Crazy Leveling System - ตอนที่ 202
CLS ตอนที่ 202: ธิดาเทพ
หลังจากอี้เทียนหยุนทำลายตระกูลหวังแล้วเสร็จ เขาก็กลับมายังโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่อยู่ ทำให้เกิดการลักพาตัวเกิดขึ้น ซึ่งสร้างความขุ่นแค้นให้กับอี้เทียนหยุน แต่ตอนนี้ตระกูลหวังถูกทำลายแล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครมาสร้างปัญหาให้กับพวกเธออีก
“ผู้อาวุโสอี้ ท่านไม่เป็นไรนะ…..”
พวกเธอมองสำรวจอี้เทียนหยุนขึ้นๆ ลงๆ ในสายตาเต็มไปด้วยความห่วงใย แม้อี้เทียนหยุนจะไม่บอกว่าเขาไปไหน แต่พวกเธอก็พอจะจินตนาการได้ว่าอี้เทียนหยุนหายไปทำอะไรมา
“ข้าจะไปมีอะไรได้ยังไงล่ะ?” อี้เทียนหยุนยิ้ม จากนั้นก็มองไปรอบๆ แต่ก็พบว่าเริ่นจื่อโหรวไม่อยู่ในห้อง จึงถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “แล้วคุณหนูเริ่นล่ะ?”
“คุณหนูคนนั้นอยู่ด้านนอก ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ข้าเห็นเธอยืนพึมพำ ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไร” อี้อวี่เหว่ยชี้ไปยังด้านนอกแล้วพูดออกมา
อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปยังระเบียงด้านนอก ดวงตาของเริ่นจื่อโหรวมองไปยังสถานที่ห่างไกล ไม่รู้ว่ากำลังมองอะไรอยู่
“คุณหนูเริ่นคิดอะไรออกหรือยัง?” อี้เทียนหยุนถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ข้านึกบางอย่างออกแล้ว เมื่อกี้ตอนที่สู้ ข้าก็คิดอะไรบางอย่างออก ทั้งยังจำได้ด้วยว่าบ้านของข้าอยู่ที่ไหน……” เริ่นจื่อโหรวคิดถึงสถานที่อันห่างไกล
“คิดออกแล้ว?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นเจ้าก็รู้แล้วสิ ว่าข้าไม่ใช่พี่ชายของเจ้า?”
“อืม ข้าคิดออกแล้ว เจ้าไม่ใช่พี่ชายของข้า…..” เริ่นจื่อโหรวส่งยิ้มเจิดจ้าออกมา จากนั้นก็หันมาหาเขา แล้วพูดขึ้นว่า “แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าใจดีมาก เหมือนกับท่านพี่ของข้า….. ที่ท่านพี่ไม่ได้รอให้ข้าตื่นขึ้นมา อาจเป็นเพราะมีเรื่องอะไรให้ต้องทำก็เป็นได้”
อี้เทียนหยุนพยักหน้า แล้วคาดเดาขึ้น “อาจจะเป็นอย่างนั้น ในห้องลับนั้นไม่มีร่องรอยของผู้คนมานานมาก เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเข้าไปในนั้นมานานแล้ว”
“อืม ข้าจึงอยากกลับไปดู สัญชาตญาณของข้าร้องเตือนบางสิ่ง บอกว่าข้ามีเรื่องอะไรบางอย่างที่ต้องทำ” เริ่นจื่อโหรวมองไปยังที่ที่ไกลโพ้น “เวลาไม่ช้าแล้ว ข้าคงต้องไปเสียที ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยดูแลข้ามาหลายวันนี้”
“เจ้าจะไปแล้ว…..” อี้เทียนหยุนถาม “อยากให้ข้าช่วยไหม?”
“ไม่ต้องหรอก บางสิ่งก็เป็นเรื่องที่ต้องจัดการด้วยตัวเอง” เริ่นจื่อโหรวพูดด้วยรอยยิ้มสว่างไสว “ท่านพี่ ข้าไปแล้ว เอาไว้โอกาสหน้าเราค่อยพบกันใหม่”
พูดจบเธอก็กระโดดขึ้นไปเลย จากนั้นที่หลังของเธอก็ปรากฏปีกที่มองไม่เห็น พาเธอทะยานขึ้นฟ้า พริบตาก็หายไปลับสายตา นี่คือพลังของระดับผันแปรวิญญาณ สามารถควบแน่นพลังของตนให้กลายเป็นปีกวิญญาณ ซึ่งช่วยให้บินได้
เธอคือปรมาจารย์ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 5 พลังของเธอนั้น เมื่อเทียบกับบรรพชนของวังชิงเซวียนแล้วแข็งแกร่งกว่า จินตนาการไม่ออกเลยว่าสำนักที่เธออยู่คือขุมอำนาจชั้นไหน
“ติ๊ง ท่านได้เปิดภารกิจลับแบบต่อเนื่อง “ช่วยเหลือธิดาเทพ” สำเร็จ เมื่อสำเร็จจะได้รับค่าประสบการณ์ 50 ล้าน, ค่าความคลั่ง 1 ล้าน, ค่าความชอบของเริ่นจื่อโหรวเพิ่มขึ้น 200, ได้รับฉายาผู้พิทักษ์ธิดาเทพ(คำเตือน : ไม่ว่าจะเลือกช่วยเหลือหรือไม่ก็มีผลต่อความเป็นไปของภารกิจ)”
อี้เทียนหยุนตกใจ ภารกิจที่อยู่ๆ ก็เด้งขึ้นมาทำให้เขาตกตะลึง เริ่นจื่อโหรวเป็นธิดาเทพอย่างงั้นเหรอ? แต่เมื่อคิดดีๆ แล้ว เพียงแค่ระดับของเธอก็เพียงพอที่จะเป็นธิดาเทพแล้ว ไม่แปลกเลยสักนิด แต่รางวัลที่ได้นี่สิ ช่างมากมายยิ่งนัก เทียบได้กับภารกิจที่มีผลต่อความเป็นไปของโลกได้ด้วยซ้ำ นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้รับภารกิจที่มีผลต่อความเป็นไปของเรื่องราว
เห็นได้ชัดว่าระดับอาณาจักรเป็นอะไรที่น่าตื่นตะลึงกว่าที่คิด สามารถพูดได้ว่าการก้าวเท้าเข้าไปของเขาทำให้สถานการณ์นั้นเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น มันจึงมีผลเป็นพิเศษ สามารถพูดได้ว่า ไม่ว่าเขาเลือกที่จะช่วยหรือไม่ช่วย มันก็ยังจะมีผลอยู่ดี ถ้าเขาเลือกที่จะช่วย ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อความเป็นไปของเรื่องราวเท่านั้น แต่ยังจะส่งผลต่อตัวเขาเองด้วย
ซึ่งนี่ต้องตัดสินใจให้ดี อย่างเรื่องที่ช่วยเย่ชิงเสวียน ซึ่งมีผลต่ออาณาจักรใต้พิภพ เห็นได้ชัดว่าเกิดจากการกระทำของเขา ซึ่งเขาเพียงแค่ช่วยเธอออกมาเท่านั้นก็ส่งผลต่อความเป็นไปของโลกแล้ว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ตราบเท่าที่เขาไม่เข้าร่วม ตัวเขาก็จะไม่เป็นอันตรายอะไร
“ธิดาเทพ…. ไม่แปลกเลยที่จะปฏิเสธข้า ดูเหมือนคงจะคิดว่าข้าช่วยอะไรไม่ได้งั้นสินะ?” อี้เทียนหยุนส่ายหัว พร้อมกับกลับเข้าห้องไป
อี้อวี่เหว่ยกับพวกมองมา จากนั้นก็ถามขึ้นอย่างอดไม่อยู่ว่า “แล้วคุณหนูเริ่นล่ะ เธอเป็นยังไงบ้าง?”
“เธอกลับไปแล้ว” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “พวกเขาก็ต้องกลับนิกายเทียนเฉวียนเช่นกัน อย่างแรกก็ต้องพาพวกเธอกลับไปก่อน”
พวกเธอพยักหน้า พวกเธอรู้ว่าอี้เทียนหยุนมีเรื่องให้ทำมากมาย ถ้าพวกเธออยู่ด้วย มันมีแต่จะเป็นตัวถ่วงของเขา ดังนั้นสู้ส่งพวกเธอกลับนิกายเทียนเฉวียนยังจะดีซะกว่า
จากนั้น อี้เทียนหยุนก็พาพวกเธอเดินออกมา คนรอบๆ ที่เดินผ่านล้วนแต่คุยกันเสียงดังไม่หยุด จากนั้นพวกเขาก็เห็นใบประกาศจับที่ติดอยู่ใกล้ๆ ด้วยสีทองดูโดดเด่น พร้อมกับรางวัลที่มหาศาล
“นี่…. ตระกูลหวังถูกทำลายอย่างงั้นเหรอ?”
แม้พวกเธอจะเตรียมตัวไว้แล้ว แต่ก็ยังตกใจอยู่ดี และเมื่อพวกเธอเห็นคำว่ามังกรดำสองคำนี้ ในใจก็เต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เพื่อที่จะช่วยพวกเธอล้างแค้น ถึงกับทำลายตระกูลหวังทั้งตระกูล นี่ทำให้พวกเธอถึงกับไม่รู้จะพูดอะไรดี
ในที่สุด อี้อวี่เสวียนก็ประสบกับตนเองแล้วว่า อี้เทียนหยุนนั้นร้ายกาจแค่ไหน บอกว่าจะทำลายตระกูลหวังก็ทำลาย ทั้งยังใช้เวลาไม่นานอีกด้วย
“ไปกันเถอะ ไม่มีอะไรน่าดูหรอก”
อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน พาพวกเธอเดินออกจากเมืองเทียนซินไป และเมื่อพวกเขาเดินออกนอกเมืองมาไกลแล้ว อี้เทียนหยุนก็ได้จับแขนพวกเธอไว้ การกระทำนี้ทำให้พวกเธอตกใจจนถึงกับสะดุ้งโหยง
นี่ผู้อาวุโสอี้เขาคิดจะ?
หน้าของพวกเธอพากันขึ้นสี แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร ถึงยังไงอี้เทียนหยุนก็เป็นคนช่วยพวกเธอเอาไว้ ทำให้พวกเธอเป็นอิสระ ต่อให้เขาจะอยากทำอย่างนั้นกับพวกเธอก็ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร?
ใครจะรู้ว่าพวกเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เพื่อไม่ให้พวกเธอเข้าใจผิด อี้เทียนหยุนได้พูดขึ้นว่า “จับให้แน่นๆ ล่ะ เรากำลังจะบินกันแล้ว”
“อะไรนะ?” พวกเธอไม่ทันได้ตั้งตัว ทันใดนั้นอี้เทียนหยุนก็กระทืบเท้า พร้อมกับปีกฟีนิกซ์ที่อยู่ด้านหลังก็สั่นอย่างแรง ทันใดนั้นก็บินลับขอบฟ้าไป
เขาไม่เรียกมังกรดำออกมา แต่ใช้ปีกฟีนิกซ์เพื่อบินกลับนิกายเทียนเฉวียนให้เร็วที่สุด มังกรดำในตอนนี้โดนประกาศจับอยู่ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย เขาจึงเลือกที่จะใช้ปีกฟีนิกซ์แทน
“ผู้อาวุโสอี้ ท่าน ท่านบินได้….. หรือว่าท่านทะลวงเข้าสู่ระดับผันแปรวิญญาณแล้ว?”
พวกเธอตกใจมากจริงๆ คนที่บินได้มีแต่คนที่อยู่ในระดับผันแปรวิญญาณแล้วเท่านั้น นี่หมายความว่าอี้เทียนหยุนทั้งที่ยังเด็กขนาดนี้ แต่ก็มาถึงระดับผันแปรวิญญาณแล้ว ช่างไม่น่าเชื่อจริงๆ!
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” อี้เทียนหยุนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “จับให้แน่นๆ ล่ะ เราจะรีบกลับนิกายเทียนเฉวียนให้เร็วที่สุด พวกเจ้าอดทนไว้”
“อืม….”
พวกเธอพากันมองหน้ากัน จากนั้นก็หัวเราะคิกคักออกมาอย่างอดไม่อยู่ ก่อนหน้านี้พวกเธอก็คิดว่าอี้เทียนหยุนจะทำอย่างนั้นกับพวกเธอ ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างที่พวกเธอคิด เขาก็แค่จะพาพวกเธอบินก็เท่านั้น นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะพวกเธอคิดมากกันไปเอง
เมื่อเห็นพวกเธอหัวเราะ อี้เทียนหยุนก็รู้สึกงง มีเรื่องอะไรให้น่าหัวเราะหรือไงกัน?