Complete Martial Arts Attributes – คุณสมบัติแห่งนักสู้ - ตอนที่ 95
บทที่ 95: ไร้ยางอาย!
หวังเต็งรู้สึกยินดีกับหลินซัวหานเช่นกัน การสอบผ่านหลักสูตรศิลปะการต่อสู้นั้นคือเป้าหมายของเธอ และด้วยคะแนนของเธอ เธอก็จะสามารถเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีได้อย่างแน่นอน
“ แล้ววิชาอื่นๆของเธอล่ะ” หวังเต็งถาม
“ภาษา 138, คณิตศาสตร์ 143, อังกฤษ 146, ข้อเขียนหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ 148”
“ โอ้พระเจ้า เธอจะต้องโกงแน่ๆ!” หวังเต็งรู้สึกประหลาดใจอย่างแท้จริง
ผลลัพธ์ของหลินซัวหานนั้นสูงกว่าเขาด้วยซ้ํา เขาไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่ ในการสอบเพราะ เขาโกง อย่างไรก็ตาม หลินซัวหานก็กลับสามารถได้รับผลลัพธ์ที่เหนือกว่าเขาได้ทั้งๆที่ไม่โกง นี่มันเป็นไปได้ยังไง?
อีกด้านหนึ่ง หลินซัวหานก็เงียบไป
เธอสามารถบอกทันทีได้ว่าหวังเต็งนั้นรู้สึกถึงกับผลลัพธ์ของเธออย่างแท้จริง และนั่นก็ทําให้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย
แม้ว่าคุณจะแข็งแกร่ง แต่มาตรฐานของเรามันก็ยังอยู่คนละชั้น!
เธอถามว่า “ แล้วนายล่ะ? ได้คะแนนเท่าไหร?”
“ ภาษา 136, คณิตศาสตร์ 141, อังกฤษ 143, ข้อเขียนหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ 145”
ปากของหลินซัวหานอ้าออกเมื่อได้ยินคะแนนของหวังเต็ง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็พูดว่า “ นายขี้โกง”
ในตอนแรก เธอคิดว่าเธออาจจะสามารถเอาชนะเขาได้ด้วยคะแนนวิชาทั่วไปของเธออย่างขาดลอยเนื่องจากช่องว่างระหว่างความสามารถของพวกเขานั้นใหญ่มาก และด้วยวิธีนี้เองเธอก็จะสามารถกลับมายืนหยัดได้เหนือเขาได้ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็คือคนที่คิดมากไปเอง
ผลลัพธ์นี้มันไม่สมเหตุสมผลเลย
หวังเต็งสามารถจินตนาการถึงการแสดงออกทิ้งงงวยของหลินซัวหานได้ เขาหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
“ นายทําแบบนั้นได้ยังไงกัน? นายไม่เคยตั้งใจเรียนเลยนี่ อย่างงั้นแล้วนายไปเอาความรู้ที่ไหนไปทําข้อสอบกัน?” หลินซัวหานถาม
“ คําตอบนั้นง่ายมาก ก็เพราะฉันเป็นอัจฉริยะยังไงล่ะ!” หวังเต็งตอบอย่างไร้ยางอาย
“ อัจฉริยะไม่เพียงพอที่จะอธิบายนายแล้ว นายมันสัตว์ประหลาด!” หลินซัวหานบ่น
“ ฉันจะถือว่าเป็นคําชมก็แล้วกันนะ”
“ โอ้ ใช่แล้ว แล้วคะแนนการประเมินการต่อสู้จริงของนายล่ะ ได้เท่าไหร่กัน? มันต้องสูงมากเลยใช่ไหม?” หลินซัวหานถามอีกครั้งด้วยความสงสัย
“ คะแนนเต็ม…”
“ ว่าแล้ว นายมันสัตว์ประหลาด นายสามารถทําคะแนนเต็มได้ในการประเมินการต่อสู้จริง! หวังเต็ง นายทําให้ฉันรู้สึกประหลาดใจจริงๆ” หลินซัวหานอุทาน
“ และคะแนนพิเศษอีก 20 คะแนน” หวังเต็งกล่าวต่อ
หลินซัวหานไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว คําพูดของเธอติดอยู่ที่คออยู่นานก่อนจะออกมาจากปากเธอ เธอถามว่า “ คะแนพิเศษคืออะไร? แล้วนายได้ถึง 20 เลยหรอ!”
“ เฮ้อ ช่วยไม่ได้ ฉันไม่สามารถซ่อนความโดดเด่นของฉันได้ ดังนั้นผู้คุมสอบจึงให้คะ แนนพิเศษฉันเพิ่มมาอีก 20 คะแนน” หวังเต็งกล่าวด้วยน้ําเสียงที่ทําอะไรไม่ถูก
??
หลินซัวหานเต็มไปด้วยความเคารพต่อความไร้ยางอายของหวังเต็ง ผิวหน้าของคนปกติจะไม่สามารถด้านได้ถึงขนาดนี้อย่างแน่นอน
“ แหม่ นายนี่หน้าด้านจังเลยนะ”
หลินซัวหานวางสายด้วยความหงุดหงิด
เมื่อเธอเห็นผลลัพธ์ของเธอ เธอก็ต้องการที่จะแบ่งปันความสุขของเธอกับหวังเต็งด้วยเหตุผลบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม หลังจากแบ่งปันความสุขของเธอเสร็จแล้ว สิ่งที่เธอได้รับกลับมานั้นคือตะกร้าของความหงุดหงิด ชายคนนี้ทําให้ฉันโกรธอีกแล้ว
…
ขณะที่หวังเต็งกําลังวางโทรศัพท์ลง มันก็ดังขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้เป็นหยางเจี้ยน
“ ฮ่าฮ่าฮ่า หวังเต็ง เดาสิว่าฉันได้คะแนนเท่าไหร่สําหรับการประเมินการต่อสู้จริง?” ขณะที่เขารับสาย เสียงหัวเราะที่เหมือนเป็ดของหยางเจี้ยนก็ดังออกมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์
“ 65!” หวังเต็งเดาคะแนนของเขาอย่างสบายๆ
“ อืม… คุณรู้ได้ยังไงกัน?” เสียงหัวเราะของหยางเจี้ยนหยุดลงกะทันหัน เขาพูดราวกับว่าเขาเห็นผี
หวังเต็ง: …
หวังเต็งไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะเดาถูก
“ 65 มันมีอะไรดีกัน? ทําไมนายถึงได้หัวเราะราวกับสวรรค์ให้พรอย่างนี้” หวังเต็งแสร้งทําเป็นดูถูกเขา
“ เชี่ยเอ้ย หวังเต็ง แค่นี้ฉันก็ดีใจกับคะแนนของฉัน อย่างน้อยฉันก็สามารถเข้าสู่หลักสูตรศิลปะการต่อสู้ได้” หยางเจี้ยนค่อนข้างพอใจกับคะแนนของเขา เขาพูดต่อ “ แล้วคะแนนของคุณเป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อ หวังเต็งบอกคะแนนของเขา อีกฝ่ายก็เงียบไป
“ นายน้อย คุณนี่น่าประทับใจจริงๆ ฉันคิดว่าฉันควรจะต้องไปแล้วล่ะ….บิ๊บ บิ๊บ บิ๊บ”
หยางเจี้ยนวางสายทันทีที่พูดจบ เขาพอใจกับผลงานของเขามาก แต่เมื่อได้ยินคะแนของหวังเต็ง มันก็ทําให้เขารู้สึกราวกับว่าเขากําลังภูมิใจกับกองขี้
มันไม่สามารถเทียบอะไรกับหวังเต็งได้เลย!
…
“ คนที่โทรคนแรกเป็นนักเรียนหญิงหรอ?”
ขณะที่หวังเต็งวางสาย หลี่ซิ่วเหม่ยซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาก็เอนตัวกลับไปและถามอย่างคลุมเครือ
หวังเต็งตกใจ เขาลูบหน้าอกของเขาและพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ นี่คือเพื่อนร่วมโต๊ะของผม”
“ คนที่พ่อของลูกขอให้คุณฟ่านช่วยจัดการให้ใช่รึเปล่า? เธอชื่ออะไรนะ หลิน… หลิน อะไรซักอย่างใช่ไหม เธอสวยและโดดเด่นมากเลยน้า” ดวงตาของหลี่ซิ่วเหม่ยสว่างขึ้นในทันที
หวังเฉินกั๋วเองก็มองดูอยู่เช่นกัน การแสดงออกบนใบหน้าของเขาเหมือนกับของหลี่ซิ่วเหม่ย
หวังเต็งรู้ว่าสิ่งเลวร้ายกําลังจะเกิดขึ้น เขาลืมไปว่าพ่อแม่ของเขารู้ดีว่าหลินซัวหานนั้นเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของเขา ในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ทําได้เพียงแค่รวบรวมความกล้าและตอบกลับไปว่า “ เธอชื่อหลินซัวหาน”
“ ใช่แล้ว หลินซัวหาน ชื่อของเธอเองก็ฟังดูน่ารักเหมือนกันนะเนี่ย” หลี่ซิ่วเหม่ยกล่าวชมเชย จากนั้นเธอก็หัวเราะคิกคักและพูดว่า “ ลูกแม่ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของลูกกับเธอจะไม่เลวร้ายเลยนี่”
“ แม่ แม่คิดอะไรอยู่กัน? เราเป็นแค่เพื่อนร่วมโต๊ะกันก็เท่านั้น มันเป็นเรื่องปกติสําหรับเราที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดี” หวังเต็งอธิบาย
“ แม่เข้าใจ แม่เข้าใจ มันเป็นเรื่องดีที่ความสัมพันธ์ของลูกกับเธอนั้นดี วันหลังให้เธอมาเล่นที่บ้านของเราบ้างสิ แม่จะทําอาหารดีๆให้ทุกคนเอง” หลี่ซิ่วเหม่ยไม่ได้ซักถามอะไรต่อไป อย่างไรก็ตาม การแสดงออกบนใบหน้าของเธอก็ทําให้หวังเต็งรู้สึกชา เขารู้สึกว่าแม่ของเขากําลังวางแผนอยู่
หวังเต็งรีบเปิดโหมดการเฝ้าระวังของเขาในทันที ในเวลาเดียวกัน โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง
หลังจากนั้นไป่เว่ย,ซูเจี๋ยและเพื่อนคนอื่นๆของเขาก็ได้โทรหาเขาเพื่อถามถึงผลลัพธ์ของเขาทีละคน เมื่อพวกเขารู้ว่าหวังเต็งสามารถเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ชั้นนําได้ พวกเขาก็แสดงความยินดีกับเขา
พวกเขาตัดสินใจที่จะหาเวลาออกมาเฉลิมฉลอง และหวังเต็งก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย
หลังจากการพูดคุยหลายครั้ง หวังเต็งก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ การสอบของลูกสิ้นสุดลงแล้ว ดังนั้นลูกก็ควรจะออกไปพบปะเพื่อนฝูงได้แล้วนะ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สําคัญที่สุดที่ลูกต้องทําก็คือการพิจารณาว่าคุณต้องการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยใด ด้วยผลการเรียนของลูก ลูกก็จะสามารถเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งได้หากลูกต้องการ” หวังเฉินกั๋วกล่าว
“ ผมยังไม่ได้คิดถึงมหาวิทยาลัยที่อยากจะเข้าเลย อันที่จริงมหาวิทยาลัยตงไห่ของเราก็เป็นมหาวิทยาลัยอันดับสามของประเทศ เพราะฉะนั้นมันก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน และมันก็จะได้ใกล้บ้านด้วย” หวังเต็งกล่าว
“ ลูกได้พิจารณาโรงเรียนทหารบ้างไหม?” หวังเฉินกั๋วพยักหน้าและถามต่อ
“ มันมีข้อจํากัดมากมายในโรงเรียนทหาร ผมไม่รู้ว่ามันจะเหมาะกับผมหรือเปล่า” หวังเต็งตอบอย่างลังเลเล็กน้อย
ในขณะที่ทั้งสองกําลังคุยกันอยู่ กริ่งประตูก็ดังขึ้น
“ ฉันจะไปเปิดประตูเอง”
หลี่ซิ่วเหม่ยยืนขึ้นและเดินไปที่ประตูบ้าน เมื่อเธอเปิดประตูออก เธอก็ต้องประหลาดใจกับผู้มาเยี่ยม “ ผู้อํานวยการหยู คุณฟ่าน พวกคุณมาที่นี่ทําไมกัน?”
“ ฮ่าฮ่าฮ่า เนื่องจากปราชญ์ชั้นยอดแห่งการสอบศิลปะการต่อสู้จากโรงเรียนเรานั้นอยู่ที่นี่ ดังนั้นฉันจึงมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับพวกคุณน่ะครับ” ผู้อํานวยการหยูยิ้มและกล่าว
“ ปราชญ์ชั้นยอดแห่งการสอบศิลปะการต่อสู้? เต็งน้อยของเราเป็นปราชญ์ชั้นยอดอย่างงั้นหรอ?”
หลี่ซิ่วเหม่ยทั้งประหลาดใจและดีใจเมื่อได้ยินข่าวนี้
หวังเฉินกั๋วรีบลุกขึ้นและต้อนรับพวกเขา “ ผู้อํานวยการหยู คุณฟ่าน เข้ามาก่อนสิๆ”
“ ฮ่าฮ่า เรามาโดยไม่ได้แจ้งให้คุณทราบ ต้องขอโทษที่รบกวนด้วยนะครับ”
ผู้อํานวยการหยู คุณฟ่านเดินเข้ามา มันมีผู้บริหารโรงเรียนจํานวนมากอยู่เบื้องหลังพวกเขา
“ ผู้อํานวยการหยู ครูฟ่าน” หวังเต็งลุกขึ้นและทักทายพวกเขา
“ เต็งน้อย ไปเอาใบชาของพ่อจากชั้นสามของตู้ในห้องครัวมาที” หวังเฉินกั๋วพูดกับหวังเต็งขณะที่เขาเชิญให้พวกผู้บริหารนั่งลง
“ คุณหวัง คุณมีลูกชายที่ดีมากเลยนะครับ!” ผู้อํานวยการหยูยกย่องหวังเต็งที่กําลังจะไปที่ครัวเพื่อหยิบใบชาด้วยรอยยิ้มกว้างๆบนใบหน้าของเขา