Crazy Leveling System - ตอนที่ 221
CLS ตอนที่ 221: ได้ค่าประสบการณ์เหมือนเดิม
ต่อไปตาเจ้า ทำให้ผู้อาวุโสสามถึงกับสั่นสะท้าน ห้าผู้คุ้มกันเงาตายโดยสมบูรณ์! พวกเขาสามารถสัมผัสได้ว่าพวกเขาไม่มีลมหายใจเหลืออยู่แล้ว หมายความว่าพวกเขาได้ตายลงโดยสมบูรณ์
ห้าผู้คุ้มกันเงาถูกสังหารทิ้งในพริบตาโดยที่ไม่มีความยากอะไร นั่นหมายความว่าระดับของอี้เทียนหยุนจะต้องน่าสะพรึงมาก บางทีอาจจะอยู่ในระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 7 ที่ 8 หรือสูงกว่า ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถจัดการกับผู้คุ้มกันเงาพวกนี้ราวกับไม่มีอะไรได้
ผู้อาวุโสใหญ่กับพวกพากันตาโต มู่เซียนเอ๋อในตอนนี้ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เธอนึกถึงตอนที่อี้เทียนตีเข้าที่ตรงนั้นของเธอ ถ้าเกิดว่าตอนนั้นอี้เทียนหยุนใช้แรงจริงๆ ของเขา ในตอนนั้น เธอคงจะถูกเขาตีจนตายไปแล้ว
ไม่คิดเลยว่าคนที่เธอไปแกล้งจะเป็นอัจฉริยะขนานแท้! ไม่ว่าจะอัจฉริยะคนไหนล้วนแต่ห่างไกลจากอี้เทียนหยุนโดยสิ้นเชิง เขาดูแล้วยังเด็กนัก แต่ก็มาถึงระดับก่อแกนวิญญาณแล้ว ซึ่งเป็นระดับที่แม้แต่เธอยังไม่กล้าที่จะฝันถึง
ปากน้อยๆ ของเหอเชียนหานก็เปิดกว้าง เธอคิดว่าตัวเองต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แล้ว แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า คนที่ต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่กลับเป็นอีกฝ่ายไปแทน
“นี่ นี่คือพลังของราชาวิญญาณเซวียนเทียนอย่างงั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสสามตกใจ เขาไม่คิดว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้
“ราชาวิญญาณเซวียนเทียนอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนส่ายหัว “อย่าได้ทำเหมือนกับว่าราชาวิญญาณเซวียนเทียนจะร้ายกาจขนาดนั้น ที่ข้าฝึกเคล็ดวิชาเซวียนเทียนก็จริงอยู่ แต่ตอนนี้ข้ายังไม่ได้ใช้เคล็ดวิญญาณเซวียนเทียนแม้แต่น้อยเลยด้วยซ้ำ”
เขาเดินเข้าไปทีละก้าว ทำให้ผู้อาวุโสสามอดไม่ได้ต้องถอยออกไป จากนั้นเขาก็กัดฟัน พร้อมกับหมุนตัววิ่งหนีออกไปข้างนอก แต่ความเร็วของอี้เทียนหยุนนั้นเร็วกว่าเขามาก ทันใดนั้นก็มาโผล่ขึ้นตรงหน้าของเขา พร้อมกับฟาดเท้าออกไป “ปัง” ร่างของผู้อาวุโสสามกระเด็นมา ตกลงตรงหน้าพวกผู้อาวุโสใหญ่อย่างแม่นยำ
“แค่ก…..” ผู้อาวุโสสามกระอักออกมา นอนกองกับพื้น ที่หน้าอกของเขายุบลงเป็นโพลงขนาดใหญ่ ได้รับบาดเจ็บสาหัสในทันที
“อยากจะถามอะไร ก็รีบถาม” อี้เทียนหยุนบอกให้พวกผู้อาวุโสใหญ่ถามคำถาม
ผู้อาวุโสใหญ่กับพวกพลันได้สติ พร้อมกับมองไปยังผู้อาวุโสสามด้วยความโกรธ แล้วพูดขึ้นว่า “การก่อกบฏในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะวางแผนไว้ก่อนแล้ว พวกเจ้ายังมีแผนอะไรอีก!”
“ฮ่าๆๆ….. ไม่มี ไม่ว่าอะไรก็ไม่มี….. ฆ่าข้าซะ ข้าแพ้แล้ว ไม่มีแผนอะไรทั้งนั้น ประมุขก็ไม่มีแล้ว ฐานะก็ไม่มีแล้ว…..” ผู้อาวุโสสามหน้าซีด สายตาเหม่อลอย เหมือนหมดหวังในชีวิต
เขารู้ว่าตัวเองยากที่จะหนีไปจากสถานการณ์นี้ ต่อให้จะขอร้องไปก็เปล่าประโยชน์
“ในเมื่อเจ้าอยากจะตายนัก ข้าก็จะทำให้เจ้าสมหวัง” อี้เทียนหยุนเดินเข้ามา มองไปยังผู้อาวุโสใหญ่แล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านจะจัดการหรือจะให้ข้าจัดการ?”
ถ้าพวกเขาอยากจะจัดการด้วยตัวเอง อี้เทียนหยุนก็จะปล่อยให้พวกเขาทำ แต่ถ้าให้เขาเป็นคนลงมือก็จะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ค่าประสบการณ์นี้ แม้ว่าจะไม่มาก แต่เมื่อรวมๆ กัน มันก็จะมากขึ้นอยู่ดี
“กับเดรัจฉานตัวนี้ ข้าขอลงมือเองดีกว่า!” ผู้อาวุโสใหญ่เดินไปยังตรงหน้าผู้อาวุโสสาม พร้อมกับฟาดฝ่ามือลงไป
ในตอนนี้เอง ผู้อาวุโสสามก็พลันดิ้นรนเฮือกสุดท้าย ทำการสวนกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็สมกับเป็นผู้มากประสบการณ์ ทำการตวัดหลังมือฟาดกลับไป
“ปัง!”
ผู้อาวุโสสามถูกฝ่ามือของผู้อาวุโสใหญ่ฟาดจนแน่นิ่งกับพื้น พลังที่ใช้ออกไปทำให้ผู้อาวุโสสามต้องกระอักเลือดออกมา เพราะโดนลูกเตะจากอี้เทียนหยุนอยู่ก่อนแล้ว ทำให้เขาไม่มีปัญญาที่จะไปต่อต้านการโจมตีของผู้อาวุโสใหญ่
“ยังจะดิ้นรนอีก ข้าจะลงโทษเจ้าที่กล้ากบฏต่อวังเทียนจี๋!”
สายตาที่อ่อนโยนของผู้อาวุโสใหญ่กลายเป็นเย็นชา พร้อมกับฟาดฝ่ามือลงไปยังผู้อาวุโสสามอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่ลังเล มู่เซียนเอ๋อกับพวกหลับตา ไม่กล้ามองดูภาพนี้
“วังเทียนจี๋….. อีกไม่นานหลังจากนี้ก็จะต้องเป็นของอาณาจักรใต้พิภพ ฮ่า ฮ่าๆ…..”
“ปัง!”
ฝ่ามือได้ฟาดลงไป ผู้อาวุโสสามไร้ซึ่งกลิ่นอายแห่งชีวิตโดยสมบูรณ์ ถูกฝ่ามือของผู้อาวุโสใหญ่จนร่างแหลก
“ติ๊ง ท่านสังหารผู้อาวุโสสามสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 23,000, ค่าความคลั่ง 3,300, ค่าความชั่ว 50, ได้รับฝ่ามือเทียนจี๋, ท่าเท้าเทียนเฉิน”
อี้เทียนหยุนต้องตกใจอีกครั้ง ไม่คิดว่าลูกเตะเมื่อก่อนหน้าของเขาจะให้ผลลัพธ์เหมือนกัน ช่างคาดไม่ถึงจริงๆ เขาคิดว่าต้องเป็นสภาพปางตายถึงจะได้ผล แต่เห็นได้ชัดว่าตราบเท่าที่บาดเจ็บเพราะเขา หลังจากตายไป เขาก็ยังจะได้รับค่าประสบการณ์เช่นกัน
และนี่ก็เป็นการพลาดค่าประสบการณ์อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะถ้าเปิดไว้มันจะเป็นการเสียค่าความคลั่งไปเปล่าๆ ดังนั้น หลังจากที่เขาจัดการผู้คุ้มกันเงาเสร็จแล้ว เขาก็ได้ทำการปิดโหมดคลั่งลง
“ในที่สุดก็จัดการกับกบฏนี้ได้สักที…..” ผู้อาวุโสใหญ่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ด้วยอาการบาดเจ็บ ทำให้เขาต้องระงับเลือดฉีไว้ ทำให้ไม่เหมาะที่ต่อสู้
หลังจากจัดการกับกบฏนี้ ผู้อาวุโสใหญ่ก็คารวะด้วยความขอบคุณ “ขอบคุณผู้กล้าน้อยอี้มาก ไม่คิดว่ายังเยาว์ก็มีพลังถึงระดับนี้แล้ว ช่างทำให้ข้าคาดไม่ถึงจริงๆ นี่มันเหนือจินตนาการของข้าไปมาก แซงหน้ารุ่นผู้เฒ่าอย่างพวกเราไปโดยสมบูรณ์แล้ว”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก ข้าเป็นผู้สืบทอดของราชาวิญญาณเซวียนเทียน การช่วยเหลือวังเทียนจี๋ทำการกวาดล้างกบฏเป็นเรื่องสมควรแล้ว” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง “ตอนนี้สิ่งแรกที่ต้องทำคือต้องไปช่วยประมุขออกมาก่อน ไม่รู้ว่าห้องลับอยู่ที่ไหน ท่านทราบหรือเปล่า?”
“ข้ารู้!” ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้าแรงๆ ในสายตาเต็มไปด้วยความกังวล ไม่รู้ว่าสภาพของประมุขในตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว
จากนั้น ผู้อาวุโสใหญ่ก็นำพวกเขาเดินไปยังห้องลับ มู่เซียนเอ๋อก็แอบมองเขาอย่างลับๆ สายตาที่มองมานั้นต่างออกไป ทั้งเป็นประกาย แต่ก็แฝงไว้ด้วยความหวาดกลัว ไม่คิดว่าแม่มดน้อยนางนี้จะรู้จักกลัวกับเขาด้วย
“มองข้าทำอะไร มีอะไรแปลกอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนหันไปยิ้มให้มู่เซียนเอ๋อที่อยู่ข้างๆ
มู่เซียนเอ๋อตกใจจนคอหด ไม่กล้ามองไปยังอี้เทียนหยุนอีก ด้วยระดับพลังที่ท้าทายสวรรค์ขนาดนี้ คิดไปแล้วก็น่ากลัวจริง
“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรแปลก….. เจ้าก็อายุพอๆ กับข้า แต่ทำไมระดับพลังถึงได้มากกว่าข้านัก” มู่เซียนเอ๋อยืดหัวขึ้น มองไปที่เขาแล้วพูดว่า “เจ้าฝึกยังไงของเจ้ากัน?”
“นี่ก็….. แค่สู้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวระดับก็เพิ่มขึ้นเอง” อี้เทียนหยุนไม่ได้โกหก เขาต่อสู้เพื่อเพิ่มระดับจริงๆ
“อย่างนี้ข้าก็พูดได้….” มู่เซียนเอ๋อแลบลิ้นออกมาน้อยๆ รูปแบบการต่อสู้ของอี้เทียนหยุนเมื่อกี้นี้ โหดเหี้ยมมาก
เธอเติบโตขึ้นมาจากที่นี่ตั้งแต่เด็ก เรื่องการต่อสู้เกิดขึ้นน้อยมาก ยิ่งเป็นการต่อสู้ถึงตายด้วยแล้ว ในฐานะหลานสาวของผู้อาวุโสใหญ่ ใครจะกล้าทำร้ายเธอ?
เหอเชียนหานที่อยู่ใกล้ๆ มีท่าทางครุ่นคิด จากนั้นก็พูดว่า “ท่านบรรพชน ท่าน ท่านได้ทิ้งความปรารถนาสุดท้ายอะไรไว้หรือเปล่า?”
เธอเลื่อมใสราชาวิญญาณเซวียนเทียนมาตั้งแต่เด็ก ราชาวิญญาณเมื่อเทียบกับระดับผันแปรวิญญาณแล้ว แข็งแกร่งจนไม่สามารถเอามาเทียบกันได้ นี่คือตำนานของวังเทียนจี๋ เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ที่ก่อตั้งวังเทียนจี๋มา แต่น่าเสียดายที่ด่วนตายไปเสียก่อน
“เรื่องนี้ไม่มีจริงๆ จะมีก็แต่ขอให้ข้ามาดูวังเทียนจี๋บ้าง หรือไม่ก็เข้าเป็นศิษย์ ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีการบังคับแต่อย่างใด”
นี่เป็นคำพูดที่เหล่าเซวียนบอกกับเขา ว่าอยากจะให้เขาเป็นศิษย์ของวังเทียนจี๋ นี่เป็นความปรารถนาที่ยาวนาน