Crazy Leveling System - ตอนที่ 240
CLS ตอนที่ 240: ลอบสังหาร
อี้เทียนหยุนที่อยู่นอกห้องตาเป็นประกาย สุดท้ายแล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิด พวกเขาต้องการให้เขาเข้าเป็นพวก ไม่อย่างนั้นคงจะนำกองกำลังบุกเข้ามาแล้ว ที่เชิญพวกเขามาในงานเลี้ยงนี้ก็เพื่อต้องการดูว่าผู้เชี่ยวชาญลึกลับคนนั้นเป็นใคร แต่ไม่มีใครคิดว่าผู้เชี่ยวชาญคนนั้น แท้จริงแล้วคืออี้เทียนหยุน?
แม้ว่าผู้คุ้มกันเงาจะมีพลังไม่ได้สูงนัก แต่จะดีจะร้ายก็เป็นถึงระดับก่อแกนวิญญาณ ซึ่งนี่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากสร้างขึ้นมา ตอนนี้กลับถูกฆ่าตายไปหลายคน แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เฉิงเฟิงอารมณ์เสียได้ยังไง ยังไงก็ตาม เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าผู้คุ้มกันเงานี้จะมีเฉิงเฟิงเป็นคนฝึก เหนือจากความคาดการณ์ของเขาไปจริงๆ
“ท่านครับ ทำไมพวกเราไม่ทำลายพวกมันทิ้งไปเลยล่ะครับ?” ผู้คุ้มกันเงาพูดอย่างจริงจัง “พวกเขามีค่าแค่นิดเดียว ถ้าพวกเราใช้ไม่ได้ก็ไม่มีความหมาย….. สู้กำจัดพวกเขาทิ้งไปดีกว่า เมื่อเป็นอย่างนี้ วังเทียนจี๋ก็จะตกเป็นของพวกเรา”
“แล้วเจ้าคิดว่าข้าไม่อยากทำอย่างนั้นหรือไง!” เฉิงเฟิงตะโกนออกมา “ตอนนี้สำนักของเรากำลังตกอยู่ในวิกฤต ทางอาณาจักรเทียนหลงก็กดดันเข้ามา ทั้งเผ่าภูตที่ไม่ยอมสยบอีก สามารถให้อภัยได้ก็อภัย! เบื้องบนหวังกับวังเทียนจี๋นี้ไว้มาก จึงได้แทรกแซงเข้าไป วังเทียนจี๋กำลังตกต่ำ ตราบเท่าที่มีโอกาส มันจะต้องตกเป็นของพวกเราอย่างแน่นอน….. พวกมันสังหารผู้คุ้มกันเงาของข้าไปหลายคน เจ้าคิดว่าข้าจะทนได้อย่างงั้นเหรอ ถ้าไม่แสดงพลังให้พวกมันเห็นสักหน่อย พวกมันคงจะคิดว่าอาณาจักรใต้พิภพของเรากลัวพวกมัน!”
พูดจบเขาก็หยิบเก้าอี้ขึ้นมาฟาดอีกตัว ตอนนี้เขาทำได้แค่เพียงทำลายข้าวของเพื่อระบายความโกรธ
“แล้วถ้าพวกมันต่อต้านล่ะ?” ผู้คุ้มกันเงาถามขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นก็สังหารทิ้งอย่าให้เหลือ! เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะไปคุยกับเบื้องบนเอง วังเทียนจี๋ก็เหมือนวังหยุนเทียนนั่นล่ะ ถ้าต่อต้านก็จัดการซะ!” เฉิงเฟิงพูดอย่างเย็นชา “ต่อต้านอาณาจักรใต้พิภพเรา มีเพียงแต่ตายสถานเดียว! เป็นแค่ขยะกลุ่มหนึ่ง อยากให้เข้าร่วมแต่กลับไม่ยินยอม ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามาโทษว่าข้าโหดเหี้ยมไร้เมตตาก็แล้วกัน!”
“ครับ!” ผู้คุ้มกันเงาขานรับพร้อมพยักหน้า จากนั้นร่างก็เริ่มจางลง แล้วหายไปจากห้อง เตรียมไปจับคนที่วังเทียนจี๋
พวกเขาต้องการกดดันให้ผู้เชี่ยวชาญที่ปกป้องวังเทียนจี๋ออกมา นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่พวกเขาจะมอบให้!
เมื่อผู้คุ้มกันเงาออกจากห้องมา ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเขาอย่างเงียบเชียบ พร้อมกับแทงกริชในมือทะลุหัวใจผู้คุ้มกันเงาคนนั้น พร้อมกับเอาอีกมือปิดปากเขาเอาไว้ ไม่ให้เขาส่งเสียงออกมาได้
ตาของผู้คุ้มกันเงาเหลือกโพลง ร่างกายดิ้นน้อยๆ แต่ก็ไม่คณามืออี้เทียนหยุน สุดท้ายร่างกายก็อ่อนยวบ ไร้ซึ่งลมหายใจ
“ติ๊ง ท่านสังหารผู้คุ้มกันเงาสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 250,000, ค่าความคลั่ง 3,200, ค่าความชั่ว 50! ได้รับวิชาก้าวเท้าเงา”
ค่าความชั่วไม่ต่ำเลย มีถึง 50 แต้ม เห็นได้ชัดว่าผู้คุ้มกันเงาคนนี้ฆ่าคนมามากแค่ไหน พูดได้ว่าคนของอาณาจักรใต้พิภพล้วนแต่ไม่มีใครมีไม่เปื้อนเลือด ไม่รู้ว่าสังหารคนบริสุทธิ์ไปกี่คนแล้ว
หลังจากอี้เทียนหยุนจัดการผู้คุ้มกันเงาคนนี้เสร็จ เขาก็นำร่างของอีกฝ่ายไปทิ้งไปอีกฝั่ง จากนั้นก็สายตาก็เป็นประกาย พร้อมกับถอดชุดของผู้คุ้มกันเงาคนนั้น แล้วเอามาสวมลงบนร่าง จากนั้นก็สวมผ้าคลุมหน้าลงไป ดูแล้วคล้ายกับผู้คุ้มกันเงาอย่างมาก ไม่มีอะไรต่างเลยสักนิด
“ก้าวเท้าเงา!”
อี้เทียนหยุนใช้ก้าวเท้าเงาออกมา นี่เป็นวิชาเฉพาะของผู้คุ้มกันเงา ทำให้เขาหายไปจากจุดนี้อย่างรวดเร็ว และเมื่อเขาเพิ่งจะเหยียบย่างผ่านประตูเข้าไป เฉิงเฟิงที่นั่งจิบชาอยู่ก็พลันเงยหน้ามองมาที่อี้เทียนหยุน แล้วถามขึ้นว่า “มีอะไร?”
พลังต่าง สถานการณ์ก็ต่างไปด้วย ทำให้สัมผัสถึงตัวเขาได้อย่างง่ายดาย ด้วยพลังวิญญาณที่แหลมคม ทำให้พวกเขาพบตำแหน่งอี้เทียนหยุนได้ง่าย เฉิงเฟิงก็ไม่ใช่บุคคลทั่วไป ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เป็นถึงต้าเฉิน
แต่ฐานะก็ไม่ได้เกี่ยวอะไร แต่เป็นเพราะพลังในระดับผันแปรวิญญาณของเขาต่างหาก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่หน้าด้านจัดงานวันเกิดของตัวเองขึ้น อี้เทียนหยุนเงยหน้าขึ้นไป จากนั้นข้อมูลก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา
เฉิงเฟิง : ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 5, บนร่างไม่มีเครื่องป้องกันอะไร, พลังรบ 1.9 ล้าน, จุดอ่อนอยู่ที่แขนซ้าย เนื่องจากมีแผล ทำให้ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ตามใจ ฝึกวิชาฝ่ามือสะท้านฟ้า, เคล็ดวิชากายทองคำ, เมื่อสังหารมีโอกาสได้รับวิชาฝ่ามือสะท้านฟ้า(ระดับปฐพีขั้นสูง), เคล็ดวิชากายทองคำ(ระดับปฐพีขั้นสูง, ระดับหายาก), บัตรค่าประสบการณ์ 20 เท่า(ระดับหายาก), กุญแจคุกเผ่าภูต….
หลังจากอี้เทียนหยุนตรวจสอบ ก็ถูกข้อมูลนี้ทำให้สั่นสะท้านไป ไม่เสียทีที่เป็นถึงปรมาจารย์ระดับผันแปรวิญญาณ ต่อให้ไม่สวมเครื่องป้องกันหรืออาวุธก็มีพลังรบเกือบจะ 2 ล้านแล้ว!
ตอนที่บรรพชนอสูรโลหิตระเบิดพลังออกมาก็มีพลังรบ 2 ล้าน แต่นี่ขนาดยังไม่ได้ระเบิดพลังยังมีพลังรบพอๆ กันแล้ว ถ้าเกิดระเบิดพลังออกมา ไม่รู้ว่าจะมีพลังรบน่าสะพรึงขนาดไหน และยิ่งเขาเห็นเคล็ดวิชากายทองคำนั่นอีก ที่ไม่สวมเครื่องป้องกันคงเป็นเพราะเคล็ดวิชากายทองคำนี้แน่ๆ เพราะเคล็ดวิชากายทองคำนี้ จึงไม่จำเป็นต้องสวมเครื่องป้องกันอะไร
ส่วนจุดอ่อนนั้นเขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง เห็นได้ว่าบาดแผลยังไม่สมานตัวดี ทำให้กลายมาเป็นจุดอ่อน ถ้าเกิดว่าเขาเปิดใช้งานเคล็ดวิชากายทองคำขึ้นมาล่ะก็ เขาคงจะไม่บาดเจ็บอย่างแน่นอน แต่เพราะไม่ได้เปิดใช้งาน ทำให้ถูกศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูงทำร้ายเอาได้
ขนาดไม่เปิดใช้งานเคล็ดวิชากายทองคำยังสามารถทนรับการโจมตีจากอาวุธนี้ได้ ต้องมีพลังกายแข็งแกร่งแค่ไหนกัน ยังไงก็ตาม กุญแจคุกเผ่าภูตก็ทำให้เขาต้องตาโตเล็กน้อย นี่ถือว่าเป็นของดี…..
“แล้วมีเรื่องอะไร?” เฉิงเฟิงขมวดคิ้วมองเขา คิดว่าแปลก อี้เทียนหยุนเข้ามาแล้วทำไมไม่พูด
“ข้ามีเรื่องสำคัญมารายงานครับ” อี้เทียนหยุนกดเสียงต่ำ ให้เหมือนกับเสียงผู้คุ้มกันเงาเมื่อก่อนหน้า เขาไม่กล้าบอกว่าเหมือนโดยสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยก็ใกล้เคียงสุดๆ
“มีเรื่องอะไรก็พูดมา” เฉิงเฟิงราวกับไม่ได้ฟัง เหตุผลเพราะเมื่อกี้อี้เทียนหยุนใช้ก้าวเท้าเงา มีเพียงผู้คุ้มกันเงาเท่านั้นที่จะใช้วิชานี้ได้ คนอื่นไม่สามารถเลียนแบบได้
“ครับ ท่าน!” อี้เทียนหยุนหยิบกระดาษออกมาจากอกเสื้อ นี่เป็นของที่ผู้คุ้มกันคนนั้นมีอยู่ก่อนแล้ว บนนั้นเขียนไว้ด้วยภารกิจลับต่างๆ ที่ต้องทำ ตัวอย่างเช่นภารกิจสังหารล้างตระกูล
เขาหยิบกระดาษเดินเข้าไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกเฉิงเฟิงยกมือหยุดไว้ “ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าเข้ามาใกล้ข้าเกิน 1 จ้าง! แค่ส่งกระดาษมาให้ข้าก็พอ”
อี้เทียนหยุนหยุดเท้า ถ้าอยู่ไกลเกินไป ความยากก็จะเพิ่มเป็นสองเท่า ไม่มีทางลอบโจมตีได้เลย ไม่คิดว่าผลข้างเคียงของเม็ดยาโชคร้ายจะส่งผลแต่แผนการลอบสังหารของเขา…..
แต่อี้เทียนหยุนก็ทำได้เพียงโยนกระดาษออกไป ทำให้กระดาษลอยตกลงไปในมือเฉิงเฟิง
และในพริบตานี้เอง สายตาของอี้เทียนหยุนก็ได้จับจ้องไปยังเฉิงเฟิงอย่างดื้อรั้น คอยดูโอกาสลงมือ จากนั้นเขาจะได้ลอบโจมตีออกไปด้วยพลังสูงสุด!