Crazy Leveling System - ตอนที่ 253
CLS ตอนที่ 253: ทะลุร่าง
อาวุธทุกชิ้นของอี้เทียนหยุนล้วนแต่มีค่าความคงทนพอๆ กัน แต่ต่อให้ความคงทนจะไม่มีจนอาวุธเสียหาย เขาก็ยังสามารถซ่อมมันกลับคืนมาได้ด้วยความสามารถในการหลอมศาสตราของเขา ทำให้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่ด้วยพลังในปัจจุบันของเขา ต่อให้ค่าความคงทนจะเต็ม แต่ภายใต้พลังที่น่าสะพรึง อาวุธก็ยังจะเสียหายในทันที! นอกจากจะเพิ่มระดับของอาวุธ ตอนนี้ไม่มีศาสตราจิตวิญญาณชั้นสูง ก็ไม่มีทางที่จะทนต่อพลังที่ป่าเถื่อนของเขาได้
แต่ถ้าไม่ใช้โหมดคลั่ง การที่เขาจะใช้อาวุธพวกนี้ย่อมไม่มีปัญหา ด้วยพลังระดับนี้ อาวุธพวกนี้สามารถทนได้สบาย แต่เพราะพลังของเขามันป่าเถื่อนเกินไป ทำให้อาวุธทั่วไปไม่สามารถทนได้ ทั้งอาวุธพวกนี้ยังไม่สามารถยกระดับได้อีกด้วย
ค่าความชำนาญเขาเพิ่มขึ้น แต่ระดับของไม่เพิ่มตาม
จากนั้นสายตาของเลื่อนไปยังหลินห้าว ภายใต้กระบี่ที่บ้าคลั่ง หลินห้าวถูกซัดจนปลิวออกไปอีกครั้ง มือข้างที่ถือกระบี่อยู่นั้นสั่นไม่หยุด เนื่องเพราะกระดูกแขนถูกทำลาย ทำให้มีเลือดไหลอาบทั่วแขน ห้อยโตงเตง
กระดูกแขนของเขาแหลกละเอียด ไม่สามารถยกแขนได้แล้ว
ทั้งแรงสั่นสะเทือนยังทำให้เขาต้องกระอักเลือดออกมาไม่หยุด พลังของเขานั้นน่ากลัวพอแล้ว แต่ว่าน่าเสียดายที่กระบี่ไร้สิ้นสุดได้ระเบิดพลังสองเท่าออกมา ทำให้ไม่มีใครสามารถต้านทานมันได้! แม้จะแค่สองเท่า แต่ถ้านับพลังรบ ก็เพิ่มขึ้นหลายล้าน
ตามจริงควรจะเป็น 15 ล้าน แต่กระบี่ไร้สิ้นสุดในตอนนี้รองรับได้เพียง 12 ล้านเท่านั้น ไม่อย่างนั้น ถ้าระดับพลังของเขาแข็งแกร่งขึ้น พร้อมกับกระบี่ไร้สิ้นสุดลั่นไกเอฟเฟ็กออกมา เขาจะไม่ท้าทายสวรรค์เกินไปหรอกเหรอ?
แต่ว่าน่าเสียดายที่มันเป็นไปไม่ได้ กระบี่ไร้สิ้นสุดมีขีดจำกัด นอกเสียจากจะยกระดับให้สูงกว่านั้น ไม่อย่างนั้นไม่มีทางระเบิดพลังที่มากกว่าออกมาได้อย่างแน่นอน
“เจ้า เจ้าต้องตาย!” หลินห้าวขยี้หยกปลดปล่อยพลังออกมา
จากนั้น ร่างเงาจักรพรรดิก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่ในขณะที่กำลังจะใช้ฝ่ามือเทพใต้พิภพออกมานั้น ร่างของอี้เทียนหยุนก็กระพริบวาบ พร้อมกับถีบเข้าใส่อย่างแรง “เปรี้ยง” ฝ่ามือเทพใต้พิภพยังไม่ทันถูกใช้ออก ร่างเงาจักรพรรดิก็ถูกอี้เทียนหยุนถีบจนร่างระเบิดออกมาเสียก่อน
เขาไม่จำเป็นต้องใช้กระบวนท่าหรือวิชาอะไรออกไปแม้แต่น้อย ด้วยพลังที่บ้าคลั่งของเขาในตอนนี้ เพียงแค่ลูกเตะธรรมดาก็สามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้อย่างอยู่หมัดแล้ว
“นอกจากท่านี้แล้ว ไม่มีท่าอื่นบ้างหรือไง?” อี้เทียนหยุนมองเขาอย่างเย็นชา
“ข้า ข้าคือต้าเฉินของอาณาจักรใต้พิภพ ถ้าเจ้าฆ่าข้า อาณาจักรใต้พิภพจะต้องบดขยี้วังเทียนจี๋ของเจ้าอย่างแน่นอน!” หลินห้าวร้องคำรามออกมา ต่อให้ความตายจะกรายเข้ามาใกล้ เขาก็ยังไม่ลืมที่จะขู่ออกไป
“พวกเจ้าสองคนนี่ราวกับหลุดมาจากพิมพ์เดียวกันจริงๆ ความตายกรายมาถึงศีรษะยังไม่ลืมที่จะขู่ออกมาอีก!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเย็นชา “เจ้าลงมือกับข้าได้ แต่ห้ามข้าตอบโต้อย่างงั้นเหรอ….. ยิ่งกว่านั้น เฉิงเฟิงข้าก็ฆ่ามาแล้ว แล้วคิดว่าข้ายังจะปล่อยเจ้าไปอย่างงั้นเหรอ? แล้วถ้าข้าปล่อยเจ้าไป อาณาจักรใต้พิภพจะไม่ทำลายวังเทียนจี๋ของข้าหรือไง ย่อมไม่ ไม่ว่าจะยังไง ตั้งแต่เริ่มแล้ว พวกเจ้าล้วนวางแผนที่จะบดขยี้วังเทียนจี๋ของเรา แล้วทำไมต้องพูดให้มากความอีก?”
สีหน้าของหลินห้าวซีดขาว เหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาไม่หยุด เขาเป็นถึงต้าเฉิน ยังมีอนาคตอีกไกล เขาต้องมาตายที่นี่จริงๆ เหรอ?
ทันใดนั้น แหวนของหลินห้าวก็เปล่งแสง พร้อมกับปรากฏยันต์ขึ้นบนมือเขา จากนั้น เขาก็ใส่พลังวิญญาณเข้าไปในยันต์แผ่นนั้น ตามมาด้วยแสงที่คลุมร่างเขา อึดใจต่อมา เขาก็กลายเป็นลำแสงบินออกไปด้านนอก ความเร็วที่ใช้ออกน่าตื่นตะลึก ไม่คิดว่าจะเป็นยันต์หลบหนีที่หาได้ยากนั้น ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วเป็นระยะเวลาสั้น ช่วยให้พวกเขาบินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
สิ่งนี้ให้ผลเฉกเช่นกับปีกฟีนิกซ์ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ยังห่างจากปีกฟีนิกซ์อีกไกล อย่างดีก็ช่วยเพิ่มความเร็วได้แค่ 50% เท่านั้น
“คิดหนี? ข้าบอกแล้วว่าวันนี้คือวันตายของเจ้า!” ในสายตาของอี้เทียนหยุนมีประกายเย็นชาวาบผ่าน สีหน้าเย็นชาถึงที่สุด ทันใดนั้น ในมือของเขาก็ปรากฏคันศรน้ำค้างแข็งเทวะ พร้อมๆ กับที่คันศรปรากฏขึ้น เขาก็ทำการน้าวคันศรไปยังทิศทางที่หลินห้าวหลบหนีไป
หลังจากน้าวคันศร เขาก็ปล่อยออกไปอย่างรวดเร็ว “ฟิ้ว” ลำแสงสีฟ้าอ่อนๆ ถูกยิงออกไป ทันใดนั้น ก็บินทะลุร่างของหลินห้าวที่อยู่ไกลๆ ในทันที พร้อมกับพลังแช่แข็งที่อยู่ในลูกศร ได้ทำการแช่แข็งร่างของหลินห้าวกลางอากาศ ทำให้ร่างของเขาหล่นลงพื้นจากแรง
“ปัง” เสียงกระแทกพื้นดังมา จากนั้นก็ไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นอีก
“ติ๊ง ท่านสังหารหลินห้าวสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 2.8 ล้าน, ค่าความคลั่ง 16,000, ค่าความชั่ว 300, ความชำนาญในการสลักอาคม 5,000! ได้รับวิชาดัชนีตัดชีพจร, วิชาคลุมฟ้า, บัตรค่าประสบการณ์ 10 เท่า, ยันต์เทวะ(หายาก), กระบี่หนักฉิงเทียน(ระดับจิตวิญญาณขั้นสูง), เกราะฉิงเทียน(ระดับจิตวิญญาณขั้นสูง), เกราะแข้งฉิงเทียน(ระดับจิตวิญญาณขั้นสูง)!”
“ติ๊ง ท่านได้สังหารศัตรูข้ามระดับ ได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มเติม 30 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, บัตรค่าประสบการณ์ 30 เท่า, สิทธิ์ในการสุ่มลอตเตอรี่รุ่นปรับปรุง 1 ครั้ง!”
เสียงรายงานดังขึ้นมา พร้อมกับเครื่องป้องกันหนึ่งชุด เหมาะที่จะเอามาแทนชุดเกราะหุ่นเทียนเสิ้งพอดี แต่รางวัลที่เพิ่มขึ้นมากลับน่าผิดหวังสุดๆ มันไม่ได้ช่วยเพิ่มเลเวลให้กับเขาแม้แต่เลเวลเดียว แต่กลับให้ค่าประสบการณ์มาแทน นี่ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก
แต่ไม่ว่าจะยังไง อย่างน้อยของรางวัลที่ได้ก็ถือว่ามาก รวมกับก่อนหน้านี้ที่สังหารเหล่าประมุขพวกนั้น ทำให้ของที่เขาได้มาในคราวนี้มหาศาลจริงๆ ทั้งยังเป็นของระดับสูง มันมีของดีจำนวนมาก และน้อยมากที่จะเป็นของระดับต่ำ
ยังไงก็ตาม การต่อสู้ข้ามระดับนั้น เขาที่สู้กับเหล่าประมุขที่มีระดับมากกว่าเขา 3-4 ระดับ กลับไม่ได้ยินเสียงประกาศ ระดับห่างกับเขาตั้ง 3 ระดับ ยังไม่เรียกว่าการต่อสู้ข้ามระดับอีกเหรอ?
“ดูเหมือนว่าอย่างน้อยต้องเป็น 5-6 ระดับขึ้นไป ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้ข้ามระดับ….” อี้เทียนหยุนส่ายหัว ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าการกำจัดประมุขพวกนั้นจะช่วยให้เขาได้รับรางวัลพิเศษ น่าเสียดายจริงๆ
ของรางวัลพิเศษแน่นอนว่าต้องเป็นของชั้นยอด ที่ดีที่สุดคือการเพิ่มเลเวลให้โดยตรง ค่าประสบการณ์ที่เขาต้องการในตอนนี้ระดับร้อยล้านขึ้น ถึงจะเพิ่มได้สัก 1 เลเวล ดังนั้นมันจะไม่ใช่ของดีได้ยังไง? แต่ใครจะรู้ว่าของรางวัลพิเศษที่ได้จะไม่ใช่อันนี้
อี้เทียนหยุนคิดมาถึงตรงนี้ก็ได้แต่เสียดาย แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นจึงได้หันไปมองผู้ฝึกตนที่เหลือด้วยสีหน้าเย็นชา เมื่อพวกเขาเห็นสีหน้าของอี้เทียนหยุน ในใจก็สั่นสะท้านโดยพลัน
ที่เหลืออยู่ตอนนี้ล้วนแต่เป็นพวกอ่อนแอ หากเทียบกับอี้เทียนหยุนแล้วก็มีแต่พวกอ่อนแอจริงๆ ก่อนหน้านี้พวกเขาพากันดูถูกว่าวังเทียนจี๋นั้นอ่อนแอ ตอนนี้ดูแล้ว พวกที่อ่อนแอจริงๆ แล้วเป็นพวกเขาเอง!
“ขอ ขอประมุขอี้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ พวกเรา พวกเราจะไม่พูดอะไรออกไปอย่างแน่นอน!”
“เรื่อง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา พวกเราถูกอาณาจักรใต้พิภพบังคับให้เข้าร่วม!”
พวกเขาพากันกลัวจนคิดอะไรไม่ออก มีมังกรดำตัวเขื่องยืนอยู่ด้านหลัง ทั้งมีอี้เทียนหยุนขวางอยู่ด้านหน้า แล้วอย่างนี้พวกเขาจะหนีได้ยังไง?
“แล้วที่พวกเจ้าเข้ามาล้อมพวกเราในตอนแรกล่ะ ไม่ใช่ว่าในใจมีความสุขมากหรอกเหรอ?” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ