีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์แบบนี้แล้วจะเลิกทำหน้าเหมือนกับเห็นวิญญาณได้หรือยังล่ะ”
“ถ—ถ้าเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างน้อยก็ช่วยใส่เสื้อผ้าด้วยสิ!! ตรงนี้มีเด็กอยู่ด้วยนะ!!”
ท่าทางของหญิงสาวผมสีชมพูเบื้องหน้านั้นได้ทำให้นากาต้องรีบพูดต่อว่าออกมาพร้อมกับยื่นมือออกไปปิดตาของอีฟที่ปิดสนิทอยู่แล้วเอาไว้ในขณะที่ตัวเขาเองนั้นก็ต้องหันไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงภาพเบื้องหน้าด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งคำพูดต่อว่าของนากานั้นก็ได้ทำให้หญิงสาวที่เคยเป็นมังกรตัวใหญ่อดไม่ได้ที่จะต้องพูดบ่นออกมาเล็กน้อย
“อะไรของเจ้ากันล่ะเนี่ย… ธรรมเนียมของพวกมนุษย์นี่มันเอาใจยากเสียจริง…”
เป๊าะ
หลังจากที่มังกรสาวพูดบ่นออกมาจนจบแล้วเธอก็ได้ดีดนิ้วจนเกิดเสียงดังขึ้นมาทีหนึ่ง ก่อนที่ตามร่างกายของเธอจะปรากฏเกล็ดมังกรคริสตัลสีชมพูงอกออกมาปกคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเอาไว้จนดูราวกับว่าเธอกำลังสวมใส่ชุดวันพีชสีชมพูที่กำลังสะท้อนแสงระยิบระยับอยู่
และเมื่อหญิงสาวจัดการ ‘สวมใส่เสื้อผ้า’ ตามที่นากาพูดบอกเสร็จแล้ว เธอก็ได้อ้าปากหาวฟอดใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากถามนากาที่เป็นผู้มาเยือนของเธอขึ้นมา
“ห๊าววว~~ แค่นี้พอใจแล้วหรือยังล่ะ? แต่ถึงไม่พอใจก็ต้องพอแล้วล่ะ เพราะว่าแค่เปลี่ยนมาใช้ร่างนี้เราก็ลำบากจะตายอยู่แล้ว”
“อ–อื้อ… ก็ดีกว่าเมื่อกี้นี้เยอะแล้วล่ะ”
“……?”
ในขณะที่ทางด้านนากาพอจะโล่งใจขึ้นมาได้บ้างว่าเขาคงจะไม่ต้องคอยหลบสายตาตลอดการสนทนากับฝ่ายตรงข้าม ทางด้านอีฟนั้นก็กลับเอียงคอด้วยความสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมนากาถึงต้องบอกให้หญิงสาวเบื้องหน้าใส่เสื้อด้วยราวกับว่าตัวเธอเองไม่เห็นความสำคัญของการสวมใส่เสื้อผ้าเลยซะด้วยซ้ำ
ส่วนทางด้านหญิงสาวผมสีชมพูที่เคยเป็นมังกรตัวยักษ์นั้นก็ได้เดินตรงเข้ามามองดูนากาและอีฟใกล้ๆ ว่าพวกเขาอาจจะมีเขามังกรแบบเดียวกับเธอแต่ว่ามันอันเล็กมากจนถูกซ่อนเอาไว้ใต้ผมยุ่งๆ ของพวกเขาทั้งสองคนหรือไม่
“แล้วนี่พวกเจ้ามีธุระอะไรถึงได้เข้ามารบกวนเวลานอนของเรากันล่ะ? หลงทางเข้ามาแบบแม่หนูผมสีน้ำเงินก่อนหน้านี้หรือเปล่า? แต่ดูแล้วพวกเจ้าก็ไม่น่าจะใช่คนจากหมู่บ้านนี่นา เพราะไม่เห็นจะมีเขาบนหัวเลยนี่”
หญิงสาวผมสีชมพูได้เอ่ยปากพูดถามขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อเธอไม่พบกับเขามังกรไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือใหญ่บนศีรษะของนากาและอีฟ
แต่ว่าทันใดนั้นเองอยู่ๆ เธอก็ได้เลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยสีหน้าประหลาดใจแล้วจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ทั้งสองคนราวกับว่าอยากจะดูใบหน้าของพวกเขาให้ชัดๆ พร้อมกับเอ่ยปากพูดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“เดี๋ยวก่อนสิ… ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนพวกเจ้าก็เคยหลงเข้ามารบกวนการนอนของเรารอบนึงแล้วหรอกหรอ?”
“……!”
แปะ
แต่แล้วในขณะที่นากากำลังรู้สึกเกร็งๆ กับการเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเทพเจ้ามังกรประจำหมู่บ้านที่กำลังยื่นหน้าเข้ามาสำรวจตัวเขาใกล้ๆ อยู่นั้นเอง อยู่ๆ อีฟก็ได้ยื่นมือออกไปแปะอยู่บนศีรษะของหญิงสาวที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเทพมังกรและขยับมือไปมาเหมือนกับการลูบหัวที่นากามักจะทำให้เธอเป็นประจำจนทำให้หญิงสาวเบื้องหน้าเบิ่งตากว้างขึ้นเล็กน้อยเหมือนกับว่าเธอคาดไม่ถึงว่าจะมีใครมาทำอะไรแบบนี้ใส่เธอ
“หืม… ใจกล้าดีนี่เจ้าหนูน้อย…”
“ห—หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะอีฟ! ทำแบบนี้กับคนที่เพิ่งเคยเจอมันเสียมารยาทนะรู้มั้ย!!”
“……?”
เสียงพูดต่อว่าของนากานั้นได้ทำให้อีฟหันไปเอียงคอใส่นากาด้วยท่าทีสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นมือของเธอก็ยังคงลูบอยู่บนหัวของหญิงสาวไม่เลิกจนทำให้นากาต้องรีบดึงตัวอีฟออกมาและถอยกรูดออกไปจนติดผนังถ้ำพร้อมกับเอ่ยปากพูดขอโทษอีกฝ่ายที่น่าจะเป็นเทพเจ้ามังกรอารมณ์ร้ายที่มักจะมอบบทลงโทษถึงแก่ชีวิตให้คนอื่นได้ง่ายๆ ขึ้นมา
“ข—ขอโทษด้วยครับ!! พอดีว่าเด็กคนนี้เขาไม่ค่อยจะรู้เรื่องรู้ราวอะไร เดี๋ยวพอกลับไปแล้วผมจะสั่งสอนเธอเองครับ!!”
“หืม…”
หญิงสาวผมชมพูที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเทพเจ้ามังกรนั้นได้หรี่ตามองดูการกระทำของเด็กๆ ทั้งสองคนก่อนที่เธอจะเดินตรงเข้าไปหาพวกเขาและยื่นมือออกไปเชิดคางของอีฟขึ้นมาเพื่อมองดูหน้าของเด็กสาวให้ชัดๆ แล้วจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“แม่หนูนี่ก็แปลกคนดีนี่… แต่ว่าเล่นมาเล่นผมของเราจนยุ่งไปหมดแบบนี้ก็คงจะต้องมีการลงโทษบ้างแล้วล่ะ!”
“—!!”
คำพูดของหญิงสาวเบื้องหน้านั้นได้ทำให้นากาสะดุ้งสุดตัวและตัดสินใจที่จะรีบพาอีฟหนีออกไปจากถ้ำแห่งนี้ในทันที
แต่ว่ายังไม่ทันที่นากาจะได้ขยับตัวทำอะไร หญิงสาวผมสีชมพูเบื้องหน้าก็ได้ยื่นมือออกมาขยี้หัวของอีฟที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างแรงจนเส้นผมสีขาวสะอาดของเด็กสาวกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง
และหลังจากนั้นหญิงสาวที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเทพเจ้ามังกรก็ได้ดึงตัวอีฟออกไปจากอ้อมแขนของนากาและขยี้ผมของเด็กสาวอยู่อีกสักพักหนึ่งก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาเมื่อสีหน้าประหลาดใจของนากา
“ทำไมเจ้าถึงทำหน้าเหมือนเห็นวิญญาณอีกแล้วล่ะ? ก็เจ้าหนูนี่ทำท่าจะเล่นหัวของเราตั้งแต่แวบแรกที่เจอหน้ากันแล้วนี่ เราจะเอาคืนบ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรืออย่างไรกัน?”
“ป–เปล่าครับ…. ผมก็แค่ตกใจนึกว่าที่บอกว่าจะต้องลงโทษจะหมายถึงร่ายคำสาปใส่หรือว่าอะไรประมาณนั้นซะอีกน่ะครับ…”
“หืม? มาถึงยุคนี้แล้วเจ้ายังเชื่อเรื่องคำสาปมนตร์ดำอยู่อีกหรือ? แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง กับแค่เรื่องเด็กๆ เล่นซนแบบนี้ใครจะไปทำอะไรรุนแรงกันเล่า”
หญิงสาวที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเทพมังกรได้เอ่ยปากพูดตอบนากากลับไปด้วยน้ำเสียงที่ออกจะรู้สึกตลกอยู่นิดๆ ก่อนที่เธอจะอุ้มอีฟขึ้นมากอดเอาไว้และหมุนตัวสองสามรอบเพื่อเป็นการเล่นสนุกแล้วจึงหันกลับมาพูดถามนากาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“แล้วนี่พวกเจ้าเป็นใครมาจากไหนมีธุระอะไรถึงได้เข้ามารบกวนการนอนหลับของเรากันเล่า? ในเมื่อไม่มีเขาบนหัวแบบนี้พวกเจ้าก็คงจะไม่ได้ถูกส่งมาจากหมู่บ้านน่ารำคาญนั่นใช่หรือเปล่าล่ะ?”
“อ—อ่าครับ พอดีว่าพวกผมมาตามหาเบาะแสเกี่ยวกับเพื่อนที่หายตัวไปจากพวกชาวบ้านในหมู่บ้านที่ท่านเทพมังกรพูดถึงนั่นแหล่ะครับ แล้วพอดีอยู่ๆ อีฟเขาก็วิ่งหายเข้ามาในป่าจนพวกเราหลงเข้ามาในนี้น่ะครับ”
“คำก็เทพมังกร สองคำก็เทพมังกร เรียกเราซะเหมือนกับเจ้าพวกคนในหมู่บ้านน่ารำคาญนั่นไม่มีผิดเลย…”
คำพูดของนากานั้นได้ทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจก่อนที่เธอจะพูดแนะนำตัวเองขึ้นมา
“เอาเป็นว่าหลังจากนี้พวกเจ้าเรียกเราว่า ชิโยะ ก็พอแล้ว …แล้วก็ถ้าเกิดพวกเจ้าไม่ได้รู้สึกคลั่งไคล้ตัวเราจนตั้งตัวเองเป็นผู้ติดตามของเราตามอำเภอใจแบบเจ้าพวกข้างนอกนั่นก็ไม่ต้องเติมคำว่าท่านนำหน้าด้วยล่ะ”
“อ—เอ๋ะ— อ–อ่าครับ ถ้าพูดแบบนั้นก็ได้ล่ะครับ”
“แล้วก็ไม่ต้องมีคำสุภาพลงท้ายด้วย ฟังแล้วมันชวนให้กลับไปนอนน่ะ”
หญิงสาวเทพมังกรที่มีชื่อว่า ชิโยะ ได้เอ่ยปากพูดบ่นขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่เธอจะปล่อยมืออกจากร่างของอีฟเพื่อยืดแขนบิดขี้เกียจอีกครั้งหนึ่งจนทำให้อีฟที่เห็นแบบนั้นไม่รอช้าที่จะยืดตัวเลียนแบบอีกฝ่ายในทันที
ซึ่งชิโยะที่เห็นแบบนั้นก็ได้หันไปมองเด็กสาวที่ยังคงหลับตาอยู่ด้วยสีหน้ายิ้มๆ ก่อนที่เธอจะหันไปชี้นิ้วไปทางนากาและเอ่ยปากพูดสอบถามขึ้นมา
“แล้วเมื่อสักครู่นี้เจ้าบอกว่ามาตามหาเพื่อนที่หายตัวไปงั้นสินะ ไหนลองเล่ามาให้เราฟังสิ เผื่อว่าเราจะให้คำตอบกับเจ้าได้ไง”
“เอ๋ะ? อื้ม ได้สิ… ก็คือเรื่องมันมีอยู่ว่า….”
นากาที่ได้ยินคำพูดของชิโยะผู้เป็นเทพเจ้ามังกรของหมู่บ้านของรีซาน่านั้นได้แต่ต้องยกมือขึ้นมาเกาหัวให้กับท่าทีของอีกฝ่ายที่ดูเป็นกันเองมากกว่าจะถือตนว่าสูงส่งดั่งเช่นเหล่าเทพเจ้าในนิทานและเรื่องเล่าต่างๆ ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นเล่าเรื่องของอารอนและการเดินทางมายังหมู่บ้านของรีซาน่าให้เธอฟัง
ซึ่งทางด้านชิโยะที่ได้ยินเรื่องเล่าของนากานั้นก็ได้เอียงคอนึกอยู่ชั่วขณะก่อนที่เธอจะพูดถามขอคำยืนยันขึ้นมา
“คนที่ชื่อว่าอารอนที่เป็นคุณหมออย่างงั้นหรือ…?”
“อื้ม พวกฉันกำลังพยายามตามหาตัวเขากันอยู่น่ะ แต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรมากนักหรอกเพราะว่านอกจากคุณเบรนสันแล้วพวกชาวบ้านคนอื่นไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่เลยน่ะ”
“อื้ม…. อารอน… อารอน… ชื่อคุ้นๆ เหมือนจะนึกออกแต่ก็นึกไม่ออกแฮะ… อาจจะเป็นหนึ่งในคนที่เคยหลงเข้ามาที่นี่แล้วเราก็บอกทางออกจากป่าให้ไปเมื่อนานมาแล้วก็ได้ล่ะมั้ง… แต่จะว่าไปเจ้าบอกว่าหมู่บ้านน่ารำคาญนั่นประกาศว่าป่าแถวนี้เป็นพื้นที่หวงห้ามอย่างนั้นหรือ? ทั้งๆ ที่เจ้าพวกนั้นก็ยังส่งพวกเด็กๆ มาก่อกวนตัวเราเรื่อยๆ แบบนี้แท้ๆ น่ะนะ ช่างย้อนแย้งดีแท้…”
ชิโยะที่นั่งนึกชื่อที่ฟังดูคุ้นหูแต่ก็ฟังดูไม่คุ้นหูเธออยู่ได้สักพักหนึ่งนั้นได้ละความสนใจออกมาจากเรื่องที่เธอนึกไม่ออกและหันไปพูดถามนากาเกี่ยวกับเรื่องหมู่บ้านของรีซาน่าขึ้นมาแทน ซึ่งคำถามของเธอนั้นก็ได้ทำให้นากาต้องพูดถามกลับไปด้วยความแปลกใจ
“พวกเด็กๆ ที่ว่านี่หมายถึงผู้หญิงคนที่ถูกเรียกว่าเดรคหรือเปล่าน่ะ? ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนเลือกผู้หญิงคนนั้นมารับตำแหน่งเองหรอกหรอ?”
“ผู้หญิง? ถ้าเจ้าหมายถึงคนที่มีลักษณะภายนอกเหมือนกับเราในร่างมนุษย์แบบนี้ก็ใช่แล้วนั่นล่ะ”
ชิโยะเอ่ยปากพูดตอบนากากลับไปพลางไล่นิ้วมือไปตามลักษณะภายนอกของเพศหญิงที่เธอพูดถึงอย่างส่วนสะโพกที่ผายและเอวที่ขอดแตกต่างจากเพศชายไปจนถึงทรวงอกอวบอิ่มของเธอโดยไม่ได้สนใจสีหน้าของนากาที่เริ่มจะขึ้นสีเลยแม้แต่น้อย
“แต่ว่ายัยเด็กผู้หญิงหัวขาวน่ารำคาญคนนั้นตัวเราไม่ได้เป็นคนเลือกมาเองหรอกนะ เพราะแค่เราทำหน้าที่ดูแลสมดุลของธาตุดินก็ยุ่งจะแย่อยู่แล้ว จะไปเสียเวลาหาภาระเพิ่มแบบนั้นทำไมกันเล่า… หืม…?”
ในขณะที่ชิโยะกำลังพูดอธิบายออกมาอยู่นั้นเอง อยู่ๆ เธอก็ได้ชะงักไปเล็กน้อยและมองตรงไปทางกำแพงถ้ำด้วยสีหน้าแปลกใจจนทำให้นากาอดไม่ได้ที่จะต้องพูดถามขึ้นมา
“มีอะไรหรือเปล่าน่ะชิโยะ?”
“พอเจ้าพูดถึงเรื่องยัยหนูคนนั้นแล้วเราก็นึกขึ้นมาได้น่ะว่าดูเหมือนจะมีคนกำลังใช้พลังวิซในรูปแบบที่เราเคยสอนเด็กนั่นเอาไว้อยู่ในหมู่บ้านอยู่น่ะ ดูท่าทางยัยหนูที่ถูกเรียกว่าเดรคนั่นคงจะกำลังเตรียมตัวสู้กับอะไรจริงๆ จังๆ อยู่ล่ะมั้ง”
“เอ๋ะ? สู้จริงๆ จังๆ งั้นหรอ—!?”
คำพูดของชิโยะนั้นได้ทำให้นากาขึ้นเสียงพูดถามกลับไปด้วยความตกใจ ซึ่งท่าทีของนากานั้นก็ได้ทำให้ชิโยะต้องหันกลับมาพูดถามเขาด้วยเช่นเดียวกัน
“หืม? ทำท่าทางแบบนั้นอย่าบอกนะว่าคนที่กำลังสู้อยู่กับยัยหนูนั่นคือเพื่อนของเจ้าที่มาด้วยกันน่ะ? เห็นบอกว่าชื่อโมโกะ รีซาน่า แล้วก็เบรนสันงั้นสินะ?”
“ก็ใช่น่ะสิ!! ถ้างั้นเดี๋ยวฉันขอกลับไปที่หมู่บ้านก่อนนะชิโยะ! เดี๋ยวเอาไว้จบเรื่องเมื่อไหร่แล้วฉันจะหาทางกลับมาหาอีกทีนึงก็แล้วกัน!!”
นากาพูดตอบชิโยะกลับไปด้วยความรีบร้อนก่อนที่เขาจะรีบคว้ามือของอีฟเอาไว้เพื่อเตรียมตัววิ่งนำเด็กสาวกลับไปช่วยเหลือรีซาน่าและโมโกะที่สถานการณ์คงจะกำลังแย่ลงมากในอีกไม่ช้านี้
แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่นากาจะได้ออกตัววิ่งออกไปจากโถงถ้ำแห่งนี้ ความรีบร้อนของเขาก็กลับต้องมลายหายไปเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่ชิโยะเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“ถ้าเจ้าคิดจะกลับมาหาเราที่นี่อีกรอบล่ะก็ไม่จำเป็นหรอกนะ… เพราะว่าตัวเราเองก็จะตามเจ้าออกไปด้วยเช่นเดียวกันยังไงล่ะ”
“เอ๋ะ—?”
“จะมาแปลกใจอะไรอย่างนั้นกันเล่า เราก็แค่มีเรื่องที่จะต้องคุยกับคนที่มากำหนดเรื่องเขตหวงห้ามน่ารำคาญนี่ขึ้นมามั่วๆ ซั่วๆ ก็เท่านั้นเอง…”