Complete Martial Arts Attributes – คุณสมบัติแห่งนักสู้ - ตอนที่ 113
บทที่ 113: แผ่นหลัง!
ทวีปซินหวุ่นั้นเป็นชื่อของทวีปหลักในโลกนี้
ณ เมืองที่กว้างใหญ่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีปซินหวี่
ในขณะนี้ ในใจกลางเมือง ในวังขนาดใหญ่ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็กําลังนั่งไขว่ห้างอยู่กลางห้องโถง มันมีกระดองเต่าที่ดูโบราณวางอยู่ตรงหน้าเขาและมีขนาดเท่าฝ่ามือของเขา
เขาเคาะกระดองเต่าอย่างช้าๆและเบาๆ มันให้เสียงเคาะที่ดังก้องและชัดเจน
ดวงดาวส่องแสงระยิบระยับในดวงตาของเขาราวกับว่ามีจักรวาลซ่อนอยู่ในนั้น และทันใดนั้น ดวงดาวที่หมุนรอบตัวและมิติรอบๆตัวเขาก็เริ่มถอยกลับ
วินาทีถัดมา ชายหนุ่มก็หลับตาลงอย่างกะทันหันขณะที่เลือดสองเส้นทิ้งรอยยาวไว้บนแก้มของเขา ผมสีดําของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวเหมือนหิมะในเสี้ยววินาที ราวกับว่าพลังทั้งหมดของเขาถูกดูดออกไป
“เกิดอะไรขึ้น?” เสียงที่เข้มงวดและกระวนกระวายเล็กน้อยดังขึ้นในความมืด
ชายหนุ่มโบกมือให้เขา หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เยาะเย้ยว่า “มันจะเกิดอะไรขึ้นกับคนใกล้ตายอย่างฉันได้อีกล่ะ?”
” นาย..”
ชายในความมืดสูดหายใจเข้าลึกๆ น้ําเสียงของเขากลับมาดูเคร่งขรึมอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ถามว่า “นายเห็นอะไร? บอกฉันมาตามตรง!”
“ฉันเห็นแผ่นหลัง”
“แผ่นหลัง? แค่นั้นเองหรอ?”
“แผ่นหลัง แผ่นหลังของดาบที่สามารถฆ่าผู้อมตะและปีศาจ ดาบที่สามารถตัดทางช้างเผือก และหมัดที่สามารถทําลายดวงอาทิตย์…”
“เป็นไปไม่ได้”
“หึม คุณก็แค่ไม่อยากจะเชื่อโลกของเรา… คนๆนั้นอาจเป็นความหวังสุดท้ายของเรา”
“เขาจะทําคนเดียวได้ยังไง?”
“ให้ฉันให้คําแนะนําที่จริงใจแก่นายนะ ปล่อยฉันไปได้ไหม”
คนในความมืดเงียบไป
“ฮีม ฉันกําลังจะตาย ฉันไม่สามารถทําอะไรได้อีกแล้ว” ชายหนุ่มเย้ยหยัน
“นายยังเป็นน้องชายของฉัน หากนายออกไปข้างนอก นายก็จะไม่สามารถเอาตัวรอดได้ด้วยร่างกายที่อ่อนแอของนายแน่ๆ ดังนั้นฉันก็จะปล่อยให้นายออกไปตายไม่ได้”
“ฉันก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนที่ตายแล้ว มันไม่สําคัญหรอกว่านายจะให้ฉันไปหรือไม่ ทําไมนายถึงไม่ให้ฉันได้ออกไปมองโลกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตายล่ะ? มันกําลังจะ…”
“พอแล้ว!” ชายในความมืดตะโกนด้วยเสียงต่ํา จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและพูดว่า “ลืมมันไปเถอะ นายไปได้แล้ว นายสามารถกลับมาที่นี่ได้ทุกเมื่อที่นายต้องการ ที่นี่จะเป็นบ้านของนายตลอดไป”
“คนคนนั้น ห้ามไปมีปฏิสัมพันธ์กับเขา!” ชายหนุ่มกล่าวประโยคทิ้งท้ายนี้และเก็บกระดองเต่าไป เขาไม่มีอะไรอื่นที่เขาต้องการจะเก็บไป จากนั้นเขาก็เดินโซเซออกจากห้องโถงไป…
เขาจะไม่กลับมาอีก!
“ไปกันเถอะ” หลินซานกล่าวขณะที่พวกเขายืนอยู่ที่ด้านล่างของหอคอยสูง
มันมีบันไดยาวทั้งสี่ทิศของหอคอยสูง พวกเขาปืนลงบันไดและเดินไปในระยะไกล
ไม่นานพวกเขาก็ผ่านประตูไป ทันใดนั้นโลกใบใหม่ก็ปรากฎเข้ามาในวิสัยทัศน์ของหวังเต็ง ถนนที่เจริญรุ่ง เรื่องพร้อมกับออร่าที่แปลกใหม่ต้อนรับเข้าสู่การผจญภัยครั้งใหม่
นี่เป็นเมืองขนาดยักษ์ที่สร้างขึ้นมาจากเหล็ก ทั้งเมืองดูเหมือนจะอยู่ในยุคกลาง แต่มันก็ไม่มีผลิตภัณฑ์ไอน้ําใดๆ
อาคารในเมืองมีลักษณะที่แตกต่างไปจากปกติ กระนั้นมันก็สามารถพบร่องรอยของสถาปัตยกรรมแบบโลกได้ การผสมผสานของสองสไตล์ที่แตกต่างกันนั้นส่งผลให้เกิดการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร
ผู้คนบนท้องถนนต่างแต่งกายอย่างโดดเด่น และการแต่งกายของพวกเขาต่างจากมนุษย์บนโลกอย่างสิ้น เชิง อย่างไรก็ตาม มันก็สามารถเห็นคนที่ใส่ชุดรบได้เป็นครั้งคราว
“ทําไมผู้หญิงคนนั้น..” หวังเต็งตกตะลึงเมื่อเห็นหูของผู้หญิงที่เดินผ่านมา
“นี่คือหญิงสาวจากชาวกระต่ายแห่งเผ่าออร์ค น้องหวัง.. ดูเหมือนว่าพวกเราจะเป็นพวกเดียวกันนะ นายสังเกตเห็นเธอได้อย่างรวดเร็ว” หยานจินหมิงวางแขนบนไหล่ของหวังเต็งและหัวเราะเยาะ
“พี่ อย่าทําให้หวังเต็งหลงไปในทางที่ผิดสิ” หยานจินเยว่ไม่พอใจ
“นั่นจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ฉันกําลังคุยเรื่องปรัชญาชีวิตกับเขา” หยานจนหมิงตอบ
หวังเด็งพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ถามว่า “มันมีเผ่าพันธุ์อื่นในทวีปซินหวู่อีกไหม?”
“แน่นอน สถานที่แห่งนี้นั้นแตกต่างจากโลกมาก เมื่อนายไปที่สาขาของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินในเมืองนี้แล้ว นายก็จะสามารถเรียนรู้ความรู้พื้นฐานบางอย่างเกี่ยวกับทวีปซินหวี่ได้”
หลินซานขับรถออกจากที่จอดรถหลังจากที่เขาพูดจบ จากนั้นเขาก็พาทุกคนมาที่สาขาของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินในเมืองนี้
ในรถ สมาชิกในทีมอีกห้าคนสามารถบอกได้ว่าหวังเต็งนั้นมีคําถามมากมายในใจ พวกเขาเริ่มอธิบายให้เขาฟังโดยไม่หยุด
ตัวอย่างเช่น เผ่าพันธุ์ในทวีปซินหวี่ ภาษาที่นี่…
มันมีเผ่าพันธุ์มากมายในทวีปซินหวี่ มันไม่ได้มีแค่พวกออร์คเท่านั้น มันยังมีเผ่าคนแคระ,เผ่ายักษ์,เผ่าเงือกและอื่นๆอีกมากมาย
ด้วยเผ่าพันธุ์มากมาย ดังนั้นมันจึงมีหลายภาษาโดยธรรมชาติ และมันก็ค่อนข้างซับซ้อน
แน่นอนว่ามันยังมีภาษาที่ใช้กันทั่วไปในทวีปนี้อีกด้วย ซึ่งมันก็เป็นภาษามนุษย์
หวังเต็งอําปากค้างด้วยความประหลาดใจ
ออร์ค? คนแคระ? ยักษ์? สิ่งเหล่านี้มีอยู่ในนวนิยายเท่านั้นไม่ใช่หรอ?
มันมีเผ่าพันธุ์แบบนี้ในวีปซินหวู่จริงๆอย่างงั้นหรอ!
“นายคงจะตกใจมากสินะ ในตอนที่ฉันมาที่นี่เป็นครั้งแรก ฉันก็สงสัยว่าเราได้หลุดมาอยู่ในนิยายแล้วเหมือนกัน” หลิวหยานกล่าว
“แล้วเราจะพูดคุยกับคนที่นี่ได้ยังไงหรอ?” หวังเต็งถาม
“อย่ากังวลไป มันมีวิธีแก้ปัญหา” หลิวหยานทําให้เขาต้องสงสัย
“ฉันยังมีคําถามอื่นอีก เนื่องจากเรามีความสัมพันธ์อย่างสันติกับซินหวี่ งั้นทําไมเราถึงสามารถเข้าไปในทวีปซินหรูได้ แต่ผู้คนจากที่นี่ถึงไม่สามารถมายังโลกได้กัน?”
คําถามนี้รบกวนจิตใจของเขามานานแล้ว
“นั่นเป็นเพราะว่าผู้คนที่นี่ไม่สามารถผ่านรอยแยกมิติไปได้ยังไงล่ะ ผู้ทรงพลังจากทวีปซินหวุ่มากมายหลาย คนเคยพยายามที่จะฝ่าออกไป แต่พวกเขาก็ไม่ประสบความสําเร็จ และซ้ําร้ายที่พวกเขายังถูกบดขยอย่างรุนแรงจนเกือบเสียชีวิต” หลินซานกระโดดเข้าร่วมการสนทนา
“นั่นมันอะไรกัน?” หวังเต็งยิ่งงงเข้าไปใหญ่
“คําตอบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เรามีสิทธิ์จะรู้” หลินซานยิ้มอย่างขมขื่น
“นี่คือเหตุผลว่าทําไมทั้งสองโลกถึงได้สงบสุขอย่างงั้นหรอ?” หวังเด็งถามอีกครั้ง เขาเป็นเหมือนเด็กสงสัยที่มีคําถามไม่รู้จบเกี่ยวกับทวีปซินหวี่
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก มันยังมีเหตุผลอื่นอีกด้วย” หลินซานตอบ จากนั้นเขาก็คิดอะไรบางอย่าง และการแสดงออกของเขาก็ดูน่าเกลียดไปเล็กน้อย เขาไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม
หวังเต็งถอนหายใจอย่างลับๆและหยุดสํารวจ เขาเพียงแค่จ้องมองไปยังทิวทัศน์ภายนอกรถ
อารยธรรมของทวีปซินหวี่ทั้งหมดนั้นดูเหมือนจะยังอยู่ในยุคเหล็ก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อม,อาคารหรือบรรยากาศ มันไม่ได้ดูก้าวหน้าเท่าโลก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการปรากฏตัวของพลังฟอร์สและอักษรรูน สิ่งก่อสร้างที่ดูล้ํายุคจึงสามารถพบเจอได้เป็นครั้งคราว
ตัวอย่างเช่น รถเหล็กที่แล่นไปมาตามถนน และเรือเหาะพลังฟอร์สที่บินไปมาในอากาศอย่างอิสระ…
มันให้ทั้งความรู้สึกโบราณและสมัยใหม่ไปในเวลาเดียวกัน!
โอ้พระเจ้า นั่นคงจะเป็นสาวงามจากเผ่ามนุษย์จิ้งจอก รูปร่างของเธอนั้นดีมาก และเธอก็ดูเซ็กซี่มาก…
ก่อนที่รถจะหยุด หวังเต็งก็จดจําสาขาของสถาบันอสอนศิลปะการต่อสู้จีซินได้
หม รูปทรงอาคารที่ไม่คาดคิดนั่น!
ทุกคนลงมาจากรถและเดินเข้าไปในอาคารของสสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินหลินซานพาหวังเต็งไปที่อาคารหลักโดยตรง
อาคารหลักของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้นั้นแตกต่างจากที่อื่นๆบนโลก ที่นี่มันดูเหมือนศูนย์กระจายสินค้ามากกว่า มันมีนักสู้หลายคนจากสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินมารวมตัวกันที่นี่ พวกเขากําลังพักผ่อน,เล่น,รับภารกิจและบางคนก็ถึงกับนั่งขายของที่ได้มาจากการต่อสู้
การมาถึงของหลินซานและทีมของเขาได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนในห้องโถง
พวกเขาทั้งหมดเป็นนักสู้จากสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน ดังนั้นพวกเขาจึงรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
“เฮ้หลินซาน นายพาน้องใหม่มาด้วยหรอ?”
“น้องใหม่คนนี้ดูเด็กไปหน่อยแฮะ เขากลายเป็นนักสู้ตั้งแต่อายุยังน้อยอย่างนั้นหรอ?”
“หรือว่าเขาจะเป็นนายน้อยจาตระกูลที่ร่ํารวย?”
เสียงดังมาจากทุกทิศทุกทาง ด้วยน้ําเสียงที่ดูถูกเหยียดหยามและเยาะเย้ย พวกเขาก็ไม่สนใจความรู้สึกของหวังเต็งเลย
“อย่าไปฟังพวกเขา พวกเขาทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละ พวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรหรอก!” หลินซานพูดกับหวังเด็ง จากนั้นเขาก็ตะโกนใส่คนเหล่านั้นว่า “พวกนายรู้อะไรไหม? นี่คือปราชญ์ชั้นยอดแห่งการสอบ ศิลปะการต่อสู้ของตงไห้ในปีนี้ อาจารย์ใหญ่ของเราได้บอกให้ฉันพาเขามาด้วยเป็นการส่วนตัว”