Complete Martial Arts Attributes – คุณสมบัติแห่งนักสู้ - ตอนที่ 93
บทที่ 93: ฉันมีพรสวรรค์!
ณ บ้าน ป้าเฉินทําอาหารเช้าเสร็จแล้ว หวังเตั้งและครอบครัวของเขานั่งลงและรับประทาน อาหารเช้าด้วยกัน
“ อะไรนะ? ลูกชายของเราเป็นนักสู้หรอ?”
หวังเฉินกั่วเกือบจะสําลักอาหารในปากของเขาราวกับว่าเขาได้ยินข่าวที่น่าตกใจบางอย่างเขาจ้องไปที่หลี่ซิ่วเหม่ยด้วยความประหลาดใจ
“ ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน คุณก็สามารถถามลูกชายของคุณเองก็ได้”หลี่ซิ่วเหม่ยกล่าว
“ ลูก แม่ของลูกกําลังโกหกฉพ่อใช่ไหม?”หวังเฉินกั่วจ้องมองไปที่หวังเต็งโดยไม่กระพริบตา
หวังเต็งไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่ยื่นนิ้วออกมาจากนั้นพลังฟอร์สธาตุไฟก็ได้ปรากฏขึ้นที่ป ลายนิ้วของเขาเปลวเพลิงแผดเผาอย่างเงียบงันในอากาศ มันเป็นปรากฏการณ์ที่ทําให้ทั้งสามคนตกใจมาก
“ พลังฟอร์ส ลูกเป็นนักสู้จริงๆ!”
“ แต่ลูกกลายเป็นนักสู้ได้ยังไงกัน?มันผ่านไปแค่ไม่กี่วันเองตั้งแต่ที่ลูกเริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้” เขายังคงไม่เชื่อ
ประเด็นคือเวลาที่หวังเต็งใช้
ทุกคนรู้ว่าการฝึกศิลปะการต่อสู้นั้นเป็นเส้นทางที่ยากลําบากมันมีผู้คนมากมายที่ติดแหงกอยู่ ที่ระดับศิษย์นักสู้และไม่สามารถกลายเป็นนักสู้ได้แม้ว่าจะใช้เวลาไปทั้งชีวิตก็ตาม
อย่างไรก็ตา ตอนนี้หวังเต็งก็ได้ผ่านขั้นตอนที่ยากลําบากนั้นมาแล้วนี่มันเป็นไปได้ยังกัน?
ในทันใดนั้นเอง หวังเฉินกั๋วก็นึกถึงกลุ่มกําปั้นเหล็กที่เงียบงันในทันใดหรือว่าเด็กคนนี้
ไม่เป็นไร เขากลายเป็นนักสู้แล้ว ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถตัดสินการกระทําของเขาได้เหมือนคนปกติ
คนเหล่านั้นก็เลวเหมือนกัน
“ พ่อจะเชื่อไหมถ้าผมบอกว่าผมได้พบกับชายชราคนหนึ่งที่รับผมเป็นศิษย์ของเขาอย่างไม่เต็มใจเพราะเขาสังเกตเห็นว่าผมมีพรสวรรค์อย่างมากในการฝึกศิลปะการต่อสู้? เขาให้ทักษะที่น่าเกรงขามกับผม และนั่นก็เป็นวิธีที่ผมสามารถพัฒนาได้เร็วขนาดนี้”หวังเต็งตักข้าวเข้าปากขณะโม้
“ เด็กคนนี้พูดเรื่องไร้สาระอีกแล้ว” หลี่ซิ่วเหม่ายกลอกตาใส่เขา
หวังเฉินกั่วเองก็พูดไม่ออกเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อลูกชายของเขา
“ มันมีเพียงคําอธิบายเดียวเท่านั้น ผมมีพรสวรรค์และเป็นแบบโครตพ่อโครตแม่พรสวรรค์ด้วย!” หวังเต็งกล่าวอย่างช่วยไม่ได้
“ แท้จริงแล้วลูกชายของฉันเป็นอัจฉริยะหรอเนี่ย อย่างที่คาดไว้เลย” หวังเฉินกั่ว พยักหน้า ด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
“ ลูกของคุณหมายความว่ายังไง?เขาไม่ได้ออกมาจากครรภ์ของฉันรีไง?” หลี่ซิ่วเหม่ยปฏิเสธ ที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ เธอจ้องไปที่สามีของเธอและพูดต่อ*หากไม่มีสายเลือดที่โดดเด่นของฉันตระกูลหวังของคุณจะไปมีลเด็กที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ได้อย่างไร?”
หวังเต็งมองไปที่ทั้งคู่ขณะที่พวกเขาคุยโวเกี่ยวกับสายเลือดที่โดดเด่นของพวกเขา พวกเขา ยังคงดึงบรรพบุรุษของพวกเขาออกมาเป็นตัวอย่าง
คนหนึ่งกล่าวว่าตระกูลหลี่ของพวกเขาเคยดูแลเจ้าหน้าที่ผู้มีอํานาจในอดีตในขณะที่อีกคนให้เหตุผลว่าตระกูลหวังของพวกเขามีบรรพบุรุษที่ยอดเยี่ยมมาก
มันไม่มีใครรู้ว่าพวกเขากําลังพูดเกินจริงหรือไม่แต่หวังเต็งก็รู้สึกว่าระบบจะไม่มีความสุขอย่างแน่นอนถ้ามันเข้าใจที่พวกเขากําลังพูด
ฮ่ม!
มื้อเช้ามีชีวิตชีวามาก หลี่ซิ่วเหม่ยใช้โอกาสนี้บอกหวังเฉินกั่วว่าเกิดอะไรขึ้นในบริษัทในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
“ ไอ้ขี้ขลาดเปาเจ๋อชิงนั่น มันไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงต่อหน้าฉันด้วยซ้ําแต่พอฉันมีเรื่องนิด หน่อย มันก็พุ่งออกมาเหมือนคางคกและก่อให้เกิดปัญหาดูเหมือนว่าฉันจะต้องไปคิดบัญชีกับมันซะแล้วสิ”
หวังเฉินกั่วไม่ใช่คนที่จะยอมให้โดนรังแกง่ายๆคราวนี้เขารู้สึกโกรธมันอย่างแท้จริง
“ เจียกุ่ยเหลินด้วย ฉันปฏิบัติต่อมันเป็นอย่างดีฉันเลื่อนตําแหน่งให้มันและให้หุ้นมัน แต่มัน กลับช่วยคนอื่นลับหลังฉันเพื่อทําลายบริษัทของเราไอ้คนเนรคุณนั่น!”
เมื่อเขาพูดถึงเจียยุ่ยเหลิน หวังเฉินกั่วก็รู้สึกโกรธขึ้นมาในทันทีความรู้สึกที่ถูกหักหลังนั้นทําให้เขารู้สึกอึดอัดราวกับว่ามันมีบางอย่างกดทับที่หัวใจของเขา
“ ลืมมันไปเถอะ อย่าโกรธจนเกินไป อย่างน้อยลูกชายของเราก็สามารถกอบกู้สถานการณ์ได้ คุณไม่รู้หรอกว่าทุกคนหวาดกลัวแค่ไหนในตอนนั้นพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเต็งน้อยด้วยซ้ํา และครั้งนี้มันก็เป็นกําไรสําหรับเราเช่นกันเราสามารถเห็นลักษณะที่แท้จริงของพวกเขาได้และทําให้เรารู้ว่าใครน่าเชื่อถือและใครไม่น่าเชื่อถือ” หลี่ซิ่วเหม่ยกล่าว
“ คุณพูดถูก นี่เป็นโอกาสที่ดีในการทําความสะอาดคนในบริษัทเราจะต้องเอายะออกไปและ แทนที่มันด้วยเลือดรุ่นใหม่”หวังเฉินถั่วพยักหน้าเห็นด้วย
พวกเขาคุยกันแบบสบายๆสักพักก่อนจะกลับไปพักผ่อน
หวังเฉินกั่วและหลี่ซิ่วเหม่ยไม่ได้นอนอย่างเพียงพอมาหลายวันแล้วดังนั้นพวกเขาจึงต้องการเวลาพักผ่อนเป็นอย่างมากและหากพวกเขาไม่พักผ่อนเร็วๆนี้ร่างกายของพวกเขาก็อาจจะพังทลาย
ในตอนเที่ยงหวังเต็งตื่นขึ้น เขานอนอยู่บนเตียงและรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“ เห้อ!”
เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว
หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ เขาไม่มีเวลาพักผ่อนและสัมผัสกับความสุขในการเก็บ ค่าคุณสมบัติ
เขาบินลงจากเตียงแล้วเปิดผ้าม่านออก แสงแดดส่องเข้ามาในห้องมันส่องมาที่เขาเล็กน้อยเขาลืมตาขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เมื่อพูดถึงค่าคุณสมบัติ เมื่อเขาฆ่าสมาชิกของกลุ่มกําปั้นเหล็กเขาก็ได้เก็บค่าคุณสมบัติมามาก มาย
พลังวิญญาณ*3
ความรู้แจ้ง*1.5
ตอนนี้ความรู้แจ้งของเขาได้มาถึง 98.5และค่าพลังวิญญาณของเขาก็อยู่ที่ 95 แล้ว พวกมันทั้งคู่ใกล้จะถึงร้อยแล้ว
หวังเต็งรู้สึกตื่นเต้นในทันที การเปลี่ยนแปลงอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อค่าคุณสมบัติทั้งสองมาถึง 100 คะแนน?
ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่กณเป็นค่าคุณสมบัติความแข็งแกร่งและความเร็วท้ายที่สุดแล้ว คนเหล่า นั้นก็เป็นเพียงศิษย์นักสู้
ส่วนใหญ่ใช้ทักษะดาบ ทักษะมีด ทักษะหมัดและเทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐานอื่นๆ หวังเต็งได้มาถึงจุดสูงสุดสําหรับทักษะเหล่านี้แล้วดังนั้นค่าคุณสมบัติเหล่านี้จึงไม่ดรอปออกมา
อย่างไรก็ตาม มันก็มีสิ่งหนึ่งที่ทําให้หวังเต็งต้องประหลาดใจการฆ่าคนนั้นก็ดรอปค่าคุณสมบัติเปล่าออกมาเช่นกัน
ค่าคุณสมบัติเปล่า*8
นี่เป็นค่าคุณสมบัติเปล่าที่สมาชิกกลุ่มกําปั้นเหล็กดรอปออกมาแม้มันจะเล็กน้อยแต่มันก็ทําให้หวังเต็งมีความสุข
พวกมันทั้งหมดเป็นคนดี
ตอนนี้เขามีค่าคณสมบัติเปล่าทั้งหมด 35 คะแนนเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจที่จะเก็บมัน
ตั้งแต่ฉันยังเด็ก ครูของฉันก็มักจะสอนเราถึงนิสัยการออมที่ดี
สําหรับค่าพลังวิญญาณและความรู้แจ้งของเขา เขาก็สามารถไปรับมันที่โรงพยาบาลจิตเวชและสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้เพื่อรวบรวมพวกมันได้เขาต้องการอีกเพียงไม่กี่คะแนนเท่านั้นเพื่อให้มันไปถึง 100 คะแนน
เขามองหน้าต่างค่าคุณสมบัติอีกครั้งก่อนจะลงไปชั้นล่างหลี่ซิ่วเหม่ยและหวังเฉินกั่ว
ได้ตื่นขึ้นแล้ว
“ พ่อแม่ทําไม่รีบตื่นจัง? ทําไมพวกคุณไม่นอนให้มากกว่านี้ล่ะ”หวังเต็งถาม
“ เราแก่แล้ว เรานอนไม่นานกันหรอกนะ”หวังเฉินกั่วตอบ
“ ผู้เฒ่า” หวังเต็งเลิกคิ้วและหยอกล้อพวกเขา
“ ไม่!”
“ ใช่ แต่แม่ของลูกยังเด็กอยู่” หลี่ซิ่วเหม่ยพูดขณะที่เธอเดินออกจากห้องครัวพร้อมกับจาน
“ ผมกําลังพูดถึงพ่อ ส่วนแม่น่ะเหมือนอายุ 18 ตลอดไป”หวังเต็งยกย่องเธอ
“ ลูกใช้คําว่า “ผู้เฒ่า” ได้อย่างราบรื่นเลยนะ แม่ไม่เชื่อลูกหรอก”หลี่ซิ่วเหม่ยเหลือบมองเขาจากหางตา
หวังเต็งพูดไม่ออก เขาเคยเรียกพวกเขาแบบนี้[1]แต่แม่ของเขายังคงพบข้อผิดพลาดในคําพูด ของเขาอย่างที่คาดไว้ผู้หญิงล้วนแต่เป็นคนใจแคบ
พวกเขาไม่สามารถยั่วยุพวกเขาได้
หวังเฉินกั่วหัวเราะอย่างลับๆ
“ โอ้ใช่ ผลการสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ของลูกคน่าจะออกแล้วใช่ไหม”ทันใดนั้นเขาก็จํา สิ่งนี้ได้และถามหวังเต็ง
ในตอนแรกเขาก็ไม่มีความหวังใดๆ อย่างไรก็ตาม หวังเต็งก็ได้กลายเป็นนักสู้ไปแล้ว ดังนั้นการสอบนี้จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรสําหรับเขา
หากหวังเต็งไม่ได้อยู่ในอันดับสูงสุด เขาก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้ว!
นักเรียนชั้นยอด! ไม่ว่าเขาจะประสบความสําเร็จในฐานะนักธุรกิจมากเพียงใดแต่การได้ตํา แหน่งสําคัญในตอนเด็กก็ยังคงเป็นสิ่งที่จะนําความรุ่งโรจน์มาสู่ตระกูลและบรรพบุรุษของพวกเขา
“ น่าจะออกวันนี้นะ” หวังเต็งเกือบลืมเรื่องนี้ไป
“ ลูกหมายถึงอะไร น่าจะ? ถ้าไม่แน่ใจก็รีบโทรหาครูใหญ่สิ”หวังเฉินถั่วพูดไม่ออก
“ เอาล่ะ ผมจะโทรไปถามเพื่อนร่วมชั้นของผม”
เขาโทรหาหลินซัวหานและถามเธอ และเขาก็ยืนยันว่าผลจะออกตอนเที่ยง
เขามองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง นี่มันเป็นเวลา 11.48 น. มันยังเหลือเวลาอีก 12 นาที หวังเฉินกั่วและหลี่ซิ่วเหมียทําได้เพียงแค่รออย่างใจจดใจจ่อ