Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 2
หลังจากที่นากาได้เดินนำอารอนออกมาจากบ้านของตัวเองที่ตั้งอยู่ริมชายป่าท้ายหมู่บ้านได้ไม่นานสักเท่าไหร่นัก พวกเขาก็ได้เดินทางมาจนถึงคลินิกของอารอนที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าหมู่บ้านโมริโกะของพวกเขาและได้พบเข้ากับรถกระบะขนาดใหญ่คันหนึ่งจอดอยู่ที่ด้านหน้าของคลินิก
ซึ่งนากาก็ได้เดินเข้าไปเพื่อพยายามชะโงกหน้าเข้าไปมองดูภายในห้องคนขับที่เป็นห้องโดยสารขนาดเล็กๆ สองที่นั่งด้วยท่าทีตื่นเต้นจนปิดแทบไม่มิดจนทำให้อารอนที่เห็นแบบนั้นตัดสินใจที่จะพูดอธิบายเรื่องที่เกี่ยวกับตัวรถขนาดใหญ่คันนี้ออกมาให้นากาฟัง
“เห็นเขาบอกว่านี่มันเป็นรถสำหรับขนคนขนาดเล็กที่สุดที่พวกเขาพร้อมจะให้ใช้แล้วล่ะนะ… ถ้านายสนใจล่ะก็จะลองปีนขึ้นไปนั่งบนกระบะด้านหลังดูก็ได้…”
“เอ๋? แบบนั้นจะดีหรอ?”
“อ่า… ตามสบายเลย… เพราะยังไงพวกเขาก็น่าจะล็อกห้องคนขับเอาไว้อยู่แล้วล่ะ… ส่วนกระบะด้านหลังนั่นยังไงซะมันก็เป็นที่เอาไว้สำหรับขนคนไม่ก็ขนของอยู่แล้ว… แล้วอีกอย่างหนึ่งก็ดูเหมือนว่าจะมีคนขึ้นไปซนด้านบนนั้นก่อนนายอยู่แล้วด้วย…”
อารอนพูดอธิบายขึ้นมาให้นากาฟังก่อนที่เขาจะชี้นิ้วไปยังกระบะด้านหลังรถจนทำให้นากาที่มองตามไปได้พบกับหัวทุยๆ ของเด็กสาวผมชมพูที่เขารู้จักดีกับหัวของเด็กสาวอีกคนหนึ่งที่มีเส้นผมสีน้ำตาลและหูแมวบนศีรษะที่โผล่พ้นออกมาจากขอบกระบะหลังรถขึ้นมาเล็กน้อย
“อ่ะ— พรีมูล่า! โมโกะ! นี่พวกเธออย่าขึ้นไปเล่นซนมั่วซั่วกันแบบนั้นสิ!”
“ถ้านายอยากขึ้นไปดูด้วยก็ไม่ต้องทำเป็นท่ามากแบบนั้นก็ได้น่า… เอากล่องของขวัญมาทางนี้มา… แล้วเดี๋ยวเล่นกันเสร็จเมื่อไหร่ก็ค่อยเข้าไปหาฉันด้านในคลินิกก็แล้วกัน… ส่วนฉันขอตัวไปจัดการเอกสารก่อนล่ะ…”
“อ่ะ–พี่นากามาแล้วหรอ~”
“อ้าว… ว่าไงนากา ไหงวันนี้ตื่นเช้าจังล่ะ?”
พรีมูล่าและเด็กสาวหูแมวอีกคนหนึ่งที่ได้ยินเสียงเรียกของนากาได้มุดหัวกลับลงไปในกระบะหลังรถอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่พวกเธอจะโผล่หัวกลับขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งเด็กสาวหูแมวที่มีเส้นผมสีน้ำตาลกับดวงตาสีเขียวมรกตคนนี้ก็คือ โมโกะ เพื่อนสนิทของสองพี่น้องที่ถูกพรีมูล่านำชื่อมาใช้ในแผนการหลอกพี่ชายของตัวเองจนเขาหลงกลนั่นเอง
“อรุณสวัสดิ์โมโกะ ต้องขอบคุณยัยตัวแสบข้างๆ เธอนั่นแหล่ะที่ทำให้ฉันตื่นเช้าได้ขนาดนี้น่ะ”
“แฮะๆ ~”
พรีมูล่าที่ได้ยินคำว่าขอบคุณกับชื่อของเธออยู่ในประโยคเดียวกันนั้นได้ยกมือขึ้นมาลูบหัวของตัวเองและหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยท่าทีเขินอายจนทำให้โมโกะที่รู้จักกับสองพี่น้องดีนั้นทราบได้ในทันทีว่าเด็กสาวผมชมพูคงจะไปก่อเรื่องอะไรขึ้นมาจนทำให้นากาสะดุ้งตื่นตั้งแต่เช้าแน่ๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้โมโกะได้แต่กระดิกหูแมวบนหัวของตัวเองเล็กน้อยด้วยความอยากรู้อยากเห็นจนทำให้นากาที่เห็นแบบนั้นได้แต่รู้สึกคันไม้คันมืออยากดึงหูของอีกฝ่ายขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้
แต่ถึงแม้ว่าโมโกะจะมีหูที่มีลักษณะเหมือนกับหูของแมวอยู่บนศีรษะแตกต่างจากนากา พรีมูล่า และอารอนที่มีลักษณะภายนอกเหมือนกับมนุษย์ทั่วๆ ไปแบบนั้นแต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรเลยแม้แต่น้อยในโลกใบนี้ที่มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มีหูกับหางสัตว์เหมือนกับสุนัขจิ้งจอกหรือว่าแมว หรือไม่ก็มีสิ่งที่ดูเหมือนกับเขาสัตว์งอกออกมาจากบริเวณด้านของศีรษะ
ซึ่งถึงแม้ว่าในอดีตจะเคยมีเรื่องของการเหยียดรูปลักษณ์ของพวกเขาที่แตกต่างไปจากมนุษย์ธรรมดาๆ อยู่บ้าง แต่ว่าหลังจากที่เหล่ามนุษย์ในโลกใบนี้ได้ผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย เรื่องของการเหยียดรูปลักษณ์ภายนอกก็กลับกลายเป็นเพียงประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งไป
“ลงมานี่เลยยัยตัวแสบ มาเปิดของขวัญให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับมาเล่น!”
“อ๊าาาาา โมโกะจังช่วยด้วยยย!!”
“ฮะฮะ รีบไปรีบมาก็ละกันนะพรีมูล่า~”
โมโกะที่เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าเรื่องจะลงเอยแบบนี้ได้หัวเราะไล่หลังพรีมูล่าที่ถูกพี่ชายของตัวเองดึงแก้มจนยืดออกมาพลางโบกให้พรีมูล่าเป็นการบอกลา
ซึ่งทางด้านนากาก็ได้เดินนำพรีมูล่าเข้าไปด้านในคลินิกก่อนที่เขาจะค้อมหัวให้กับนางพยาบาลผลบลอนด์ที่นั่งประจำการอยู่ที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายแล้วจึงเดินผ่านอีกฝ่ายเข้าไปยังด้านในห้องพักที่อยู่ด้านหลังเพื่อเข้าไปหาอารอนที่รออยู่ด้านใน
“อ้าว… ตามมากันเลยหรอ… ฉันยังเตรียมเอกสารไม่เสร็จเลย… กล่องของขวัญของพวกนายอยู่บนโต๊ะตรงนั้นน่ะ… เชิญเปิดกันได้ตามสบายเลย…”
“ถ้างั้นก็มารีบเปิดเจ้ากล่องของขวัญนี่กันเถอะพรีมูล่า”
“เสร็จแล้วจะได้รีบออกไปดูรถกันใช่มั้ยล่ะ…?”
“นายน่ะนั่งเขียนเอกสารไปเงียบๆ เลยนะอารอน!”
นากาที่ถูกอารอนพูดแซวขึ้นก็ได้มาหันไปโวยวายใส่อารอนเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหันกลับมาแกะกล่องของขวัญเบื้องหน้าออกและหยิบเอาด้ามมีดที่ถูกสร้างขึ้นมาจากโลหะสีเงินที่ถูกแกะสลักอย่างสวยงามและมีกระดาษเขียนชื่อพรีมูล่าแปะติดเอาไว้ออกมา
“อันนี้เหมือนจะเป็นของเธอน่ะพรีมูล่า”
“อ่ะ— นี่มันดาบของคุณแม่นี่นา~!”
พรีมูล่าที่ยื่นมือออกไปรับด้ามมีดสีเงินมาจากนากาได้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความแปลกใจและยกมันขึ้นมาส่องดูตัวคริสตัลสีขาวที่เผยออกมาให้เห็นผ่านลวดลายแกะสลักบนด้ามมีดด้วยความตื่นเต้น ในขณะที่ทางด้านนากาเองก็ได้หยิบเอาของขวัญอีกชิ้นหนึ่งที่ถูกบรรจุเอาไว้ภายในกล่องออกมาดูด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“……”
แต่ว่าเมื่อนากาได้เห็นถุงมือหนังเปิดนิ้วสีน้ำตาลเข้มที่ตรงด้านหลังฝ่ามือมีแผ่นคริสตัลสีขาวทรงกลมติดเอาไว้แล้วนั้นเขาก็ได้แต่จ้องมองมันอย่างเงียบๆ ด้วยแววตานิ่งเฉยเพราะไม่ว่าจะมองดูท่าไหนมันก็คงจะเป็นแผ่นคริสตัลวิซที่ตัวเขาเองไม่สามารถที่จะใช้งานมันได้อย่างแน่นอน ซึ่งนั่นก็ทำให้นากาได้แต่จ้องมองมันอยู่อย่างเงียบๆ อยู่สักพักหนึ่งแล้วจึงหยิบมันขึ้นมาสวมก่อนที่เขาจะหยิบเอาแผ่นจดหมายที่ถูกบรรจุเอาไว้ภายในกล่องด้วยขึ้นมาอ่านให้พรีมูล่าฟัง
“อืม… ในนี้เขียนเอาไว้ว่าเป็นของขวัญแสดงความยินดีที่เรียนจบแล้วก็—”
“เย้~ ถ้างั้นเดี๋ยวหนูขอเอาไปอวดโมโกะจังก่อนละกันนะพี่นากา~”
“เดี๋ยวก่อนสิพรีมูล่า!”
นากาที่กำลังจะอ่านข้อความในจดหมายขึ้นมาให้พรีมูล่าฟังได้แต่ร้องเรียกไล่หลังเด็กสาวผมชมพูไป แต่ว่าพรีมูล่าก็กลับไม่ได้สนใจเสียงเรียกของนากาเลยแม้แต่น้อยและพุ่งตรงออกไปด้านนอกห้องพักเพื่อที่จะได้เอาของเล่นใหม่ไปอวดให้เพื่อนสาวหูแมวของเธอดู
“ยังไม่ทันจะได้อ่านจดหมายที่คุณแม่ใส่มาด้วยเลยนะ ให้ตายสิ…”
“ฮะฮะ… ต่อให้นายไม่ได้อ่านให้ฟังแต่พรีมูล่าเขาก็น่าจะรู้อยู่แล้วล่ะมั้งว่าคุณแม่ของพวกนายจะเขียนอะไรเอาไว้ในจดหมายน่ะ…”
“เฮ้อ… ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ”
นากาถอนหายใจพูดตอบอารอนกลับไปก่อนที่ทันใดนั้นเองประตูห้องพักจะถูกเปิดออกอีกครั้งแล้วจึงมีร่างของนางพยาบาลผมบลอนด์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เลื่อนโผล่เข้ามาภายใน
“อารอน พริมจังเขาวิ่งออกไปแบบนั้นมีเรื่องอะไรหรือเปล่าน่ะคะ? จะให้ฉันตามไปจับตัวเธอกลับมาหรือเปล่า?”
“อ๋อ ยัยพรีมูล่าเขาแค่รีบวิ่งไปอวดของเล่นใหม่น่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก”
นากาที่ได้ยินคำถามของนางพยาบาลผมบลอนด์ได้พูดตอบคำถามของเธอขึ้นมาให้แทนอารอนที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาเขียนเอกสารบางอย่างอยู่ ซึ่งทางด้านอารอนที่ได้นากาพูดตอบคำถามให้แทนไปแล้วนั้นก็ได้เงยหน้าขึ้นมาพูดสั่งงานนางพยาบาลผมบลอนด์ไปแทน
“อ่า… ไหนๆ เธอก็มาแล้ว… ถ้างั้นฉันฝากเธอไปหยิบเครื่องตรวจวิซในห้องเก็บของมาให้หน่อยสิพวกเราจะได้ลองตรวจเรื่องวิซของนากาดูอีกครั้งนึงเลย…”
“ได้เลยค่ะ~”
นางพยาบาลผมบลอนด์พูดตอบอารอนกลับไปอย่างร่าเริงก่อนที่เธอจะใช้เท้าถีบกับพื้นเพื่อดันเก้าอี้ที่เธอนั่งอยู่กลับไปด้านหลังเคาน์เตอร์ที่อยู่หน้าห้องตามเดิมแล้วจึงลุกขึ้นเพื่อเดินไปยังห้องเก็บของที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ในขณะที่ทางด้านนากานั้นกลับทำหน้าซีดมองอารอนอยู่ด้วยสีหน้าสั่นสะพรึง
“อ—เอ๋ นายยังเขียนเอกสารอะไรนั่นไม่เสร็จเลยไม่ใช่หรออารอน เอาไว้รอให้วันไหนนายว่างๆ ก็ค่อยนัดฉันมาตรวจแทนก็ได้นะ!”
นากาที่รู้ตัวดีว่าตัวเองยังใช้วิซไม่ได้นั้นได้พยายามที่จะพูดจาบ่ายเบี่ยงเพื่อเลื่อนการตรวจในครั้งนี้ออกไปก่อน เพราะว่าในใจลึกๆ ของเขาเองก็ยังคงมีความหวังว่าตัวเขาจะสามารถใช้วิซได้เฉกเช่นเดียวกันคนอื่นๆ ภายในเร็ววันนี้ แต่ว่าทางด้านอารอนที่เป็นคนเสนอความคิดขึ้นมาก็ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนใจเลยแม้แต่น้อย
“ที่ฉันเขียนอยู่นี่อีกนิดเดียวเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว… แล้วไหนๆ นายก็มาที่คลินิกของฉันแล้วทั้งทีก็ตรวจๆ ไปเลยนั่นแหล่ะจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาอีกรอบไง…”
“ต–แต่ว่า—”
ฟิ้ววว——- ตึ้ง!!—โคร๊มมมม!!
แต่แล้วในขณะที่นากากำลังคิดหาข้ออ้างเพื่อที่จะได้เลื่อนการตรวจในครั้งนี้ออกไปก่อนอยู่นั้นเอง อยู่ๆ ก็มีเสียงเหมือนกับอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่พุ่งผ่านเหนือหัวพวกเขาไปก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงที่ฟังดูเหมือนกับว่ามีอะไรตกลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรงจนทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยที่พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงแม้ว่าเสียงเมื่อสักครู่จะดังมาจากที่ไกลๆ ก็ตาม
“เสียงอะไ—–”
ปึ้ง!!
เสียงของประตูที่ถูกเลื่อนเปิดออกอย่างแรงจนกระแทกเข้ากับกรอบประตูนั้นได้ดังขึ้นมาขัดคำพูดของนากาไปอีกครั้งหนึ่ง และเมื่อนากาและอารอนหันไปมองดูทางต้นเสียงพวกเขาก็ได้พบกับโมโกะที่กำลังมีท่าทีตื่นตระหนกกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องนั่นเอง
“อ่าว… มีอะไรหรอโมโ–”
“นากา! พรีมูล่าเขาวิ่งเข้าป่าไปแล้ว!!”
“หะ!?”
คำพูดของโมโกะได้ทำให้นากาผุดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ด้วยความตกใจในทันทีก่อนที่เขาจะเหลือบไปมองทางอารอนเล็กน้อยจนทำให้ชายหนุ่มผมสีขาวต้องรีบพูดบอกเขากลับมา
“นายไปเถอะ… ต่อให้ตรวจไปตอนนี้ถึงนายจะใช้วิซขึ้นมาได้จริงๆ ก็คงจะใช้ได้ไม่เต็มที่จนผลตรวจออกมาผิดเพี้ยนไปซะเปล่าๆ นั่นล่ะ… นายรีบไปตามตัวพรีมูล่ากลับมาก่อนเถอะ…”
“อ่า ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะรีบกลับมาละกันนะ โมโกะเธอนำทางไปที!”
“อื้อ!!”
โมโกะขานตอบนากากลับมาสั้นๆ ก่อนที่เธอรีบออกวิ่งเข้าไปในป่าที่ล้อมรอบหมู่บ้านของพวกเขาเอาไว้โดยมีนากาเร่งฝีเท้าตามหลังเธอไปติดๆ พร้อมกับพูดสอบถามเด็กสาวหูแมวขึ้นมาด้วย
“แล้วนี่ทำไมอยู่ดีๆ ยัยพรีมูล่าถึงวิ่งเข้าป่าไปล่ะ ไม่ใช่ว่าพวกเธอนั่งเล่นกันอยู่บนหลังรถนั่นหรือไง?”
“ก็ตะกี้นี้นายเองก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรก็ไม่รู้พุ่งลงมาแล้วก็มีเสียงระเบิดตามมานั่นใช่หรือเปล่าล่ะ เห็นยัยพรีมูล่าบอกว่าจะไปดูดาวตกอะไรสักอย่างแล้วก็รีบวิ่งเข้าป่าหายไปเลยนั่นแหล่ะ อ่ะ—เลี้ยวตรงนี้!”
“สงสัยกลับไปคราวนี้คงจะต้องดุกันจริงๆ จังๆ แล้วล่ะมั้งเนี่ย… ยังไงก็ขอบใจที่เธอตามมาด้วยนะโมโกะ”
นากาพูดพึมพำคาดโทษพรีมูล่าออกมาเล็กน้อยแล้วจึงพูดขอบคุณเพื่อนหูแมวของเขาไป เพราะถ้าเกิดว่าไม่ได้โมโกะที่เชี่ยวชาญเรื่องการเดินป่าแล้วล่ะก็เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาพรีมูล่าที่วิ่งเข้ามาในป่าลึกแบบนี้ยังไงดีเหมือนกัน
“เรื่องนั้นนายไม่ต้องคิดมากหรอกน่า ยังไงซะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันต้องมาเข้าตามแกะรอยยัยนั่นในป่าแบบนี้อยู่แล้ว…”
“หา? เมื่อกี้เธอว่าไงนะ?”
“เอ่อ—ฉันบอกว่าถ้าดูจากร่องรอยของยัยนั่นแล้วฉันว่าพวกเราน่าจะใกล้ถึงกันแล้วล่ะ… อ่ะ—ตรงนั้นนั่นไง”
โมโกะที่เผลอหลุดปากพูดความลับเรื่องที่ว่าเธอกับพรีมูล่าเคยเข้ามาเล่นซนกันในป่าออกไปนั้นได้รีบพูดแก้ตัวออกมาในทันที ก่อนที่เธอจะสังเกตเห็นหลุมตื้นๆ ขนาดใหญ่พอประมาณจำนวนหนึ่งที่เรียงตัวกันไปเป็นทางยาวจนไปสิ้นสุดที่รอยดินที่ดูเหมือนว่าจะถูกอะไรสักอย่างขูดไถลไปตามพื้นหายเข้าไปเบื้องหลังกองต้นไม้ที่ล้มลงมาระเนระนาดทับกันเป็นทาง
“ท่าทางว่าดาวตกที่พรีมูล่าพูดถึงนั่นน่าจะไม่ใช่ฝันกลางวันแฮะ… ให้ตายสิ ยัยตัวแสบนั่น… แทนที่จะเข้าไปเรียกฉันกับอารอนให้เดินทางมาพร้อมๆ กันจะได้ปลอดภัยขึ้นสักหน่อยแท้ๆ นะ”
“เอาหน่าๆ พวกเราเองก็รีบเดินตามรอยดาวตกนี่ไปกันเถอะ เพราะอย่างยัยนั่นถ้าเห็นรอยแบบนี้ก็คงจะไม่พ้นพุ่งตามไปจนสุดทางนั่นแหล่ะ”
โมโกะพยายามที่จะพูดให้นากาที่กำลังหงุดหงิดอยู่ใจเย็นลงมาบ้างก่อนที่เธอจะเดินหลบไปอยู่ทางด้านหลังของนากาเพื่อความปลอดภัยเมื่อเธอเห็นว่าตัวเองไม่น่าจะได้ใช้ความสามารถในการแกะรอยอีกต่อไปแล้ว
ซึ่งทั้งสองคนก็ได้เดินตามรอยหลุมบ่อที่เกิดจากการกลิ้งกระดอนของดาวตกไปสักพักหนึ่งพลางจับจ้องมองดูเศษซากโลหะสีดำหักๆ งอๆ หลายชิ้นที่ดูเหมือนว่าจะแตกกระจายออกมาจากชิ้นส่วนขนาดใหญ่และกำลังลุกไหม้อยู่ด้วยสายตาระแวดระวัง
และเมื่อทั้งสองคนได้เดินพ้นแนวต้นไม้ที่ล้มทับกันขวางรอยลากยาวที่เกิดจากการขูดไถลไปตามพื้นไปแล้วพวกเขาก็ได้พบเห็นพรีมูล่ากำลังยืนนิ่งอยู่ที่สุดรอยไถลนั้นตามที่คาดเอาไว้
“พรีมู—”
“เดี๋ยวก่อนนากา!!”
ในขณะที่นากากำลังจะเอ่ยปากร้องเรียกพรีมูล่าขึ้นมานั้นอยู่ๆ โมโกะที่สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างก็ได้รีบกระชากแขนของนากาเอาไว้พร้อมกับพูดห้ามขึ้นมาและชี้นิ้วไปยังบริเวณเท้าของพรีมูล่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“—!?”
นากาที่มองตามไปยังบริเวณที่โมโกะชี้นิ้วไปนั้นได้เบิ่งตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเขาได้สังเกตเห็นรอยสีแดงที่ลากยาวมาจากแอ่งน้ำสีแดงขนาดเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไปจากรอยไถลไม่ไกลและไปหยุดอยู่ที่บริเวณฝ่าเท้าของพรีมูล่า
“พรีมูล่า!?”
“อ่ะ พี่นากากับโมโกะจังมาพอดีเลย มาช่วยหนูทางนี้หน่อยสิ!”
พรีมูล่าที่ได้ยินเสียงคนร้องเรียกชื่อของตนขึ้นมาได้หันกลับมาโบกมือให้กับพวกนากาเผยให้เห็นเนื้อตัวและเสื้อผ้าของเธอที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงสดและมีรอยฉีกขาดเล็กน้อย ซึ่งสภาพของพรีมูล่าที่ถูกย้อมไปด้วยเลือดนั้นก็แทบจะทำให้นากาตกใจจนสติแทบหลุดและรีบพุ่งตัวเข้าไปจับตัวพรีมูล่ามาสำรวจดูหาบาดแผลด้วยความร้อนรนในทันที
“พรีมูล่า! เกิดอะไรขึ้นน่ะ!? เธอเจ็บตรงไหนบอกมาเลยพี่จะรักษาให้เธอเดี๋ยวนี้ล่ะ!! ถ้าเธอไม่ไหวจริงๆ พี่จะอุ้มเธอไปหาอารอนให้เอง!! หรือถ้าเกิดว่าเธอเจ็บจนไม่อยากขยับตัวพี่จะรีบไปหิ้วตัวอารอนมารักษาให้เธอเดี๋ยวนี้เลย!! อดทนหน่อยนะพรีมูล่า เดี๋ยวเธอก็หายดีแล้วนะเข้าใจมั้ย!!”
“ด—เดี๋ยวก่อนสิพี่นากา เลือดนี่มันไม่ใช่ของหนูสักหน่อยอ่ะ แล้วตัวหนูเองก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรตรงไหนด้วย”
“อ–เอ๊ะ อ่าว งั้นหรอ? เฮ้อ…”
คำตอบของพรีมูล่าได้ทำให้นากาพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกก่อนที่เขาจะเหลือบไปเห็นร่างเล็กๆ ของเด็กสาวผมสีขาวยาวสลวยในชุดเดรสสีดำประดับลวดลายสีแดงเล็กน้อยที่กำลังนอนสลบพิงต้นไม้อยู่ที่เบื้องหน้าของพรีมูล่าเข้า
ซึ่งถึงแม้ว่าตามร่างกายของเด็กสาวผมสีขาวจะเต็มไปด้วยรอยแผลเล็กๆ น้อยๆ เต็มไปทั่วร่างกายก็ตาม แต่ว่าสิ่งที่ดูแล้วน่าเป็นห่วงจริงๆ นั้นก็คือแท่งเหล็กสีดำขนาดพอประมาณที่ปักทะลุไหลซ้ายของเธอจากด้านหน้าจนทะลุออกไปทางด้านหลังนั่นต่างหาก
“เลือดพวกนี้มันเป็นของเด็กคนนี้อ่ะพี่นากา ส่วนที่กระโปรงหนูขาดนี่มันเป็นเพราะว่าหนูหาผ้ามาห้ามเลือดให้ไม่ได้ก็เลยฉีกกระโปรงมามัดให้แทนก่อนอ้ะ”
“งั้นหรอ… ทำได้ดีมากพรีมูล่า ถ้างั้นเดี๋ยวพี่ฝากเธอกับโมโกะกลับตามอารอนมารักษาเด็กคนนี้ให้หน่อยละกัน เดี๋ยวพี่จะอยู่เฝ้าที่นี่เอาไว้ให้เอง”
“เอ๋!? ไม่เอาอ่ะ หนูจะอยู่เฝ้ากับพี่นากาด้วย!”
“แต่ถ้าเธออยู่เฝ้าที่นี่ด้วยโมโกะเขาก็ต้องวิ่งกลับไปคนเดียวนะ เธอเองก็คงจะไม่อยากวิ่งฝ่าป่ากลับไปที่หมู่บ้านคนเดียวเหมือนกันใช่มั้ยล่ะโมโกะ”
“…….”
นากาที่พยายามจะพูดให้โมโกะช่วยเข้ามาพูดเกลี้ยกล่อมพรีมูล่านั้นได้ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเขาได้พบว่าโมโกะกำลังกระดิกหูแมวของเธอไปมาพร้อมกับหรี่ตามองไปยังพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้ๆ กับพวกเขาด้วยสีหน้าเหมือนกับว่ากังวลอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งสภาพของโมโกะที่ดูแปลกไปเล็กน้อยนั้นก็ได้ทำให้นากาเอ่ยปากเรียกเพื่อนสาวหูแมวของเขาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“โมโกะ…?”
“ห–หะ? อ๋อ ถ้าเกิดว่านายอยากให้ฉันตามอารอนมาถึงที่นี่ไวๆ ก็ปล่อยยัยพรีมูล่าเอาไว้ตรงนี้นี่แหล่ะ ตามไปด้วยก็เกะกะเปล่าๆ”
“ช่ายๆ เพราะงั้นเดี๋ยวหนูจะ—- เดี๋ยวสิ! นี่บอกว่าใครเกะกะกันหะ!?”
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะรีบกลับมานะนากา! นายรออยู่ตรงนี้นี่ล่ะ แล้วก็ระวังรอบๆ นี้เอาไว้ให้ดีด้วย!!”
โมโกะรีบพูดตอบนากากลับมาโดยไม่ได้สนใจพรีมูล่าที่กำลังร้อยโวยวายอยู่เลยแม้แต่น้อยก่อนที่เธอจะรีบพุ่งตัวกลับไปทางหมู่บ้านด้วยท่าทีร้อนรนจนทำให้นากาที่มองไล่หลังโมโกะไปอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยขึ้นมาและหันไปจับจ้องพุ่มไม้ที่โมโกะจ้องมองอยู่เมื่อสักครู่นี้ด้วยความสงสัย
แต่ว่าหลังจากที่เวลาผ่านไปสักพักหนึ่งนากาก็ไม่พบกับความผิดปกติอื่นใดจนทำให้เขาละความสนใจไปจากมันและหันไปมองดูบาดแผลของเด็กสาวผมสีขาวที่นอนพิงต้นไม้เบื้องหน้าอยู่แทน
“…อ…โอ๊ย…”
ในขณะที่นากากำลังก้มลงมองสำรวจดูแท่งเหล็กสีดำที่ปักคาอยู่บนไหล่ของเด็กสาวผมขาวอยู่นั้น อยู่ๆ ร่างของเด็กสาวเบื้องหน้าของเขาก็ได้ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาก่อนที่เธอจะลืมตาขึ้นมาและพยายามยันร่างของตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนทำให้นากาต้องรีบพูดห้ามปรามออกมาก่อนในทันที
“ด–เดี๋ยวสิ เธออย่าเพิ่งขยับตัวมากนักสิ ถ้าเกิดว่าแผลมันเปิดมากกว่านี้จะลำบากเอานะ”
“นั่นสิๆ เป็นเด็กดีแล้วนอนลงไปนิ่งๆ ก่อนสิ”
ปึก
เด็กสาวผมสีขาวปัดมือของพรีมูล่าที่ยื่นออกมาช่วยพยุงเธอเอาไว้ออกไปอย่างไม่ใยดีพร้อมกับยันร่างของตัวเองให้ลุกขึ้นมายืนพิงกับต้นไม้และก้มหน้าลงมองดูแท่งเหล็กสีดำที่ปักคาอยู่บนไหล่ของเธออยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่ทันใดนั้นเองเธอจะยกมือขวาของตัวเองขึ้นมาจับมันพร้อมกับกัดฟันแน่นเป็นสัญญาณว่าเธอกำลังจะดึงมันออกมาจากไหล่จนทำให้นากาที่เห็นแบบนั้นต้องรีบพูดเตือนขึ้นมาในทันที
“อย่าเพิ่งดึงมันออกนะ! ฉันสั่งให้คนไปตามหมอมาให้แล้ว เธอเองก็ใจเย็นก่อนสิ!”
“หลบไป!!”
เด็กสาวผมสีขาวไม่สนใจคำเตือนของนากาเลยแม้แต่น้อยและออกแรงดึงแท่งเหล็กสีดำออกมาจากไหล่ของตัวเองในทันทีก่อนที่เธอจะใช้มันเหวี่ยงเข้าใส่นากาอย่างรุนแรงจนทำให้เขาต้องรีบเอี้ยวตัวหลบอย่างรีบร้อน
ผลัวะ!
ถึงแม้ว่านากาจะสามารถเอียงตัวหลบแท่งเหล็กสีดำที่เด็กสาวผมสีขาวฟาดเข้าใส่ได้ทันก็ตามทีแต่ว่ามันก็ยังคงเกิดเสียงกระแทกดังตามขึ้นมาอยู่ดีจนทำให้นากาต้องรีบหันกลับไปมองทางด้านหลังของตัวเองด้วยความแปลกใจ
และนั่นก็ทำให้เขาได้พบเข้ากับร่างของหญิงสาวผมสีแดงนัยน์ตาสีเหลืองในชุดผ้าคลุมคล้ายกับนักเดินทางคนหนึ่งที่มายืนอยู่อย่างเงียบๆ ทางด้านหลังของพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบโดยที่พวกเขาไม่ทันได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
“เฮ้อ~ ตอนแรกก็กะว่าจะแอบตามมาจัดการแบบเงียบๆ อยู่แล้วนะ เอาเถอะ~”
หญิงสาวผมสีแดงพูดขึ้นมาเบาๆ ราวกับว่าแท่งเหล็กสีดำที่ฟาดโดนต้นคอของเธอจังๆ นั้นไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้แก่เธอเลยแม้แต่น้อยก่อนที่เธอจะพุ่งมือออกมาคว้าแขนของเด็กสาวผมสีขาวเอาไว้และเหวี่ยงร่างของเด็กสาวออกไปกระแทกกับต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลอย่างรุนแรง
โคร๊มมม!!
“อั๊ก!?”
“นี่เธ– ฮึ้ย–!?”
นากาที่กำลังจะวิ่งเข้าไปดูอาการของเด็กสาวผมสีขาวได้หลุดเสียงร้องออกมาเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆ หญิงสาวผมสีแดงที่ยืนอยู่ด้านหลังได้เหวี่ยงขาของเธอเตะเข้าใส่กลางลำตัวของเขาอย่างรวดเร็วจนทำให้นากาต้องรีบยกมือขึ้นมาไขว้กันเพื่อป้องกันตัวเองจากลูกเตะของอีกฝ่ายในทันที
ปึ๊ก!
ถึงแม้ว่ามันจะเฉียดฉิวจนแทบจะไม่ทันการณ์ แต่ว่านากาก็ยังสามารถที่จะยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาป้องกันลูกเตะของหญิงสาวผมสีแดงได้อย่างทันท่วงที แต่ถึงอย่างนั้นแรงกระแทกที่เกิดจากลูกเตะของอีกฝ่ายก็ถึงกับทำให้นากากระเด็นถอยห่างออกมาไกลและเกิดอาการชาขึ้นมาที่แขนตรงส่วนที่โดนลำแข้งของอีกฝ่ายหวดเข้าให้
“โฮะโฮ่~ ความรู้สึกไวดีนี่เจ้าหนู! ไหนมาลองดูสิว่าจะทนได้สักกี่น้ำน่ะ!!”
หญิงสาวผมสีแดงที่เห็นว่านากาสามารถรับลูกเตะของเธอเอาไว้ได้นั้นได้แสยะยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยปากชมนากาด้วยน้ำเสียงที่แฝงเอาไว้ด้วยความตื่นเต้นก่อนที่เธอจะพุ่งตัวตามเข้ามาปล่อยหมัดเข้าใส่นากาต่อในทันที
ฟุ๊บ!
“เฮ้ย—!?”
นากาที่ได้พบว่าหมัดของหญิงสาวผมสีแดงมีความเร็วมากกว่าลูกเตะของเธออีกนั้นได้หลุดเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับพยายามที่จะยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาป้องกันตัวเองอีกครั้งหนึ่ง แต่ว่าด้วยความที่นากาไม่ทันได้ตั้งตัวเพราะคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะตามเข้ามาโจมตีใส่ด้วยความเร็วที่มากมายขนาดนี้บวกกับความที่แขนของเขากำลังชาอยู่จากการที่เขาใช้มันเข้ารับลูกเตะเมื่อสักครู่ก็ทำให้นากาไม่สามารถที่จะยกแขนขึ้นมาป้องกันได้ทันจนทำให้เขาได้แต่กัดฟันแน่นเพื่อเตรียมรอรับความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น
“อย่าลืมว่ายังมีหนูอยู่ด้วยสิ!!”
แกร๊ก—แกร๊ก—
แต่ว่าทันใดนั้นก็ได้มีเสียงของพรีมูล่าดังขึ้นมาก่อนที่คริสตัลสีขาวบนถุงมือของนากาจะเรืองแสงขึ้นพร้อมๆ กับที่มันปลดปล่อยไอเย็นออกมาอย่างรุนแรงจนทำให้อากาศบริเวณรอบๆ ถุงมือของนากาจับตัวกันจนกลายเป็นโล่น้ำแข็งที่ติดอยู่กับหลังถุงมือของเขา ซึ่งเจ้าโล่น้ำแข็งที่โผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหันนั้นก็ได้ช่วยปกป้องร่างกายของนากาจากหมัดของหญิงสาวผมสีแดงได้อย่างทันท่วงที
ปึ๊ก!
“วิซธาตุน้ำแข็งงั้นหรอ หายากดีนี่!”
หญิงสาวผมสีแดงที่เห็นว่านากาสามารถรับมือการโจมตีของเธอได้อีกครั้งหนึ่งได้เอ่ยปากพูดชมเขาขึ้นมาก่อนที่เธอจะเหวี่ยงหมัดเข้าใส่นากาอีกครั้งหนึ่งในทันที
ปึ๊ก!! เปรี๊ยะ—!
“โล่แข็งใช้ได้นี่… แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้มีเวลามาเล่นกับแกตอนนี้น่ะนะ!”
หญิงสาวผมสีแดงที่เห็นว่าการโจมตีด้วยหมัดทั้งสองครั้งของเธอทำได้เพียงแค่สร้างรอยแตกร้าวเป็นทางยาวขึ้นมาบนโล่น้ำแข็งของนากานั้นได้พูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจเล็กน้อยก่อนที่เธอจะชักดาบสั้นเล่มหนึ่งออกมาจากภายใต้ผ้าคลุมและเหวี่ยงมันเข้าใส่นากาเพื่อหวังที่จะให้ตัวนากาและโล่น้ำแข็งของเขาขาดครึ่งไปพร้อมๆ กัน
“พี่นาการะวัง!!”
พรีมูล่าที่เห็นว่าอีกฝ่ายได้ชักอาวุธออกมาแล้วได้รีบวิ่งเข้ามาขวางหน้านากาที่มีแต่โล่น้ำแข็งเอาไว้และชักเอาด้ามมีดสีเงินที่เธอเพิ่งจะได้รับมาออกมาเบื้องหน้าและส่งวิซธาตุน้ำแข็งของเธอเข้าใส่มันจนทำให้มวลอากาศที่อยู่ตรงบริเวณด้ามมีดควบแน่นกันกลายเป็นใบดาบน้ำแข็งที่ดูทนทาน
เคร๊ง!
“พี่นากาพาเด็กคนนั้นไปหาที่หลบก่อนไป!!”
พรีมูล่าที่ใช้ดาบน้ำแข็งในมือเข้ารับดาบสั้นของผู้บุกรุกเอาไว้ได้หันกลับมาตะโกนสั่งนากาเสียงดัง ซึ่งทางด้านนากานั้นก็ไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้พกพาอาวุธอะไรมาด้วยอีกทั้งเขายังรู้ดีว่าดาบน้ำแข็งที่พรีมูล่าได้รับมาจากคุณแม่จำเป็นต้องใช้พลังวิซในการคงสภาพมันเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะสั่งให้เธอส่งมันมาและออกไปสู้เองโดยให้พรีมูล่าเป็นคนพาเด็กสาวผมสีขาวไปหาที่หลบแทนแล้ว
“โฮ่… ใจกล้าดีนี่แม่หนู แต่ว่าถ้าคิดจะใช้ลูกเล่นอะไรก็ช่วยแอบใช้ให้มันเนียนๆ หน่อยสิ!!”
หญิงสาวผมสีแดงที่ถูกเปลี่ยนตัวคู่ต่อสู้อย่างกระทันไม่ได้ให้ความสนใจนากาที่กำลังวิ่งเข้าไปหาตัวเด็กสาวผมสีขาวเลยแม้แต่น้อยพร้อมกับปล่อยมือออกจากอาวุธในมือเพื่อเดินถอยหลังไปเล็กน้อยเมื่อเธอได้พบว่าดาบสั้นในมือของเธอได้ถูกน้ำแข็งจากใบดาบน้ำแข็งของพรีมูล่าลามออกมากลืนกันมันจนเกือบจะมิดด้ามอยู่แล้ว
“พี่สาวนั่นแหล่ะผิดเองที่รู้ตัวเร็วเกินไปอ้ะ!!”
“ใช้วิซเพียวๆ รวมตัวกันเป็นอาวุธงั้นหรอ… ก็น่าสนใจดีนี่… แต่ฝีมือดาบแกจะห่วยเกินไปหน่อยมั้ย…”
หญิงสาวผมสีแดงพูดพึมพำขึ้นมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะชักเอาดาบสั้นอีกเล่มหนึ่งออกมาจากด้านใต้ผ้าคลุมและพุ่งตัวเข้าไปปะทะกับพรีมูล่าอีกครั้งหนึ่ง
“นี่เธอ เป็นอะไรหรือเปล่า!!”
ในขณะเดียวกันทางด้านนากาที่รีบวิ่งเข้าไปหาเด็กสาวผมสีขาวที่กำลังพยายามยันร่างของตัวเองขึ้นมาจากพื้นนั้นก็ได้ร้องถามเด็กสาวผมสีขาวขึ้นมาก่อนที่เขาจะยื่นมือออกไปเพื่อหวังที่จะอุ้มตัวเธอขึ้นมาพาหนีออกไปจากที่นี่
เพี๊ยะ!
แต่ว่าเด็กสาวผมสีขาวก็กลับปัดมือของนากาทิ้งไปพร้อมกับทรุดตัวลงไปนั่งพิงกับโคนต้นไม้ก่อนที่เธอจะใช้นัยน์ตาสีแดงจ้องมองดูใบหน้าของนากาอยู่สักพักหนึ่งแล้วจึงพูดถามเขาขึ้นมา
“หน้าซื่อๆ กับตาสองสีแบบนี้… นาย… ‘นากามูระ’ งั้นสินะ…”
“หือ? มันก็ใช่นั่นล่ะ แต่ว่าเธอจะเรียกฉันสั้นๆ ว่านากาเฉยๆ ก็ไ—-”
“หนวกหูน่า มันใช่เวลามั้ยเนี่ยหะ!? ถึงยัยเด็กหัวชมพูนั่นบอกว่าจะสู้ถ่วงเวลาให้ก็เถอะแต่ว่าถ้าว่าเกิดยัยหัวแดงนั่นหมดอารมณ์จะเล่นสนุกเมื่อไหร่ยัยเด็กนั่นก็จะได้ตายในพริบตานั่นแหล่ะ… แล้วฉันเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะให้มีใครมาต้องตายเพราะเรื่องส่วนตัวของฉันด้วย…”
“มันก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง!? เพราะงั้นฉันถึงได้จะรีบพาเธอหลบไปซ่อนก่อนแล้วก็ไปหยิบเอาอาวุธมานี่ไง!!”
“แล้วนายคิดว่ายัยเด็กหัวชมพูนั่นจะทนได้ถึงตอนนั้นหรือไง!?”
เด็กสาวผมสีขาวตวาดออกมาเสียงดังก่อนที่เธอจะใช้แรงที่เหลืออยู่คว้าคอเสื้อของนากาเข้ามาใกล้ๆ จนทำให้หน้าผากของพวกเขากระแทกกันอย่างรุนแรง
โป๊ก!
“ทำอะไ—”
“หุบปากแล้วมองตาฉันซะ! ห้ามเบี่ยงตาหลบเด็ดขาด!!”
คำพูดของเด็กสาวผมสีแดงที่ฟังดูจริงจังนั้นได้ทำให้นากาได้แต่ต้องยอมจ้องมองเข้าไปภายในนัยน์ตาสีแดงที่ดูเหมือนกับว่ากำลังเรืองแสงสีแดงอ่อนๆ ออกมาแต่โดยดีก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่ฟังดูไร้ซึ่งความรู้สึกดังก้องกังวานขึ้นมาภายในหัวของเขา
สิทธิในการเข้าถึง อนุมัติ
“!?”
ทันทีที่เสียงของหญิงสาวที่ดังขึ้นมาภายในหัวของนากาได้เงียบเสียงลงไป ภาพดวงตาสีแดงของเด็กสาวผมสีขาวที่นากากำลังจ้องมองอยู่ก็ได้พร่ามัวลงอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันคือภาพสีน้ำมันที่ถูกน้ำหยดลงไปก่อนที่มันจะถูกหมุนวนให้ผสมปนเปกันจนค่อยๆ กลายเป็นสีดำจนกระทั่งในที่สุดก็หลงเหลืออยู่เพียงแค่ตัวนากาเพียงคนเดียวในโลกที่ถูกย้อมจนกลายเป็นสีดำมืดนี้
นับเป็นเวลากี่ปีแล้วตั้งแต่วันที่พวกเราผ่านเหตุการณ์นั้นกันมา
“อึ๊ก—อ๊ากกก!?”
ในขณะที่นากากำลังรู้สึกสับสนกับภาพที่ดับมืดลงไปอย่างกะทันหันนั้นก็ได้มีเสียงของเด็กสาวอีกคนหนึ่งดังขึ้นมาพร้อมๆ กับที่นากาได้รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงราวกับว่ามีคนกำลังเอาลิ่มขนาดยักษ์ตอกทะลุเข้าไปด้านในกะโหลกของเขาจนทำให้นากาได้แต่กรีดร้องออกมาสุดเสียงและยกมือขึ้นมากุมหัวของตนด้วยความทรมาณ
แต่ว่าในขณะที่นากากำลังคิดที่จะยกมือขึ้นมากุมหัวของตนเองที่รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงอยู่นั้น อยู่ๆ ร่างกายของนากาก็ได้รู้สึกหนักอึ้งและหมดสิ้นเรี่ยวแรงจนทำให้ร่างของเขาทรุดลงไปนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นโดยที่นากาไม่สามารถออกแรงเพื่อขยับตัวได้เลยแม้แต่น้อย
มันราวกับเรื่องเล่าที่ฉันเคยได้ยินในสมัยเด็ก ที่ยังคงเป็นความเชื่อให้กับฉัน
เสียงของเด็กสาวคนเดิมยังคงดังขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดให้นากาได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้นนากาที่กำลังจะหมดสติไปก็กลับไม่ได้ให้ความใจกับเสียงของเธอเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าในขณะนี้ได้มีดวงแสงสีขาวที่ดูแล้วมีลักษณะเหมือนกับเด็กสาวคนหนึ่งปรากฏขึ้นมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ เขาพร้อมกับยื่นมือของเธอออกมาหานาการาวกับว่าต้องการที่จะปลอบประโลมเขาจากความเจ็บปวดนี้
ในวันที่เวทมนตร์ได้เป็นอิสระและกลืนกินดวงดาว แต่ถึงแบบนั้นพวกมันจะคงยังแพรวพราวไม่ได้จากไปไหน
นากาที่เห็นร่างแสงของเด็กสาวเบื้องหน้าได้พยายามที่จะยกมืออันหนักอึ้งของตัวเองขึ้นมาสัมผัสกับมือของอีกฝ่ายที่กำลังยื่นตรงมายังเขาด้วยความยากลำบากท่ามกลางความรู้สึกหลากหลายที่อยู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของเขาไม่ว่าจะเป็นความสุข ความโหยหาย ความเคียดแค้น ความเกลียดชัง
แต่ว่าสิ่งที่เขาสามารถสัมผัสได้ชัดเจนที่สุดท่ามกลางความรู้สึกที่ปนเปกันไปนั้นก็คือความโศกเศร้าอันแสนหนักอึ้งราวกับว่าเขาเพิ่งจะสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาไป
“ไม่นะ… อย่าเพิ่งไป…”
นากาที่ขยับมือของเขาไปสัมผัสกับมือของร่างแสงเบื้องหน้าได้พูดพึมพำออกมาด้วยความสับสนและโหยหาเพราะว่าในทันทีที่มือของเขาสัมผัสเข้ากับฝ่ามืออีกฝ่าย ร่างของเด็กสาวที่เป็นดวงแสงส่องสว่างก็ได้แตกสลายกลายเป็นละอองแสงเม็ดเล็กๆ ฟุ้งกระจายไปทั่วโลกที่มืดมิดใบนี้
แต่ว่ามันก็เหมือนกับนิทานเรื่องหนึ่งที่เธอเคยเล่าให้ฉันฟัง…
แต่ก็เหมือนว่าคำอธิษฐานของนากาจะสัมฤทธิผลเมื่อละอองแสงเม็ดเล็กๆ ที่เคยเป็นร่างของเด็กสาวได้พุ่งเข้ามาเกาะกลุ่มกันอีกครั้งหนึ่งจนกลายเป็นแสงสว่างรูปร่างเหมือนกับดาบเล่มหนึ่งที่กำลังลอยตัวอยู่นิ่งๆ และส่องแสงสว่างจ้าตัดผ่านความมืดมิดรอบกายตรงมายังร่างของเขา
ซึ่งถึงแม้ว่าร่างกายของนากาจะยังคงเจ็บปวดจนแทบจะขยับตัวไม่ได้ แต่ว่าเขาก็สามารถรับรู้ถึงสิ่งที่เขาจะต้องทำเป็นอย่างดีเขาจึงค่อยๆ พยายามยันร่างของตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างยากลำบากและยื่นมือออกไปคว้าเอาดวงแสงที่มีรูปร่างเหมือนกับดาบเล่มนั้นมาถือเอาไว้ในมือโดยไร้ซึ่งความลังเล
ไม่ว่าอุปสรรคเบื้องหน้าจะหนักหนาสักเพียงใด…
ในชั่วพริบตาที่มือของนากาสัมผัสเขากับแสงสว่างรูปร่างเหมือนกับดาบนั้นความเจ็บปวดและความรู้สึกอันแรงกล้าต่างๆ ที่เขาสัมผัสได้เมื่อสักครู่ก็เหมือนกับว่าจะถูกปัดเป่าจนหายไปหมดสิ้น พร้อมๆ กับที่ละอองแสงที่ก่อตัวเป็นรูปร่างของดาบได้ส่องแสงสว่างจ้าออกมาย้อมโลกที่มืดมิดทั้งใบให้กลายเป็นสีขาวโพลนและหลงเหลือเอาไว้เพียงดาบเหล็กสีเทาที่บริเวณใบดาบเกือบครึ่งหนึ่งถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสดในขณะที่ตัวนากาเองก็ได้พูดพึมพำชื่อของดาบที่เขาเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกขึ้นมา
“ความปรารถนาของเธอจะเป็นจริง… เฟเบิล… ดรีมเมอร์….”
ในทันทีที่ชื่อของดาบสีเทาเปื้อนเลือดหลุดออกมาจากปากของนากาโลกที่ถูกย้อมไปด้วยแสงสว่างขาวโพลนรอบกายของนากาก็ค่อยๆ ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันต่างๆ อีกครั้งหนึ่งจนในที่สุดรอบกายของนากาก็กลับมาเป็นภายในป่าริมหมู่บ้านโมริโกะอีกครั้งหนึ่งโดยมีเสียงของเด็กสาวอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่เสียงของหญิงสาวที่เขาได้ยินในความมืดมิดดังแว่วขึ้นมาในหัวของเขาอย่างแผ่วเบา
มันเป็นเรื่องโง่งมหรือเปล่า ที่ฉันจะเชื่อในคำโกหกพวกนั้น?